เมื่อมองเขาสักครู่หนึ่ง ไห่ถงก็โอบคอเขาอย่างช่วยไม่ได้ ดึงหัวลงแล้ว จูบบนริมฝีปากสีแดงหลังจากที่ได้รับการจูบจากภรรยา จ้านหยินก็มีความสุขมาก มือข้างหนึ่งจับกระเป๋าเดินทางและอีกมือหนึ่งจับมือของไห่ถง สองสามีภรรยาก็ออกไปด้วยกันคุณยายจ้านกำลังรอสองสามีภรรยายู่ชั้นล่างคนที่พูดคุยกับคุณยายจ้านคืออาชีวันนั้นเขาช่วยไห่หลิงย้ายบ้าน หลังจากที่ถูกไห่ถงจำได้ อาชีเลยบอกว่าตราบใดที่มีเงินจ้าง เขาสามารถทำงานอะไรก็ได้ ถ้าเขาเจอไห่ถงอีก อาชีไม่ลุกลี้ลุลนแล้วรู้สึกเหมือนเขาได้ผ่านทางที่ยากรำบากมาแล้ว"คุณจ้าน คุณหนูไห่ สวัสดีครับ"อาชีทักทายไห่ถงยิ้มตอบ และถามว่า "คุณแช่อะไรคะ? วันนั้นฉันลืมขอนามบัตรของคุณค่ะ"อาชีเหลือบมองนายน้อยอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าสีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง จึงตอบอย่างกล้าหาญว่า "ชื่ออาชีครับ"จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ ไห่ถง จากนั้นพุดว่า "ฉันเพิ่งรู้เมื่อกลับถึงบ้านว่านามบัตรหมดและยังไม่ได้พิมพ์ครับ ฉันจึงเขียนเบอร์โทรศัพท์ของฉันบนกระดาษแทน”ไห่ถงรับเบอร์โทรศัพท์ของเขามา แล้วพูดกับชายที่อยู่ข้างๆ “อาชีบอกว่าเขาทำงานอะไรก็ได้ ฉัน
หลังจากวางสายแล้วจ้านหยินก็สั่งอาชีว่า "ดูแลนายหญิงให้ดีในขณะที่ฉันไม่อยู่บ้าน"“ไม่ต้องห่วงครับ นายน้อย ฉันจะดูแลนายหญิงเป็นอย่างดีแน่นอน”นายหญิงมีทักษะไม่ได้ธรรมดา การปกป้องเธอนั้น เป็นงานที่ง่ายเกินไปโบนัสสองเท่า!อาชีคิดถึงเรื่องนี้ก็มีความสุขแล้วนี่คือข้อดีของการเกาะขาของนายหญิง!“เมื่อนายหญิงประสบปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ ก็ให้บอกคุณยาย เธอจะจัดการให้เอง ไม่ก็บอกนายน้อยสอง”“ไม่ต้องกังวลครับ นายน้อย เมื่อใดก็ตามที่นายหญิงกำลังเผชิญกับเรื่องยากลำบาก คุณยายจ้านจะรู้อย่างแน่นอน”คุณยายจ้านคือเทพเซียน และแม้แต่พวกหลานๆ ก็ไม่สามารถปีนหลุดรอดไปจากสายตาของเธอได้จ้านหยินคิดถึงความสามารถของคุณยายแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไปเรื่องทำให้จ้านหยินต้องประหลาดใจ เขาเห็นซางเสี่ยวเฟยอยู่ที่ประตูบริษัทซึ่งไม่ได้มารอเขาเป็นระยะสักพักหนึ่งแล้วเธอยืนพิงรถสปอร์ตสีแดงและมองขบวนรถพิเศษของเขาที่กำลังเคลื่อนเข้าใกล้อย่างช้าๆคนขับถามว่า "นายน้อย คุณหนูซางกลับมาอีกแล้วครับ"หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จ้านหยินก็สั่งคนขับว่า "จอดรถข้างหน้าคุณหนูซาง"คนขับและอาชีต่างก็ประหลาดใจมากแม้ว่าคุณหนู
