เดินช้อปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่สองชั่วโมงจึงกลับบ้านจ้านหยินเคยชินกับการมีรถหรูคอยรับส่ง และแม้ว่าปกติเขาจะออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ทั้งฝึกมวยและกังฟู แต่การไปเดินซื้อของกับไห่ถงเพียงสองชั่วโมง ไหนจะต้องทำหน้าที่หิ้ววัตถุดิบ นี่ก็เล่นทำเอาเขาเหนื่อยไม่น้อยเขายอมเซ็นเอกสารเป็นพันเล่ม หรือนั่งประชุมแบบไม่มีวันสิ้นสุดเสียยังดีกว่ามาช้อปปิ้งกับผู้หญิงเมื่อจอดรถเสร็จ ไห่ถงยังไม่ทันลงจากรถสายเรียกเข้าจากคุณยายจ้านก็ดังขึ้นจนต้องกดรับ"ไห่ถง อยู่บ้านกันไหมลูก? ตอนนี้พวกเราถึงหน้าบ้านกันแล้ว"ไห่ถงเผยรอยยิ้ม "คุณยาย พวกหนูเพิ่งกลับมาจากซุปเปอร์มาเก็ตค่ะ คุณยายรอแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวพวกหนูเดินไปรับค่ะ""หนูกับอาจ้านไปซุปเปอร์มาเก็ตงั้นหรอ?"คุณยายจ้านฟังด้วยความร่าเริง พลางก็คิดว่าหลานชายคนโตผู้แสนเย็นและเย่อหยิ่ง ถึงขั้นยอมลดความโอหังแล้วไปซุปเปอร์มาเก็ตกับไห่ถงเนี่ยนะให้หลานชายตัวดีแสร้งทำเป็นคนยากจน ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้หัดใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาบ้าง"ค่ะ ไปซื้อของสำหรับใช้ทำอาหารน่ะค่ะ""ปกติอาจ้านก็เอาแต่ทำงาน โตจนป่านนี้ยังไม่เคยไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย หนูพาไปก็ถูกต้องแล้ว ไห่ถง
จิตนาการภาพนั้นไม่ออกเลยจริง ๆ"ทุกคนพึงระลึกเอาไว้ให้ดี ห้ามเปิดเผยสถานะที่แท้จริงเด็ดขาด อย่าลืมว่าไห่ถงไม่รู้ ลูกชาย อีกเดี๋ยวแกสองสามีภรรยาก็บอกไปว่าไม่มีเงินบำนาญ อาศัยปลูกผักปลูกหญ้าขาย หาเงินประทังชีวิตแบบนี้แล้วกัน""ก่อนมากรับปากกันดิบดี จำเอาไว้ซะ ขืนโป๊ะกันขึ้นมา อาจ้านคิดบัญชีกับพวกแก ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ"ตอนนี้คุณยายจ้านรู้สึกว่าการที่หลานชายคนโตเดินหมากมาถึงจุดนี้นับว่าสนุกมากจริง ๆ เพราะงั้นหญิงชราจึงเลือกที่จะเล่นละครตามหลายชายตัวดีต่อไปหญิงชรายังยืนยันนอนยันว่าไห่ถงเป็นผู้หญิงที่ดีคนนึง ไม่ใช่คนที่จะหวังปอกลอกเงินทองแน่นอน เธออายุจนปูนนี้แล้ว ไม่มีทางดูคนพลาด"ครับ"ทุกคนตกปากรับคำ สำหรับพวกเขาแล้วไห่ถงไม่นับว่าเป็นคนแปลกหน้า เพราะถึงยังไงไห่ถงก็เคยช่วยชีวิตคุณยายจ้านเอาไว้ ตอนนั้นคนที่ขอบคุณไห่ถงก็ยังเป็นลูกชายกับสะใภ้คนโตของคุณยายจ้านด้วยซ้ำแม่ของจ้านหยินไม่ค่อยหืออืออะไร แน่นอนว่าหล่อนไม่สนับสนุนให้ลูกชายคนโตแต่งงานกับไห่ถง แต่ในเมื่อคุณยายจ้านสามารถพูดให้คนเย่อหยิ่งอย่างลูกชายหล่อนยอมโอนอ่อนได้ หล่อนก็คงไม่มีปัญญาอะไรจะไปห้ามเรื่องที่ไห่ถงช่วยคุณยา
