"นอกจากนี้ เสี่ยวเป่ายังถูกใครบางคนลักพาตัวไป ถ้าไม่ใช่เพราะไห่ถงไล่ตาม ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพี่สาวของคุณนตอนนี้"หลังจากที่ลูกชายของเธอถูกส่งตัวกลับคืนมา โจวหงอิงก็คุกเข่าต่อหน้าไห่ถงเพื่อขอบคุณเธอ ซึ่งทำให้เย่เจียนีนตกใจในฐานะแม่ เธอทำอะไรก็ได้เพื่อประโยชน์ของลูกโจวหงหลินพูด: "คุณไม่เห็นจ้านหยินนำคนมากมายมาเพื่อรับพวกเขาเหรอ? ประธานซางยังนำคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย และหยางหยางก็มีคนมากมายที่จะปกป้องเขา ในฐานะพ่อ ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะแทรกตัวไปอยู่ตรงหน้าเขาและแสดงความห่วงใยด้วยซ้ำ"เย่เจียนี:“......”"เสี่ยวเป่ากลัวมาก และพี่สาวของฉันก็เช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงพี่สาวของฉันเลย พวกเราทุกคนก็กลัว"ความสัมพันธ์ระหว่างโจวหงหลินกับพี่สาวของเขาไม่ค่อยดีนักในช่วงนี้ ท้ายที่สุดแล้ว เหรินเสี่ยวเป่าก็เป็นหลานชายของเขาเอง ถ้าเขาไม่ได้บอกว่าจะไปเที่ยวสวนสัตว์ แม่ของเขาคงไม่ชวนพี่สาวแล้วพาเหรินเสี่ยวเป่าไปด้วย และอุบัติเหตุแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นโชคดีที่เหรินเสี่ยวเป่าได้รับการช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเขาคงรู้สึกผิดไปด้วยเมื่อครอบครัวสูญเสียลูกไป ครอบครัวนั้นก็จะแตกแยก“ในอนาคต เราควรหลีกเลี่ยงก
"พ่อแม่คุณเลี้ยงคุณมาไม่ง่าย แล้วพ่อแม่เลี้ยงฉันมาง่ายมากเหรอ? คุณบอกให้ฉันยอมทนพวกเขา ทําไมล่ะ? แม่ของคุณไม่เคยเลี้ยงฉันมาสัหน่อย เธอเอาแต่คอยหาเรื่้องฉันอยู่ตลอด บอกว่าฉันสู้ไห่หลิงไม่ได้บ้าง เปรียบเทียบฉันกับไห่หลิงบ้าง คุณยังไม่อนุญาตให้ฉันโกรธอีกเหรอ?""ทุกๆ วันต่อหน้าฉัน พวกเขามักจะพูดว่าไห่หลิงดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ว่าฉันแย่แค่ไหน หาเลี้ยงตัวเองก็ไม่ได้ ไม่ทำอาหาร ซื้ออาหารสำเร็จรูปกลับบ้านตลอด และฉันก็ยุ่งเหมือนกัน ส่วนเธออยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำอาหาร รอให้ฉันกลับมาทำอาหารให้แม่คุณ นั่นไม่ใช่การรังแกฉันหรอกเหรอ?""ตอนที่ฉันมาบ้านคุณครั้งแรก แม่ของคุณดีกับฉันมาก แม้แต่พี่คุณก็ยังดีกับฉันมาก ฉันคิดว่าเป็นเพราะไห่หลิงรับมือกับความสัมพันธ์แม่สามีไม่ได้ เธอจึงพูดถึงพี่กับแม่ของคุณอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าพวกเขาเก่งเรื่องการแสดงเกินไป และฉันก็ถูกหลอก"เป็นความผิดของเธอเองที่เดินเข้าไปในกับดัก“ฉันคิดว่าฉันแตกต่าง แต่สุดท้าย...”การปฏิบัติต่อภรรยาและเมียน้อยนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง“แล้วคุณ คุณเคยตามใจฉัน แต่ตอนนี้น่ะเหรอ?”โจวหงหลินพยายามปลอบเธอ: "ฉันยังตามใจคุณเหมือนเดิม ตอ