ซางเสี่ยวเฟยยิ้ม แต่ก็ยกมือขึ้นเพื่อมาเช็ดน้ำตาออกจากหางตา และไม่หันกลับจากที่ไกลๆ ก่อนจะที่หันกลับมา เพื่อเผชิญหน้ากับ จ้านหยินอีกครั้ง เธอมีสีหน้าสงบและยิ้มว่า "จ้านหยิน ฉันแค่ได้รับคำนี้จากคุณ ซึ่งมันก็ไม่ไร้ประโยชน์เลยที่ฉันหลงรักคุณมาหลายปีแล้ว"เธอยื่นมือออกมา จ้านหยินก็ยืนมือมาจับมือของเธออ“จ้านหยิน ฉันขอให้คุณและภรรยามีความสุขและรักกันยืนย่ว”“ขอบคุณครับ คุณหนูซาง”“ฉันหวังว่าจะได้เข้าร่วมงานแต่งงานของคุณในอนาคต”หลังจากที่จ้านหยินปล่อยมือออก เขาก็พูดอย่างใจเย็นว่า "เมื่อฉันเลือกวันที่จัดงานแต่งงานกับภรรยาได้ ฉันจะส่งคำเชิญไปให้ประธานซางกับคุณหนูซางอย่างแน่นอน"“ฉันจะรอดื่มไวน์อวยพรในงานแต่งงานของคุณค่ะ”ซางเสี่ยวเฟยยิ้ม "นายน้อยจ้านงานยุ่งมาก ฉันจะไม่รบกวนเวลาอันมีค่าของคุณแล้วค่ะ ลาก่อน"เธอโบกมือให้จ้านหยิน แล้วหันหลังกลับเข้าไปในรถสปอร์ตของเธอจากนั้นขับออกจากจ้านซื่อกรุ๊ปอย่างรวดเร็วลาก่อนชายคนแรกเธอรักอย่างสุดหัวใจในอนาคตเธอจะไม่มาที่นี่อีกหลังจากที่เธอรักษาแผลในใจแล้ว เธอก็อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่จ้านหยินกลับมาที่รถ คนขับจึงขับไปอย่างรวดเร็วคนขับคิดว่าทั
“ใช่ เสี่ยวเฟยมีศักดิ์ศรีเช่นกัน ลูกสาวตระกูลซางไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งงาน”คุณนายซางคุ้นเคยกับลูกสาวดีเสี่ยวเฟยบอกว่าจะตัดใจ เธอจะต้องตัดใจได้อย่างแน่นอนเสียงรถดังมาจากข้างนอกหลานจิงยืนขึ้นและเดินออกไป แล้วพูดว่า "ต้องเป็นเสี่ยวเฟยกลับมาแล้วแน่"เธอเดินออกจากบ้านและเห็นน้องสะใภ้ซางเสี่ยวเฟยลงจากรถแล้วเดินไปหาพี่สะใภ้พร้อมรอยยิ้มที่สดใส เธอพูดว่า "พี่ แม่ยังอยู่บ้านหรือเปล่า?"เมื่อเห็นน้องสะใภ้ยิ้มกว้าง หลานจิงก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธออยากเห็นน้องสะใภ้ร้องไห้มากกว่ายิ้มหน้าบานแบบนี้ ยิ่งรอยยิ้มของเสี่ยวเฟยสดใสเท่าไร หัวใจของเสี่ยวเฟยก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้นเห้อการตกหลุมรักผู้ชายที่ไม่ได้รักตัวเองนั้นเจ็บปวดอยู่แล้ว แต่การที่รู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งแต่งงานไป กลับยิ่งเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นอีก“คุณแม่ยังอยู่ในบ้าน เสี่ยวเฟยโอเคไหม?”“พี่มองว่าฉันเป็นคนยังไง? ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี แค่ไปบอกลาอดีต”ซางเสี่ยวเฟยพูดเบา ๆ เธอไม่ต้องการพูดถึจ้านหยินมากเกินไป เธอจับแขนพี่สะใภ้อย่างขี้เล่น แล้วพูดว่า "พี่เข้าไปข้างในกันเถอะ"ทันทีที่ซางเสี่ยวเฟยกลับมา คุณนายซางก็ยิ่งกระสับกระส่ายมาก
