Share

บทที่ 396

Author: จิ้งซิง
หลังจากเก็บกวาดความระเนระนาดมามากเกินไป บัดนี้หากเวินเฉวียนเซิ่งต้องการทำให้สถานการณ์สงบขึ้น ก็ต้องจัดการกับลูก ๆ ของเขาให้ดี

ยังต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย มิฉะนั้นหากพลั้งเผลอเมื่อใดอาจจะมีคนไหนวิ่งออกไปหาเรื่องให้เขาอีก

ก็เหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย

เวินเฉวียนเซิ่งเองก็คาดไม่ถึง เขาเพิ่งโมโหจนเป็นลมไป เวินจื่อเยวี่ยก็วิ่งออกไปอีกแล้ว!”

ตอนที่ได้รู้ข่าว เวินเฉวียนเซิ่งแทบจะลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจจากอาการป่วยใกล้ตาย เดือดดาลเป็นอย่างมาก “ยังไม่รีบไปค้นหาอีก จับไอ้คนไม่เป็นโล้เป็นพายนั้นกลับมา! ถ้าเขาไม่กล้ากลับมา ก็หักขาทั้งสองของเขาแล้วลากกลับมา!”

พ่อบ้านยิ้มเจื่อน ๆ ทันที

แม้ว่าท่านกั๋วกงจะพูดเช่นนี้ แต่พวกเขามีหรือจะกล้าทุบตีขาของคุณชายสามจนหัก

โชคดีที่เวินเฉวียนเซิ่งนึกอะไรขึ้นได้อย่างฉับพลัน จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ไม่ ช้าก่อน ไปหาฉางอวิ้น ให้เขาไปพาตัวน้องชายไม่เอาถ่านของเขากลับมา!”

นับตั้งแต่องครักษ์ลับของจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกวาดล้างในครั้งนั้น พวกที่ได้รับการฝึกฝนในจวนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเวินจื่อเยวี่ยเลย

เขาต้องการออกไปข้างนอก ไม่มีใครห้ามเขาได้

โดยเฉพาะอย่า
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 397

    “พลั่ก!”เวินจื่อเฉินทนฟังต่อไปไม่ไหว ชกเข้าไปที่ใบหน้าเวินจื่อเยวี่ย“ท่าน...!”เวินจื่อเยวี่ยที่ถูกต่อยก็โกรธมากเช่นกัน หันกลับมาตอบโต้กลับเวินจื่อเฉินทันทีทั้งสองคนอยู่ในกรงเหล็กนั้น สถานที่แคบ ๆ แม้แต่จะซ่อนตัวยังไม่ได้ หมัดแล้วหมัดเล่า แต่ละหมัดประเคนใส่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานีไม่นานก็ตีกันจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียวสถานการณ์ทางนี้รุนแรง แต่ทางด้านนั้นเวินซื่อกลับไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเขา ก้มหน้าก้มตาปรุงยาสมุนไพรในมืออยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งพวกเขาสู้กันจนเหนื่อย เวินซื่อก็ปรุงยาในมือเสร็จแล้วไม่ใช่ยาเม็ด แต่เป็นยาน้ำที่มีกลิ่นแปลกประหลาดมากขวดหนึ่งหลังจากบรรจุเรียบร้อยแล้ว นางก็ลุกขึ้นยืนเดินออกไปถึงด้านนอกกรงเหล็ก กวาดสายตาผ่านเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ยทีละคน“ซี้ด”เวินจื่อเยวี่ยแสยะมุมปาก เจ็บปวดจนเขาต้องอ้าปากหอบ จากนั้นเขาก็จับกรงเหล็กมองไปยังเวินซื่อที่อยู่ข้างนอกพลางเอ่ยขึ้น“เวินซื่อ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าแค่ต้องการแก้แค้นข้าที่ทำลายแปลงสมุนไพรของเจ้า ใครใช้ให้ข้าตกอยู่ในมือของเจ้าในตอนนี้เล่า ข้ายอมแล้ว พูดมาเถอะ เจ้าต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะยอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 398