จ้านเยี่ยนเป็นคนช่างพูด จึงพูดคุยกับไห่ถงได้ออกรสที่สุดทันทีที่เด็กหนุ่มคนนี้เห็นภาพที่พี่สะใภ้ใช้ให้พี่ใหญ่ถือของประหนึ่งเป็นพนักงานเดลิเวอร์รี่ เขาก็แน่วแน่ที่จะประจบพี่สะใภ้เอาไว้ เพราะเชื่อว่าอีกไม่นาน พี่สะใภ้จะกลายเป็นที่พึ่งสำคัญของเขาอย่างแน่นอน!ไห่หลิงและโจวหงหลินพาโจวหยางลูกชายของพวกเขามาถึงช้ากว่าครอบครัวจ้านเล็กน้อยพอรู้ว่าภรรยาของตัวเองไปขูดโดนรถหรูจนโดนเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย แต่เป็นเพราะน้องเขยดันรู้จักกับเจ้าของรถ สุดท้ายเจ้าของรถเลยเรียกเอาค่าชดใช้แค่สี่หมื่น เพราะงั้นโจวหงหลินจึงไม่กล้าแหยมกับสามีน้องเมียซึ่งเขาเองก็ไม่เคยเจอหน้ามาก่อนเดิมทีโจวหงหลินไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพบปะของทั้งสองครอบครัวในวันนี้ แต่ก็ต้องเปลี่ยนท่าที เมื่อเห็นออร่าความสง่างามของสามีน้องเมีย รัศมีความเคร่งขรึมและเข้าถึงยากของผู้ชายคนนี้ ทำให้เขารู้สึกขนลุกได้มากกว่าเจ้าของบริษัทที่เขาทำงานอยู่เสียด้วยซ้ำ"คุณจ้าน"โจวหงหลินยื่นมือขวาออกไปหาจ้านหยินเป็นการทักทายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม "สวัสดี ผมเป็นพี่เขยของไห่ถง"จ้านหยินยื่นมือไปจับตอบโจวหงหลิน แล้วเรียกทักทายเสียงเรียบ "สวัส
จ้านหยินไม่ใคร่จะสุงสิงกับโจวหงหลิน เพราะนอกจากโจวหงหลินจะเป็นคนประเภทที่เขาเกลียดแล้ว ไหนจะเรื่องที่หมอนั่นปฏิบัติกับไห่หลิงอีกโจวหยางหิวน้ำ และก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าในขวดนมมีน้ำเปล่า ซึ่งมันตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้าโจวหงหลิน แต่หมอนั่นเลือกที่จะใช้ไห่หลิงมาหยิบขวดนมไปป้อนลูกแทนที่ตัวเองจะเป็นคนหยิบแม้ว่าวันนี้จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอหน้ากัน แต่ระดับสายตาอันเฉียบคมของจ้านหยิน ดูก็รู้ว่าสามีพี่ภรรยาของเขาคนนี้ไม่ได้ให้เกียรติไห่หลิงในฐานะภรรยาแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำคงคิดว่าการที่ไห่หลิงอยู่บ้านเลี้ยงลูกนั้นเป็นเรื่องชิล ๆสไตล์การเลี้ยงดู ไปจนถึงการอบรมสั่งสอนของตระกูลจ้าน ทำให้จ้านหยินรู้สึกเกลียดพวกผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติภรรยาของตัวเองระหว่างเขากับไห่ถงเรียกว่าเป็นวิวาห์สายฟ้าแลบ ทั้งคู่เพิ่งเจอหน้ากันตอนจดทะเบียนสมรส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกรักใคร่อะไรเทือกนั้น แต่เขาก็ปฏิบัติต่อไห่ถงและให้เกียรติในฐานะภรรยามาโดยตลอดไห่ถงได้ยินคำตอบของชายหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ "ในเมื่อคุยไม่ถูกคอก็ไม่เป็นไรค่ะ""น้องรองเป็นคนคุยเก่ง อย่างน้อยก็ให้เขาคุยกับพี่เขยของคุณไป พี่เขยคุณคงไม่คิดว่าเราเพิ