ไห่ถงยิ้ม "เหมือนที่เสี่ยวเฟยพูด ประธานซูมาจากตระกูลข่าวกรอง เมื่ออยู่กับเขา เธอจะได้รับรู้ข่าววงในก่อนใคร ชีวิตก็จะชีวา ฉันคิดว่า ประธานซูกับเธอเกิดมาคู่กัน และพวกเธอสองคนเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ”เซินเสี่ยวจวิน “......”เธอกำลังมองหาแฟนที่จะแต่งงานหรือเรื่องซุบซิบ?“เธอบอกว่าครอบครัวอดีตแม่สามีของพี่เธอมาที่นี่อีกแล้วเหรอ?”เซินเสี่ยวจวินเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็วไม่ต้องการให้เพื่อนพูดซุบซิบ“พี่ฉันและไอ้บ้าโจวหย่ากันแล้ว และบ้านก็เหลือแต่โครง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปอยู่ที่อื่น ตอนนี้พวกเขาต้องเช่าบ้าน หรือพักในโรงแรม ไม่ก็กลับบ้านตัวเองไป แต่จากความเข้าใจของฉันน่ะ ครอบครัวของพวกเขาจะต้องอยู่ในเมืองในช่วงเทศกาลตรุษจีน และจะไม่กลับไปที่บ้านของพวกเขา”ครอบครัวโจวต้องป่าวประกาศในบ้านเกิดว่าครอบครัวของพวกเขาจะไปเมืองนี้ในช่วงตรุษจีนดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีบ้านให้อยู่อาศัย แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ยังคงเช่าบ้านอยู่ในเมืองในช่วงตรุษจีนแน่นอนไห่ถงอยากเป็นซุนหงอคงจริงๆ จะได้ดึงผมของตัวเองออกมา แล้วแปลงร่างเป็นร่างโคลน เพื่อนั่งยองๆ ที่บ้านของตระกูลโจว และรอดูเรื่องสนุกๆ ของ
“ผู้เฒ่าไห่ เห็นชัดๆ ว่าแกเอาเงินฉันไป 3 แสน สิ่งที่ฉันให้แกเป็นเงินสด ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวที่ฉันเก็บไว้เป็นเวลานาน ตอนที่แกเอาเงินของฉันไป แกบอกว่าแกจะไปพูดกับไห่ถงให้ แต่แกไม่ได้ทำอะไรเลย แถมลูกชายของฉันยังหย่ากับไห่หลิงอีก”“ช่วยคืนเงินให้ฉันด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”แม่โจวหน้าซีดด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าไห่ไม่ยอมรับความผิดของเขาผู้เฒ่าไห่สีหน้าเย็นชาพูดว่า “ถ้าจะแจ้งตำรวจก็แจ้งตำรวจเลย แกจะไปแจ้งตำรวจ ก็อย่าหาว่าฉันไม่ได้รับเงินของแกนะ รับเงินมาแล้วยังไง? นี่คือเงินสินสอดที่แกมอบให้พวกเรา เมื่อหลานสาวฉันแต่งงานกับลูกชายแก พวกเราไม่ได้เงินค่าสินสอดสักบาทเดียว”“แกให้เงินสินสอดจำนวนหลายแสนบาทกับพวกเรา และลดให้พวกแกไปเยอะแล้ว สะใภ้ แกมีลูกสาวด้วยนิ ตอนที่ลูกสาวแกแต่งงาน พวกแกคงไม่ได้เอาเงินสินสอดสักบาท จะยินดียกลูกสาวให้กับลูกเขยไปแบบฟรีๆ?”แม่โจวพูดด้วยความโกรธว่า "สินสอดห่าเหวอะไร แกเคยเลี้ยงไห่หลิงมาไหม? คุณมีคุณสมบัติที่อะไรต้องได้สินสอดด้วย พวกเขาหย่ากันแล้ว คือฉันต้องโง่และให้เงินสินสอดกับพวกแกเหรอ เอาเงินคืนมาให้ไว!”“ไม่มีเงิน มีแต่ตัว อยากได้ก็เอาไป”ผู้
