ตอนที่ 4
สามวันถัดมา
ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ อดีตนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ และคนรับใช้ คนสวนและคนขับรถได้มายืนรอคุณหนูคนเล็กของตระกูลอิทธิเชษฐ์อย่างใจจดใจจ่อ ครู่ต่อมาจึงได้แลเห็นหญิงสาวรูปร่าง บอบบางเดินตรงมาและไม่กี่วินาทีต่อมาปิ่นมุกก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าบิดา หญิงสาวยกมือไหว้บิดาพร้อมรอยยิ้มสดใสที่คนเป็นพ่อเห็นคราใดก็มีความสุขเมื่อนั้น จากนั้นสาวน้อยรูปร่างบอบบางก็หันไปไหว้และทักทายคนอื่นๆ อย่างไม่ถือตัว ทำเอาบรรดาคนรับใช้ต่างปลาบปลื้ม ปิ่นมุกเหลือบสายตามองหามารดา พี่ชายและพี่สาวฝาแฝดก็หน้าเสียไปเมื่อมองไม่เห็นบุคคลทั้งสามก่อนที่ เจ้าตัวจะหันมายิ้มหวานให้บิดาแทน
“ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกชื่อบุตรสาวที่ถูกลืมของครอบครัวด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะท่านเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวคนเล็กดี ปิ่นมุกน้ำตาซึมและโผเข้าสู่อ้อมกอดของบิดา เธอกอดท่านด้วยความคิดถึง
“คุณพ่อสบายดีนะคะ ปิ่นคิดถึงคุณพ่อมากที่สุดเลยค่ะ” เสียงหวานใสคล้ายน้ำทิพย์ชโลมรดใจคนเป็นพ่อให้ระบายยิ้มแบบที่คนรับใช้ไม่ได้พบเห็นมานานมากแล้วก็พลอยยิ้มดีใจไปด้วย
“สบายดี...พ่อสบายดี แล้วลูกล่ะเป็นยังไงบ้าง แล้วไหนล่ะ มีหนุ่มผมทองตามด้วยหรือเปล่าลูก” คุณกิตติกล่าวสัพยอกบุตรสาวคนเล็กนิสัยแสนดีของตน พลางยกมือลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน คิดไปว่าหากปิ่นสุดาอ่อนหวาน น่ารัก ได้สักนิดของปิ่นมุกก็คงดีและท่านคงมีความสุขมากที่สุด
“แหมคุณพ่อก็ ปิ่นชอบหนุ่มไทยลูกผสมต่างหากล่ะคะ ไม่ได้ชอบฝรั่งเสียหน่อย อย่ามาแซวปิ่นน่า เดี๋ยวปิ่นงอนจริงๆ ด้วย” ปิ่นมุกยิ้มแก้มปริก่อนตอบบิดาด้วยเสียงกระเง้ากระงอด
“แล้วพ่อจะไปรู้หรือลูก บ้างทีลูกปิ่นอาจเปลี่ยนใจไปชอบพวกฝรั่งมังค่าแล้วก็ได้” คุณกิตติพูดเย้า พลางโอบบุตรสาวเดินทางออกจากสนามบินเพื่อพากลับบ้านหลังใหญ่ที่ปิ่นมุกจากไปหลายปี จนเมื่อพากันมาถึงรถที่จอดรออยู่สองพ่อลูกก็พูดคุยกันด้วยความคิดถึง ร่วมชั่วโมงเศษก็มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ปิ่นมุกเดินออกจากรถมายืนมองและสำรวจบ้านหลังใหญ่ด้วยความคิดถึง ที่ถึงแม้จะดูเก่าไปมากแต่ก็ยังสวยเช่นเดิม
“เข้าบ้านกันเถอะลูกปิ่น ครอบครัวของเราจะได้ทานอาหารกลางวันด้วยกัน”
หลังจากบิดาพูดจบ ปิ่นมุกก็หวนให้นึกถึงอดีตที่เธอไม่มีโอกาสได้เข้าไปทานอาหารร่วมกับครอบครัวเลยหรือจะมีโอกาสครั้งใด มารดาก็จะชักชวนให้พี่ปัดและพี่เปรมออกไปหาอะไรทานข้างนอกตลอด ราวกับว่าท่านรังเกียจที่มีเธอนั่งร่วมอยู่ด้วย จากนั้นเธอก็ถูกมารดาห้ามให้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย เธอไม่รู้หรอกว่าบิดาจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ เพราะตัวท่านจะออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาอีกครั้งก็ดึกดื่น
“แต่ว่า...” บุตรสาวคนเล็กก้มหน้าอ้ำอึ้งน้ำตาซึม ไม่กล้าพูดต่อ
“พ่อรู้หมดแล้วลูกปิ่น ต่อไปนี้ปิ่นไม่ต้องหลบออกไปทานในครัวอีกแล้วลูก เพราะเราจะทานอาหารร่วมกัน”