"คุณจ้าน เดี๋ยวฉันทำเองค่ะ"ไห่ถงบอกเป็นนัยให้เขาหลีกทางให้เธอจ้านหยินเงียบไปอึกใจ ก่อนจะยอมถอยพร้อมถอดผ้ากันเปื้อนออกให้ไห่ถงแต่ชายหนุ่มไม่ได้ออกไป เขายืนอยู่ข้าง ๆ ดูไห่ถงล้างจานแล้วพูดว่า "กินข้าวครั้งหน้า ไปกินที่โรงแรมเถอะครับ ไม่ต้องเปลืองแรง""ค่ะ"ไห่ถงไม่ได้เห็นต่าง เพราะวันนี้เป็นการพบปะของทั้งสองครอบครัว เธอต้องโชว์ฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์หน่อย จึงให้ทุกคนมาที่บ้าน"คุณยายพูดอะไรหรอครับ?"จู่ ๆ จ้านหยินก็เอ่ยถามขึ้นทันใดนั้นไห่ถงก็หยุดมือจากสิ่งที่ทำอยู่ แล้วหันไปหาเขาจ้านหยินเองก็มองเธออยู่ จังหวะนั้นสองสามีภรรยาจึงสบตากัน จ้านหยินสัมผัสได้ถึงประกายล้อเลียนในแววตาของหญิงสาว จากนั้นเสียงเล็กก็ดังขึ้น "คุณยายถามฉันว่าเราแยกห้องนอนหรือเปล่า? ท่านบอกว่าเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เลยอยากให้ฉันปลุกความกล้าที่จะเป็นฝ่ายรุก จับคุณกด จับคุณถอดเสื้อผ้า แล้วเผด็จศึกคุณซะ"จ้านหยิน "..."นี่เป็นสิ่งที่คุณยายของเขาพูดออกมาเอง"คุณยายยังบอกด้วย ว่าปีหน้าท่านจะได้อุ้มเหลนสาว ท่านเน้นเสียงหนักเลยนะคะว่าต้องเป็นเหลนสาว ท่านบอกว่าถ้าเราได้ลูกชายก็ขอให้มีลูกไปเรื่อย ๆ จนกว่าเป็นเป
แต่ขอโทษนะ ความเป็นสามีภรรยาระหว่างพวกเขายังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นนั้นถึงยังไงพวกเขาก็แค่ต้องใ้ช้ชีวิตด้วยกันให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน ต่อให้เขาจะโกรธเธอจะเป็นจะตายแค่ไหน ตราบใดที่เขาไม่ไล่เธอออกจากบ้าน เธอก็ไม่แคร์หรอกไห่ถงล้างจานชามเสร็จ ก็ทำความสะอาดห้องครัวต่อจนเรียบร้อย จากนั้นจึงออกไปถูบ้าน แล้วจบลงที่เธอออกไปนั่งเก้าอี้ชิงช้าที่ซื้อมาไว้ตรงระเบียง ลมยามค่ำคืนพัดโชยสวนกับเก้าอี้ที่แกว่งเบา ๆ ไห่ถงรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากตอนนี้ระเบียงของเธอแทบจะกลายเป็นสวนดอกไม้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งมองดูต้นไม้ดอกไม้ที่เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพพวกนี้ ไห่ถงก็ต้องถอนหายใจให้กับฝีมือสุดเนี๊ยบของจ้านหยินอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้งเสียงฝีเท้าหนักอึ้งดังขึ้น และยิ่งเข้าใกล้ระเบียงมากขึ้นเรื่อย ๆเพียงชั่วอึดใจจ้านหยินก็ปรากฎตัวขึ้นที่ระเบียง เมื่อเห็นไห่ถงกำลังนั่งแกว่งชิงช้าอย่างสบายใจเฉิบ จ้านหยินก็ยิ่งหน้าบึ้งมากขึ้นกว่าเดิมชายหนุ่มเดินเข้ามาหา แล้วยื่นกระดาษส่องแผ่นให้เธอ"อะไรของคุณ?"ไห่ถงถามด้วยความสงสัยจ้านหยินไม่ตอบ แต่แสดงท่าทีชัดว่า อยากรู้ก็ดูซะสิ จะถามเพื่อ?เธอรับกระดาษสองแผ่นนั้นมา ไห