เธอต้องพยายามอย่างหนักเพื่อแย่งชิงโจวหงหลินจากไห่หลิง และทำให้ทุกอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าเส้นทางจะยากลำบากเพียงใด เธอก็จะยังคงไปต่อไม่เช่นนั้น เธอจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของไห่หลิงไห่หลิงคงบอกว่ามันคือเวรกรรม!"ไปนอนเถอะ เลิกพลิกตัวไปมาได้แล้ว เสี่ยวเป่าไม่ใช่ลูกของคุณ และแม้แต่พี่สาวของฉันก็คงไม่นอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้ ในฐานะน้า คุณกลับกลัวแล้วนนอนไม่หลับ"โจวหงหลินพูดในขณะที่เขากอดเย่เจียนีและหาวอีกครั้ง “ฉันเหนื่อยมาก”เย่เจียนีบ่นในใจอย่างลับๆ เธอไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเหรินเสี่ยวเป่าเหรินเสี่ยวเป่าเป็นเพียงเด็กนิสัยเสียที่ทำลายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางของเธอไปมากมาย เธอเกลียดเด็กนั้นสุดๆ เมื่อเธอเห็นเหรินเสี่ยวเป่าถูกอุ้มไป เธอก็แค่ตกใจ แต่กลับไม่กังวลเลย แถมยังรู้สึกพอใจเล็กน้อยด้วยซ้ำสองพี่น้องไห่ใจดีและใจกว้าง และเป็นพวกเธอยินดีที่จะส่งคนมาช่วยเหรินเสี่ยวเป่าเย่เจียนีคิดกับตัวเองว่า ถ้าเป็นเธอ เธอคงไม่ไปช่วยเหรินเสี่ยวเป่า มันคงจะดีกว่าถ้าเขาถูกจับไป ในอนาคตโจวหงอิงจะยังคงเย่อหยิ่งต่อไปหรือเปล่า?โจวหงหลินกลับไปนอนหลับอีกครั้งอย่างรวดเร็วเย่เจียนีไม่สามารถพูดค
คุณยายจ้านพึมพำและไม่ได้พูดต่อในหัวข้อนี้"ที่รัก รถที่คุณให้ฉันในวันวาเลนไทน์นั้นฝากป้าเหลียงขับมาให้ด้วย มันไม่สะดวกเลยที่จะออกไปไหนโดยไม่มีรถ""โอเค"จ้านหยินตอบด้วยรอยยิ้มของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้ภรรยาในวันวาเลนไทน์ในที่สุดก็ถูกใช้แล้วคุณยายจ้านพูดกับไห่ถงว่า "ถงถง นั่นแหละที่ควรเป็น สามีของเธอหาเงินให้เธอ เธอควรใช้จ่ายให้มาก และยิ่งเธอใช้จ่ายมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขและมีแรงจูงใจที่จะหาเงินมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเธอไม่ใช้เงินอย่างหนัก เงินที่เขาได้รับก็จะเป็นแค่กระดาษ เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือรู้สึกว่าประสบความสำเร็จเมื่อมองดูมัน"ไห่ถงหัวเราะ: “คุณยายคะ ฉันไม่ขาดแคลนเงินที่จะใช้หรอก”จ้านหยินมักจะฝากเงินเข้าบัญชีครัวเรือนของเขาเงินออมของเธอถูกเอาใช้ใกล้หมดแล้ว แต่ไม่ว่าจ้านหยินจะให้เงินเธอไปเท่าไร เธอก็ใช้ไม่หมดนอกจากนี้ เธอไม่ใช่คนใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยจ้านหยินดูแลเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหมดของเธอทุกวันนี้ แม้แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางก็เป็นจ้านหยินที่จัดการถ้าไห่ถงไปช้อปปิ้ง เธอไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรอีกต่อไป เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"คุณยาย ฉันยกทรั
