หนิงซีฉียังเด็กและหยิ่งยโส แต่เธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเธอจำได้ว่าในงานเลี้ยงของตระกูลตง เธอต้องการทำร้าย หนิงอวิ๋นชู แต่กลับถูกไห่ถงขวางไว้ ในเวลานั้น เธอถูกไห่ถงรั้งเอาไว้ขณะที่ซางเสี่ยวเฟยบังคับให้เธอดื่มไวน์ผสมยา เมื่อฤทธิ์ของยาเริ่มออกฤทธิ์ เธอเกือบจะถอดเสื้อผ้าออกที่งานเลี้ยงแม่ของเธอรีบพาเธอกลับบ้าน ซึ่งเธอแช่ในน้ำแข็งครึ่งคืน หลังจากฤทธิ์ยาหมดลง เธอจึงกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง แต่การแช่เป็นเวลานานทำให้เธอมีไข้สูงพ่อแม่ของเธอเสียใจมากอย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับเธอเพราะเบื้องหลังคนบ้านนอกคนนี้คือนายน้อยจ้านพ่อของเธออธิบายว่าแม้ว่าธุรกิจของตระกูลหนิงจะไม่ได้ตั้งอยู่ในกวนเฉิง แต่พวกเขาไม่สามารถทำให้นายน้อยจ้านขุ่นเคืองได้ จ้านซื่อกรุ๊ปมีอุตสาหกรรมในเมืองใหญ่ และหากพวกเขามีปัญหากับนายน้อยจ้าน จ้านซื่อกรุ๊ปก็สามารถแข่งขันกับหนิงซื่อกรุ๊ปได้อย่างง่ายดาย และพวกเขาจะต้องเดือดร้อนอย่างหนักพ่อของเธอตำหนิเธอด้วยว่าทำเกินไปในคืนนั้น เธอไม่ควรวางยาหนิงอวิ๋นชู แม้ว่าเธอต้องการทำให้หนิงอวิ๋นชูกลายเป็นตัวตลกก็ตาม มันมีอีกหลายวิธี และไม่จำเป็นต
หนิงอวิ๋นชูยิ้มและพูด: "หากนายหญิงไว้ใจฉัน ฉันจะช่วยจัดดอกไม้ให้"เธอวางไม้ค้ำยันลงและเริ่มจัดดอกไม้ให้ไห่ถงเมื่อเห็นเธอทำงานอย่างสบายๆ ไห่ถงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "คุณหนูหนิง คุณจำตำแหน่งของดอกไม้แต่ละดอกได้งั้นเหรอ?"ในขณะที่จัดช่อดอกไม้ หนิงอวิ๋นชูตอบ: "เนื่องจากฉันมองไม่เห็น ฉันจึงต้องพึ่งความจำ ฉันจ้างพนักงาน และทุกครั้งที่พวกเขาเติมสต็อก พวกเขาจะจัดดอกไม้และบอกฉันว่าดอกไม้แต่ละประเภทวางอยู่ที่ไหน""ร้านดอกไม้แห่งนี้เปิดมาหลายปีแล้ว ฉันจำทุกอย่างได้ และฉันไม่เคยทำผิดพลาด"ไห่ถงมองเข้าไปในดวงตาของหนิงอวิ๋นชูและถามอย่างลังเล "คุณหนูหนิง ดวงตาของคุณรักษาได้ไหม?"รอยยิ้มของหนิงอวิ๋นชูหายไปเล็กน้อยขณะที่เธอพูด: "ฉันสูญเสียแสงสว่างไปเพราะป่วยหนัก เป็นเรื่องดีที่ฉันสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ แล้วถ้าฉันมองไม่เห็นก็คือไม่เห็น ดีแล้วที่ฉันยังมีชีวิตอยู่"จู่ๆ เธอก็สูญเสียการมองเห็น เธอรู้สึกอึดอัดจนแทบจะคลั่งแต่เธอก็ไม่สามารถคลั่งได้ และเธอก็ไม่สามารถละทิ้งชีวิตแบบนี้ได้ เธอจึงอดทนและเอาชีวิตรอดมาได้จากแสงสว่างสู่ความมืด เธอเริ่มชินกับมันเมื่อมองโลกด้วยหัวใจ เธอพบว่าการมองเข้าไปในห