คุณกิตติเอ่ยปลอบบุตรสาวคนเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยกมือลูบศีรษะเล็กไปมา เพราะท่านเข้าใจความรู้สึกของลูกคนนี้ดีแต่ต่อจากนี้ไป ปิ่นมุกต้องพบแต่ความสุข เมื่อตนหวังจะให้ปิ่นมุกลงเอ่ยกับลูกชายของเพื่อนรัก ชายหนุ่มผู้มีหน้าที่การงานที่ดีและยังกตัญญูต่อบิดามารดา ซึ่งท่านก็หวังจะฝากฝังบุตรสาวคนเล็กให้อธิปเป็นคนดูแล
“แต่คุณแม่คงไม่ยอม” ปิ่นมุกค้าน เพราะหากการที่เธอจะเข้าไปร่วมโต๊ะทานอาหารกับครอบครัว แล้วเป็นเหตุให้บิดามารดาต้องทะเลาะกัน เธอขอเข้าไปทานในครัวเช่นเดิมเสียดีกว่า
“ต้องยอมสิลูกปิ่น เพราะปิ่นก็คือลูกสาวคนหนึ่งของครอบครัว เราเข้าบ้านกันเถอะลูกปิ่น ลูกจะได้ไปอาบน้ำพักสักหน่อย แล้วค่อยลงมาทานมื้อกลางวันด้วยกัน” พูดจบก็ยิ้มเอ็นดูบุตรสาวคนเล็ก แล้วหันไปทางสาวใช้สองคนพร้อมทั้งสั่งให้เอากระเป๋าสัมภาระต่างๆ ตามปิ่นมุกขึ้นไป จากนั้นคนเป็นพ่อก็เดินเข้าไปพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นโดยมีคุณปภาดาและปิ่นสุดาคอยมองอยู่
ภายในห้องนั่งเล่น
“ฉันบอกไม่ให้คุณไปรับยัยปิ่น คุณก็ยังจะไป” คนเป็นภรรยาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แล้วเดินตามเข้าไปนั่งปรึกษาหารือกันเรื่องหนี้สินอีกครั้ง ก่อนที่ปิ่นสุดาจะเดินตามมารดาเข้าไป
“คุณพ่อรักแต่นังปิ่น ไม่เห็นรักเปรมบ้างเลย”
บุตรสาวคนโตตัดพ้อด้วยแววตาชิงชังแฝดผู้น้อง ยิ่งได้รู้ได้เห็นว่าน้องสาวฝาแฝดเรียนจบกลับมาพร้อมเกียรตินิยม เธอก็ยิ่งริษยาและอยากจะขจัดน้องสาวออกไปให้พ้นทาง
“พอทีเถอะทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ จะมากระแนะกระแหนกันทำไมกับเรื่องแค่นี้ คุณก็น่าจะรู้นะคุณภา ว่าทำไมผมต้องไปรับยัยปิ่น”
ประมุขของบ้านปรามเสียงเข้ม ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาเพราะไม่อยากจะสนทนากับผู้เป็นภรรยาที่ดีแต่เสี้ยมสอนให้ลูกเกลียดชังกัน
“ฉันจะรู้อะไรล่ะคุณกิต คุณก็พูดมาสิ พูดให้ฉันเข้าใจหน่อย แล้วนี่คุณไม่คิดจะหาเงินหาทองไปใช้หนี้เขาหรือไง หรือเพราะคุณหวังจะเอายัยเปรมไปยกให้เจ้าหนี้ที่มาเก๊ากันล่ะ” คุณปภาดาโต้กลับอย่างเหลืออดกับท่าทีนิ่งเฉยของสามี เพราะไม่เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะได้รับจดหมายเตือนเรื่องหนี้สินกับธนาคาร
“เปรมไม่ไปเด็ดขาด! เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเปรม คุณพ่อคุณแม่ห้ามยกเปรมให้เจ้าหนี้เด็ดขาด” ปิ่นสุดาค้านเสียงกราดเกรี้ยว จากนั้นก็หันไปแบมือขอเงินจากมารดาหวังจะเอาไปเที่ยว
ตอนที่ 5 “เปรมไม่ไปเด็ดขาด! เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเปรม คุณพ่อคุณแม่ห้ามยกเปรมให้เจ้าหนี้เด็ดขาด” ปิ่นสุดาค้านเสียงกราดเกรี้ยว จากนั้นก็หันไปแบมือขอเงินจากมารดาหวังจะเอาไปเที่ยว“อะไรกันยัยเปรม เมื่อสองวันก่อนแม่ก็เพิ่งจะให้ไปสามหมื่น หมดอีกแล้วหรือไงลูกเปรม” คนเป็นแม่ถามเสียงอ่อน พลางทำหน้าลำบากใจเพราะตนเพิ่งจะให้คนรับใช้เอาสร้อยเพชรไปขายได้มาแค่แสนกว่าบาทเท่านั้น จนป่านนี้ก็ยังนึกเคืองร้านรับซื้อไม่ได้ที่กดราคาจนน่าโมโห“โธ่คุณแม่ขา เงินแค่สามหมื่นจะให้เปรมใช้อะไรได้ล่ะคะนะคุณแม่ขา