Share

บทที่ 170

Author: จิ้งซิง
เวินเยวี่ยกัดริมฝีปาก สมองแล่นอย่างบ้าคลั่งในที่สุดก็มีความคิดหนึ่งปรากฏ เหมือนนึกถึงบางอย่าง

ผิวเผินนางยังแสร้งทำสีหน้าน่าสงสาร “เยวี่ยเอ๋อร์เองก็ไม่รู้ หงอวี้บอกข้าแค่ว่านางไม่สบาย อยากไปหาหมอ ส่วนเรื่องอื่นเยวี่ยเอ๋อร์ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ หากพี่รองสงสัย ก็ให้หงอวี้ออกมา แล้วพี่รองถามนางต่อหน้าดีหรือไม่?”

ระหว่างที่พูด นางแอบส่งสายตาที่บอกใบ้และเต็มไปด้วยการตักเตือนให้หงอวี้ที่อยู่ด้านข้าง

หงอวี้ที่เข้าใจทันทีร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ในขณะที่ทุกคนหันมองนาง นางเห็นกับตาว่าคุณหนูของนางอ้าปากพูดโดยไร้เสียงหลายคำ

อย่าลืมครอบครัวของเจ้า

วินาทีนั้น หงอวี้ราวกับตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง เย็นเยือกไปทั้งใจ

เสียงดังตุบ!

สุดท้ายหงอวี้ที่ยอมรับชะตากรรมคุกเข่าลงพื้น พร้อมร้องไห้ “บ่าวทำเองเจ้าค่ะ ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับคุณหนูของข้า...”

“เป็ดทอดกรอบบ่าวไปซื้อในนามของคุณหนู ยาพิษบ่าวก็แอบวางยาเอง หลังจากวางยาแล้วบ่าวกลัวเรื่องจะแดงขึ้นมา จึงกำจัดยาพิษแล้วนำขวดไปซ่อนไว้ในห้องคุณชายสี่ ทุกสิ่งทุกอย่างบ่าวเป็นคนทำเองเจ้าค่ะ”

“หงอวี้ นึกไม่ถึงว่าข้าเชื่อใจเจ้าขนาดนี้ เจ้ากลับกล้าวางยาพวกพี่ชายลับหลัง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 171

    “เอาละ ไม่ต้องพูดจาไร้สาระแล้ว”เวินเฉวียนเซิ่งได้ฟังมาถึงตรงนี้ รู้สึกว่าเรื่องราวก็คงจะประมาณนี้ เขาจึงขัดจังหวะคำพูดของนาง และตัดสินใจสรุปเรื่องราวทั้งหมด “ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะถูกตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากบ่าวรับใช้ผู้นี้ที่ล่วงเกินผู้เป็นนาย คิดร้ายหมายเอาชีวิตผู้เป็นนาย ความผิดเช่นนี้ ต่อไปพวกข้าจะจัดการตามกฎของตระกูล ส่วนที่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนและธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว”ทว่าพอเขากล่าวจบ ก็ได้ยินเวินซื่อเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูหก เจ้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ หรือ?”แน่นอนว่าเวินเยวี่ยยังคงแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อไป “ไม่รู้จริงๆ ขอร้องพี่หญิงห้าท่าน...ธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้โปรดอย่าได้มีอคติกับเยวี่ยเอ๋อร์ เพียงเพราะความเข้าใจผิดในอดีตเลย”นางจงใจกล่าวอย่างอ้อมค้อมเป็นอย่างยิ่งแต่คนอื่นๆ ที่ได้ยินกลับรู้สึกว่าเวินซื่อกำลังหาเรื่องจับผิดนางเวินฉางอวิ้นกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง เวินซื่อก็หัวเราะออกมา “อคติอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าไม่เคยแม้แต่จะชายตามองเจ้าด้วยซ้ำ”เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ในเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 172

    “พวกเขาพูดเหลวไหล...พวกเขากำลังพูดจาเหลวไหล!”“พวกเขากำลังใส่ร้ายข้า พี่หญิงห้า เหตุใดท่านถึงให้พวกเขามาใส่ร้ายข้า?!”เวินเยวี่ยกัดฟันแน่นยืนกราน พยายามที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง แต่เวินซื่อกลับยิ้ม ไม่พูดอะไรเจ้าของร้านขายยาคนหนึ่งล้วงมือเข้าไปในอก หยิบกระดาษปึกหนึ่งออกมา “คิดว่าคุณหนูหกคงจะไม่ลืม สมุดเล่มนี้ที่เขียนไว้ในร้านยาของข้าเมื่อวานนี้กระมัง ถึงแม้ว่าชื่อและฐานะจะไม่เหมือนกับในมือของอีกสองคน แต่เวลาที่ซื้อยานั้นไม่มีทางผิดพลาด”เจ้าของร้านขายยาอีกสองคนก็หยิบสมุดในมือของพวกเขาออกมาเช่นกันหลังจากที่มอบให้เป่ยเฉินหยวนแล้ว เป่ยเฉินหยวนก็มอบให้กับเวินซื่อโดยตรงเวินซื่อดูสองสามครั้ง ก่อนจะให้คนนำไปมอบให้เวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งก้มลงกวาดตามองทีละแผ่น สุดท้ายเวินฉางอวิ้นที่ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อความจริงนี้ รับมาจากมือของท่านพ่อ หลังจากที่เขาเห็นเวลาที่ระบุไว้บนนั้นอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ค่อยๆ หลับตาลงทันใดนั้น หัวใจของเวินเยวี่ยก็กระตุกนางกรอกสมุดอะไรไปกัน แต่ชื่อและฐานะอะไรพวกนั้นที่นางเขียนลงไปล้วนเป็นของปลอม แบบนี้จะใช้เป็นหลักฐานได้อย่างไร?เป็นไปได้อย่างไร?!“ไม่!

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 173

    เห็นได้ชัดว่าการล้อมอารามสุ่ยเยว่เกิดขึ้นก่อน ส่วนการสืบหาความจริงและการปกป้องเกิดขึ้นทีหลัง แต่เมื่อเป่ยเฉินหยวนเป็นคนพูด กลับกลายเป็นว่าเวินเฉวียนเซิ่งจงใจใส่ร้ายเสียอย่างนั้นสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งพลันเปลี่ยนเป็นมืดมนอย่างยิ่ง“พวกท่านต้องการอะไรกันแน่?”เวินซื่อกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าไม่ได้ต้องการอะไร ขอเพียงท่านเจิ้นกั๋วกงไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้าง เพียงเท่านี้ก็พอ”แต่การไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้าง...อดีตบิดาผู้นี้ของนางจะสามารถทำได้จริงๆ หรือ?หากนางยังไม่ได้ออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง หากนางยังไม่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ หากวันนี้คนที่ก่อเรื่องเช่นนี้เป็นนาง เวินเฉวียนเซิ่งไม่มีทางที่จะลงโทษนางเพียงแค่กักบริเวณในโถงบรรพชนและให้สำนึกผิดเป็นแน่ดังนั้น วันนี้นางจะรอดูว่า บิดาผู้สูงส่งของนางจะสามารถไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้างได้หรือไม่!เวินเฉวียนเซิ่งมองนางอย่างลึกซึ้งเมื่อเผชิญกับสายตาที่เต็มไปด้วยการพิจารณาและบีบบังคับ เวินซื่อไม่ยอมถอยแม้แต่น้อยในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดอย่างยิ่ง ร่างกายสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามาขวางหน้าเวินซื่อในทันที“เจิ้นกั๋วกง นี่เป็นสายตาแบบ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 174