    ทุกครั้งที่มีหลานชายหรือหลานสาวถือกำเนิด สกุลหลานจะส่งของขวัญมาให้เช่นเดียวกับการมอบที่ดินที่กุยอวิ๋นให้กับเวินซื่อ พี่ชายทั้งสี่ของนางก็ได้รับที่ดินของพวกเขากันหมดเพียงแต่เวินซื่อเป็นหลานสาวคนเล็กเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงมอบภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นเพิ่มให้อีกแห่งหนึ่งในมือของเวินซื่อเยวี่ยก็คือที่ดินผืนใหญ่ในเขตชานเมืองที่มีชื่อว่าที่ดินสือไห่ชาติก่อนเวินเยวี่ยอยากได้ที่ดินเหล่านั้นในมือของพวกเขามาตั้งนานแล้วท้ายที่สุดแล้วที่ดินเหล่านั้นก็ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษจากสกุลหลาน เป็นที่ดินที่มีมูลค่ามากที่สุด ตราบใดที่ไม่ถูกทำลายหรือละทิ้งโดยตั้งใจ ต่อให้ปล่อยไว้เฉย ๆ ก็ยังคงเป็นภูเขาทองภูเขาเงินที่สามารถทำเงินได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายชีวิตแบบพวกเขาที่ครอบครองทุกอย่างมาตั้งแต่เกิดทำให้เวินเยวี่ยอิจฉาจนกลัดหนองอยู่ภายในใจการไม่แย่งชิงมาไว้ในมือมันเป็นไปไม่ได้เลยดังนั้นนางจึงเป็นคนแรกที่ขอให้เวินจื่อเยวี่ยและคนอื่น ๆ ช่วยนางแย่งชิงที่ดินที่กุยอวิ๋นและภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นไปจากมือของเวินซื่อ ต่อมาก็เกลี้ยกล่อมจนเวินจื่อเยวี่ยและคนอื่น ๆ ต่างมอบที่ดินในมือของแต่ละคนให้หลังจากได้รับมา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 399

    เวินจื่อเฉินอดทนกับกลิ่นที่ไม่ชวนดมนั้น ช่วยประคองเวินจื่อเยวี่ยที่หมดสติขึ้นมา ถ่างดวงตาของเขาออกดู พบว่าเขาเหมือนจะไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เพียงแค่สลบไปเท่านั้นแต่ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมตัวเขาถึงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย?หรือว่าน้องห้าจงใจเลี่ยงเขา?ภายในใจของเวินจื่อเฉินเกิดความดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อครู่ตอนที่น้องห้าสาดยาน้ำใส่ ได้สาดไปที่ร่างกายของน้องสามเท่านั้นจริง ๆดังนั้นก็หมายความว่า ในใจของน้องห้าคิดกับเขาแตกต่างออกไปบ้างใช่หรือไม่?เวินจื่อเฉินเพิกเฉยต่อชายเสื้อเปียกชุ่มที่อยู่ข้างลำตัวโดยสิ้นเชิง เพียงนึกถึงการคาดเดาอย่างคลุมเครือนั้นและแอบดีใจอยู่เงียบ ๆ……ในอีกด้านหนึ่ง เวินซื่อก็ไม่รู้ว่าเวินจื่อเฉินที่อยู่ในมิตินั้นยังคิดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่หลังจากนางออกมาจากมิติแล้ว ก็บำเพ็ญเพียรอธิษฐานสวดมนต์ขอพร ทั้งยังปลูกสมุนไพรตามปกติสิ่งที่ไม่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายก็คือ มีคนมาจากจวนเจิ้นกั๋วกงแต่เพียงสอบถามเหล่าซือไท่ที่อารามสุ่ยเสว่เท่านั้น ว่าเห็นคุณชายสามของพวกเขาหรือไม่ หลังจากได้คำตอบว่า “ไม่เห็น” ก็กลับไปแต่โดยดีเหล่าซือไท่ของอารามสุ่ยเยว่ก็ไม่ได้พูดโกหกจริง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 400

    บรรยากาศทั่วห้องใต้หลังคาสงบลงในชั่วพริบตาเวินจื่อเฉินไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่จ้องมองเวินซื่ออย่างสงบ น้ำตาไหลออกมาจากหางตาอย่างเงียบ ๆครึ่งชั่วยามต่อมา เวินซื่อได้หยิบยาถอนพิษที่ปรุงเสร็จเกือบหมดแล้วออกมา เดินไปที่ริมกรงเหล็ก เปิดฝาขวดแล้วสาดไปที่ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เวินจื่อเยวี่ยก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาในที่สุดสถานที่ยังคงเป็นที่เดิม บิดายังหาพวกเขาไม่เจออีกหรือ?เวินจื่อเยวี่ยนิ่งเงียบไม่พูดจา หลังจากพลิกตัวลุกขึ้นนั่งแล้ว ก็เห็นเวินจื่อเฉินนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของกรงเหล็ก กำลังเหม่อลอยอยู่เงียบ ๆถ้าเป็นแค่นี้ก็ไม่เป็นไรแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาประสาทหลอนจากยานั้นของเวินซื่อหรือเปล่า ดูเหมือนเขาจะมองเห็นคราบน้ำตาเล็กน้อยบนใบหน้าของพี่รอง?เวินจื่อเยวี่ยยกมือขึ้นขยี้ตาทันที จากนั้นก็ลืมตามองออกไปอีกครั้ง พบว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไปเขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “พี่รอง ท่านร้องไห้ทำไม?”หรือว่าหลังจากเวินซื่อใช้ยาจนเขาสลบไปแล้ว ก็ทำอะไรกับพี่รองอีก?เวินจื่อเยวี่ยที่คิดได้ดังนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง จึงรีบหันหน้าไปซักถามเวินซื่อทันทีแต่เขาเพิ่งจะอ้าปา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 401