ไห่ถงฝืนยัดเงิน 1000 บาท ให้หนิงอวิ๋นชู หลังจากแตะธนบัตรสองใบด้วยมือของเธอ หนิงอวิ๋นชูก็ส่งธนบัตรใบหนึ่งคืนให้ไห่ถงแล้วพูด: "ถ้านายหญิงยืนกราน ฉันก็จะเอาครึ่งหนึ่งของราคา"เมื่อทราบว่าทั้งสองยังไม่คุ้นเคยกันและยังไม่ใช่เพื่อนกัน ไห่ถงจึงไม่ดื้อดึงอีกต่อไป เธอรับเงินหนึ่งร้อยหยวนคืนจากมือหนิงอวิ๋นชูแล้วยิ้ม "คุณหนูหนิง ขอบคุณมาก ดอกไม้ที่นี่สวยมาก หากฉันต้องการพวกมันในอนาคต ฉันจะมาหาคุณเพื่อซื้อดอกไม้"หนิงอวิ๋นชูยิ้ม: "ยินดีเสมอ ถ้านายหญิงต้องการอะไรในอนาคต โปรดโทรหาฉันล่วงหน้า บอกฉันด้วยว่าดอกไม้สำหรับใคร ฉันจะจัดเตรียมและห่อให้คุณ ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถมารับได้ในทันทีเมื่อคุณมาถึง"ขณะที่กำลังพูดอยู่ เธอก็หันหลังแล้วเดินไปที่แคชเชียร์ เธอค่อยๆ คลำหาทางด้านหลังอย่างระมัดระวัง เปิดลิ้นชักและหยิบกล่องนามบัตรออกมา เธอหยิบหนึ่งกล่องออกมาแล้วยื่นไปทางไห่ถง"นายหญิง นี่คือนามบัตรของฉัน"ไห่ถงเดินเข้ามา หยิบนามบัตร และพูดว่า "ฉันจะโทรหาคุณเมื่อฉันต้องการในอนาคต คุณหนูหนิง ฉันขอตัวก่อน""เดินทางปลอดภัยค่ะ นายหญิง"หนิงอวิ๋นชูคลำหาทางออกจากแคชเชียร์และพาไห่ถงออกจากร้านดอกไม้ด้วยตัวเอง เม
อากาศในเดือนตุลาคมของเมืองกวนเฉิงยังร้อนจัด มีเพียงตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้นที่สามารถทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความเย็นของปลายฤดูใบไม้ร่วงได้หลังจากไห่ถงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและทําอาหารเช้าให้ครอบครัวพี่สาวทั้งสามคนแล้ว เธอก็หยิบทะเบียนบ้านและจากไปอย่างเงียบ ๆ"จากนี้ไปเราจะใช้ระบบAAกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพหรือค่าผ่อนรถและผ่อนบ้าน ทุกอย่างก็ต้องAAกัน! น้องสาวคุณมาอยู่ที่บ้านเรา ก็ต้องบอกให้เธอช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งด้วยแค่ให้เงินมา 10,000 บาทละเดือนเอาไปใช้อะไรได้? มันจะไปต่างอะไรกับมากินฟรีอยู่ฟรีล่ะ?"นี่คือสิ่งที่ไห่ถงได้ยินพี่เขยของเธอพูด ตอนที่พี่สาวและพี่เขยทะเลาะกันเมื่อคืนนี้เธอต้องย้ายออกจากบ้านของพี่แต่มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พี่วางใจก็คือแต่งงานเธออยากจะรีบแต่งงานไปให้เร็ว แต่ว่าแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี เธอจึงตัดสินใจรับคำขอของคุณยายจ้าน หญิงชราที่เธอได้ช่วยเหลือไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอจะแต่งงานกับหลานชายคนโตของคุณยายจ้านซึ่งชื่อจ้านหยินที่การแต่งงานเป็นเรื่องยากยี่สิบนาทีต่อไป ไห่ถงก็ลงจากรถหน้าประตูสํานักงานเขต"ไห่ถง"ทันทีที่ลงจากรถ ไห่ถงก็ได้ยินเสียงตะโก
"หากตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจค่ะ"ไห่ถงคิดไตร่ตรองอยู่สองสามวันก่อนตัดสินใจ และตอนนี้เธอตัดสินใจดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่คืนคำเมื่อจ้านหยินได้ยินเธอพูดแบบนั้น เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจ แต่หยิบเอกสารของตัวเองออกมา แล้วมอบแก่เจ้าหน้าที่ไห่ถงก็หยิบเอกสารของตัวเองออกมาเช่นกันพวกเขาจดทะเบียนสมรสเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีเมื่อไห่ถงรับทะเบียนสมรสมาจากเจ้าหน้าที่ จ้านหยินล้วงกุญแจที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ไห่ถงพร้อมกับพูดว่า "บ้านที่ผมซื้อไว้อยู่ที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น ได้ยินคุณยายบอกว่าคุณเปิดร้านขายหนังสืออยู่ที่ประตูหน้าโรงเรียนมัธยมกวนเฉิง บ้านของผมไม่ไกลจากร้านขายหนังสือของคุณ ถ้านั่งรถเมล์ก็ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น""คุณมีใบขับขี่รถยนต์ไหมครับ? ถ้ามีใบขับขี่ผมสามารถจ่ายเงินดาวน์รถยนต์ให้ได้ครับ แต่คุณต้องผ่อนชำระงวดรถยนต์ทุกเดือน เมื่อมีรถยนต์แล้วคุณก็จะสะดวกในการเดินทางไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน"“งานของผมยุ่งมาก ผมออกจากบ้านเช้าตรู่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึก บางครั้งก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด
"คุณยายคะ หนูไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ"ไห่ถงตอบกลับแบบปัดๆถึงแม้ว่าคุณยายจ้านจะดูแลเธอดี แต่ทว่าจ้านหยินเป็นหลานแท้ๆ เธอเป็นเพียงแค่หลานสะใภ้ หากเราทั้งคู่มีปัญหาขัดแย้งกันจริงๆ ครอบครัวจ้านจะเข้าข้างเธอหรือไม่?ไม่ใช่ว่าไห่ถงไม่เชื่อแต่อาจเหมือนกับพ่อแม่สามีของพี่สาวเธอก่อนแต่งงานพ่อแม่สามีดูแลพี่สาวดีมาก ดีมากจนทำให้ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขาอิจฉาริษยาหลังจากแต่งงานพวกเขากลับกลายเป็นคนละคน ทุกครั้งที่พี่สาวกับสามีมีปัญหาขัดแข้งกัน แม่สามีจะตั้งใจกล่าวหาว่าเป็นเพราะพี่สาวทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีสุดท้ายแล้วลูกชายยังไงก็คือลูกในไส้ของพวกเขา แต่ลูกสะใภ้ก็ยังเป็นคนนอกวันยันค่ำ"หลานทำงานไปก่อนนะ ยายไม่รบกวนล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นยายจะเรียกอาหยินมารับหลานมาบ้านมากินข้าวเย็นด้วยกัน""คุณยายคะ หนูปิดร้านดึก น่าจะไม่สะดวกไปทานข้าวเย็นด้วยค่ะ แต่ถ้าเลื่อนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แทนได้ไหมคะ?"เพราะว่าโรงเรียนจะหยุดสุดสัปดาห์ ร้านหนังสือของพวกเขาต้องพึ่งพาโรงเรียนในการทำรายได้ เมื่อโรงเรียนหยุด ธุรกิจของพวกเขาก็จะซบเซา แล้วบางครั้งอาจจะไม่เปิดร้านเลย เธอจึงมีเวลาว่าง"ได้จ้ะ"คุณยายจ้านพูดอย่างเห็น