    เมื่อเผชิญกับสายตาที่ซับซ้อนของทุกคน เวินซื่อค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมามอง “มองข้าทำไมกัน คุณชายรองของท่านก็พูดแล้วมิใช่หรือว่าไม่ตายหรอก ดังนั้นรีบโบยเถอะ”น้ำเสียงของนางที่ราวกับไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ทำเอาเวินเยวี่ยโกรธจนแทบจะกระอักเลือดนางกล้าเร่งเร้า ไม่ได้ดูเลยหรือไรว่าใครที่จะโดนโบย!หากมิใช่ว่าตอนนี้มีคนอยู่มากมาย เวินเยวี่ยคงอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกปากเวินซื่อเสียเดี๋ยวนี้ท้ายที่สุด ภารกิจอันหนักอึ้งในการลงโทษตามกฎประจำตระกูลนี้ ก็ตกเป็นหน้าที่ของเวินฉางอวิ้นเวินเฉวียนเซิ่งออกคำสั่ง เวินฉางอวิ้นเป็นคนลงมือ เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนไม่มีผิดเพียงแต่ครั้งนี้ คนที่ถูกโบยเปลี่ยนจากนางกลายเป็นเวินเยวี่ยเวินฉางอวิ้นถือแส้ที่สะท้อนแสงเย็นเยียบอยู่ในมือ กลับรู้สึกว่าครั้งนี้ไม่รู้จะลงมืออย่างไรดีเขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเวินซื่อ ดูเหมือนว่ายังอยากจะพูดขอความเห็นใจแทนเวินเยวี่ย หากน้องห้ายกโทษให้ บางทีน้องหกอาจจะไม่ต้องถูกโบยก็ได้“น้องห้า ถึงอย่างไรน้องหกก็เป็นน้องสาวของเจ้า หรือว่า...”เวินฉางอวิ้นพูดประโยคที่เคยพูดเหมือนเมื่อก่อนอย่างไม่รู้ตัว แต่ครั้งนี้เขากลับ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 175

    “ตุบ”“น้องหก!”เวินฉางอวิ้นรีบวางแส้ลง ประคองเวินเยวี่ยด้วยความระมัดระวัง “น้องหก เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ยังทนไหวหรือไม่?”เวินเยวี่ยหลับตา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเวินเฉวียนเซิ่งรีบเดินไปหานาง อยากจะดูว่าโบยแรงเกินไปจริงๆ หรือไม่ เป่ยเฉินหยวนกลับหัวเราะเยาะ “คุณหนูหกของจวนท่านช่างอ่อนแอเสียจริง ทั้งที่เป็นบุตรสาวบุญธรรมที่เพิ่งถูกตามตัวกลับมาได้ไม่นาน แต่ร่างกายกลับบอบบางยิ่งกว่าบุตรสาวที่แท้จริงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมเสียอีก”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “แค่ยี่สิบทีก็สลบไปแล้ว ไม่รู้ว่าตอนที่อู๋โยวถูกโบย นางทนถูกโบยห้าสิบทีนั้นมาได้อย่างไรกัน”น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความโกรธเขาสั่งให้ลูกน้องไปสืบว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเวินซื่อได้ประสบพบเจอกับอะไรบ้างในจวนเจิ้นกั๋วกง แม้จะสืบมาได้มากมาย แต่ก็ไม่พบที่มาของบาดแผลเหล่านั้นที่อยู่บนหลังของนาง บาดแผลที่เขาเห็นในวันที่เขาพบกับนางครั้งแรกที่นอกห้องทรงพระอักษรและในวันนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว เดิมทีรอยแผลเหล่านั้นล้วนเกิดจากน้ำมือของญาติพี่น้องของนางเองนางทำผิดอะไรถึงต้องถูกโบยห้าสิบที?แส้แบบนั้น ฟาดลงบนร่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 176

