จ้านหยินถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นให้เธอ “เอาเสื้อคลุมฉันไปด้วยตอนเข้าเฝ้าพระอินทร์”ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ชายทะเลและมีลมทะเลพัดมา แต่ไห่ถงก็ไม่เกรงใจที่จะหยิบเสื้อคลุมของเขามาคลุมตัวเอง และเตรียมไปเข้าเฝ้าพระอินทร์จ้านหยินปิดเพลงในรถ เพื่อไม่ให้รบกวนเธอเขาขับรถอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เธอไปเฝ้าพระอินทร์ย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าคุยกับพระอินทร์ไปนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ได้มาถึงที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้นแล้วกลุ่มบอดี้การ์ดยังคงเดินไปมาอยู่ชั้นล่างประเด็นคือ นายน้อยอยู่นอกสายตาพวกเขาตลอดทั้งคืนหลังจากที่ป้าเหลียงกลับมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงของนายหญิง ก็รู้ว่านายน้อยจะพานายหญิงออกไปที่อื่น กลุ่มบอดี้การ์ดมีความกังวลเล็กน้อย แต่กลับไม่มีใครกล้าติดต่อกับนายน้อย เพราะกลัวว่าจะรบกวนความเป็นส่วนตัวของนายน้อยและนายหญิงตอนที่เห็นจ้านหยินขับรถกลับมา กลุ่มบอดี้การ์ดก็สลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะถูกนายหญิงเห็นโดยเฉพาะอาชี เขาวิ่งเร็วที่สุดมาก เกือบจะพุ่งทะลุพุ่มไม้แล้วไปนั่งยองๆเพราะนายหญิงจำเขาได้จ้านหยินเมินต่อบอดี้การ์ดไห่ถงก็ไม่คนไม่สนใจเรื่องรอบตัว ไม่เช่นนั้นก็สังเกตได้ตั้งนานแล้วว่า พวกเขา
เมื่อคิดจะลงมือทำ จ้านหยินก็เริ่มเป็นหัวขโมยของในห้องของ ไห่ถงทันที โดยเปิดดูกล่องและตู้ต่างๆหลังจากตามหาอยู่พักหนึ่ง ก็ค้นทุกซอกทุกมุมที่คิดว่าเธออาจซ่อนไว้ แต่ก็ไม่พบหนังสือสัญญาของเธอเธอเอาไปเก็บไว้ไหน?จ้านหยินยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จ้องมองไปที่มันเพื่อนึกถึงมุมที่ตัวเขาไม่ได้หา?เขาค้นทุกลิ้นชักทั้งหมดแล้วในที่สุด สายตาเขามองไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งวาดรูปปิ่นหงส์ทองบนโต๊ะเขาหยิบกระดาษขึ้นมาไห่ถงวาดรูปเก่งมากเธอวาดปิ่นหงส์ทองเพื่อทำอะไร?จ้านหยินคาดเดาไม่ออกถึงความหมายของปิ่นหงส์ทองของไห่ถง เขาหยิบกระดาษนั้นผลิกกลับมา และเนื้อหาอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นสัญญาที่เขากำลังมองหาเธอวาดภาพไว้ด้านหลังหนังสือสัญญาของเธอจริงๆไม่แปลกใจเลยที่เขาหาหนังสือสัญญาไม่พบ แม้ว่าจะได้หาตามกล่องและตู้ต่างๆ ก็ตามจ้านหยินพับหนังสือสัญญาของไห่ถงลง และยัดมันลงในกระเป๋ากางเกง จากนั้นเดินไปที่เตียงและนั่งลงที่ขอบเตียง จ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับไหลของไห่ถงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิกใบหน้าของเธอเบา ๆเผยรอบยิ้มเจ้าเล่ห์บนริมฝีปาก "ไห่ถง ชีวิตนี้คุณจะเป็นได้ภรรยาของฉัน จ้านหยิน คนนี้เพ