    วันแรกผ่านไปวันที่สองผ่านไปวันที่สามผ่านไปเมื่อถึงวันที่สี่ คนของจวนเจิ้นกั๋วกงเดินทางมาอารามสุ่ยเยว่อีกครั้งแต่น่าเสียดายที่คำตอบของพวกนางยังเป็นไม่เคยเห็นคนของจวนเจิ้นกั๋วกงไม่ได้ตามหาไปทั่ว เพราะเวินเฉวียนเซิ่งรู้ดีว่าลูกชายอยู่ที่ใด เพียงแต่เขาไม่มีหลักฐาน ดังนั้นจึงไม่กล้าบุกเข้าไปตามหาแต่คนที่วนเวียนไปมาเชิงภูเขาหนานมีไม่น้อยพวกเขาล้วนแต่จับตามองบนภูเขาแต่น่าเสียดายที่เวินซื่อไม่ลงจากเขา พวกเขาจึงไม่พบเบาะแสใดเลยภายในมิติของหยก เวินซื่อยื่นอาหารของวันนี้ให้เวินจื่อเฉินในกรงเหล็กตามปกติ จากนั้นหันหลังนั่งลง แล้วจ้องมองสองคนที่อยู่ในกรงเหล็กเหมือนเช่นเคย“หิว...หิวเหลือเกิน...”เวินจื่อเยวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปภายในเวลาสามสี่วันมานี้ ไม่มีน้ำตกถึงท้องเขาสักหยด ไม่มีข้าวตกถึงท้องเขาสักเม็ดหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาต้องอดตายแน่ๆ“พี่รอง ให้ข้า...ให้ข้ากินหน่อย ขอร้องท่านละ ให้น้องชายอย่างข้ากินสักนิดเถอะ!”เวินจื่อเยวี่ยจ้องมองข้าวถ้วยนั้นในมือเวินจื่อเฉินด้วยดวงตาแดงก่ำ ท่าทางวิงวอนนั้น ไม่ได้เย่อหยิ่งเหมือนสองสามวันที่ผ่านมาเวินจื่อเฉินได้ยินเสียงแหบแห้งของเขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 402

    “เป็นไปไม่ได้ ขอเพียงอยู่ในเมืองหลวง ต่อให้อยู่ในพื้นที่รัศมีร้อยลี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหาไม่พบ!”“พี่รอง ท่านอย่าหลอกข้าเลย ข้ารู้ว่าท่านอยากพูดแทนเวินซื่อ อยากแย่งชิงที่ดินสือไห่ที่ข้าครอบครองไปมอบให้เวินซื่อใช่หรือไม่? แต่นั่นเป็นที่ดินของข้านะ เป็นสิ่งที่พวกท่านตามอบให้ข้า มีสิทธิ์อะไรที่เวินซื่อบอกว่าอยากได้แล้วข้าต้องให้?!”“สิทธิ์ที่พวกเราเคยแย่งชิงที่ดินของนาง!”เสียงของเวินจื่อเฉินกลบเสียงของเขากะทันหันเขาจับหัวตัวเอง เอ่ยอย่างเจ็บปวด “เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ตอนนั้นพวกเราแย่งที่ดินกุยอวิ๋นและภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นมาจากน้องห้า เพราะน้องหกบอกว่านางอยากได้”เวินจื่อเยวี่ยทำหน้าตึงแต่ไม่พูดสิ่งใดสุดท้ายเวินจื่อเฉินเอ่ยอย่างอ่อนแรง “ในฐานะพี่รองของเจ้า ข้าไม่ถือสาเรื่องที่เจ้ากับเจ้าสี่เคยทำก็ถือว่าดีมากพอแล้ว ตอนนี้ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าเจ้าคิดอย่างไร สุดท้ายนี้ข้าได้ตัดสินใจดีแล้ว” ไม่เพียงแค่เวินจื่อเยวี่ยที่มีที่ดิน เขาเองก็มีอีกอย่างเขาพอเดาได้ว่าเวินซื่อต้องการที่ดินพวกนั้นไปทำไมดังนั้นในเมื่อน้องสาวอยากได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางให้นางทีละนิด ชดเชยได้เท่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 403

