"คุณจ้าน เดี๋ยวฉันทำเองค่ะ"ไห่ถงบอกเป็นนัยให้เขาหลีกทางให้เธอจ้านหยินเงียบไปอึกใจ ก่อนจะยอมถอยพร้อมถอดผ้ากันเปื้อนออกให้ไห่ถงแต่ชายหนุ่มไม่ได้ออกไป เขายืนอยู่ข้าง ๆ ดูไห่ถงล้างจานแล้วพูดว่า "กินข้าวครั้งหน้า ไปกินที่โรงแรมเถอะครับ ไม่ต้องเปลืองแรง""ค่ะ"ไห่ถงไม่ได้เห็นต่าง เพราะวันนี้เป็นการพบปะของทั้งสองครอบครัว เธอต้องโชว์ฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์หน่อย จึงให้ทุกคนมาที่บ้าน"คุณยายพูดอะไรหรอครับ?"จู่ ๆ จ้านหยินก็เอ่ยถามขึ้นทันใดนั้นไห่ถงก็หยุดมือจากสิ่งที่ทำอยู่ แล้วหันไปหาเขาจ้านหยินเองก็มองเธออยู่ จังหวะนั้นสองสามีภรรยาจึงสบตากัน จ้านหยินสัมผัสได้ถึงประกายล้อเลียนในแววตาของหญิงสาว จากนั้นเสียงเล็กก็ดังขึ้น "คุณยายถามฉันว่าเราแยกห้องนอนหรือเปล่า? ท่านบอกว่าเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เลยอยากให้ฉันปลุกความกล้าที่จะเป็นฝ่ายรุก จับคุณกด จับคุณถอดเสื้อผ้า แล้วเผด็จศึกคุณซะ"จ้านหยิน "..."นี่เป็นสิ่งที่คุณยายของเขาพูดออกมาเอง"คุณยายยังบอกด้วย ว่าปีหน้าท่านจะได้อุ้มเหลนสาว ท่านเน้นเสียงหนักเลยนะคะว่าต้องเป็นเหลนสาว ท่านบอกว่าถ้าเราได้ลูกชายก็ขอให้มีลูกไปเรื่อย ๆ จนกว่าเป็นเป
แต่ขอโทษนะ ความเป็นสามีภรรยาระหว่างพวกเขายังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นนั้นถึงยังไงพวกเขาก็แค่ต้องใ้ช้ชีวิตด้วยกันให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน ต่อให้เขาจะโกรธเธอจะเป็นจะตายแค่ไหน ตราบใดที่เขาไม่ไล่เธอออกจากบ้าน เธอก็ไม่แคร์หรอกไห่ถงล้างจานชามเสร็จ ก็ทำความสะอาดห้องครัวต่อจนเรียบร้อย จากนั้นจึงออกไปถูบ้าน แล้วจบลงที่เธอออกไปนั่งเก้าอี้ชิงช้าที่ซื้อมาไว้ตรงระเบียง ลมยามค่ำคืนพัดโชยสวนกับเก้าอี้ที่แกว่งเบา ๆ ไห่ถงรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากตอนนี้ระเบียงของเธอแทบจะกลายเป็นสวนดอกไม้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งมองดูต้นไม้ดอกไม้ที่เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพพวกนี้ ไห่ถงก็ต้องถอนหายใจให้กับฝีมือสุดเนี๊ยบของจ้านหยินอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้งเสียงฝีเท้าหนักอึ้งดังขึ้น และยิ่งเข้าใกล้ระเบียงมากขึ้นเรื่อย ๆเพียงชั่วอึดใจจ้านหยินก็ปรากฎตัวขึ้นที่ระเบียง เมื่อเห็นไห่ถงกำลังนั่งแกว่งชิงช้าอย่างสบายใจเฉิบ จ้านหยินก็ยิ่งหน้าบึ้งมากขึ้นกว่าเดิมชายหนุ่มเดินเข้ามาหา แล้วยื่นกระดาษส่องแผ่นให้เธอ"อะไรของคุณ?"ไห่ถงถามด้วยความสงสัยจ้านหยินไม่ตอบ แต่แสดงท่าทีชัดว่า อยากรู้ก็ดูซะสิ จะถามเพื่อ?เธอรับกระดาษสองแผ่นนั้นมา ไห
