"เด็กคนนี้นี่มันโชคดีจริง ๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็ดหลินจือเลือดต้นหนึ่ง!""ใช่ มีสมบัติแบบนี้อยู่ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินอีกต่อไปแล้ว!""แม่งเอ้ย! ถ้ารู้ว่าซ่อนของดีไว้ขนาดนี้ ผมคงซื้อเห็ดหลินจือนี้ไปตั้งนานแล้ว!"เนื่องจากการปรากฏของเห็ดหลินจือเลือด ฝูงชนที่มุงดูเหล่านั้น เรียกได้ว่าทำเสียงดังอึกทึกครึกโครมเลยทีเดียวสายตาแต่ละคนที่มองลู่เฉินล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา"เชี่ยเอ้ย! ไอ้คนนี้ช่างโชคดีจริง ๆ!"หลี่ห้าวกัดฟันแน่น เขารู้สึกอิจฉาสุดๆ"แปลกจัง เขารู้ได้ยังไงว่ามีสมบัติอยู่ในนั้น?"ในขณะที่หลี่ชิงเหยาตกใจ ก็มีความสงสัยด้วยทุกคนล้วนดูไม่ออก รวมถึงเจ้าของที่ขายสมุนไพรด้วยแต่ดันก็ถูกลู่เฉินเห็นออกแล้วตกลงเป็นเพราะโชคดี? หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นกันแน่?"ลู่เฉิน ครั้งนี้ถือว่าพวกเราทํากำไรก้อนโตแล้ว! แต่คุณเดาได้อย่างไรว่ายังมีเห็ดหลินจือเลือดซ่อนอยู่ในนี้?"ประโยคเดียวของฉาวอานอาน ได้ถามความสงสัยของทุกคนมา"ที่จริง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น" ลู่เฉินพูดอย่างถ่อมตัว"คาดเดา?"ฉาวอานอานรู้สึกช็อคไปเล็กน้อย "หมายความว่าคุณไ
คืนเดียวไม่เกิดอะไรขึ้นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ภายในเทียนเซียงหยวนฉาวซวนเฟยดื่มกาแฟไปค้นดูข้อมูลต่าง ๆ ไปเธอที่อดหลับอดนอนมาทั้งคืน สภาพจิตใจดูเหนื่อยล้าไปบ้างอย่างเห็นได้ชัด"ฉาวซวนเฟย!"ในเวลานี้ ฉาวชิงซูและผู้เฒ่าคิ้วขาวก็เดินเข้าไปในประตูอย่างรีบร้อน"เกิดอะไรขึ้น?"ฉาวซวนเฟยไม่ได้เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ เธอก็ตรวจสอบข้อมูลต่อไป"บูม!"วินาทีต่อมา กล่องไม้หล่นลงบนโต๊ะนั้นฝากล่องเปิดออก พบยาเม็ดสีขาวเม็ดนึง ปรากฎต่อหน้าต่อตา"ฉาวซวนเฟย เธอดูสิว่านี่คืออะไร?"ฉาวชิงซูชี้ไปที่ยาเม็ด แล้วซักถามขึ้น"ฉันจะรู้ได้ยังไง? คุณบอกฉันมาสิ"ฉาวซวนเฟยนั่งตัวตรงอย่างช้า ๆ เธอเคลื่อนไหวอย่างขี้เกียจ"ฮึ่ม! คุณไม่รู้จักแม้แต่ยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลคุณเองงั้นเหรอ?" ฉาวชิงซูแสดงความไม่พอใจ"ที่แท้นี่ก็คือยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์... แล้วไงล่ะ?" ฉาวซวนเฟยพูดเบา ๆ "แล้วไงล่ะ? คุณบอกว่าแล้วไงล่ะ?"น้ำเสียงของฉาวชิงซูดูเน้นขึ้นเล็กน้อย “ยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์นี้ผมซื้อมาจากตระกูลหม่าเชียวนะ! คุณรู้หรือไม่ว่าตระกูลหม่าคิดค้นพัฒนามันได้สําเร็จแล้ว!""โอ้? แล้วยังไงล่ะ? นี่มันก็เป็นเรื่องที่จะเกิ