"ที่รัก คุณต้องหาวิธีพาซีฉีออกมาให้ได้ เธอไม่เคยทุกข์ทรมานแบบนี้มาก่อน" คุณนายหนิงพูดด้วยความเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กเธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับลูกชายของเธอที่กำลังเรียนมัธยมปลายอยู่ลูกชายของเธออาศัยอยู่ที่โรงเรียนและเป็นนักเรียนมัธยมปลาย กลับบ้านเดือนละครั้งเท่านั้น เธอทำแค่ต้องเติมเงินในบัตรอาหารของลูกชายก็พอ ลูกชายมีความรู้มากกว่าลูกสาว สิ่งเดียวที่ทําให้เธอไม่พอใจก็คือลูกชายปกป้องหนิงอวิ๋นชูพี่สาวคนโตเป็นอย่างดีตราบใดที่ลูกชายของเธออยู่ที่บ้าน เธอต้องอ่อนโยนกับหนิงอวิ๋นชูเพื่อป้องกันไม่ให้เขาทะเลาะกับเธอ"ตอนนี้ซีฉีถูกขังมาเพียงสิบห้าวัน และเธอจะออกมาหลังจากสิบห้าวัน สิ่งที่เราควรเป็นกังวลคือนายหญิงจ้านจะฟ้องเธอ"ประธานหนิงถอนหายใจและพูดว่า "เรายังต้องไปขอโทษนายหญิงจ้าน"ลูกสาวอันล้ำค่าสร้างปัญหา และประธานหนิงก็วิตกกังวลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขากลับคิดถึงเรื่องนี้มากกว่า ต่างจากภรรยาของเขาที่ต้องการเพียงแค่นำลูกสาวของเธอกลับมา"พวกเราได้ขอโทษไปแล้ว ฉันถึงกับส่งอวิ๋นชูไปที่ร้านของนังผู้หญิงไห่ถงคนนั้นเพื่อขอความเมตตา แต่ก็ไร้ประโยชน์ นังผู้หญิงไห่ถงคนนั้นตั้งใจจะขังซีฉีเอาไว้ เธอถ
เธอหันหน้าไปทางรถและพยายามเพื่อดูว่าใครกำลังจอดรถอยู่ แต่โชคไม่ดีที่ดวงตาของเธอยังคงมืดสนิทด้วยแสงสลัวๆ ที่ไม่ทำให้เธอเห็นได้ชัดเจนนักเธอรู้สึกเหมือนว่าแสงอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เธอไม่สามารถจับต้องได้“คุณเดินไปที่ร้านทุกวันไหม?”เสียงทุ้มดังขึ้นหนิงอวิ๋นชูจำเสียงนั้นได้ มันคือเสียงของจ้านอี้เฉินจ้านอี้เฉินถูกพี่สะใภ้หลอกและส่งหนิงอวิ๋นชูกลับไปที่ร้านดอกไม้ เมื่อหนิงอวิ๋นชูขอบคุณเขาและถามชื่อของเขา จ้านอี้เฉินก็ไม่ปกปิดตัวตนเหมือนที่พี่ใหญ่ของเขาทำ เขาบอกกับหนิงอวิ๋นชูว่าเขาคือนายน้อยคนที่สองของตระกูลจ่าน จ้านอี้เฉิน"นายน้อยสองจ้าน"เมื่อรู้ว่าเป็นจ้านอี้เฉิน หนิงอวิ๋นชูก็เผยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ“ตระกูลหนิงไม่มีคนขับรถเหรอ?”“ตระกูลหนิงมีคนขับรถ แต่ฉันไม่มี”จ้านอี้เฉินเม้มริมฝีปาก ขณะที่คุณยายเลือกภรรยาให้เขา เธอตาบอดทั้งยังน่าสงสารเล็กน้อย พ่อของเธอตาย และแม่ของเธอไม่สนใจเธอ"ขึ้นรถเถอะ ผมจะพาคุณกลับไปที่ร้าน"หนิงอวิ๋นชูยืนนิ่งและถามจ้านอี้เฉิน "นายน้องสองจ้าน คุณมาที่นี่ทำไม?"หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จ้านอี้เฉินก็พูดขึ้น "ผมเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อเร็วๆ นี้ว่าผม