สมองของไห่หลิงขาวโพล่นทันทีเธอคาดไม่ถึงว่า คนที่รับสายโทรศัพท์จะเป็นเย่เจียนนี่เธอรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหูอย่างรวดเร็ว และเริ่มบันทึกเสียงทันทีเพื่อนของน้องเขยเธอช่วยสืบสวนและรวบรวมหลักฐานของการนอกใจของโจวหงหลิน แต่ยังบอกเธอด้วยว่าหลักฐานเหล่านั้นสามารถพิสูจน์ได้เพียงจิตใจของโจวหงหลินที่นอกใจ เพราะทั้งสองยังไม่มีความสัมพันธ์ด้านอื่นตอนนี้คู่รักตัวร้ายน่าจะอยู่ด้วยกัน ไห่หลิงคิดที่จะบันทึกเสียงก่อนไว้ก่อน"เธอเป็นใคร?"ความสงบนิ่งของเธอนั้นเพียงพอที่จะทำให้เย่เจียนีตัวสั่นอยู่ปลายสาย ขณะที่ไห่หลิงแสงไปตามบทหลังจากรู้ว่าโจวหงหลินนอกใจ เธอจะต้องโวยวายออกมาแน่ ซึ่งจะทำให้โจวหงหลินรู้สึกรำคาญและตัดสินใจหย่ากับเธอ โดยไม่สนใจลูกชายของเขาถ้าเธอไม่ร้องไห้หรือโวยวาย โจวหงหลินและคนอื่น ๆ ก็จะคิดว่าเธอรอจะหย่าร้าง และจะลากเธอตกต่ำไปแทน“ฉันเป็นเลขาของหงหลินค่ะ ฉันชื่อเย่เจียนนี่ แล้วคุณเป็นใคร?”เย่เจียนีถามถึงคำตอบที่รู้อยู่เต็มอก"ฉันเป็นใครเหรอ? ก็เป็นภรรยาของเขาไง! โจวหงหลินล่ะ? พวกคุณอยู่ที่ไหน? ทำอะไรกันอยู่? เรีกยโจวหงหลินมาเพื่อรับโทรศัพท์!"ไห่หลิงทั้งพูดและตวาด เพื่อทำให
เมื่อรู้ว่าเธอต้องดูแลลูกชาย เธอจึงไม่สามารถทิ้งเขาไว้ที่บ้านตามลำพังในเวลานี้ได้ เพื่อวิ่งมาที่โรงแรมเพื่อจับพวกเขาโทรหาน้อง?ไห่หลิงลังเลจะรบกวนน้องตอนนี้ดีไหม?หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไห่หลิงรู้สึกว่ามันจะมีประโยชน์สำหรับเธอที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้ และรวบรวมหลักฐานของการนอกใจของโจวหงหลินดังนั้น จึงต้องโทรหาไห่ถงไห่ถงหลับไปหลังจากดื่มเบียร์สองขวด และถูกจ้านหยินอุ้มขึ้นไปยังบ้านโดยไม่รู้ตัวไห่หลิงโทรศัพท์ออกไป โทรศัทพ์ของไห่ถงจึงร้องดังขึ้นมา และถูกดึงกลับมาจากการเข้าเฝ้าพระอินทร์เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดรับสาย โดยไม่ได้ดูหมายเลขเรียกเข้าด้วยซ้ำ"ฮัลโหล ใครน่ะ""ถงถง ฉันเอง พี่แกไง""พี่ มีอะไรเหรอ?"ไห่ถงค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ก็นึกขึ้นได้ถึงแผนการของพี่เธอที่จะโชว์ไพ่เด็ดเรียกการหย่าให้พี่เขยสารเลวดู เธอคิดว่าทั้งคู่เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันอีก ทำให้เธอค่อยๆ ตาสว่าง ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงและถามอย่างกังวลว่า "พี่ กิดอะไรขึ้น? หรือว่าโจวหงหลินทำร้ายพี่อีกแล้วเหรอ?"“เขายังไม่ได้กลับบ้าน เขาบอกว่าจะกลับมาสายหน่อย เพราะไปงานเลี้ยงกับลูกค้าเและตอนนี้ก็เกือบจะตี 1 แล้ว เขาก
