ซูจี้ไห่ชะงักไป ซูหรานจ้องมองเขา เขาก็ไม่กล้าโกหก "ไม่...ไม่ใช่ครับ""งั้นใครให้คุณมาล่ะ?" คุณปู่เย่เสียงสูงขึ้นเล็กน้อยพร้อมกันนั้น ท่านมองไปทางหนึ่งสายตานั้นทำให้เย่ซือเหยียนใจสั่น กลัวว่าซูจี้ไห่จะบอกชื่อเธอออกมา"ผม...ผม..." ซูจี้ไห่ไม่กล้าเอ่ยชื่อคุณหนูใหญ่เย่ ได้แต่มองซูหรานขอความช่วยเหลือ "หรานหราน..."เขาหวังว่าซูหรานจะช่วยให้เขาลงจากต้นไม้ได้เขาเชื่อว่าแค่ซูหรานเอ่ยปาก คุณปู่เย่ไม่เพียงจะไม่กดดันเขา แต่อาจจะให้เกียรติเขาด้วยซ้ำซูหรานขมวดคิ้ว เธอไม่อยากทำลายบรรยากาศงานเลี้ยงแต่เธอก็รู้ดีว่าซูจี้ไห่มีเจตนาอะไร เธอไม่อาจปล่อยให้เขาใช้ชื่อตระกูลเย่ไปหลอกลวงคนอื่นได้แน่นอนซูหรานยกแก้วเหล้า ยิ้มให้ทุกคนในงาน "ขอโทษด้วยนะคะ แม้ฉันจะนามสกุลซู แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณซูจี้ไห่คนนี้แล้ว อาจเป็นเพราะฉันไม่ค่อยรู้ความ ทำให้เขาไม่พอใจ เมื่อหลายเดือนก่อน เขาก็ไล่ฉันออกจากบ้านตระกูลซูแล้ว"ซูหรานไม่กลัวว่าเรื่องพวกนี้จะทำให้เธอเสียหน้ากระแสสังคมมักจะเข้าข้างคนที่ถืออำนาจในการพูด เธอขอบคุณตระกูลเย่ที่ให้อำนาจในการพูดกับเธอแน่นอน คนในงานเริ่มกระซิบกระซาบกัน"คุณหนู
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังสามารถทำให้คุณท่านเย่ทำลายซิงหลานจิวเวลรี่ของซูหรานทิ้งได้อีกด้วย!พอคิดแบบนั้นแล้ว ในใจซูอินก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและหลังจากที่ปลอบใจซูจี้ไห่สองสามประโยคแล้ว ซูอินก็วางสายไป ขณะที่เธอเดินออกจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงครึกครื้นของงานเลี้ยงค็อกเทลดังขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงของเย่ถิงเซิน:“คุณปู่ครับ คุณปู่กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะครับ ผมจะดูแลหรานหรานเอง”“ปู่แก่แล้ว อันที่จริงร่างกายนี้ก็......ถิงเซิน ปู่มักจะคิดว่าหรานหรานเหมือนกับอาของหลานมาก เพราะงั้นหลานจะต้องดูแลเธอแทนปู่ให้ดี ๆ อย่าปล่อยให้เธอถูกคนรังแกโดยเด็ดขาด”คุณท่านเย่กำชับเป็นพิเศษพอเอ่ยถึงซูหราน น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงมาก เห็นได้ชัดว่ามันเต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดูการดูแลที่เขาพูดถึง ไม่ใช่แค่การดูแลเธอในคืนนี้เท่านั้นเย่ถิงเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง พร้อมกับให้สัญญาอีกครั้ง “คุณปู่วางใจเถอะครับ ผมจะต้องดูแลเธอให้ดีแน่นอนครับ”“ดี มีหลานอยู่ ปู่ก็สบายใจ” คุณท่านเย่ถอนหายใจ และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “ปู่กะว่า จะยกบริษัทอัญมณีตระกูลเ
“ขึ้นรถ”เสียงของสามีตัวพ่อดังขึ้นจากนั้นฉินฟั่งก็เปิดประตูรถให้ ซูหรานรีบขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งผู้โดยสาร ทันทีที่ประตูรถปิดลง รถก็เร่งความเร็วแล้วขับออกไปต่อให้รถคันนั้นจะเร็วราวกับสายลม แต่เซียวหยุนเจินก็ยังจำรถคันนั้นได้อยู่ดี เป็นรถของคุณชายสามฟู่ในตอนนั้นและเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่เห็นทุกคนที่วิ่งตามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เห็นฉากนั้นด้วยเช่นกัน“คนในรถเมื่อกี้คือใครกัน?”“รถแล่นเร็วเกินไป เลยเห็นไม่ชัด แต่ว่านะ คนที่อยู่ตรงนั้น......เหมือนว่าฉันจะรู้จักเขานะ”มีคนมองไปทางฉินฟังที่ยืนอยู่ริมถนน“รู้สึกว่าเขาจะเป็นผู้นำของ......เออ ใช่ ผู้นำบริษัทชิงอวิ๋นของฟู่ซือกรุ๊ป”“ผู้นำบริษัทชิงอวิ๋นงั้นเหรอ? ผู้นำบริษัทชิงอวิ๋นของฟู่ซือกรุ๊ป แต่ไหนแต่ไรหน้าที่ของเขาก็คือคนที่คอยคุ้มครองผู้มีอำนาจของฟู่ซือกรุ๊ปด้วยตัวของเขาเอง ที่เขามาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าคนที่อยู่ในรถเมื่อกี้นี้จะเป็น......”“คะ......คุณชายสามฟู่......” จะต้องเป็นคุณชายสามฟู่แน่ ๆ!แต่ทำไมคนอย่างคุณชายสามฟู่ถึงได้ขับรถที่มันธรรมดาขนาดนั้นกันล่ะ?แถมยังพาตัวซูหราน ผู้อำนวยการฝ่ายการออกแบบคนใหม่ของบริษัทอัญมณ
ซูหรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงใบหน้าที่หล่อเหลาของสามีตัวพ่ออยู่ใกล้แค่เอื้อม ภายใต้การจ้องมองของเขา ท่าทางการปิดปากของเธอก็ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดซูหรานไอเบา ๆ พร้อมกับเอามือออกเธอปรับสีหน้าใหม่ แล้วพูดขึ้นว่า “แล้วจู่ ๆ คุณจะเข้ามาใกล้ทำไม?”แววตาที่ดูลึกล้ำของฟู่จิ้นหานกำลังมองริมฝีปากสีแดงสดของเธอ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้น เขาอดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปจูบเธอ“วู้......”ดวงตาของซูหรานเบิกกว้างด้วยความตกใจหลังจากในหัวของเธอขาวโพลนไปชั่วขณะ เธอก็ได้สติคืนมา นี่เขาจูบเธอแล้วจริง ๆแต่เมื่อกี้เขาก็บอกชัดเจนแล้วนี่ ว่าเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะจูบเธอ แล้วทำไมตอนนี้เขาถึง......ซูหรานที่ลืมหลับตาลง ก็เหมือนว่าเธอจะกำลังใช้สมาธิจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาอยู่......ใบหน้านี้นี่มัน......หายนะชัด ๆ!ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นเอง ฝ่ามือใหญ่ก็เอื้อมมาปิดตาของเธอลงซูหรานตกใจเล็กน้อย แต่ครู่ต่อมา ในที่สุดชายคนนั้นก็ปล่อยเธอ และเอาหัวซบลงบนไหล่ของเธอ“คุณ......”“คุณ......”ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูแปลก ๆ ทันใดนั้นทั้งคู่ก็พูดขึ้นมาพร้อมกันเ