เปรมขอห้าหมื่นนะคะ” ปิ่นสุดาออดอ้อนพลางบีบน้ำหูน้ำตา เพราะรู้ว่ามารดาจะใจอ่อนทุกครั้ง ส่วนคนเป็นพ่อก็ได้แต่มองอย่างเอื้อมระอา หากจะผิดก็ผิดทั้งพ่อทั้งแม่นั่นแหละที่เลี้ยงดูลูกแบบผิดๆ“เดือนนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะยัยเปรม” คนเป็นแม่บอกอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่ก็สงสารบุตรสาวจึงหันไปคว้ากระเป๋ามานับเงินให้ลูกสาวที่ยิ้มหน้าบานต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ“คุณแม่ขา แต่นี่มันเพิ่งจะวันที่สิบสองของเดือนเองนะคะ แล้วถ้าห้าหมื่นหมด เปรมจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของกันล่ะคะ”หลังจากนับเงินจนครบและเก็บลงกระเป๋าเรียบร้อย ปิ่นสุ
ตอนที่ 6 ภายในห้องรับแขกตกอยู่ในภาวะเงียบงันอีกครั้งหลังจากบุตรสาวคนโตเดินออกไปพร้อมเงินนับแสนที่คนเป็นแม่ทนลูกตื๊อของบุตรสาวคนโตไม่ได้จึงได้ควักเงินหลายหมื่นให้บุตรสาวไปอีกครั้งจนถูกผู้เป็นสามีต่อว่าเข้าให้“คุณกิต นี่คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง จะนั่งรอ นอนรอให้ธนาคารมายึดบ้าน หรือรอให้เจ้าหนี้มาฆ่ายกครัวก่อนหรือไง คุณถึงจะคิดได้ว่าควรทำยังไงต่อไปกับหนี้สินหลายสิบล้านของคุณ” คุณปภาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หลังลอบมองสีหน้าของผู้เป็นสามีแล้วช่างขัดหูขัดตาเหลือทนกับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนเหมือนเช่นหลายวันก่อน“ผมจะขายบ้านหลังนี้ มันคงพอให้เราเอาไปใช้หนี้ได้บ้าง แล้วผมจะขอร้องเจ้าหนี้ให้เขาให้โอกาสเราได้ผ่อนผันบ้าง ส่วนเรื่องโรงแรม เมื่อสองวันก่อนมีตัวแทนของมหาเศรษฐีจากฮ่องกงมาขอซื้อกิจการและผมก็ตัดสินใจขายโรงแรมให้เขาไปแล้ว รอเพียงฝ่ายนั้นมาตกลงทำสัญญาซื้อขายกันเท่านั้น เราก็จะมีเงินไปใช้หนี้ แต่คงไม่พอ”คุณกิตติตอบคำถามของภรรยาด้วยเส
ตอนที่ 7สองวันถัดมา...หลังจากปฐวีเดินทางมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่วันก่อน ชายหนุ่มได้ออกตามหาฮุ่ยจื่อที่บริษัทของเธอโดยหวังจะงอนง้อขอคืนดีกับหญิงสาว ทว่าทุกคนในบริษัทตอบแค่ว่าไม่อยู่และยังถามเซ้าซี้อีกว่าเขาเป็นใคร ปฐวีก็น้ำท่วมปากพอควร เพราะระหว่างที่คบหาฮุ่ยจื่อ เขาและเธอคบหากันแบบลับๆ และ ฮุ่ยจื่อก็ไม่อยากให้พี่ชายรู้เรื่องที่เธอแอบมีแฟน นั่นเพราะหญิงสาวมีว่าที่คู่หมั้นอยู่ที่ฮ่องกง ปฐวีจึงต้องออกมาจากบริษัทของฮุ่ยจื่อ หญิงสาวที่ตนหลอกให้รักหลอกให้หลงแล้วเฉียดหัวทิ้งหลังจากออกจากบริษัทมาได้ ปฐวีก็เร่งเดินทางไปมาตามหาฮุ่ยจื่อที่แมนชั่น ซึ่งเป็นสถานที่หาความสุขของเขาและเธอ ก็ได้ความว่า ฮุ่ยจื่อ ไม่ได้มาที่นานมากแล้ว ปฐวีจึงเดินทางกลับโรงแรมที่พักด้วยความหงุดหงิด เพราะไม่รู้จะติดตามหาหญิงสาวได้ที่ไหนอีก มือถือที่ใช้ติดต่อกันก็ติดต่อไม่ได้ กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นปฐวีจึงได้นัดให้