ช่วงบ่าย ณ บ้านพักตระกูลหลี่"พี่ อีกสักพักคุณจะไปงานวันเกิดคุณหนูหม่าแล้วใช่ไหม? พาผมไปด้วยได้ไหม?"มองดูบัตรเชิญที่วางอยู่บนโต๊ะ หลี่ห้าวก็ถามขึ้นอย่างร่าเริงยังไงซะ นั่นก็เป็นลูกสาวของหม่าเทียนหาวผู้ที่ร่ำรวยที่สุดเชียวนะ ถ้าสามารถคบค้าสมาคมกับคนใหญ่คนโตแบบนี้ได้ ทั้งชีวิตนี้ก็จะได้รับประโยชน์ไม่รู้จบเลย"ฉันจะไปงานเลี้ยงวันเกิดจริง ๆ นั่นแหละ แต่มีรายชื่อแค่สองที่เท่านั้น ถานหงจองไว้แล้ว" หลี่ชิงเหยาพูดบั่นทอนใส่เขาไป"เธอ?"หลี่ห้าวหันไปมองถานหงที่กําลังแต่งหน้าอยู่บนโซฟา เขาดูไม่พอใจเล็กน้อย "พี่ ผมต่างหากที่เป็นน้องชายแท้ ๆ ของคุณ คุณยอมพานางนั่นไปมากกว่าเอาผมไปงั้นเหรอ?"เมื่อได้ยินดังนั้น ถานหงก็มองมาแวบนึงด้วยสีหน้าค่อนข้างดูถูกแล้วพูดว่า “คุณไป คุณจะทําอะไรได้? คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ไม่ใช่ข้าราชการระดับสูง ก็เป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม คนอย่างคุณที่มัธยมก็เรียนไม่จบนั้น ถ้าไปก็ขายหน้าไม่ใช่หรือ?""เฮ้ย! เธอหมายความว่ายังไง? เธอคิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีนักเหรอ?" หลี่ห้าวยิ่งไม่พอใจมากขึ้น"ดีเลิศประเสริฐศรีกว่าคุณแน่นอนสิ" ถานหงพูดอย่างไร้ความปราณี"แก.
"ลูพี่คะ คุณขึ้นไปก่อนเถอะ ฉันจะรอเพื่อนคนหนึ่งที่นี่"เมื่อเดินเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม ถานหงก็หาข้ออ้างให้หลี่ชิงเหยาออกไปเพราะเธอรู้ดีว่ามีตัวถ่วงเช่นนี้อยู่ จะถูกเธอบดบังแสงอย่างสมบูรณ์อย่างนี้เธอจะไปคบหากับผู้มีอํานาจได้อย่างไร? และจะจับผู้ช่ายรวยๆได้ยังไง?"โอเค ฉันจะรอคุณที่ห้องจัดเลี้ยง"หลี่ชิงเหยาไม่ได้คิดมาก เธอขึ้นลิฟต์แล้วก็ขึ้นไปชั้นบนหลังจากที่ไม่มีอะไรที่รัดใจ ถานหงก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้ชมทั้งหมดทันทีเธอจงใจเดินไปเดินมารอบๆล็อบบี้ ทําท่าตุ้งติ้ง ได้ดึงดูดความสนใจไม่น้อยผู้ชายบางคนที่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคุยด้วย ล้วนถูกเธอปฏิเสธไปทั้งหมด เธอตั้งใจจะเล่นเกมที่แสร้งปล่อยเพื่อจับ"สาวสวยคะ ต่างหูคุณสวยจังเลย ขอถามหน่อยว่าซื้อที่ไหนล่ะคะ""ใช่ ใช่ ฉันไม่เคยเห็นต่างหูที่ประณีตและสดใสเช่นนี้มาก่อนเลย""ทับทิมสองเม็ดใหญ่ขนาดนี้ น่าจะใช้เงินไม่น้อยใช่ไหม?"ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงบางคนก็ล้อมเข้ามาเริ่มถามนี่ถามโน่นสําหรับเครื่องประดับ พวกเธอล้วนปฏิเสธไม่ได้เลย"นี่เป็นต่างหูทับทิมของแพนดอร่า แฟนหนุ่มส่งให้ รุ่นสั่งทําส่วนตัว เป็นเอกลักษณ์ของราชวงศ์ ในทั
ภายในห้องจัดเลี้ยงเมื่อมองเห็นถานหงที่เดินมาอย่างหอบไม่หยุด หลี่ชิงเหยาอดไม่ได้ที่เกิดความร้สึกแปลกๆ ว่า"ถานหง คุณบอกว่ารอเพื่อนไม่ใช่หรือ? แล้วคนล่ะ""เธอพอดีมีธุระ มาไม่ได้แล้วค่ะ"ถานหงยิ้มอย่างอึดอัดแล้วพูดต่อว่า "โอ้ใช่ พี่คะ ขอยืมกระจกแต่งหน้าของคุณให้ฉันใช้หน่อย ฉันจะแต่งหน้าค่ะ""ฉันจําได้ว่าคุณได้พกกระจกแต่งหน้ามานะ" หลี่ชิงเหยากล่าว"กระจกฉันไม่ค่อยดี กระจกของพี่ใช้ดีกว่านะ"ถานหงไม่พูดอะไร เธอหยิบกระเป๋าของหลี่ชิงเหยามาแล้วก็เริ่มค้นหาขึ้นมาสําหรับการกระทํานี้ หลี่ชิงเหยาไม่พอใจมากลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้ ถูกตามใจมากจริงๆ ไม่มีมารยาทแม้แต่หนิดหนึ่ง"พี่คะ ขอบคุณนะคะ"หลังจากค้นกระจกแต่งหน้าออกมา ถานหงก็โยนกระเป๋ากลับไป แล้วหาข้ออ้างว่าไปที่เข้าห้องน้ำในขณะนี้ ภายในห้องจัดเลี้ยง จู่ๆ ได้เกิดเสียงเอะอะขึ้นจากนั้น ในล้อมรอบด้วยกลุ่มคน หม่าตินหลานก็เดินเข้ามาเหมือนดาวพราวในที่สุด เธอก็ยืนตรงกลางสนาม"ทุกคนขอเงียบก่อนนะคะ ฉันมีเรื่องต้องประกาศ"หม่าตินหลานยกมือขึ้นและทำท่ากดลงทั้งห้องจัดเลี้ยงเลยเงียบลงทันที"วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของฉัน เดิมทีเป็นวันท
"อีดอก! กล้ามาอ่อยชายของกูเหรอ? กูจะให้แกอยู่ไม่สู้ตาย!"หม่าตินหลานกรอกไวน์อย่างต่อเนื่อง ต่อหน้าทุกคนทำให้หลี่ชิงเหยาอับอายอย่างเต็มที่การกระทำของเธอหยาบคายและไร้ความปราณีหลังจากกรอกไวน์ไปหนึ่งขวดเสร็จ หลี่ชิงเหยาก็ทรุดลงบนพื้นแล้ว น่าอับอายมากแต่หม่าตินหลานไม่ได้หยุดและจับผมของหลี่ชิงเหยาแล้วดึงหัวของเธอขึ้นมาจากนั้นก็ตบหน้าเธออย่างแรงซ้ำๆ"อีดอก อีดอก!""แม้ผู้ชายของกู แกก็ยังกล้าแตะต้อง ใจกล้าขนาดนี้หรือ?"หม่าตินหลานตบไปด่าไป สีหน้าเธอบ้าคลั่งมากหลังจากตบไปนาน ใบหน้าที่สวยของหลี่ชิงเหยาก็บวมแดงมาก มุมปากเธอก็ไหลเลือดออกแล้ว"ทำไม? ทำไม?" เธอเวียนหัวและอ่อนแอ"แกยังมีหน้ามาถามว่าทำไมหรือ? อีดอก แกทำอะไรไป หรือว่าในใจแกไม่รู้เหรอ?"หม่าตินหลานจับผมของหลี่ชิงเหยาและกระแทกหัวของเธอกับพื้นอย่างรุนแรงทันใดนั้น หัวเธอก็ออกเลือดเลือดผสมกับไวน์ไหลลงมาทีละเล็กทีละน้อยตามแก้มเธอเมื่อหม่าตินหลานมองไปที่หลี่ชิงเหยาที่ล้มลงกับพื้นและลุกขึ้นไม่ได้ เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้ใจอ่อน แต่ยังตื่นเต้นมากขึ้นด้วยเธอยกเท้าขึ้นอย่างรุนแรงและเหยียบบนนิ้วของหลี่ชิงเหยาอย่างหนัก"อ๊ะ!"
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะฝนตกขึ้นแล้วในขณะนี้ ในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมตี้หวางยังคงคึกคักเป็นพิเศษมากเรื่องเล็กๆก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานของงานเลี้ยงหม่าตินหลานเป็นเหมือนเจ้าหญิงผู้สูงส่งถูกผู้คนล้อมรอบ และได้รับการประจบสอพลอต่างๆแต่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าสายตาของเธอได้มีแขกผู้มีเกียรติเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์พูดคุยกับเธอ"คุณหนูครับ คุณชายเฉินกับคุณชายหลิวมาถึงแล้วครับ"ในเวลานี้ พ่อบ้านคนหนึ่งเดินมารายงานด้วยเสียงต่ำหม่าตินหลานมองย้อนกลับไป ได้เห็นชายสองคนที่หน้าตาหล่อเหลากำลังยืนอยู่ที่ประตูห้องจัดเลี้ยงอย่างเงียบ ๆหนึ่งในนั้นคือ เฉินเหยียนของสำนักสวนอู่!ส่วนอีกคนเป็นรุ่นพี่ของเฉินเหยียน หลิวกวงเหนียนหลังทั้งสองคนยังเดินตามสาวใช้อีก 2 คน"คุณชายเฉิน คุณชายหลิวคะ ไม่ได้เจอกันเสียนานแล้วนะคะ"หม่าตินหลานรีบต้อนรับไปด้วยรอยยิ้มทันที"คุณหนูหม่าครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับ"เฉินเหยียนและหลิวกวงเหนียนต่างก็มอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้เธอ"มันเป็นเกียรติของฉันแล้วที่ทั้งสองท่านมา ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้ล่ะ?" หม่าตินหลานพูดด้วยรอยยิ้ม"มันส