จ้านอี้เฉินหันศีรษะมามองเธอแล้วพูดว่า "คุณมองไม่เห็น แม้รถบัสจะผ่านมาแต่คุณก็หยุดมันไม่ได้เหมือนกัน"อวิ๋นชูตอบ: “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูช่วยเหลือดีมาก พวกเขาช่วยโบกรถให้ฉันและคอยดูแลให้ฉันขึ้นรถ”จ้านอี้เฉินยังคงเงียบสองคนนี้ไม่คุ้นเคยกันจ้านอี้เฉินไม่ได้วางแผนที่จะทำอะไรเร็วขนาดนั้น หลังจากถูกพี่สะใภ้เล่นงาน เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องเริ่มจีบหนิงอวิ๋นชู เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้หัวเราะเยาะ อย่างไรก็ตาม เขารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับหนิงอวิ๋นชูคุณยายของเขาให้ข้อมูลพื้นฐานแก่เขาเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เขาไม่รู้อะไรเลยหากไม่มีความเข้าใจและความคุ้นเคย ก็ไม่มีหัวข้อให้พูดคุยในการเดินทางครั้งนี้ คนหนึ่งขับรถอย่างตั้งใจ ในขณะที่อีกคนตั้งใจฟังเสียงเพลงในรถเมื่อรถหยุดก็มาถึงร้านดอกไม้ "ดอกไม้ผลิยามฤดูใบไม้ผลิ" แล้วจ้านอี้เฉินหันศีรษะแล้วพูดกับหนิงอวิ๋นชู "คุณหนูหนิง เราถึงร้านดอกไม้ของคุณแล้ว"หนิงอวิ๋นชูถอนหายใจ ปลดเข็มขัดนิรภัย ก้มตัวลงหยิบร่มจากเท้า คลำหาประตู จากนั้นก็ลงจากรถอย่างระมัดระวังก่อนจะกางร่มอย่างไรก็ตาม เธอมาด้วยรถ และเมื่อลงจากรถ เธอไม่ร
“ตอนคุณหนูหนิงทำอะไรพวกนี้ คุณดูไม่เหมือนคนตาบอด”หนิงอวิ๋นชูวางไม้เท้ากลับที่เดิมและพูดอย่างใจเย็นว่า "การฝึกฝนทำให้เก่งขึ้น ฉันเปิดร้านขายดอกไม้มาหลายปีแล้วและทำแบบนี้ทุกวัน ฉันชินแล้วและทำได้ดีตามความรู้สึกของฉัน"หลังจากเปิดร้านแล้ว หนิงอวิ๋นชูก็วางไม้เท้าลงและเริ่มเคลื่อนย้ายกระถางดอกไม้ที่ครอบครองพื้นที่ออกไปอย่างชำนาญ“วันนี้คุณกำลังมองหาดอกไม้ประเภทไหนอยู่คะ นายน้อยสอง”ขณะที่เธอกำลังถือดอกไม้ เธอถามจ้านอี้เฉินว่า นายน้อยสองค่อยๆ เลือกก่อนก็ได้"หลังจากที่เธอย้ายกระถางดอกไม้หลายกระถาง จ้านอี้เฉินก็เลิกเป็นผู้ชมในที่สุดและก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเธอย้ายกระถางดอกไม้ทั้งหมดที่ต้องวางไว้ที่ทางเข้าร้านดอกไม้กระถางดอกไม้แต่ละกระถางมีชื่อดอกไม้ แต่ชื่อไม่ได้เขียนไว้บนกระดาษ แต่เขียนไว้บนแผ่นไม้เล็กๆ ที่สลักชื่อดอกไม้ไว้ ด้วยวิธีนี้หนิงอวิ๋นชูจะสามารถทราบได้ว่าลูกค้าสนใจดอกไม้ชนิดใดโดยการสัมผัสตัวอักษรที่แกะสลักด้วยมือของเธอ“คุณมองไม่เห็น การทำธุรกิจแบบนี้ไม่ทำให้คุณลำบากเหรอ”“มันไม่สะดวก แต่ฉันต้องทำ ฉันต้องมีชีวิตรอด”น้ำเสียงของหนิงอวิ๋นชูยังคงสงบและไม่หวั่นไหวเหมือนเช่นเ