ไห่ถงรับปากกามาไว้ในมือ เธอลุกขึ้น เดินไปยังราวกั้นตรงระเบียงและใช้มันเป็นที่วางรองแผ่นกระดาษก่อนจะเซ็นชื่อจริงของตัวเองลงไปจ้านหยินหยิบหมึก เพื่อให้เธอประทับรอยนิ้วมือลงไปหนังสือสัญญาหนึ่งชุดสองฉบับ สองสามีภรรยาถือไว้คนละฉบับไห่ถงพับสัญญาแผ่นนั้นแบบลวก ๆ แล้วยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงจ้านหยินเห็นการกระทำนั้นของเธอ ทันใดนั้นความร้อนระอุก็ผุดขึ้นในอก แต่เขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้ เพราะถึงยังไงสัญญาที่เขาเขียนขึ้น ข้อตกลงทุกอย่างล้วนเขียนมาเพื่อห้ามปรามเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่แม้แต่จะแก้ไขหรือเพิ่มเติมอะไร"วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบนอนเถอะ""คุณก็ด้วยค่ะ"ไห่ถงเสริมอีกประโยคด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ "ฉันจะนั่งชมดอกไม้ต่ออีกหน่อย ฉันฝันมาตลอดว่าอยากมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมที่ระเบียงบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนี้ฝันของฉันเป็นจริงแล้ว ฉันอยากจะดูให้หนำใจ"หญิงสาวไม่ได้เก็บเรื่องสัญญามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อยเธอแต่งงานกับเขาโดยที่ไม่ได้หวังอะไรจริง ๆ น่ะหรอ? ทั้งหมดนี้เป็นเขาที่เพ้อเจ้อไปเองคนเดียวหรือไง?ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงทำท่าทางเหมือนละทางโลกได้ขนาดนี้ นอกจากจะไม่โกรธแล้วยังยิ้มได้อีกจ้านหยิน
ระหว่างเขาสองคนก็เป็นแค่สามีภรรยาในนาม ถึงเขาจะเมา ก็ไม่ได้ต้องการให้เธอมาดูแลอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ ดีไม่ดีผู้หญิงคนนั้นอาจจะฉวยโอกาสนี้แตะอั๋งเขาก็ได้อายุก็ปาเข้าไปสามสิบ แต่เขายังไม่เคยเสียแม้แต่จูบแรกเลยด้วยซ้ำอย่าพูดไปถึงเรื่องพรหมจรรย์เขาไม่เคยเชื่อในเรื่องความรักคุณยายจ้านมักจะว่าเขาเป็นพวกไม่มีหัวใจ แต่ก็เป็นเพราะเขาไม่เชื่อเรื่องความรัก ถึงได้ยอมสานฝันให้หญิงชราด้วยการแต่งงานกับไห่ถง หลังจากทนฟังคำบ่นจนหูใกล้จะบอดเต็มทีแต่นี่ก็คลำตั้งแต่หัวจรดเท้า จ้านหยินก็ยังหากุญแจบ้านไม่เจอ เขาเอ่ย "...อาเจ็ด เรียกนายหญิงของพวกนายก็แล้วกัน"ดูเหมือนเขาจะลืมหยิบกุญแจบ้านออกมาบอดี้การ์ดเคาะประตูทันทีไห่ถงหลับไปแล้ว แต่เธอไม่ได้หลับลึกจึงได้ยินเสียงเคาะประตู หญิงสาวตื่นขึ้นมาเงี่ยหูฟังอีกครั้ง ก็พบว่ามีคนเคาะประตูอยู่จริง ๆ จึงรีบลุกขึ้นมาตั้งใจจะไปเปิดประตู ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในชุดนอน เธอคว้าเสื้อคลุมกันหนาวในตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วจึงออกไปเปิดประตูทันทีที่ประตูเปิดออก จ้านหยินและอาเจ็ดเห็นไห่ถงใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาเตอะ ต่างก็ชะงักตอนนี้เพิ่งจะเข้าเดือนเจ็ด อย