    เวินเฉวียนเซิ่งมองเวินซื่อและเป่ยเฉินหยวนด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง“เรื่องวันนี้ข้าจดจำไว้แล้ว ตอนนี้คนก็ได้รับโทษแล้ว เช่นนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์ควรจะมอบยาแก้พิษออกมาได้หรือยัง?”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ท่านเจิ้นกั๋วกงต้องการยาแก้พิษ ไม่ใช่ว่าควรจะไปขอจากบุตรสาวคนเล็กของท่านหรือ? คนที่วางยาพิษคือนาง มิใช่ข้า”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านรู้ว่าข้ากำลังพูดถึงอะไร”พิษที่ทำให้จื่อเยวี่ยกระอักเลือดจนหมดสติไปนั้นเป็นฝีมือของเยวี่ยเอ๋อร์ก็จริง แต่ก่อนหน้านั้นก็ยังมีพิษที่เวินซื่อลงมือกับเขาอยู่อีกพิษที่ล่อลวงจื่อเยวี่ย ทำให้เขาพูดจาพล่อยๆ ในงานเลี้ยง!เวินซื่อยิ้มเล็กน้อย “เหตุใดท่านเจิ้นกั๋วกงถึงได้ใส่ความข้าอีกแล้ว หมอผู้นี้ท่านเป็นคนเชิญมาเอง ท่านลองถามเขาด้วยตัวเองดูสิว่า ในร่างกายของคุณชายสามของจวนท่านมีพิษชนิดที่สองอยู่หรือไม่”เวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็หันไปมองหมอชราผู้นั้น หมอชราก็ส่ายหน้าตามคาดเมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวนของข้าก็ไม่มีอะไรจะรั้งท่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 177

    เวินจื่อเฉินเอ่ยถามด้วยแววตาที่คาดหวัง “ได้หรือไม่ น้องห้า?”“ไม่ได้”แต่เวินซื่อกลับทำลายความหวังของเขาอย่างไร้เยื่อใยสายตาของนางเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “เหตุใดข้าต้องให้โอกาสเช่นนี้แก่ท่านด้วย?”ชาติที่แล้วนางก็เคยขอร้องนับครั้งไม่ถ้วน แต่มีใครเคยให้โอกาสนางบ้าง?!“ต่อไปอย่ามายุ่งกับข้าอีก”หลังจากพูดประโยคที่ตัดเยื่อใยนี้ เวินซื่อก็ยกเท้าก้าวผ่านเขาไป แล้วเดินออกจากที่นี่โดยตรงเหลือเพียงเวินจื่อเฉินที่ยืนอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เป็นเวลาเนิ่นนานหลังจากผ่านไปเนิ่นนานแล้ว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรได้อีก?เวินจื่อเฉินที่ไม่สามารถหาวิธีใดๆ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับน้องสาวของเขาได้อีกต่อไป ในตอนนี้เขารู้สึกสับสนเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง“...ท่านแม่ หากท่านยังอยู่ที่นี่ก็คงดี”ท่านแม่เก่งเรื่องง้อน้องสาวที่สุด ถ้าท่านแม่ยังอยู่ นางจะต้องสอนวิธีง้อน้องสาวให้กลับมาได้แน่ๆ ……ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหลังจากที่เวินซื่อออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ก็ขึ้นรถม้าอีกคันที่เป่ยเฉินหยวนจัดเตรียมไว้ให้นาง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 178

    เวินซื่อไม่คิดว่าเป่ยเฉินหยวนจะขอโทษนางเพราะเรื่องนี้เมื่อนางมองบุรุษตรงหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจและสำนึกผิด น้ำเสียงจริงใจเช่นนั้น หัวใจของนางก็หยุดเต้นไปชั่วขณะนางรีบหันหน้าหนี ไม่กล้ามองเป่ยเฉินหยวนมากนัก “ไม่...ไม่เป็นไร ตอนนั้นพวกเราก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว”ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่เดินสวนทางกันครั้งหนึ่ง เอ่อ ไม่สิ ก็ไม่เชิงว่าเดินสวนทางกันตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปก็ยังจำได้ ตอนนั้นเพราะอาการของนางแย่มาก เกือบจะล้มลงตรงหน้าประตูห้องทรงพระอักษร ยังเป็นเป่ยเฉินหยวนที่ช่วยพยุงนางไว้“จริงสิ ข้าควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณท่านต่างหาก หากท่านอ๋องไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงข้าไว้ เกรงว่าตอนนั้นข้าคงจะล้มลงไปแล้ว”นางยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า หากตอนนั้นนางล้มลงไปจริงๆ จะยังลุกขึ้นมาได้อีกหรือไม่?อย่างไรเสีย วันนั้นบาดแผลของนางก็สาหัสมากจริงๆเมื่อได้ยินเวินซื่อพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา ยื่นมือลูบศีรษะของเวินซื่อผ่านหมวกสีฟ้าทะเล “ไม่เป็นไร ไม่ปล่อยให้ท่านล้มหรอก”ตอนนั้นไม่มี ต่อไปก็จะไม่มีอีกเวินซื่อที่ถูกลูบศีรษะอย่างกะทันหันถึงกับชะงักอยู่ที

