“......”ขึ้นเงินเดือนสองเท่าเหรอ?คุณชายหมายความว่ายังไง?ก่อนที่ฉินฟั่งจะทันได้เข้าใจ คุณชายที่อยู่ปลายสายก็แอบไอเบา ๆ “เพื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจตะโกนใส่นาย ซูหราน เธอ......เป็นลม”ฉินฟั่งตกใจกับเรื่องที่คุณชายอธิบายมากจนทำให้เขาได้สติ ทันทีที่ได้ยินว่าซูหรานเป็นลมไป ท่าทีของเขาก็จริงจังขึ้นทันที“คุณผู้หญิงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” น้ำเสียงกังวลมากจนไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้ฟู่จิ้นหานรู้สึกประหลาดใจที่เขาเป็นห่วงซูหรานมากขนาดนี้ แววตาของเขาก็มีสัญญาณอันตราย แต่ในช่วงเวลาต่อมา ฉินฟั่งก็รีบอธิบายทันที “คุณผู้หญิงคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรัยคุณชาย ใครที่กล้าหาเรื่องเธอ ผม ฉินฟั่งคืนคนแรกที่จะไปปล่อยคนผู้นั้นไปแน่!” ความรู้สึกอันตรายในแววตาของฟู่จิ้นหานก็หายไป “งั้นก็ดี เริ่มจากตามหาคนที่สร้างปัญหาให้กับซิงหลานจิวเวลรี่เพราะตระกูลเย่ออกมาก่อน”“รับทราบครับ คุณชาย”ฉินฟั่งรับคำสั่ง ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในใจของเขาแทบจะเดือดปุด ๆคนเหล่านั้นกล้ามาทำให้คุณผู้หญิงปวดหัว เช่นนั้นเขาก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไปสำหรับฟู่ซือกรุ๊ปแล้ว ต่อให้จะเป็นตระกูลเย่ ฟู่ซือกรุ๊ปก็ไม่เคย
แต่ในไม่ช้า ซูหรานก็รู้สึกเสียใจทันทีที่ใช้วิธีนี้หลังจากที่ทุกอย่างจบลง ซูหรานก็รู้สึกว่ากระดูกของเธอแทบแตกสลายแต่สามีตัวพ่อกลับรู้สึกว่าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ซูหรานจ้องมองเขาในขณะที่ใจของเธอเริ่มขาดความสมดุล จากนั้นก็บังคับไล่เขาออกไปนอกห้อง แม้ว่าเขาจะทำตัวออดอ้อนอยู่นอกห้องแค่ไหน เธอเองก็ยังคงเฉยเมยอยู่ดีขณะที่ซูหรานกำลังนอนอยู่คนเดียวบนเตียง คำพูดของสามีตัวพ่อก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอเธออยากได้งานแต่งงานแบบไหน?เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอต้องการงานแต่งงานแบบไหน แต่ในเวลานี้ ในใจเธอกลับเริ่มมีความคาดหวังที่แสนจะเลือนลางขึ้นมาและฟู่จิ้นหานที่เพิ่งจะถูกไล่ออกจากห้องก็กำลังยืนอยู่นอกประตู แม้จะถูกกั้นด้วยประตู แต่ใบหน้าของเขากลับยังคงมีรอยยิ้มอยู่ ในเวลาแบบนี้ หากถูกจี้เยี่ยนโจวกับฉินฟั่งเห็นเข้า คงจะพากันตกใจจนขนลุกขนพองแน่ในหัวของเขากำลังนึกถึงท่าทางที่ดูมีเสน่ห์ของซูหรานเมื่อกี้อยู่ มันยิ่งทำให้เขากระตือรือร้นที่อยากจะจัดงานแต่งงานกับซูหรานมากขึ้นไปอีกเธอที่อยู่ในชุดแต่งงาน จะต้องสวยมากแน่นอน!ฟู่จิ้นหานคิดราวกับว่าเขาไม่อยากที่จะเสียเวลาอีกต่อไปแล้วเขารีบติดต่อผู้
“ใช่ครับ เซ็นชื่อครับ”ทุกคนต่างก็ยิ้มเพื่อเอาใจ และส่งมอบสัญญาที่เตรียมไว้มาให้เธออย่างเป็นเอกฉันท์ซูหรานเหลือบมองสัญญาแล้วยิ้มอย่างสุภาพ “ให้เซ็นอะไรเหรอคะ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนแข็งทื่อหนึ่งในนั้นรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาซูหราน “คุณซูครับ คุณอาจจะลืมไปแล้วใช่ไหมครับ? แน่นอนว่าต้องเป็นสัญญาความร่วมมือของพวกเราน่ะสิครับ ครั้งนี้ พวกเราจะไม่เซ็นสัญญากันแค่สองปีเท่านั้น แต่เป็นสัญญาสิบปี ภายในสิบปีนี้ พวกเราจะเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของซิงหลานจิวเวลรี่ครับ”“......”ซูหรานยังคงนิ่งเงียบในใจชายคนนั้นยังคงตื่นตระหนก เมื่อนึกถึงสิ่งที่หัวหน้าเขากำชับมา หากการเซ็นสัญญาวันนี้ล้มเหลว เขาจะถูกไล่ออก ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว เมื่อกี้ตอนที่พวกเขารออยู่ด้านนอกบริษัทซิงหลานจิวเวลรี่ ก็เพิ่งได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันมาด้วยเช่นกันการที่พวกเขามาที่นี่ ต่างก็พากันแบกรับคำสั่งตายของหัวหน้าตัวเองมาทั้งนั้นถ้าเซ็นสัญญาไม่สำเร็จก็ต้องไสหัวออกไปภายใต้ความเงียบของซูหราน ก็มีคนที่เริ่มเช็ดเหงื่อขึ้นมา“คุณซูครับ คุณช่วยดูหน่อยนะครับ ว่ามีปัญหาอะไรไหม? หากยังมีปัญหาอะไร พวกเราก็จะแก้ทันที แ