"พี่คะ แบบนั้นไม่ได้นะ นั้นเป็นทรัพทย์สินของเขาก่อนแต่งงาน ฉันไม่ได้ออกเงินช่วยซื้อสักบาท แล้วจะให้เขาเพิ่มในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกันอีกได้อย่างไร เรื่องนี้เราจะไม่พูดกันอีกนะคะ"เมื่อได้รับใบทะเบียนสมรสมา จ้านหยินก็มอบกุญแจบ้านให้ ทำให้เธอสามารถย้ายเข้าบ้านนั้นได้ทันที ปัญหาเรื่องบ้านก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย แค่นี้ก็ดีมากแล้วเธอจะไม่ขอให้จ้านหยินเพิ่มชื่อเธอในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน ถ้าเขาต้องการเพิ่มชื่อของเธอในใบครอบครองทรัพย์สินเอง เธอก็จะไม่ปฏิเสธในฐานะสามีภรรยาที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตไห่หลิงแค่พูดแบบไปนั้น เพราะรู้ว่าน้องสาวพึ่งพาตนเองก่อนและไม่โลภมาก เธอจึงหยุดกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้หลังจากที่ถูกพี่สาวสอบถามทุกเรื่องแล้ว ไห่ถงจึงสามารถย้ายออกจากบ้านพี่สาวได้สำเร็จพี่สาวต้องการไปส่งเธอที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น แต่ทันใดนั้นหลานชายโจวหยางตื่นขึ้นพอดี เจ้าตัวเล็กตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้และมองหาแม่ของเขา"พี่คะ พี่ไปดูแลหยางหยางก่อน สัมภาระของฉันไม่เยอะ ฉันไปคนเดียวได้"ไห่หลิงต้องป้อนข้าวลูกชาย เมื่อป้อนข้าวเสร็จแล้วก็ต้องเตรียมอาหารกลางวันต่อ เพราะสามีตอนเที่ยง
จ้านหยินพูดอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ประชุมต่อไป"คนที่สนิทกับเขามากที่สุดคือลูกพี่ลูกน้องคนโตของเขา และเป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลจ้าน ชื่อ จ้านอี้เฉินจ้านอี้เฉินเข้ามา กระซิบถามว่า "พี่ใหญ่ ผมได้ยินที่คุณยายพูดกับพี่แล้ว พี่แต่งงานกับคนที่ชื่อถงอะไรสักอย่างจริงๆ เหรอ"จ้านหยินมองเขาตาขวางจ้านอี้เฉินลูบจมูกและนั่งตัวตรง โดยไม่กล้าถามต่ออีกแต่ก็ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจถึงพี่ชายคนโตอย่างมากแม้ว่าลูกชายหลานชายของตระกูลจ้านไม่จำเป็นต้องแต่งงานเพื่อยกระดับฐานะของตน แต่พี่ชายคนโตและพี่สะใภ้ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ฐานะเหมาะสมกัน เพียงเพราะคุณยายชอบผู้หญิงที่ชื่อไห่ถง จึงต้องการให้พี่ชายคนโตแต่งงาน พี่ชายคนโตน่าสงสารจริง ๆจ้านอี้เฉินยังคงส่งความเห็นอกเห็นใจแก่พี่ชายคนโตอีกครั้งโชคดีที่เขาไม่ใช่หลายชายคนโต มิฉะนั้นคนที่แต่งงานกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของคุณยายก็เป็นเขาแล้วไห่ถงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เธอต้องถามให้ชัดเจนว่าบ้านใหม่ของเธออยู่ที่ชั้นไหน และเธอลากกระเป๋าเดินทางและหาบ้านใหม่จนเจอหลังจากเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอพบว่าบ้านค่อนข้างใหญ่ ใหญ่กว่าบ้านพี่สาวของเธอและตกแต่งอ