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 310

    ขวานในมือของเวินจื่อเฉินชะงักงันในทันใดไม่ใช่เพราะประโยคสุดท้ายของเวินอวี้จือแต่เป็นเพราะเขานึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน หากเวินเยวี่ยได้ขึ้นเป็นสนมจริง ด้วยอุปนิสัยของนาง คงไม่มีวันปล่อยน้องสาวของเขาไปเด็ดขาดแม้ว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะยินดีให้ท้ายน้องสาวของเขา แต่การสนับสนุนเช่นนี้จะอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหน?หากต่อไปฝ่าบาทก็ยืนอยู่ข้างเวินเยวี่ย อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่เป็นฝ่ายปกป้องราชสำนักอยู่แล้ว จะปกป้องน้องสาวของเขาต่อไปหรือไม่?เวินจื่อเฉินนึกถึงความเป็นไปได้นั้น ต่อให้มีความเป็นไปได้น้อยมาก ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าหากถึงเวลานั้นจริง ๆ เขาที่กลายเป็นสามัญชนแล้วจะปกป้องน้องสาวได้อย่างไรอีก?เวินจื่อเฉินก็รู้สึกหนาวสั่นทั้งตัวในทันใดเขาวางขวานลง แล้วหมุนตัวมองไปทางเวินอวี้จือ “ที่พวกเจ้าบอกว่าฝ่าบาทต้องการรับเวินเยวี่ยเข้าวังเป็นสนมนั้นเป็นเรื่องจริงหรือ?”“เป็นความจริงแน่นอน!”เวินจื่อเยวี่ยยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “เรื่องนี้ฝ่าบาทตรัสเองในงานเลี้ยงใหญ่ในวันเหมายันด้วยพระองค์เอง ถึงกับให้นางอยู่ในวังเพื่อเรียนรู้กฎระเบียบ รอให้นางเรียนรู้กฎระเบียบเสร็จสิ้นแล้วจะแต่งตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 309

    “เสียใจอะไร?”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้ว มองดูทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก”แม้ว่าจะตัดขาดจากความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย ยุ่งขึ้นเล็กน้อยแต่ชีวิตแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจอย่างที่ไม่เคยได้เจอมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกงูพิษกัดในครั้งนั้น เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้วแม้ว่าเขาจะยังไปพบน้องสาวไม่ได้ แต่สิ่งของที่เขาส่งไปที่อารามสุ่ยเยว่ก็ไม่เคยถูกส่งคืนมาเวินจื่อเฉินรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งน้องสาวจะให้อภัยเขาดังนั้นเขาจึงไม่เสียใจ“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด? รีบบอกมาเร็ว อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงานอีกเลย”ค่าจ้างของเขาในวันนี้จะคิดเป็นชั่วยามหากทำงานน้อยลง ค่าจ้างก็จะถูกคนอื่นหักไปเวินจื่อเฉินยังต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อขนมอบให้น้องสาว ไม่อยากให้ค่าจ้างของตัวเองถูกหักไปเวินจื่อเยวี่ยมองดูเวินจื่อเฉินในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ข้าว่านะพี่รอง ท่านดูสิว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพไหน? ผมคลุกฝุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status