“ไสหัวไป!”นานมากกว่าเย่ซือเหยียนจะเรียกสติกลับมาได้เย่ถิงเซินไม่ว่าจะภายในหรือภานนอก ภาพลักษณ์เขามักจะเป็นคุณชายที่สง่างามและมีเกียรติ น้อยมากที่จะพูดจารุนแรงกับผู้อื่นเขาถึงขั้นตะโกนคำว่าไสหัวไปออกมาเลยเหรอ?เย่ซือเหยียนกัดฟันแน่น เดินออกจากห้องทำงานเย่ถิงเซินไปด้วยความไม่พอใจทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง เย่ถิงเซินก็ค่อย ๆ หลับตาเย่ซือเหยียนและทุกคนในออฟฟิศต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนที่ไปกดดันหุ้นส่วนเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่อันที่จริงเขาได้เตรียมพร้อมทุกอย่าเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดีและคนที่นำหน้าเขาไปหนึ่งก้าว นอกจากฟู่จิ้นหานแล้ว จะเป็นใครไปได้อีกฟู่จิ้นหาน......ความจริงใจที่ฟู่จิ้นหานมีต่อซูหราน มันเกินกว่าที่เขาคาดการเอาไว้จริง ๆ......เย่ซือเหยียนเดินออกมาจากบริษัทอัญมณีตระกูลเย่ ไม่ว่ายังไงในใจก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดีทำได้เพียงขับรถกลับวิลล่าตระกูลเย่เท่านั้นรถหยุดอยู่ด้านนอกของวิลล่า ภายในอาคารหลัก คุณท่านเย่เข็นรถเข็นออกมาจากในห้อง แววตาของเขามองไปที่ประตูอย่างคาดหวัง ราวกับว่าเขากำลังรอใครสักคนอยู่ณ ห้องนั่งเล่น ซูอินสังเกตเห็นสี
คำว่า “ภรรยา” ที่ออกจากปากฟู่จิ้นหานนั้น เป็นการเรียกที่ฟังดูลื่นหูและน่าพึงพอใจมากฉินฟั่งที่กำลังมองดูอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ:คำก็ภรรยา สองคำก็ภรรยา......คุณผู้หญิงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคือคุณชายสามฟู่ ถ้าหากรู้ความจริงขึ้นมา แล้วเกิดว่าเธอเตะคุณชายทิ้ง......ฉินฟั่งที่คิดแบบนั้น ก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะในใจแต่ใบหน้าของฟู่จิ้นหานที่เดิมทีเต็มไปด้วยความอบอุ่น จู่ ๆ สีหน้าก็กลับมืดมนลง ดวงตาของเขาจ้องมองไปทางฉินฟั่งอย่างเย็นชาฉินฟั่งตกใจนิดหน่อย ถึงขั้นตระหนกด้วยครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับพูดประจบไปว่า “คุณชายครับ คุณชายใสใจคุณผู้หญิงมากขนาดนี้ หากคุณผู้หญิงทราบว่าคุณชายเป็นคนทำให้ เธอจะต้องประทับใจแน่นอนครับ”ทันทีที่เขาพูดจบ ฟู่จิ้นหานก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณผู้หญิงอะไรกัน? เธอยังไม่รู้ไม่ใช่รึไงว่าฉันไม่ใช่คุณชายสามฟู่ หากว่าเธอรู้เข้า......”ฟู่จิ้นหานพูดยังไม่ทันจบ ดวงตาของกลับคมกริบราวกับใบมีด เขาจ้องมองฉินฟั่งอย่างดุเดือดทันใดนั้นฉินฟั่งก็ตระหนักได้ว่า สิ่งที่เขาเพิ่งจะบ่นในใจไปเมื่อกี้ ถูกคุณชายพูดออกมาแล้วจริง ๆ!เมื่อสัมผัสได้ถึง
ซูอินไม่เคยมีเจตนาดีต่อซูหรานเลยสักครั้งแต่ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นถึงหลานสาวของคุณปู่แท้ ๆเมื่อนึกถึงสถานการณ์ของซูหรานเมื่อไม่กี่วันก่อน เย่ถิงเซินก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า “หรานหราน ผมขอโทษนะ......”