"ไอ้คนนี้กล้าคบคุณหนูหม่าเหรอ? กล้าหาญจริง ๆ""บ้าไปแล้ว ไอ้เด็กคนนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ!""ก่อเรื่องในที่สาธารณะ แถมยังตบหน้าคุณหนูหม่าอีก วันนี้แม้แต่เทพเจ้าก็ช่วยเขาไม่ได้เลย"เนื่องจากพฤติกรรมของลู่เฉิน ทำให้เกิดความโกลาหลในห้องบางคนตกใจ บางคนตกตะลึง บางคนชื่นชมนับถือและบางคนไม่กล้าเชื่อเพราะในจิตใต้สำนึกของพวกเขา จะมีแต่กรณีของหม่าตินหลานที่รังแกคนอื่น ที่เธอโดนตบหน้าเช่นนี้พวกเขา ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย"ฆ่าเขาไปเลย ฆ่าเขาให้ฉัน!"เมื่อหม่าตินหลานลุกขึ้นอีกครั้ง เธอก็เป็นบ้าไปแล้วหน้าเธอดุร้ายจนน่ากลัว"ฆ่า!"กลุ่มบอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆในที่สุดก็ฟื้นตัวได้พวกเขาพากันหยิบกระบองเหล็กยืดหดออกมารุมกันลู่เฉินไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาลงมือเร็วเหมทอนสายฟ้าแลบ ต่อยทีละคน จนจ่อยให้บอดี้การ์ดล้มลงกับไปหมดกระบวนการทั้งหมดนั้นง่ายและตรงไปตรงมาโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆเมื่อมองไปที่บอดี้การ์ดที่ล้มลงและร้องครวญกับพื้น ทุกคนก็ตกใจอีกครั้งคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ยอดฝีมือของตระกูลหม่า ปกติจะตีห้าคนด้วยคนเดียว ก็ไม่มีปัญหาเลยแต่ผู้ยอดฝีมืออย่างนี้ เพียงแค่เผชิญหน้าก็ถูกลู่เฉินตีจนล้มลงทั้งหมด
กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แล้วก็หยุดกะทันหันแสงแดดส่องลงมา เสื้อเกราะสีทองของเหลยว่านจุนส่องแสงประกาย และสะดุดตาเป็นพิเศษ"ดาบนี้เรียกว่าโพ่หยวีนกวน ผมเคยเก็บตัวมาสามปี ถึงจะเรียนรู้เทคนิคนี้ให้ได้""จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแสดงต่อหน้าคนนอกเลย""วันนี้ จะเป็นเกียรติในชีวิตของคุณที่สามารถตายด้วยดาบนี้ของผม!""ดูดาบผมสิ!"พูดจบ ดาบทองของเหลยว่านจุนก็สั่นอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็กลายเป็นแสงสีทองที่แสบตา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วโมเมนตัมของมันยิ่งใหญ่เหมือนแม่น้ำไหลลง ไม่สามารถหยุดยั้งได้และอยู่ยงคงกระพัน"ดาบที่เร็วมาก ลมดาบที่น่ากลัวมาก""โอ้พระเจ้า นี่คือการลงโทษจากพระเจ้าหรือ น่ากลัวเกินไป!"“เมื่อดาบนี้ใช้ออกมา จะไม่มีใครหยุดยั้งได้ การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม ถึงตายก็ยังได้รับเกียรติ”ดาบที่น่าตกใจของเหลยว่านจุนทําให้เกิดความโกลาหลเหล่านักสู้ต่างสะเทือนใจแสงสีทองนั้นพราวเหมือนดวงอาทิตย์ ทําให้คนไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อยดาบนั้นตกลงมาเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงมากพอที่จะทำลายทุกอย่าง!"ชางฉง!"ในขณะที่เหลยว่านจุนออกดาบ ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเห็นเพียงว่าเขาตบเบาๆ ดาบสีดำท
เมื่อที่เกิดเหตุสงบเหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวที รู้สึกแต่หลังเย็นและหวาดกลัวคลื่นกระทบของการโจมตีเมื่อกี้นั้นน่ากลัวเกินไปหากไม่ได้เตรียมการมานานและหลบได้ทัน เกรงว่าจะถูกประแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีถึงกระนั้น พลังทําลายล้างที่น่ากลัวนั้นยังคงทําให้คนกลัวในใจ"ไม่เลว ความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าดำเลย"เหลยว่านจุนแบกมือข้างเดียวไว้ด้านหลัง และยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว "น่าเสียดายที่คุณยังคงต้องตายในวันนี้""เหลยว่านจุน มีความสามารถจริง ๆ อะไร ก็ใช้ออกมาเลย มิฉะนั้นคุณจะไม่มีโอกาสแล้ว"ลู่เฉินยืนตัวตรงอย่างช้า ๆ สายตายังคงเย็นชาการโจมตีเมื่อกี้นั้น ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหลยว่านจุนเป็นยังไงถ้าไม่มีอะไรที่เกินความคาดคิด อีกฝ่ายใกล้จะมาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้วโชคดีที่ยังไม่ได้ทะลุไปอย่างเต็มที่เพราะเวลา ไม่งั้นจะรับมืออย่างลำบาก"ฮึ่ม! คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ"เหลยว่านจุนหรี่ตาเล็กน้อย โมเมนตัมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสื้อคลุมทั้งตัวไม่มีลมพัดแต่ปลิวอยู่ และส่งเสียงด้วย "คุณต้องดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผมไม่ใช่
การฝึกร่างขั้นจงซือก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ช่องว่างของดินแดนเล็ก ๆ แต่ละระดับจะยากที่จะข้ามได้"หัวหน้าอู๋ประเมินคนนี้สูงเกินไปแล้ว"เจี่ยงซิวเจินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าผมมองไม่ผิด หลังจากหัวหน้าเหลยเก็บตัวครั้งนี้ ความแข็งแกร่งได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จัดการกับลู่เฉิน ใช้สามท่าก็สามารถจัดการได้แล้ว""อ้อ เหรอ"อู๋หงต๋ายักคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจเหลยว่านจุนได้ประสบความสําเร็จอย่างมากในการฝึกร่างขั้นจงซือเมื่อหลายปีก่อน หากมีความก้าวหน้าอีก เขาจะใกล้มาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้สไม่ใช่หรือถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักงานเจิ้นอู่ก็ต้องประเมินมูลค่าของเขาใหม่แล้ว"ลู่เฉิน คุณไม่ควรมาท้าทายผม ตอนอยู่ในป่าดำ ผมเคยให้โอกาสคุณแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะยังเอาไข่มากระทบหินอีก วันนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้แล้ว"เหลยว่านจุนยังคงเข้าใกล้ต่อไป โมเมนตัมที่น่ากลัวในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับคลื่นสึนามิกวาดมา"แกร็บ แกร็บ...” ภายใต้การบีบอัดอย่างรุนแรง ออร่าที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ลู่เฉินก็เริ่มมีรอยแตกทีละรอยเกิดขึ้นเหมือนกระจกขนาดใหญ่ที่กําลังจะแตกรอยแตกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และหนาแน่นขึ้นเรื