    เวินซื่อยิ้มจางๆ “คำพูดของใต้เท้าจงหย่งโหวข้าเหมือนฟังไม่ค่อยเข้าใจ”จงหย่งโหวชะงัก เข้าใจทันที “ข้าน้อยพูดผิดเอง คำพูดของเจิ้นกั๋วกงคือ ขอถามธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทำอย่างไรจึงจะยอมให้อภัยพวกเขา?”เวินซื่อรู้ว่าเขามาด้วยเหตุใด ดังนั้นคนต้องอยู่กับนางแน่นอนแต่คำพูดบางอย่างเมื่อไม่มีหลักฐานจึงพูดตรงเกินไปไม่ได้“ที่ดินของสกุลหลานดีมาก ก็เหมือนที่ดินกุยอวิ๋นของข้า”เวินซื่อมองจงหย่งโหว “ได้ยินว่าเมื่อก่อนท่านโหวเองก็เคยไป คิดว่าท่านก็คงคิดเช่นนั้นสินะ?”จงหย่งโหวเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า พร้อมยิ้ม “ดีมากจริงๆ”เมื่อนำข่าวมาแจ้งเวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งย่อมฟังเข้าใจเขาแค่นหัวเราะ “เมื่อก่อนดูไม่เคยออกเลย ว่าลูกสาวอกตัญญูคนนี้ของข้าจะโลภมากเช่นนี้”จงหย่งโหวจิบน้ำชาหนึ่งคำ เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ พวกท่านเคยแย่งที่ดินกุยอวิ๋นกับภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นของนางให้เวินเยวี่ย?” “นางเอากลับไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกรำคาญเล็กน้อยจงหย่งโหวยิ่งไม่สบอารมณ์เขาถูกต้องว่าเอากลับไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นของนังหนูแต่เดิมอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นสิ่งที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 404

    “อู๋โยว ข้าขอทำด้วยตัวเองได้...”“ไม่ได้”“พลั่ก!”เวินซื่อฟาดกระบองลงไปอย่างไม่ออมมือ ตีจนเวินจื่อเฉินหมดสติเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน นางยังปิดตาของทั้งสองคนเอาไว้ จากนั้นมัดแขนมัดขาด้วยต่อมานำพวกเขาออกจากมิติ“จู๋เยวี่ย”เวินซื่อเรียกขานหนึ่งครั้ง จู๋เยวี่ยปรากฏตัวนอกห้องทันที จากนั้นเปิดประตูเข้ามา“พาตัวพวกเขาไปเถอะ พาไปที่กระท่อมหลังนั้นของเวินจื่อเฉิน”“ได้”วันนั้นตอนเที่ยงวัน เวินเฉวียนเซิ่งก็ได้รับข่าว “ไปรับตัวลูกทรพีสองคนนั้นกลับมาให้ข้า!”……เมื่อเวินจื่อเฉินกับเวินจื่อเยวี่ยฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาได้กลับมาถึงจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว“ท่านพ่อ...”เวินจื่อเยวี่ยที่เพิ่งลืมตาขึ้นได้เห็นเวินเฉวียนเซิ่งจึงดีใจมากทว่าวินาทีต่อมาใบหน้าของเขากลับถูกฟาดอย่างแรง“เจ้าลูกไม่เอาไหน ต่อไปหากออกไปก่อเรื่องอีก เจ้าจงไสหัวออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงพร้อมลูกทรพีเวินจื่อเฉินได้เลย!”ครั้งนี้เวินเฉวียนเซิ่งโกรธมากจริงๆ ดังนั้นตอนลงมือตบเวินจื่อเยวี่ยจึงไม่ออมมือสักนิด รุนแรงจนทำให้เวินจื่อเยวี่ยที่หิวโซอยู่แล้วหน้ามืด จนแทบหมดสติไปอีกครั้ง“ท่านพ่ออย่าตีอีกเลย พี่สามแค่...แค่อยากแก

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status