คำขอโทษนี้ ทำให้ซูหรานรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย“พี่เย่คะ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอบคุณพี่ พี่ช่วยฉันมาตั้งสองครั้งติดแล้ว แต่ว่านะคะพี่เย่ ฉันไม่อยากทำให้พี่ต้องลำบากใจ เรื่องหุ้นส่วน ฉันจะคิดหาวิธีเองค่ะ”สำหรับเย่ถิงเซิน เธอเข้าใจความลำบากใจของเขาเป็นอย่างดีคุณท่านเย่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโต ในใจของเขา คุณท่านเย่สำคัญที่สุด ในเมื่อคุณท่านเย่คือคนสำคัญ เช่นนั้นหลานสาวที่คุณท่านเย่ใส่ใจมากที่สุดก็สำคัญมากเช่นกันอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เย่ถิงเซินรู้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิด หัวใจของเขาก็กระตุกเล็กน้อย ร่องรอยของความรู้สึกผิดก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆในที่สุด เย่ถิงเซินก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ใช่ผมหรอก”ซูหราน “......”“ผมไม่ได้เป็นคนช่วยคุณ เรื่องหุ้นส่วนพวกนั้น เป็นฝีมือของคนอื่น” พอเย่ถิงเซินนึกถึงฟู่จิ้นหาน เขารู้สึกแปลกใจที่เขาช่วยซูหรานขนาดนี้ แต่
“จี้ไห่ ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นแล้วค่ะ” ซุนฉินพูดทั้งน้ำตา ท่าทีดูตื่นตระหนกและกลัวของเธอ ทำให้ซูจี้ไห่เริ่มหัวใจเต้นแรง“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ค่อย ๆ พูด......”ซูจี้ไห่เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันหรูกำลังจะจากไปอย่างไม่เต็มใจ และล้มเลิกความคิดที่จะตามไปลง และรีบกลับบ้านตระกูลซูณ วิลล่าตระกูลซูขณะที่ซูจี้ไห่มาถึง ตำรวจก็กำลังสอบสวนเกี่ยวกับสถานการณ์อยู่ทันทีที่เห็นซูจี้ไห่ ซุนฉินก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาทั้งน้ำตา และโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขาซูจี้ไห่สำรวจดูสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวิลล่า สภาพห้องถูกทำลายจนเละ ข้าวของทุกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีหลังจากที่ตำรวจจากไป ซุนฉินก็กัดฟันแน่น และร้องไห้ออกมา:“เป็นซูหราน จะต้องเป็นซูหรานแน่ ๆ ต่อให้พวกเขาจะทำลายกล้องวงจรปิด แต่ฉันก็รู้ว่าจะต้องเป็นเธอ จี้ไห่ หรือว่าเธอรู้เรื่องอะไรแล้วรึเปล่า ถึงได้มาแก้แค้นแทนแม่ของเธอ?”ซูจี้ไห่มองดูสิ่งเดียวที่ติดมากับกล้องวงจรปิด นั่นคือชายร่างสูงสองสามคนในชุดสูทสีดำในหัวเขานึกถึงภาพที่เขาเห็นตรงใต้ตึกไป๋ลี่ เขานึกถึงคนกลุ่มนั้น ไม่นานเขาก็เริ่มเชื่อแล้วว่าเป็นฝีมือของซูหรานจริง ๆแต่ว่า......
ซูหรานตกใจกับเสียงนั้น จู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน และหันหลังกลับตามเสียงทันทีแต่ด้านหลังของเธอกลับมีฉากกั้นขั้นเอาไว้อยู่ ซูหรานมองผ่านฉากกั้นนั้น แต่ก็เห็นแค่เงาราง ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมดขณะที่เธอกำลังจะเดินไปหา เสียงของคุณชายสามฟูก็ดังขึ้นอีกครั้ง:“คุณซู กรุณานั่งลงครับ”เสียงทุ้มต่ำที่มาพร้อมกับแรงกดดันซูหรานขมวดคิ้วกรุณานั่งงั้นเหรอ? นั่งตรงนี้ได้เลยใช่ไหม?ดูเหมือนซูหรานจะรู้สึกโล่งใจมาก หากไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคุณชายสามฟู่ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี“ขอบคุณค่ะ คุณชายสามฟู่”ซูหรานนั่งลง และขอบคุณที่เขาจัดที่นั่งเอาไว้แบบนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังมีระยะห่างเพื่อความปลอดภัยอยู่ ต่อให้เขาต้องการที่จะทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรขึ้นมา เธอก็ยังพอมีเวลาให้โต้ตอบอยู่บ้างฟู่จิ้นหานไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้เขาเหลือบมองการจัดการโดยรอบด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบดอกไม้ชมพู ๆ หวาน ๆ แบบนี้ก็เถอะ แต่ซูหรานจะต้องชอบเป็นแน่แล้วก็ยังมีนักไวโอลินนั่นอีก......ฟู่จิ้นหานดีดนิ้ว เสียงไวโอลินอันไพเราะก็ดังขึ