ตอนที่ 8“คุณจินนี่ ทำเหมือนไม่ค่อยชอบผู้ชายเลยนะครับ ตกลงเป็น ลาเต้ร้อนนะครับ” หนุ่มคารมดีเอ่ยเย้า ก่อนหันไปเรียกเด็กในร้านพร้อมจัดการสั่งกาแฟให้หญิงสาว“ฉันขอโทษค่ะ คือ...ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นผู้ชายนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อถูกแววตากรุ้มกริ่มของเขา กลับมาจ้องมองเธอ“ถ้างั้น...ผมขอสมัครเป็นเพื่อนชายของคุณได้ไหมครับ” ปฐวีเผยยิ้มมีเสน่ห์หลังพูดจบ พานทำให้หัวใจของสาวสวยวัยยี่สิบห้าไหววูบและรู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก“ได้ไหมครับ คุณจินนี่” ปฐวีทำหน้าสลด พลางเลื่อนมือไปวางทาบบนมือสวย เจ้าของมือสวยรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงวิ่งผ่านเธออย่างรวดเร็ว หัวใจก็พากันเต้นไม่เป็นจังหวะยามที่มือใหญ่คลึงเล่นบนมือของเธอ“ได้ไหมครับ” เจ้าของฝ่ามือใหญ่ย้ำถามเสียงนุ่มและไม่คิดจะหยุดมือที่ทั้งคลึงและลูบไล้มือสวย“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ ฉันยินดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงไม่มั่นคงนัก ก่อนเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนใหม่พลางยิ้มหวานต
ตอนที่ 9 เกาะเหอฮวาเกาะส่วนตัวของ ถังเฟ่ยหลง นักธุรกิจหนุ่มลูกเสี้ยวไทย-ฮ่องกง วัยสามสิบห้าปี ที่ได้ซื้อเกาะแห่งนี้ไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนจากเจ้าของเกาะคนเก่าที่ประกาศขายเกาะในจังหวัดตราด ถังเฟ่ยหลงจึงได้ตัดสินใจซื้อพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเกาะเป็นชื่อของดอกไม้ที่มารดาโปรดปรานมากที่สุดคือดอกบัว เกาะเหอฮวาหรือเกาะดอกบัว จึงเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของถังเฟ่ยหลงนับตั้งแต่บิดามารดาและน้องสาวคนโตเสียชีวิต“ตอนนี้ไอ้ปฐวี มันมุดหัวอยู่ที่ไหน” เอ่ยถามเสียงเข้ม ก่อนยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น“นายปฐวีอยู่ที่เชียงใหม่ครับคุณถัง เห็นว่าไปหาเพื่อน” กู่ฉินเอ่ยตอบตามที่ได้รับรายงานจากลูกน้องที่ให้ติดตาม แต่ลูกน้องคนดังกล่าวกลับพลาดโอกาสที่จะได้เห็นปฐวีพูดคุยอยู่กับฮุ่ยหลัน เพราะเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเสียก่อนและกว่าจะเดินออกมา ฮุ่ยหลันก็ขอตัวกลับบ้านพักไปแล้ว“หาเพื่อน” เจ้านายหนุ่มทวนคำ คิ้วเข้มพาดโค้ง
ตอนที่ 10ช่วงค่ำของวัน ปฐวีได้เดินทางมายังห้องพักของฮุ่ยหลัน โดยที่สาวสวยสั่งให้ชายหนุ่มคอยระวังตัวเวลามาหาตน ปฐวีแม้สงสัยแต่ก็ยอมทำตามความต้องการของหญิงสาว ที่บอกเหตุผลเพียงว่าไม่อยากให้คนของพี่ชายรู้ว่าเธอนัดผู้ชายมาหาที่ห้องพัก และทันทีที่ส่งสัญญาณเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ากระดายอาย“คืนนี้คุณจินนี่สวยมากเลยนะครับ” หนุ่มคารมเอ่ยชมเปราะ เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องและนั่งพักบนโฟซาบุผ้าลายหลุยส์อย่างประณีตและสวยงาม“คุณปัดปากหวานกับผู้หญิงทุกคนเลยหรือเปล่าคะ” ฮุ่ยหลันเอ่ยถามขณะนำแก้วน้ำเย็นๆ วางบนโต๊ะใกล้แขกหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา“ไม่...ไม่เลยครับ ผมไม่ชอบชมใครพร่ำเพื่อ แต่วันนี้คุณสวยมาก สวยมากจริงๆ นะครับ” หนุ่มหล่อออกตัว พลางขยับเข้าไปใกล้เจ้าของห้องพัก ฮุ่ยหลันมีสีหน้าเก้อเขินปนตกใจ ก่อนจะก้มหน้าต่ำเมื่อแขกหนุ่มยื่นมือมากุมมือของเธอและยกขึ้นจุมพิต โดยที่สายตาของปฐวีจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยไม่วางตา“เอ่อ...ปล่อยมือฉันเถอะค่ะคุณปัด เราจะได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน” ฮุ่ยหลันเอ่ยขอร้องเสียงแผ่วพลิ้ว รู้สึกหัวใจเต้นแ