ขณะที่ไห่ถงพูดอยู่ ก็ได้หยิบกุญแจจากพวงกุญแจ แล้วมอบให้จ้านหยิน จากนั้นพูดว่า "นี่คือกุญแจบ้านพี่ฉัน"ดวงตาสีดำของจ้านหยินเป็นประกายโจวหงหลินไปงานเลี้ยง เขารู้เขาจัดการให้ซูหนานช่วยตามสืบและรวบรวมหลักฐานของโจวหงลิน ผู้ชื่นชอบเรื่องซุบซิบอย่างซูหนาน รู้สึกว่าหลังจากมอบหลักฐานให้แล้ว เขายังไม่ได้รับการชมเชยสักเท่าไหร่ จึงทำใจยอมรับไม่ได้ เขายังส่งคนไปติดตามโจวหงหลินอย่างลับๆเมื่อใดที่โจวหงหลินออกจากบริษัท ทุกการเคลื่อนไหวของเขาแทบจะอยู่ภายใต้การจับตาของซูหนานตอนดึกขณะที่จ้านหยินอยู่กับไห่ถง ก็ได้ส่งข้อความหาซูหนาน โดยให้หาโอกาสในการกระตุ้นสถานการณ์ ช่วยกระตุ้นความก้าวหน้าของโจวหงหลินและเย่เจียนี เพื่อจะได้ยืนยันว่าโจวหงหลินได้ทรยศต่อชีวิตคู่และครอบครัวของเขาเมื่อไห่หลิงเสนอหย่า เธอได้จะเปรียบในเรื่องนี้ตอนนี้โจวหงหลินและเย่เจียนีอยู่ด้วยกัน คือการพัฒนาความสัมพันธ์ไปอย่าปกติหรือเป็นผลมาจากจ้านหยินช่วยผลักให้?จ้านหยินไม่สามารถแยกแยะได้ขณะหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม“คุณรู้ไหมว่าพวกเขาอยู่ที่โรงแรมไหน?”“พี่ไม่บอกฉันแน่ เธอไม่ยอมฉันไปด้วย”ไห่ถงก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เม
หลังจากจ้านหยินล็อคประตูบ้านแล้ว ก็ดึงไห่ถงเดินออกไปพร้อมพูดว่า "เพื่อนของฉันช่วยตามสืบดูแล้ว ตอนนี้พี่เขยของคุณอยู่ที่โรงแรมห่าวเจีย ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือชางซื่อกรุ๊ป ฉันทำงานที่จ้านซื่อกรุ๊ป ทั้งสองกรุ๊ปเป็นคู่แข่งกัน ฉันไม่ต้องการให้คนชางซื่อกรุ๊ปจำฉันได้ เลยระบายสีดำครึ่งหน้า แบบนี้จะได้ไม่มีใครจำฉันได้”ไห่ถงมองปานที่เขาวาดบนหน้าถึงสองครั้งช่วงเวลาเร่งรีบนี้ เขายังคิดถึงรายละเอียดเล็กน้อยนี้ด้วยเขาเป็นคนละเอียดรอบคอบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาทำงานเป็นพนักงานในจ้านซื่อกรุ๊ปได้ตอนนี้ไห่ถงเชื่อคำพูดของคุณยายแล้ว ตอนที่คุณยายชมจ้านหยินต่อหน้าเธอ ซึ่งบอกว่าจ้านหยินเป็นคนเอาใจใส่รายละเอียดมากแน่นอน เฉพาะเมื่อเขาเอาใจใส่คุณเท่านั้นที่จะเขาแสดงออกถึงความสนใจได้อย่างมาก"กลับมาบ้าน ค่อยล้างด้วยน้ำและสบู่"ไห่ถงเปิดร้านหนังสือเครื่องเขียน และรู้วิธีทำล้างหมึกบนผิวหนังจ้านหยินอยากจะบอกว่า ตอนกลับมาบ้านอยากให้ไห่ถงช่วยล้างหทึกบนใบหน้าของเขาเมื่อคำพูดมาถึงปาก เขาก็กลืนมันกลับลงไปเขิลเลยไม่กล้าพูดออกไปคุณยายจ้าน: แกมีปากใหญ่ๆ แบบนี้ไว้จะมีประโยชน์อะไร? ไม่กล้าพูดอะไรออกไปสักอย่า