ภายใต้เสียงตะโกนของเหลยว่านจุน ใบไม่ต้องรับผิดชอบก็ส่งมาทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เซ็นชื่อบนใบไม่ต้องรับผิดชอบและพิมพ์ลายนิ้วมือติดต่อกันการดวลกันสังเวียน จะเป็นหรือจะตายนั้นกำหนดโดยโชคชะตามาตลอด แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายชนะจะออมมือ นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แต่หลังจากเซ็นใบไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว กฎนี้ก็ถูกทําลายแล้วไม่ได้ออมมือ ไม่มีทางถอย มีแค่สู้ชีวิตจะอยู่หรือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น"ลู่เฉิน นี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตของคุณ"หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว โมเมนตัมของเหลยว่านจุนก็เปลี่ยนไปแล้วจากการสง่างามกลายเป็นคนเฉียบคม และมีบารมีแรงกดดันที่เหมือนภูเขาถูกปล่อยออกจากร่างกายเขา และปกคลุมทั้งที่เกิดเหตุทันทีหลังจากนั้น เหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนมีก้อนหินที่มองไม่เห็นก้อนหนึ่งกดลงบนไหล่ของพวกเขา แม้แต่การหายใจก็เริ่มถี่ขึ้นคนที่อ่อนแอ ยิ่งหอบและเหงื่อออกเต็มหัว"แรงกดดันจากการฝึกร่างขั้นจงซือที่น่ากลัว หรือว่านี่ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือ"ทุกคนสั่นใ
นี่อะไรกันเนี่ยไม่ใช่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ เพื่อสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ถึงมาท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือทำไมจะฟังดูเหมือนเป็นการแก้แค้นระหว่างทั้งสองคน มีความแค้นอะไรหรือ"พวกบ้าที่ใจกล้า คุณกล้าดูถูกหัวหน้าพันธมิตรอย่างโจ่งแจ้ง เป็นบาปชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ"เหลยเชียนฉงลุกขึ้นและตําหนิเสียงดังสมาชิกของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในใจและตะโกนไม่หยุดเหลยว่านจุน เป็นหน้าเป็นตาของทั้งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายในที่สาธารณะ ย่อมจะทนไม่ได้"ได้แล้ว เงียบหน่อย"เหลยว่านจุนยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ หยุดเสียงอึกทึกครึกโครมของสมาชิกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แล้วก็พูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า "ลู่เฉิน ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ที่ผมทําสิ่งต่าง ๆ จะเปิดเผยเสมอ คุณคิดว่าการพูดพล่อย ๆ ไม่กี่คําจะทําให้ชื่อเสียงของผมเสื่อมเสียได้หรือ""ใส่ร้ายเหรอ ฮึ่ม..."ลู่เฉินส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "คุณเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอาจารย์และศีลของบรรพบุรุษ สู้สัตว์ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนหน้าซื่อใจคดอย่างคุณ ต้องถูกทุกคนลงโทษเลย""กําเริบเสิบสาน!"