ตอนที่ 11แผนการต่างๆ ของปฐวีหรืออีกชื่อคือ ‘ปกรณ์’ เริ่มดำเนินอย่างเชื่องช้า พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลายามก้มมองเหยื่อสาว ส่วนฮุ่ยหลัน...เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองชายหนุ่มหลังจากต้องผวาเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือของชายหนุ่มรุกรานร่างกายที่มันเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว ทว่าเวลานี้กับถูกชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาบุกสำรวจอย่างจาบจ้วงทว่ามันไม่ได้เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความหวามไหว ความซาบซ่าน ความอยากรู้ ความอยากเห็น เธอไม่เคยรู้เลยว่าเพียงแค่มือของเขาจะทำให้เธอร้อนผ่าวทั่วร่างได้มากขนาดนี้ ทว่าเมื่อถูกฝ่ามือร้อนของเขาลูบไล้นานๆ เข้า เธอก็รู้สึกคล้ายคนจะจมน้ำ เพราะอากาศที่ใช้หายใจมันหดหายไปเสียดื้อๆ สองมือของเธอเข้ายึดบ่ากว้างเอาไว้ ขณะที่ปฐวีกำลังส่งมอบความสุขแสนหฤหรรษ์ให้กับหญิงสาวอ่อนประสบการณ์อย่างชายชำนาญเชิง‘ฮุ่ยจื่อและฮุ่ยหลันมีส่วนคล้ายคลึงกันมากที่ไม่รู้จักความต้องการของตัวเอง’ รอยยิ้มอย่างผู้ชนะระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลาทันทีเมื่อหวนนึกถึงหญิงสาวทั้งสอง“คุณ...ปัดคะ ฉัน....
ตอนที่ 12สองสัปดาห์ถัดมา...ในช่วงค่ำของวัน หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นในช่วงเช้าไป สำหรับการแต่งงานของ ปิ่นมุก อิทธิเชษฐ์ และนักธุรกิจหนุ่มลูกชายเพื่อนรักของบิดา เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่ใหม่ก็ออกมาต้อนรับแขกเหรื่อหน้างานที่ถูกจัดขึ้นกลางห้องบอลรูมของโรงแรมชื่อดัง “น้องปิ่นเหนื่อยไหมครับ” อธิป เจ้าบ่าวแสนดีและไม่เคยคิดขัดคำสั่งของบิดามารดาเอ่ยถามเจ้าสาวแสนสวยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม พลางยิ้มให้กับเจ้าสาวคนสวย เขายอมรับว่าตกหลุมรักว่าที่เจ้าสาวตัวเองนับตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเข้าไปเจรจาทาบทามหญิงสาว แม้ก่อนหน้านั้นจะรู้จักเจ้าสาวมาบ้างแต่ก็แค่ผิวเผินจนเขาไม่คิดว่าจะหลงรักหญิงสาว“นิดหน่อยคะพี่อธิป แล้วพี่อธิปล่ะคะ เหนื่อยไหมคะ” เจ้าสาวคนสวยยิ้มเอียงอายแล้วย้อนถาม พลางยื่นมือซับเหงื่อให้เจ้าบ่าว อธิปยิ้มอย่างปลาบปลื้ม“ไม่หรอกจ้ะ พี่ไม่เหนื่อยเลย พี่ดีใจมากต่างหากที่ได้แต่งงานกับ น้องปิ่น ทั้งที่เราไม่ค่อยได้พบกัน” อธิปว่าพลาง
ตอนที่ 17“ฉะ...ฉัน ปละ...โอ๊ย! …” คำสั่งห้ามกลายเป็นครวญครางด้วยความเจ็บปวดแทน เมื่อถังเฟ่ยหลงละมือจากการเหนี่ยวรั้งสองมือเล็กเป็นกดฝ่ามือเคล้นคลึงทรวงอกคู่งามอย่างลงโทษ“เจ็บเหรอ งั้นก็พูดมาว่าฉันมีสิทธิ์แตะต้องผู้หญิงสกปรกอย่างเธอหรือเปล่า” ถังเฟ่ยหลงเค้นเสียงถาม ใบหน้าเครียดขึงอย่างน่ากลัว ปิ่นมุกพยายามปัดมือใหญ่ออกจากทรวงอกแต่เขาไม่ยอมปล่อย“ไม่ๆๆ พวกแกไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่เคยทำอะไรให้เลยนะ ปล่อย...