จริง ๆ แล้ว วันสุดสัปดาห์แบบนี้ที่ร้านไม่ค่อยยุ่ง ตลอดทั้งวันแทบจะไม่มีลูกค้า จะไม่เปิดร้านก็ยังได้ไห่ถงมาที่ร้านก็เพราะที่นี่เงียบดี ทำให้เธอมีสมาธิที่จะทำงานฝีมือที่ขายบนร้านออนไลน์ของตัวเองได้เซินเสี่ยวจวินเองก็มาร้านเหมือนกันเมื่อเห็นไห่ถงอยู่ที่ร้าน เซินเสี่ยวจวินก็ถามด้วยความแปลกใจ "ถงถง วันนี้วันอาทิตย์ทำไมเข้าร้านล่ะ? ปกติเธอต้องพาหลานไปเดินสวนสาธารณะไม่ใช่หรอ""ฉันต้องปล่อยสินค้าตัวใหม่บนออนไลน์น่ะ"ไห่ถงถักงานฝีมือ พร้อมกับเงยหน้ามองเพื่อนสนิท แล้วพูดยิ้ม ๆ "ว่าแต่เธอล่ะ?""อย่าให้พูดเลย ฉันโดนแม่บ่นจนหูชา เลยหนีมาร้านนี่แหละ""คุณป้าบ่นอะไรเธออีก?""จะอะไรได้อีก ก็บ่นที่พวกเราไปงานเลี้ยงคืนนั้น แต่ตกเหยื่อรวย ๆ กลับมาไม่ได้น่ะสิ แม่ฉันคงคิดว่าหาสามีรวยมันง่ายมากมั้ง ไม่ย้อนมองดูสภาพลูกสาวตัวเองบ้างเลย คิดว่าฉันเป็นนางงามจักรวาลหรือไง"ไห่ถงหัวเราะก๊ากคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็แบบนี้แหละ พอลูกตัวเองเริ่มเข้าสู่วัยคานทอง ก็เริ่มเป็นเดือนเป็นร้อนหาคู่ให้ลูกตัวเองอายุยี่สิบห้า ถ้าเป็นสมัยก่อนที่คนแต่งงานมีลูกกันเร็ว ก็คงเรียกว่าวัยขึ้นคานได้แหละ แต่ในยุคสมัยนี้ ถือว่ายัง
คุณยายจ้านได้รับงานฝีมือของไห่ถงซึ่งถักด้วยผ้าไหมทองแดง ฝีมือการถักทอของเธอนั้นสวยเสมือนงานแท้ หญิงชราถึงขนาดวางเอาไว้ตามจุดเตะตาต่าง ๆ ในบ้าน แม้ว่าของพวกนั้นจะไม่ได้มีราคาแพง แต่เป็นความตั้งใจของหลานสะใภ้ของเธอเวลามีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าเหล่านั้นที่ร้าน ต่างก็ชมฝีมือการถักของไห่ถงเป็นเสียงเดียวกัน คุณยายจ้านเองก็ถือโอกาสช่วยไห่ถงขายงาน ทำให้ลูกค้าหลายคนที่เข้ามาต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วยตลอด จนกลายเป็นเพิ่มยอดขายในร้านออนไลน์ไปด้วยแบบไม่รู้ตัว"คุณยายจ้าน ดื่มน้ำก่อนค่ะ"เซินเสี่ยวจวินรินน้ำให้คุณยายจ้านแก้วนึง"ขอบคุณจ้า วันนี้หนูจวินก็อยู่ร้านด้วยหรอ""เฮ้อ ถ้าไม่ใช่เพราะโดนคุณแม่บ่นเรื่องแต่งงาน หนูก็คงไม่หนีมาหลบภัยที่ร้านหรอกค่ะ เอะอะก็นัดให้หนูไปดูตัวอยู่นั่นแหละ ตอนนี้หนูเริ่มรู้สึกตัวเองเป็นแค่สินค้ายังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวเย็นนี้จะให้หนูไปนัดบอดที่ร้านกาแฟXXอีกแล้วนะคะ นี่หนูก็กำลังตื๊อให้ถงถงไปเป็นเพื่อนอยู่ค่ะ"ทันใดนั้นแววตาของคุณยายจ้านก็เปล่งประกาย รอยยิ้มประหลาดผุดขึ้น "แต่ยายเข้าใจคุณแม่ของเรานะ เพราะยายเองก็กำลังปวดหัวที่หลานชายคนอื่น ๆ ยังไม่มีแฟนแต่งงาน