"ถึงแล้วหรือ?"เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลายคนก็มองตามสายตาของเจี่ยงซิวเจินไปทันทีได้เห็นว่าหลังคาของสํานักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ มีเงาสีขาวหนึ่งกระโดดลงมาอย่างกะทันหันเงามนุษย์แกว่งไปแกว่งมาตามลม เบาเหมือนไม่มีอะไร เหมือนขนนกสีขาว"มาแล้ว หัวหน้าเหลยมาแล้ว"เมื่อมองดูเงามนุษย์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทั้งสนามสู้ก็ฮือฮาขึ้นมาทันทีเหลยว่านจุน หัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ได้ปรากฏตัวในที่สุดท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลยว่านจุนในชุดขาว แบกมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เสื้อผ้าปลิว เท้าเหยียบบนลม ราวกับเป็นเทพเจ้าตกลงมาบนโลกลอยละลิ่วลงมาด้วยอารมณ์ที่ลึกลับและสูงส่งไม่มีบารมีที่บีบบังคับ ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่ง มีแค่ความศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ และไม่สามารถดูหมิ่นได้ในขณะนี้ เหลยว่านจุนเป็นเหมือนแสงที่สว่างที่สุดในโลกนี้ส่องบนแผ่นดิน สลายความมืดทำให้คนเคารพจากใจ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"ในเวลานี้ เหลยเชียนฉงลุกขึ้นก่อน และทําความเคารพ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"เหล่าสาวกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จํานวนมากที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันลุกขึ้น และตะโกนพร้
"น้อง ตราบใดที่คุณเข้าร่วมสำนักงานเจิ้นอู่ ผมสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้คุณขึ้นตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า!" อู๋หงต๋าเสนอเงื่อนไขที่ดีในสำนักงานเจิ้นอู่ ตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า อยู่เหนือผู้จัดการด้วยซ้ำเพิ่งเข้าร่วมก็ขึ้นสองระดับติดต่อกัน นี่เป็นการเลื่อนตําแหน่งเกินมาตรฐานแล้ว"ขอโทษครับ ผมยังคงไม่สนใจ"ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้งการปฏิเสธซ้ำๆทําให้อู๋หงต๋าขมวดคิ้วเขาไว้หน้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้านี้จะไม่รู้จักชั่วดีขนาดนี้"ไม่ใช่มั้ง ขนาดตําแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้าของสำนักงานเจิ้นอู่ก็ไม่เอา เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่?""มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับความสำคัญจากสำนักงานเจิ้นอู่ เด็กคนนี้ไม่ซาบซึ้งเลยเหรอ ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ""ฮึ่ม! การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มอะไร ต่อหน้าสำนักงานเจิ้นอู่ เป็นไก่อ่อนทั้งนั้น"นักสู้ที่อิจฉาบางคน ต่างวิจารณ์ขึ้นการชักชวนของสำนักงานเจิ้นอู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดจากนักสู้มากมายแต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ได้เห็นสำนักงานเจิ้นอู่ในสายตาเลย หยิ่งผยองจริง ๆ"น้อง ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มาอีก คุณแน่ใจนะว่าจะไม่