ปล่อยฉัน” น้ำตาของคนอ่อนแอไหลพราก ร่างกายรูดลงไปกับผนังทันทีเมื่อถังเฟ่ยหลงปล่อยมือ เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อเฝ้ามองหญิงสาวที่กำลังนั่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา แต่สำหรับคนอย่างถังเฟ่ยหลงไม่คิดสงสารใคร!“หยุดคร่ำครวญได้แล้วปิ่นมุก แล้วก็เข้าไปอาบน้ำ ทำเนื้อตัวของเธอให้สะอาดเพื่อฉัน ฉันให้เวลาเธอแค่สิบนาทีเท่านั้น!”เขาสั่งหลังจากเดินไปเปิดประตูหน้าห้องค้างเอาไว้เพื่อออกไปจากห้องนี้แล้วให้แม่บ้านเข้ามาจัดการปรับเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ดวงต
ตอนที่ 16“ไอ้ชั่ว! ปล่อยฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วย!” คนถูกทารุณด้วยรสจุมพิตจาบจ้วง หวีดร้องสุดเสียง ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้สาเหตุ ยามที่ฝ่ามือใหญ่กำลังบุกรุกมายังแผ่นหลังเปล่าเปลือยของตัวเอง เสียงซิปชุดแต่งงานของเธอถูกรูดลงอย่างรวดเร็ว ปิ่นมุกจึงพยายามตั้งสติแล้วขัดขืน“แก...แกจะทำอะไรฉัน” เธอร้องถามหน้าตาตื่น หวาดกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ ส่วนถังเฟ่ยหลงก็เหยียดปากยิ้มร้ายกาจมอบให้“ไม่นะ ไม่ ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย” ปิ่นมุกละล่ำละลักร้องขอความช่วยเหลือ มือเล็กปัดป้องร่างกายสุดฤทธิ์ แต่เธอแรงเท่ามดเท่านั้นจึงถูกอีกคนจับถอดเสื้อผ้าเผยให้เห็นทรวงอกอวบใหญ่เกินตัวท้าทายสายตาคมกริบ“ฮึ! แหกปากร้องให้พอ ถ้าคิดว่าจะมีใครเข้ามาช่วยเธอได้” ถังเฟ่ยหลงงึมงำชิดเนินอก ก่อนจะผละห่างออกมาเพื่อจดจ้องความขาวเนียนและอวบอิ่ม รอยยิ้มร้ายลึกปรากฏบนมุมปากหยักหลังจากมองสำรวจจนพอใจ ร่างกายของเขาตื่นตัวเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ“ไอ้เลว ปล่อยฉันนะ ป
ตอนที่ 15 ซ่า!เช้าวันใหม่ภายในห้องใต้ดิน เสียงน้ำเย็นๆ กระเซ็นเข้าใส่ร่างเล็กในชุดเจ้าสาวครั้งแล้วครั้งเล่าจนเปียกมะล่อกมะแล่กไปหมด พร้อมร่างสูงใหญ่ยืนเหยียดปากยิ้มนิดๆ ส่วนปิ่นมุกพยายามพยุงตัวลุกขึ้นในอาการงัวเงียและยังงงไม่หาย ก่อนเหลียวมองหาคนสาดน้ำเย็นจัดใส่เธอ เสี้ยววินาทีก็รีบ ถอยร่นลงจากเตียงไปยืนแอบอยู่มุมห้อง ดวงตาคู่สวยสั่นระริก มือไม้ของเธอเย็นเฉียบ ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินใจอีกระลอก และครั้งนี้ความกลัวมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะหลังจากตอนใกล้รุ่งของวันใหม่ เธอถูกพามาอยู่ในห้องมืดๆ แห่งนี้ แล้วทุกคนก็ปล่อยให้เธออยู่เพียงลำพัง ทว่าเวลานี้ไม่ใช่แล้ว เธอไม่ได้อยู่ตามลำพัง มีชายหนุ่มแปลกหน้ายืนอยู่ด้วยปิ่นมุกมองอย่างระแวดระวังชายหนุ่มเจ้าของรูปสูงใหญ่ ใบหน้าก็หล่อเหลาเอาการ ผิวพรรณค่อนข้างขาว สำรวจจนเกือบถ้วนถี่จึงได้รู้ว่าชายคนนี้ไม่น่าจะเป็นคนไทย หรือไม่ก็น่าจะลูกครึ่งอะไรสักอย่างแต่ไม่ใช่ทางยุโรปแน่นอน ขณะมองคนตรงหน้าอย่างสำรวจ ป