เย่เจียนีซบอกของโจวหงหลิน แล้วพูดเบา ๆ “หงหลิน ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรรับสายนั้นเลยค่ะ ฉันกลัวว่าเธอมีเรื่องด่วนจะถามคุณฉันจึงรับสาย”“ไม่เป็นไร อะไรเกิดแล้วก็ปล่อยให้เกิดไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะบอกเกี่ยวกับเรื่องของพวกเรา แค่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป ในเมื่อเธอสงสัย ก็แค่ฉันกลับไปบ้านเผชิญหน้ากับเธอ”โจวหงหลินไม่ปล่อยให้เย่เจียนีรู้สึกน้อยใจหัวใจของเขาเอียงไปทางเย่เจียนนี่มาเนิ่นนานแล้ว โดยที่ไม่มีความอบอุ่นที่มอบไห่หลิงอีกต่อไป แต่เป็นเพราะพ่อแม่และลูกชายของเขานั้นที่เขายังคงอดทนอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไล่ไห่หลิงออกไปนานแล้ว“หงหลิน ถ้าคุณสองคนหย่ากัน เธอจะแบ่งแยกทรัพย์สินของคุณด้วยไหมคะ?”เย่เจียนีไม่ต้องการให้ไห่หลิงแย่งทุกอย่างของโจวหงหลินไปเธออยากเห็นไห่หลิงอกจากบ้านไปตัวเปล่าไห่หลิงห่างหายจากที่ทำงานไปสองสามปี และลูกของเธอยังเด็กอยู่มา และอายุสองขวบท่านั้น นี่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะกลับไปทำงานได้อีด จากนั้นเธอก็สามารถได้เห็นหายนะที่เกิดกับไห่หลิงบางทีไห่หลิงอาจจะไปขอทานบนถนนโดยมีแบกลูกอยู่บนหลังโจวหงหลินยิ้มเยาะและพูดว่า "ถ้าเธอต้องการแบ่งทรัพยสิน ฉันก็ต้องแบ่งให้?
โจวหงหลินกระซิบข้างหูของเธอ และเย่เจียนีก็ยิ้มทันทียังดีที่เขายังฉลาดเย่เจียนีสบายใจ หากเธอแต่งงานกับเขา เธอก็จะมีความสุขอย่างแน่นอนแน่นอนว่า เธอยังต้องระวังเขาอยู่ หลังจากที่เธอแต่งงานแล้ว เธอจะยึดบัตรเงินเดือนของเขาไว้ และเขาให้เขาสัญญาว่าจะเพิ่มชื่อของเธอในหนังสือทรัพย์สิน เธอจะให้เขาทำเป็นเรื่องเป็นราว กล่าวโดยสรุปว่า เธอจะไม่เดินตามรอยเท้าของไห่หลิงแน่นอน“จริงๆ แล้วมันเรื่องง่ายที่จะทำให้ไห่หลิงออกจากบ้านตัวเปล่า”"ทำยังไงคะ?"แม้ว่าเงินเก็นในบัญชีโจวหงหลินจะเป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ต้องแบ่งก็ไม่ต้องแบ่งให้กับไห่หลิง และเย่เจียนีก็จะได้รับไว้ทั้งหมดเอง“ให้เธอเลือกระหว่างการแบ่งทรัพย์สินกับหยางหยาง เธอจะเลือกหยางหยางอย่างแน่นอน และออกจากบ้านไปอย่างตัวเปล่า”หลังจากได้ยินสิ่งเข้ากับเรื่องนี้ เย่เจียนีรู้สึกผิดหวังมากและพูดกับเขาว่า "คุณยินดีที่จะสละสิทธิ์เลี้ยงดูลูกชายของคุณได้? เขาเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลโจว แม้ว่าคุณจะตั้งใจที่จะสละสิทธิ์ แต่พ่อแม่ของคุณก็จะไม่เห็นด้วยแน่นอนค่ะ"โจวหงหลิน: "... หยางหยางเป็นลูกชายของฉัน แน่นอนว่าฉันไม่สามารถสละสิทธิ์ได้"