"คุ้นตา?"เฉินหยวนเวยสงสัยเล็กน้อย "หรือว่าหัวหน้าอู๋เคยเห็นการฝึกร่างขั้นจงซือลู่มาก่อน""ผมอาจจะดูผิดแล้วมั้ง"อู๋หงต๋าสัมผัสเคราของตัวเอง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็จําไม่ได้ด้วยความทรงจําของเขา ตราบใดที่เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม แทบจะเห็นแวบหนึ่งก็ลืมไม่ได้เลยอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือได้ ในทั่วประเทศหลง จะเป็นคนที่หายากอัจฉริยะแบบนี้ ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่เขาเคยเห็น ก็ไม่สามารถลืมได้แต่ตอนนี้ที่เขาจำไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกัน"หัวหน้าอู๋ ท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยแล้วแน่นอน กรุณาไปนั่งพักผ่อนด้วยครับ" เฉินหยวนเวยทำท่าเชิญด้วยมือเดียว"ไม่ต้องรีบ ผมจะไปพบการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มคนนี้หน่อย"หลังจากบอกประโยคนี้ไป อู๋หงต๋าก็เดินตรงขึ้นสังเวียนเมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหยวนเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติเหตุผลที่สําคัญที่สุดที่สำนักงานเจิ้นอู่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนพูดถึงก็จะเปลี่ยนสีหน้า ก็คือรับสมัครผู้มีความสามารถมากมายไม่ว่าจะเป็นคนชั่ยหรือคนดี ตราบใดที่มีความสามารถ ตราบใดที่มีทักษะที่โดดเด่น ตราบใดที่แข็ง
"ลู่เฉิน คุณต้องสู้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้ อยู่ยงคงกระพัน!"มองดูด้านหลังที่ตั้งตรงนั้น จั่วซินเยว่พึมพํากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรักและความนับถือผู้ชายตัวโต ก็ควรจะถือดาบยาว ทำคุณงามความดีชั่วนิรันดร์ แม้ข้างหน้าจะลำบาก ก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนี่แหละ ถึงจะเป็นผู้ชายจริงๆ"กล้าท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ วันนี้ก็คือวันตายของคุณ!"หยางเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน และแอบสาปแช่งเขาแค่หวังว่าทันทีที่ลู่เฉินขึ้นไปบนเวที ก็ถูกเหลยว่านจุนต่อยจนตาย"ฮึ่ม! จะตายไม่ช้าก็เร็ว แค่มีชีวิตอยู่อีกกี่นาทีเท่านั้น"เหลยเชียนฉงยิ้มอย่างดุเดือด สายตาดุร้ายมาก"ศิษย์พี่ลู่ ต้องปลอดภัยเลยนะ"หลินหรง พนมมือไหว้ แอบสวดมนต์"แม่งเอ้ย เด็กคนนี้กล้าขึ้นไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองทําได้จริง ๆ เหรอ"เถาหยางขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทําไมลู่เฉินถึงกลายเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือ แต่เขาไม่ได้ฝ่าฟันไปถึงการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำทำไมล่