“ไห่หลิง หงหลินต้องไปทำงานทุกวัน เขายุ่งและเหนื่อยกับงาน เขาหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ทั้งเลี้ยงเธอและหยางหยาง เธอเป็นภรรยาของเขาและควรดูแลเขาให้ดี จะให้หงหลินทำงานบ้านได้อย่างไร?"“หงหลินบอกจะใช้ระบบหารครึ่งกับเธอเพียงเพราะเขาไม่อยากให้เธอใช้เงินฟุ่มเฟือยแค่นั้นเอง สามีภรรยาจะอยู่ด้วยกันด้วยจะคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ได้ยังไง? รีบไปทำความสะอาดโต๊ะและอย่าทำให้หงหลินโกรธ เขาเหนื่อยมากพอกับทำงานข้างนอกแล้ว เธอต้องมีน้ำใจและเกรงใจเขาบ้างนะ”พี่โจวคล้อยตามคําพูดของแม่เธอว่า "ก็คือเธอไม่ได้ไปทํางาน แค่อยู่บ้านดูแลหยางหยาง ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า ค่าบ้านล้วนเป็นเงินของหงหลิน คุณยังคิดจะให้หงหลินทํางานบ้านอีกเหรอ?"ไห่หลิงออกมาจากห้องครัว เดินไปที่มอเตอร์ไซค์ของเล่นเด็กและอุ้มลูกชายขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า "ฉันไม่มีงานทํา ไม่มีรายได้ เลี้ยงลูกอยู่บ้าน อาศัยหงหลินหาเลี้ยง แต่เขากลับต้องการใช้ระบบ หารครึ่งกับฉัน นี่หมายความว่าอะไรคะ?""ได้ค่ะ งั้นจะเอาระบบหารครึ่ง ก็เอาระบบหารครึ่งไม่ว่าจะเป็นของใช้ในบ้านหรืองานบ้าน ก็ต้องใช้ระบบ หารครึ่ง ต่างคนต่างทําของตัวเอง พวกคุณบอกว่าฉันอยู่บ้านเลี้ยงลูกมั
พี่โจวพูดต่อ "ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน จะบอกว่าเป็นบ้านอยู่ในเขตการศึกษาก็ไม่แปลก"“โดยปกติแล้วให้ไห่หลิงดูแลเด็กสองคน ซักผ้าและทำอาหารให้พวกเขา ค่าอาหาร…”โจวหงหลินรับพูด "พี่ นั่นคือหลานสาวแท้ๆ ของผม ไม่ต้องจ่ายค่าอาหาร ผมช่วยหาคนมาช่วยเด็กสองคนทําเรื่องการย้ายโรงเรียน แล้วย้ายมาที่นี่ ทุกวันจะไปโรงเรียนก็ให้ไห่หลิงไปรับไปส่ง ยังไงเธออยู่บ้านว่างๆ "พี่โจวและสามีมีความสุขมาก เมื่อเห็นว่าน้องชายเห็นด้วยทันทีแม่โจวกลับเตือนลูกชายว่า "หงหลิน เรื่องนี้แกต้องปรึกษากับไห่หลิงให้ดี ไม่ว่ายังไงกับบ้านหลังนี้ เธอก็มีส่วนรวมด้วย"จากนั้นเธอก็พูดกับลูกสาวว่า “ได้ยินมาว่าไม่ใช่จะมาเรียนประถมที่นี่ แล้วสามารถมาที่เข้าเรียนมัธยมต้นได้เลย แกต้องย้ายทะเบียนบ้านมาที่นี่ บ้านที่แกอยู่ตอนนี้ไม่ถือเป็นชนบทแต่เป็นชานเมือง โรงเรียนรอบๆ บริเวณก็ไม่เลว ตอนนั้นแกสองพี่น้องก็เรียนโรงเรียนเหล่านั้น ก็เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ?”คนแก่แบบเธอรู้สึกว่าตราบใดที่ลูกเรียนหนังสือเก่ง เรียนโรงเรียนไหนก็ไม่ต่างกัน"ใช่แล้ว แม่เตือนฉันก่อน หงหลิน เอาแบบนี้ไหม ฉันจะย้ายทะเบียนบ้านของลูกสองคนไปยังทะเบ
ทั้งครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อกินแตงโมและดูทีวีอยู่พักหนึ่งก่อนที่บ้านโจวจะเข้าไปในห้องนอน เพื่อพักผ่อนพวกเขาจะอยู่ที่นี่สักสองสามวันตอนนี้ไห่ถงย้ายออกไปแล้ว ยังมีห้องว่างอีกห้อง ซึ่งเพียงพอให้ครอบครัวโจวอยู่ได้ในเมื่อไม่มีไห่ถงช่วยทำงานบ้าน ไห่หลิงต้องดูแลลูก ซื้อกับข้าว และยังต้องทำอาหารอีก บ้านหลังนี้จึงไม่รู้สึกสะอาดและเป็นระเบียบอีกต่อไปก่อนเข้าห้อง พี่โจวเรียกน้องชายของเธอด้วยเสียงเบาๆ และพูดกับเขาว่า "ไห่ถงและสามีซื้อของมามากมาย เมื่อกี้ไห่หลิงโกรธจึงถือของทั้งหมดไปในห้อง ฉันแอบเห็นในถุงมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย"“มีบุหรี่ดีๆ และเหล้าดีๆ แกไปหยิบเอามาให้พี่เขยหน่อย ไห่หลิงไม่สูบบุหรี่และดื่ม พี่เขยมักจะไม่ค่อยได้สูบบุหรี่ดีๆ ยังมีพ่ออีกไม่ค่อยจะเคยได้กินเหล้าดีๆ แกไปเอาเหล้าให้พ่อด้วย”โจวหงหลินหัวเราะเบา ๆ ก่อนแล้วพูดว่า "พี่ ดูพูดเข้า ถ้าชอบก็แค่เอาไป แต่ตอนนี้รีบไปช่วยลูกอาบน้ำก่อนแล้วพาเข้านอน คืนวันพรุ่งนี้ผมจะไม่ไปพบปะสังสรรค์กับลูกค้า เดี๋ยวจะพาพวกพี่ไปขับรถเที่ยว”"โอเค"พี่โจวยิ้มแล้วเดินกลับห้องไปอย่างพึงพอใจโจวหงหลินผลักประตูเปิดเข้าไปข้างใน หยางหยางหลับไปแล
เธอพูดอย่างเย็นชาว่า "โจวหงหลิน ตอนนี้ฉันแลลูกของเราอยู่ที่บ้าน คุณคิดว่าฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ที่รู้แต่เรื่องกิน รู้จักแค่ใช้เงิน และไม่สามารถหาเงินได้ นั่นก็เป็นลูกชายที่ฉันคลอดออกมา ฉันจะทนอยู่เพื่อความสุขของลูกชายของฉัน”“แต่ลูกสองคนของพี่สาวคุณไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉัน ฉันช่วยเธอดูแลลูกไม่ได้! ยังมีอีกคุณให้เธอย้ายชื่อลูกๆ มาไว้ที่ทะเบียนบ้านนี้ ใครที่จะได้รับผลกระทบรู้ไหม? ก็คือหยางหยางลูกเราที่จะไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียน”"ใบรับรองทรัพย์สินโอนให้เป็นชื่อพี่สาวคุณ ใบรับรองนั้นเดิมไม่มีชื่อฉันอยู่แล้ว คุณต้องโอนชื่อเจ้าของบ้าน มันก็เป็นเรื่องของคุณ แต่ถ้าในอนาคตจะเอาบ้านคืนไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของคุณอีก แต่ก่อนที่คุณจะโอนบ้านให้พี่สาวของคุณ คุณต้องเอาค่าตกแต่งบ้านที่ฉันออกเงินไป มาคืนให้ฉัน"“ฉันกลัวว่าเมื่อถึงตอนนั้นบ้านหลังนี้จะกลายเป็นของพี่สาวคุณ เงินที่ฉันออกค่าตกแต่งไปจะได้คืนสักสลึงเดียว”สีหน้าของโจวหงหลินมืดลงทันที“ผมสัญญาว่าจะให้เงินค่าใช้จ่ายกับคุณมากขึ้น โอเคใช่ไหม? ยังไงคุณก็อยู่บ้านทำอาหารให้ลูกอยู่แล้ว คุณแค่เพิ่มดูแล อีกหนึ่งหรือสองเ
โจวหงหลินโกรธมากจนอยากจะลงไม้ลงมือ โดยไม่คาดคิด ไห่หลิงก็หันกลับมาและเห็นเขายกกำปั้นขึ้นสูง แววตาของไห่หลิงเย็นชาและพูดอย่างดุเดือด "ถ้าคุณกล้าตีฉัน ฆ่าฉันซะจะดีกว่า ไม่งั้นคุณจะไม่มีทางข่มตานอนหลับลงแน่!"ก่อนหน้านี้ เธออดทนกับโจวหงหลิน ทั้งด่าทอและลงมือเพื่อครอบครัวนี้ เพื่อลูกชายของเธอ และด้วยความรักที่เธอมีต่อสามีของเธอ แต่หลังจากที่โจวหงหลิน ยืนกรานในระบบ AA หัวใจของไห่หลิง ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชาเธอเคยทำงานในบริษัทเดียวกับโจวหงหลิน และตระหนักดีถึงรายได้ต่อเดือนของโจวหงหลิน ในตำแหน่งผู้จัดการก็หลายแสนบาทต่อเดือนแต่เขาให้เงินเธอแค่ 15,000 บาทเป็นค่าใช้จ่ายและปฏิเสธที่จะให้เงินเธอเพิ่มอีก!ใจของเธอจะไม่เย็นชาอย่างไร เพราะเธอยังต้องทำข้อตกลง AA กับเขา?เมื่อหัวใจของเธอเย็นชาลง เธอจะไม่แสร้งทำตัวเป็นเหมือนก้อนหินเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และโจวหงหลินทำไรมาก็จะทำแบบนั้นตอบกลับหาก โจวหงหลินกล้าใช้ความรุนแรงกับเธออีกครั้ง เขาไม่ควรเผลอหลับไป ไม่อย่างนั้นเธออาจจะตัดมือสองข้างของเขาออกโจวหงหลินรู้สึกขนหัวลุกกับแววตาอาฆาตของภรรยาและคำพูดที่น่ากลัวของภรรยาทำให้เขาหุบกำปั้นลงและ
ไห่ถงหันหน้าไปมองเขา และจ้านหยินก็มองเธอเช่นกันสามีภรรยาสบตากันหลังจากนั้นไม่นาน จ้านหยินก็ดีดหน้าผากของเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า "มองผมแบบนี้ คุณกำลังสงสัยในความน่าเชื่อถือของสิ่งที่ผมพูดเพิ่งพูดไป? ไห่ถง ตราบใดที่พี่สาวมีเหตุผล เราทุกคนก็สามารถยืนหยัดเพื่อเธอได้!"ตระกูลจ้านของพวกเขามีประเพณีครอบครัวที่ยอดเยี่ยม และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็มีความรักเช่นกัน เขาไม่เคยเห็นผู้ชายในครอบครัวรังแกภรรยาของเขามาตั้งแต่เด็กคุณพ่อบอกว่า ผู้ชายที่รู้แต่รังแกภรรยานั้นเลว!"คุณจ้านคะ""ครับ"ไห่ถงถามอย่างไม่ลังเล "ฉันอยากจะซบไหล่ของคุณค่ะ"จ้านหยินลังเล“วางใจได้ มันจะไม่เอาเปรียบคุณมากเกินไปหรอก”ไห่ถงพูดกับตัวเอง หัวของเธอพิงไหล่ของเขา รู้สึกถึงความตึงชั่วขณะของเขา เธอไม่คุ้นเคยกับมัน แต่เธอแค่อยากหาที่จะพักใจได้ในขณะนี้รู้สึกเหมือนมีที่พึงพา มันเยี่ยมจริงๆ!จ้านหยินชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะคลายความกังวล แม้ว่าเขาจะไม่ชอบให้เธอเข้าใกล้ แต่เขาก็ไม่ได้ผลักเธอออกไป มือของเขาเหมือนทำอะไรไม่ถูก และเขาไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ที่ไหน การเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติของเขา ทำให้ไห่ถงรู้สึกขบขันทันใดนั้นเธ