ซูหยินลดระดับคิ้วลง ราวกับว่าเธอไม่กล้าทำอะไรผิดพลาดต่อหน้าเย่ซือเหยียนแต่สำหรับข้อเสนอของเธอ เย่ซือเหยียนยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่ดีสิ่งเดียวที่ซูอินทำได้ คือเพิ่มปัญหาให้กับซูหรานแต่ในความเป็นจริง เธอแทบจะทำอะไรซูหรานไม่ได้เลยแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอต้องการทำกลับแตกต่างออกไปพอคิดแบบนั้นแล้ว เย่ซือเหยียนก็กลับอารมณ์ดีขึ้นมา “ในเมื่อเธอได้มาพักที่นี่แล้ว ก็เล่นให้สนุก วิลล่าตระกูลเย่แห่งนี้ไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามาพักได้นะ”หลังพูดจบ เย่ซือเหยียนก็กำลังจะเดินจากไปแต่เพิ่งจะเดินไปถึงประตู เย่ซือเหยียนก็นึกอะไรขึ้นได้ จู่ ๆ ก็หันกลับมาหาซูอิน “จะให้ฉันเรียกซูหรานกลับมาให้ไหม? ทำให้เธอตกใจสักหน่อย!”ซูหรานจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเธอเห็นว่าซูอินย้ายเข้ามาอยู่ในวิลล่าตระกูลเย่?จู่ ๆ เย่ซือเหยียนก็อยากจะเห็นฉากนั้นแต่ซูอินกลับรู้สึกกังวลว่า หากการที่ซูหรานกลับมาจะสร้างปัญหาให้กับเธอล่ะ ดังนั้นเธอจึงยังไม่อยากรีบเท่าไหร่ “มะ......ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวถ้าพี่เขาอยากกลับมา ก็คงกลับมาเองนั่นแหละค่ะ”ทางที่ดีก็ควรรอจนกว่าคุณท่านเย่จะพูดยืนยันตัวตนของเธอก่อนเมื่อถึงเวลานั้น เธอ
รอยสักบนแผ่นหลังของซูอิน เหมือนกับลวดลายบนตราประทับทุกประการตราประทับนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ภรรยาของเขา ที่ซึ่งเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเหยียนเหยียนทิ้งเอาไว้ให้ในตอนนั้น เขาเองก็ใช้ตราประทับนั้นเพื่อยืนยันตัวตนของเหยียนเหยียน และพาเหยียนเหยียนกลับตระกูลเย่เพียงแต่ในปีนั้น ความขัดแยกระหว่างเขากับเหยียนเหยียนก็ปะทุขึ้น จนทำให้เหยียนเหยียนต้องหนีออกจากบ้านอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่พบร่องรอยของเธออีกเลยแต่ร่างกายของซูอินกลับมีรอยสักลวดลายเดียวกับตราประทับ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?“เป็นเธอ ฉันเจอเธอแล้ว......” สีหน้าของคุณท่านเย่ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมากพ่อบ้านที่อยู่ข้าง ๆ เองก็ไม่สามารถซ่อนความสุขของเขาเอาไว้ได้เช่นกัน “สวรรค์ช่างมีตาจริง ๆ คุณท่านครับ อิงตามอายุของคุณหนูซูแล้ว ตอนที่เธอเกิด น่าจะเป็นตอนที่คุณหนูเหยียนเหยียน......”“ใช่ ลูกสาวของเหยียนเหยียน จะต้องเป็นลูกสาวของเหยียนเหยียนแน่นอน......”เดิมทีคุณท่านเย่ยอมแพ้ไปแล้ว เขาคิดว่าที่พระเจ้าลิขิตให้เขาได้เจอกับซูหราน ถือว่าเป็นการไถ่ถอนบาปของเขาแล้วแต่คิดไม่ถึงเลยว่า สวรรค์จะยังเมตตาเขาอยู่เขาตามหาลูกสาวของเหยียนเหยีย
เมื่อซูหรานได้ยินน้ำเสียงนั้น เธอก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงรีบถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าคุณปู่เป็นอะไรรึเปล่า?”“คุณกลับมาก่อนเถอะ”เย่ถิงเซินไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น เขาก็ดูกังวล และพูดต่อว่า “ผมจะไปรับคุณเอง”หลังพูดจบ เย่ถิงเซินก็วางสายโทรศัพท์ไปซูหรานจ้องมองโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกงุนงงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงได้ทำให้เย่ถิงเซินกังวลได้มากขนาดนี้?ซ่งอวี่หมิงสังเกตเห็นความผิดปกติบนสีหน้าของเธอ “คุณซูคะ มีอะไรรึเปล่าคะ?”ซูหรานกระตุกริมฝีปากของเธอ “เปล่าค่ะ แต่ว่า คุณหนูซ่งคะ ฉันน่าจะอยู่กับคุณต่อไม่ได้แล้วค่ะ ส่วนเข็มกลัดนี่ ฉันจะรีบทำออกมาให้คุณโดยเร็วที่สุดนะคะ พอถึงตอนนั้น ฉันจะติดต่อให้คุณมารับเองค่ะ”ซูหรานกล่าวไปพลาง เก็บข้าวของบนโต๊ะไปพลาง“อ๋อ ค่ะ งั้นคุณจัดการธุระก่อนเถอะค่ะ” ซ่งอวี่หมิงไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไปมากกว่านี้ก่อนจะเดินออกไป เธอก็เหลือบมองซูหรานด้วยความกังวลในขณะเดียวกันนี้เอง เย่ซือเหยียนที่เพิ่งจะได้รับคริสตัลสีทับทิมมาจากเซียวหยุนเจิน ก็แทบรอไม่ไหวที่จะใช้คริสตัลสีทับทิมเม็ดนั้นสร้างเครื่องประดับออก
“พี่คะ”เสียงของซูอินที่ไม่ได้ดังหรือบาจนเกินไปก็ลอยเข้ามาในหูของซูหราน จนซูหรานเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแล้วที่นี่คือวิลล่าตระกูลเย่ ซูอินจะมาอยู่ที่วิลล่าตระกูลเย่ได้ยังไง?เธอจึงเพิกเฉยต่อเสียงนั้น แต่ไม่นานซูอินก็เรียกออกมาอีกครั้ง:“พี่คะ......”ซูหรานขมวดคิ้ว แล้วค่อย ๆ หันศีรษะของเธอไปช้า ๆ ทันทีที่เธอสังเกตเห็นซูอินที่อยู่หลังโซฟา เธอก็ขมวดคิ้วทันทีสำหรับครอบครัวของซูจี้ไห่และซูอิน เดิมทีซูหรานก็รู้สึกรังเกียจมากพออยู่แล้วดังนั้น เมื่อเธอเห็นว่าซูอินอยู่ที่วิลล่าตระกูลเย่ ซูหรานจึงเริ่มตั้งรับโดยสัญชาตญาณ “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”น้ำเสียงของเธอที่เปล่งออกมาค่อนข้างดัง ราวกับต้องการจะทำให้ซูอินตกใจซูอินหดตัวอย่างเห็นได้ชัด ราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยที่หวาดกลัว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัวที่มีต่อซูหราน และด้วยความกลัวนั้น ก็ดูเหมือนเธอยิ่งอยากจะเดินเข้าใกล้ซูหรานมากกว่าเดิม“พี่คะ ฉัน......ฉันคิดถึงพี่ค่ะ ดังนั้นงานเลี้ยงต้อนรับของพี่ในวันนั้น ฉันก็เลยแอบไปที่งาน พี่คะ วันนั้นหนูมองพี่จากที่ไกล ๆ พี่สวยมากเลยนะคะ พี่มีความสามารถมากขนาดนั้น พอได้ทำงานที่บริษัทอัญมณ