รถหรูหลายคันขับมาจากไกลๆ ข้ามทางเข้าวงเวียนของโรงเรียนมัธยมต้นกวนเฉิง แล้วมาจอดที่ทางเข้าร้านหนังสือของไห่ถงคุณยายจ้านที่กำลังคุยกับลุงเจิ้งข้างร้านอยู่ และหันหน้าไปเห็นรถหรูสองสามคัน เธอจึงรีบหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็วและจงใจก้มศีรษะลง เพราะเกรงว่าคนที่ลงจากรถเหล่านั้นจะเห็นเธอ“ไห่ถง ไห่ถง”ทันทีที่ซางเสี่ยวเฟยลงจากรถ เธอก็ตะโกนชื่อไห่ถงและวิ่งเข้าไปในร้านไม่ทันได้สังเกตเห็นคุณยายจ้านที่นั่งคุยกันอยู่ข้างนอกร้านใกล้ๆคุณท่านซางซึ่งลงจากรถด้านหลังได้ช่วยภรรยาที่ร้องไห้เดินตามลูกสาวเข้าไปในร้าน หลานจิงสั่งให้บอดี้การ์ดเฝ้าประตูก่อนที่จะหันหลังกลับและเข้าไปในร้านนกอินทรีที่ไห่ถงกำลังถักได้เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น เมื่อเธอได้ยินเสียงของซางเสี่ยวเฟย เธอก็หยุดงานที่กำทำอยู่และเงยหน้าขึ้นมองที่ซางเสี่ยวเฟย"เสี่ยวเฟยมาแล้วเหรอ กินข้าวหรือยัง? ถ้ายัง..."เมื่อเห็นคุณนายซางได้รับการพยุงมาโดยคุณท่านซาง และใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ไห่ถงก็เข้าใจคุณนายซางได้รับผลการตรวจดีเอ็นเอแล้วเมื่อพิจารณาจากสีหน้าของคุณนายซาง ไม่จำเป็นต้องถามว่าเธอกับคุณนายซางมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันหรือไ
คุณท่านซางและลูกสาวกังวลเกี่ยวกับคุณนายซาง และมีเพียงหลานจิงเท่านั้นที่เอาผลตรวจกลับมาหลานจิงมอบผลตรวจให้กับไห่ถง และได้หยิบผลตรวจดูหลังจากอ่านผลลัพธ์แล้ว เธอก็เงียบไปสักพักก่อนที่จะวางผลตรวจลงบนโต๊ะ“ไห่ถง เธอเป็นหลานสาวของฉัน เรียกฉันว่า 'ป้า' ก็ได้นะ”ชีวิตนี้ไม่มีโอกาสได้เจอน้องสาวอีกแล้ว แต่การได้เจอหลานสาวทั้งสองคนก็ทำให้คุณนายซางสบายใจได้เช่นกันเธอจับมือไห่ถงและขอให้เรียกเธอว่าป้า“ไห่หลิงอยู่ที่ไหน? และหยางหยางล่ะ?”คุณนายซางยังจำหลานสาวอีกคนได้“พี่ฉันจะไม่กลับมาตอนเที่ยง เธอจะไม่กลับมาหลังจากเลิกงานเวลา 5.30 น.”ไห่ถงอธิบายและมองไปที่เซินเสี่ยวจวิน เธออุ้มหยางหยางมาให้ไห่ถง“คุณป้า...”ขณะที่ไห่ถงพูด คุณนายซางก็พูดว่า "ถงถง เรียกฉันว่าป้านะ ป้าฝันที่จะตามหาพวกเธอมาโดยตลอด และในที่สุดก็พบแล้ว อย่าตำหนิป้าเบย"หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ไห่ถงก็เปลี่ยนน้ำเสียงและเรียกเธอว่าป้าผลตรวจ DNA ได้พิสูจน์ได้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคุณนายซางซึ่งเป็นป้าของเธอมันน่าทึ่งเกินไปคุณนายซางได้ยินเธอเรียกว่าคุณป้า และดวงตาของเธอก็แดงก่ำ ซางเสี่ยวเฟยรีบพูดว่า "แม่ อย่าร
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้