จ้านหยิน "..."เมื่อจ้องมองเธอครู่หนึ่ง จ้านหยินพูดอย่างเฉยเมยว่า "มันดึกมากแล้ว รีบกลับห้องของคุณแล้วพักผ่อน อย่ามานอนที่นี่อีก ตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างหนาว ถ้าเป็นหวัดและเป็นคุณที่รำบาก ”หลังจากพูดแล้วเขาก็หันหลังกลับและเดินจากไปในไม่ช้า ไห่ถงก็ได้ยินเสียงเขาปิดประตูและล็อคมันไห่ถงหัวเราะเบา ๆ และพึมพำ "คุณล็อคประตูด้วยซ้ำ ป้องกันใครล่ะ?"จ้านหยิน: ป้องกันคุณนั้นแหละ!จ้านหยินที่กลับมาที่ห้องก็เข้าไปในห้องน้ำแทนที่จะรีบอาบน้ำ แต่เขายืนอยู่หน้ากระจกและมองดูตัวเองในกระจกแทน ใบหน้าของยังคงมีแดงอยู่ และเมื่อกี้หน้าแดงมากยกมือขึ้นลูบใบหน้า ถูบริเวณที่ไห่ถงสัมผัสมาสองสามครั้ง นึกถึงความรู้สึกที่เธอสัมผัสเขามือของเธออ่อนนุ่มและเบามือ เธอเพิ่งสัมผัสพวกเขาและรู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านเมื่อเปิดก๊อกน้ำ จ้านหยินก็ล้างหน้าเมื่อคิดถึงปฏิกิริยาของเขาในตอนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพึมพำกับตัวเองว่า "ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยให้ใครแตะหน้าฉันเลย"เมื่อเขาโตขึ้น เขาจริงจังและเย็นชามากจนไม่มีใครกล้าแตะหน้าเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังคอยมีบอดี้การ์ดล้อมรอบตัว ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับหญิงสาวที่จะเ
เมื่อมองไปที่สวนเล็กๆ บนระเบียงตรงหน้าของเขา จ้านหยินพูดอย่างใจเย็นว่า "ในอนาคตเปลี่ยนมาอยู่วิลล่า คุณสามารถปลูกกุหลาบได้ทั่วทั้งสนาม เมื่อพวกมันเลื้อยขึ้นกำแพงและบานสะพรั่ง นั่นจะเรียกว่าสวย"ไห่ถงยิ้มและกล่าวว่า "ราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันก็เหมือนกับการนั่งบนจรวดที่พุ่งทะยานเกินความคาดหมาย ฉันไม่สามารถแม้แต่จะระดมเงินก็ยังได้ไม่มามากพอที่จะซื้อคอนโด ฉันกล้านึกถึงวิลล่าได้ยังไง?"แน่นอน คิดก็คิด แต่มันเป็นแค่ในฝันถ้ามีเงิน ใครบ้างไม่อยากอยู่วิลล่า? ไม่ต้องได้รับความกระทบจากเพื่อนบ้านอีกการใช้ชีวิตในบ้านแบบนี้ต่างหาก ที่มีเสียงรบกวนทั้งชั้นบนและชั้นล่าง มากหรือน้อยก็จะได้รับผลกระทบทั้งนั้นจ้านหยินเงียบไปบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ปัจจุบันถูกซื้อชั่วคราวเพื่อแต่งงานกับเธอก่อนหน้านี้เขาเคยอาศัยอยู่ในวิลล่าหลังใหญ่มาโดยตลอด“คุณจ้าน คุณไปกินข้าวเช้าก่อนเถอะ ฉันจะรดน้ำดอกไม้ให้เสร็จก่อนกินข้าว”จ้านหยินพยักหน้าและหันกลับไปที่ห้องโถงอาหารเช้าของไห่ถงนั้นเรียบง่ายมาก แต่เธอจะเปลี่ยนเมนูทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เบื่อ ทักษะการทำอาหารของเธอก็ดีเช่นกัน แม้แต่ชามข้าวต้มกับผักเค็มเ