ตอนที 14ราวครึ่งชั่วโมงถัดมา ปิ่นมุกก็ได้แต่เหลียวมองผู้คนในรถด้วยความหวาดกลัว หลังจากคนพวกนี้พาเธอย้ายจากรถตู้สีดำเป็นรถคันหรู อีกทั้งยังหวั่นวิตกไปหมดหลังจากเธอถามอะไรไป กลุ่มคนแปลกหน้าไม่มีใครตอบเธอแม้แต่คนเดียว หญิงสาวเลยได้แต่มองสำรวจลักษณะของชายฉกรรจ์ในรถคนอย่างพินิจ เพราะด้วยลักษณะท่าทางการพูดคุยของคนพวกเหล่านี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่คนไทย‘แล้วคนพวกนี้เป็นใคร? มาจากไหนกันแน่?’“คุณ! ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใคร แล้วฉันไปทำอะไรให้ ถึงถูกจับตัวมาแบบนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ได้โปรดเถอะนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” เจ้าสาวคนสวยวิงวอนด้วยเสียงสั่นเครือ แม้เธอจะพออุ่นใจได้บ้างว่าคนพวกนี้ไม่ได้ลงมือทำร้ายเธอตอนนี้ ทว่าต่อจากนี้เธอไม่อยากคิดเลยด้วยซ้ำว่าต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แล้วถนนหนทางที่ออกนอกเมืองเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัว“นั่งเงียบๆไปเถอะ ถ้าคุณยังห่วงชีวิตตัวเองและชีวิตคนในครอบครัวของคุณอยู่” จินเหลียงเอ่ยเตือนเสียงเรียบ พลาง
ตอนที่ 13“อย่าเชียวนะยัยเปรม แกก็รู้แล้วนี่ว่าพี่ชายแกหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยได้แล้ว แล้วอีกหน่อยก็คงหมดแล้วละ เพราะฉะนั้นลูกเปรมห้ามหนีแม่ไปไหนเด็ดขาดนะคะ ลูกรัก” ความกรุ่นโกรธจางหายไปทันทีเมื่อบุตรสาวอ้างจะหนีไปอยู่ต่างประเทศคุณปภาดาเลยรีบโอ๋“ก็ได้ค่ะคุณแม่ เปรมรักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้านกันสักทีล่ะคะคุณแม่ เปรมอยากออกไปเที่ยวมากกว่า เอ่อ...แล้วเปรมขอเงินเพิ่มด้วยนะคะคุณแม่” บุตรสาวคนโตอ้อนพลางแบมือรอเงิน“อะไรกันยัยเปรม แม่เพิ่งจะให้ไปเองนะ” คนเป็นแม่ว่าพลางทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ“คุณแม่ขา เปรมรู้นะคะว่าพี่ปัดเอาเงินให้คุณแม่ตั้งหลายแสนคุณแม่ก็แบ่งให้เปรมบ้างสิคะ นะคะคุณแม่ขา แบ่งให้เปรมบ้าง อีกอย่างเดี๋ยวพี่ปัดก็เอาเงินมาให้คุณแม่อีกแหละค่ะ นะคะคุณแม่ขา” เพราะรู้วิธีประจบประแจงทำให้ปิ่นสุดาออดอ้อนคุณปภาดาแม้จะอ่อนอกอ่อนใจกับนิสัยของบุตรสาว ทว่าตัวท่านก็ไม่เคยตำหนิและให้เงินตามที่บุตรสาวขอไปในที่สุด จากนั้นสองแม่ลูกก็เดินกลับเข้าไปในงานที่แสนจ
ตอนที่ 12สองสัปดาห์ถัดมา...ในช่วงค่ำของวัน หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นในช่วงเช้าไป สำหรับการแต่งงานของ ปิ่นมุก อิทธิเชษฐ์ และนักธุรกิจหนุ่มลูกชายเพื่อนรักของบิดา เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่ใหม่ก็ออกมาต้อนรับแขกเหรื่อหน้างานที่ถูกจัดขึ้นกลางห้องบอลรูมของโรงแรมชื่อดัง “น้องปิ่นเหนื่อยไหมครับ” อธิป เจ้าบ่าวแสนดีและไม่เคยคิดขัดคำสั่งของบิดามารดาเอ่ยถามเจ้าสาวแสนสวยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม พลางยิ้มให้กับเจ้าสาวคนสวย เขายอมรับว่าตกหลุมรักว่าที่เจ้าสาวตัวเองนับตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเข้าไปเจรจาทาบทามหญิงสาว แม้ก่อนหน้านั้นจะรู้จักเจ้าสาวมาบ้างแต่ก็แค่ผิวเผินจนเขาไม่คิดว่าจะหลงรักหญิงสาว“นิดหน่อยคะพี่อธิป แล้วพี่อธิปล่ะคะ เหนื่อยไหมคะ” เจ้าสาวคนสวยยิ้มเอียงอายแล้วย้อนถาม พลางยื่นมือซับเหงื่อให้เจ้าบ่าว อธิปยิ้มอย่างปลาบปลื้ม“ไม่หรอกจ้ะ พี่ไม่เหนื่อยเลย พี่ดีใจมากต่างหากที่ได้แต่งงานกับ น้องปิ่น ทั้งที่เราไม่ค่อยได้พบกัน” อธิปว่าพลาง