ไห่ถงรับปากกามาไว้ในมือ เธอลุกขึ้น เดินไปยังราวกั้นตรงระเบียงและใช้มันเป็นที่วางรองแผ่นกระดาษก่อนจะเซ็นชื่อจริงของตัวเองลงไปจ้านหยินหยิบหมึก เพื่อให้เธอประทับรอยนิ้วมือลงไปหนังสือสัญญาหนึ่งชุดสองฉบับ สองสามีภรรยาถือไว้คนละฉบับไห่ถงพับสัญญาแผ่นนั้นแบบลวก ๆ แล้วยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงจ้านหยินเห็นการกระทำนั้นของเธอ ทันใดนั้นความร้อนระอุก็ผุดขึ้นในอก แต่เขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้ เพราะถึงยังไงสัญญาที่เขาเขียนขึ้น ข้อตกลงทุกอย่างล้วนเขียนมาเพื่อห้ามปรามเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่แม้แต่จะแก้ไขหรือเพิ่มเติมอะไร"วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบนอนเถอะ""คุณก็ด้วยค่ะ"ไห่ถงเสริมอีกประโยคด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ "ฉันจะนั่งชมดอกไม้ต่ออีกหน่อย ฉันฝันมาตลอดว่าอยากมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมที่ระเบียงบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนี้ฝันของฉันเป็นจริงแล้ว ฉันอยากจะดูให้หนำใจ"หญิงสาวไม่ได้เก็บเรื่องสัญญามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อยเธอแต่งงานกับเขาโดยที่ไม่ได้หวังอะไรจริง ๆ น่ะหรอ? ทั้งหมดนี้เป็นเขาที่เพ้อเจ้อไปเองคนเดียวหรือไง?ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงทำท่าทางเหมือนละทางโลกได้ขนาดนี้ นอกจากจะไม่โกรธแล้วยังยิ้มได้อีกจ้านหยิน
ระหว่างเขาสองคนก็เป็นแค่สามีภรรยาในนาม ถึงเขาจะเมา ก็ไม่ได้ต้องการให้เธอมาดูแลอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ ดีไม่ดีผู้หญิงคนนั้นอาจจะฉวยโอกาสนี้แตะอั๋งเขาก็ได้อายุก็ปาเข้าไปสามสิบ แต่เขายังไม่เคยเสียแม้แต่จูบแรกเลยด้วยซ้ำอย่าพูดไปถึงเรื่องพรหมจรรย์เขาไม่เคยเชื่อในเรื่องความรักคุณยายจ้านมักจะว่าเขาเป็นพวกไม่มีหัวใจ แต่ก็เป็นเพราะเขาไม่เชื่อเรื่องความรัก ถึงได้ยอมสานฝันให้หญิงชราด้วยการแต่งงานกับไห่ถง หลังจากทนฟังคำบ่นจนหูใกล้จะบอดเต็มทีแต่นี่ก็คลำตั้งแต่หัวจรดเท้า จ้านหยินก็ยังหากุญแจบ้านไม่เจอ เขาเอ่ย "...อาเจ็ด เรียกนายหญิงของพวกนายก็แล้วกัน"ดูเหมือนเขาจะลืมหยิบกุญแจบ้านออกมาบอดี้การ์ดเคาะประตูทันทีไห่ถงหลับไปแล้ว แต่เธอไม่ได้หลับลึกจึงได้ยินเสียงเคาะประตู หญิงสาวตื่นขึ้นมาเงี่ยหูฟังอีกครั้ง ก็พบว่ามีคนเคาะประตูอยู่จริง ๆ จึงรีบลุกขึ้นมาตั้งใจจะไปเปิดประตู ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในชุดนอน เธอคว้าเสื้อคลุมกันหนาวในตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วจึงออกไปเปิดประตูทันทีที่ประตูเปิดออก จ้านหยินและอาเจ็ดเห็นไห่ถงใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาเตอะ ต่างก็ชะงักตอนนี้เพิ่งจะเข้าเดือนเจ็ด อย