คุณยายจ้านหัวเราะ "อายอะไรลูก? เราสองคนเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าอาจ้านไม่เริ่ม หนูก็ต้องเป็นฝ่ายรุกก่อน ยายอยากอุ้มเหลนจะแย่แล้ว"ไห่ถงพูดไปหน้าแดงไป "คุณยาย หนูพูดตรง ๆ แบบไม่กลัวคุณจะโกรธเลยนะคะ แต่แค่เห็นหน้าเคร่งขรึมของหลานชายคุณยาย หนูก็หมดอารมณ์แล้วล่ะค่ะ"คุณยายจ้าน "..."จ้านหยินเหมือนปู่ของเขา คือเป็นผู้ชายนิสัยเย็นชาแต่กำเนิด สมัยคุณยายจ้านสาว ๆ พอรู้ว่าตัวเองตกหลุมรักคุณปู่ ก็เดินหน้าจีบอยู่หลายปี พยายามทำทุกวิถีทางจนได้เขาเป็นสามีในที่สุด"แค่คิดว่าถ้าหนูต้องจูบเขา คงไม่ต่างอะไรกับจูบกะโหลกอายุร้อยปีที่ทั้งแข็งทั้งเย็นเฉียบ มีหวังริมฝีปากของหนูได้เปื่อยก่อนพอดี"คุณยายจ้าน "...""เรื่องระหว่างหนูกับจ้านหยิน คุณยายอย่ากังวลเกินไปเลยค่ะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่านะคะ"เพราะถึงยังไงเธอกับเขาก็ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันทุกวันทุกคืนคุณยายจ้านลอบตำหนิ จะให้คนแก่อย่างเธอไม่กังวลได้ยังไง ในเมื่อเด็กสาวตรงหน้าเป็นหลานสะใภ้คนโปรด และก็ต้องมาแต่งงานโดยที่เจ้าตัวไม่ได้เต็มใจเพราะถูกบังคับ ถ้าไห่ถงต้องใช้ชีวิตหลังแต่งงานโดยไม่มีความสุข เธอจะรู้สึกโทษตัวเองไปจนตลอ
เซินเสี่ยวจวินหัวเราะชอบใจมากขึ้น เธอชอบอารมณ์ขันของคุณยายจ้าน เสี่ยวจวินยังไม่เคยเจอจ้านหยินตัวเป็น ๆ แต่จากที่ฟังเพื่อนรักพูดชายหนุ่มเป็นคนเย็นชา เธอจึงไม่เข้าใจว่าคุณยายจ้านเลี้ยงหลานคนนี้ด้วยวิธีไหนกันแน่ ทำไมหมอนั่นถึงต่างจากคุณยายแบบลิบลับขนาดนี้ไม่นาน จ้านอี้เฉินก็มาถึงเขามาเพื่อรับคุณผู้หญิผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้าน ซึ่งคุณผู้หญิงของเขาก็ย้ำแล้วย้ำเล่าว่าให้เขาขับรถที่ราคาถูก ๆ มาแต่รถคันที่ถูกที่สุดในโรงจอดรถที่บ้าน ก็เป็นคันที่เอาไว้ให้สำหรับคนใช้ขับไปจ่ายตลาด ซึ่งราคาก็เจ็ดหลักอยู่ดี ครั้นจะไปซื้อคันใหม่เอาตอนนี้ก็ไม่ทัน จ้านอี้เฉินจึงต้องยืมรถปิ๊กอัพของคนสวนมารับคุณยายแทน"พี่สะใภ้ ผมมารับคุณยายกลับบ้านครับ"จ้านอี้เฉินเดินเข้าร้านมาก็เอ่ยทักทายไห่ถง"จ้า ขับรถดี ๆ นะ คุณยายถึงบ้านแล้วส่งข้อความบอกหนูหน่อยนะคะ" ไห่ถงกำชับสองยายหลาน แล้วยื่นงานฝีมือสองชิ้นที่เพิ่งถักเสร็จวันนี้ให้พวกเขา ชิ้นที่เธอมอบให้จ้านอี้เฉินคือกระถางต้นไม้ทองสัมฤทธิ์ มีความหมายว่าขอให้ร่ำรวยจ้านอี้เฉินไม่ได้ปฏิเสธ ในบ้านก็มีงานฝีมือของพี่สะใภ้เต็มไปหมด ซึ่งเขาเองก็ชอบเยี่ยมชม เขาคิดว่าถึงแ
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้