ตอนที่ 11แผนการต่างๆ ของปฐวีหรืออีกชื่อคือ ‘ปกรณ์’ เริ่มดำเนินอย่างเชื่องช้า พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลายามก้มมองเหยื่อสาว ส่วนฮุ่ยหลัน...เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองชายหนุ่มหลังจากต้องผวาเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือของชายหนุ่มรุกรานร่างกายที่มันเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว ทว่าเวลานี้กับถูกชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาบุกสำรวจอย่างจาบจ้วงทว่ามันไม่ได้เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความหวามไหว ความซาบซ่าน ความอยากรู้ ความอยากเห็น เธอไม่เคยรู้เลยว่าเพียงแค่มือของเขาจะทำให้เธอร้อนผ่าวทั่วร่างได้มากขนาดนี้ ทว่าเมื่อถูกฝ่ามือร้อนของเขาลูบไล้นานๆ เข้า เธอก็รู้สึกคล้ายคนจะจมน้ำ เพราะอากาศที่ใช้หายใจมันหดหายไปเสียดื้อๆ สองมือของเธอเข้ายึดบ่ากว้างเอาไว้ ขณะที่ปฐวีกำลังส่งมอบความสุขแสนหฤหรรษ์ให้กับหญิงสาวอ่อนประสบการณ์อย่างชายชำนาญเชิง‘ฮุ่ยจื่อและฮุ่ยหลันมีส่วนคล้ายคลึงกันมากที่ไม่รู้จักความต้องการของตัวเอง’ รอยยิ้มอย่างผู้ชนะระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลาทันทีเมื่อหวนนึกถึงหญิงสาวทั้งสอง“คุณ...ปัดคะ ฉัน....
ตอนที่ 10ช่วงค่ำของวัน ปฐวีได้เดินทางมายังห้องพักของฮุ่ยหลัน โดยที่สาวสวยสั่งให้ชายหนุ่มคอยระวังตัวเวลามาหาตน ปฐวีแม้สงสัยแต่ก็ยอมทำตามความต้องการของหญิงสาว ที่บอกเหตุผลเพียงว่าไม่อยากให้คนของพี่ชายรู้ว่าเธอนัดผู้ชายมาหาที่ห้องพัก และทันทีที่ส่งสัญญาณเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ากระดายอาย“คืนนี้คุณจินนี่สวยมากเลยนะครับ” หนุ่มคารมเอ่ยชมเปราะ เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องและนั่งพักบนโฟซาบุผ้าลายหลุยส์อย่างประณีตและสวยงาม“คุณปัดปากหวานกับผู้หญิงทุกคนเลยหรือเปล่าคะ” ฮุ่ยหลันเอ่ยถามขณะนำแก้วน้ำเย็นๆ วางบนโต๊ะใกล้แขกหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา“ไม่...ไม่เลยครับ ผมไม่ชอบชมใครพร่ำเพื่อ แต่วันนี้คุณสวยมาก สวยมากจริงๆ นะครับ” หนุ่มหล่อออกตัว พลางขยับเข้าไปใกล้เจ้าของห้องพัก ฮุ่ยหลันมีสีหน้าเก้อเขินปนตกใจ ก่อนจะก้มหน้าต่ำเมื่อแขกหนุ่มยื่นมือมากุมมือของเธอและยกขึ้นจุมพิต โดยที่สายตาของปฐวีจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยไม่วางตา“เอ่อ...ปล่อยมือฉันเถอะค่ะคุณปัด เราจะได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน” ฮุ่ยหลันเอ่ยขอร้องเสียงแผ่วพลิ้ว รู้สึกหัวใจเต้นแ
ตอนที่ 9 เกาะเหอฮวาเกาะส่วนตัวของ ถังเฟ่ยหลง นักธุรกิจหนุ่มลูกเสี้ยวไทย-ฮ่องกง วัยสามสิบห้าปี ที่ได้ซื้อเกาะแห่งนี้ไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนจากเจ้าของเกาะคนเก่าที่ประกาศขายเกาะในจังหวัดตราด ถังเฟ่ยหลงจึงได้ตัดสินใจซื้อพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเกาะเป็นชื่อของดอกไม้ที่มารดาโปรดปรานมากที่สุดคือดอกบัว เกาะเหอฮวาหรือเกาะดอกบัว จึงเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของถังเฟ่ยหลงนับตั้งแต่บิดามารดาและน้องสาวคนโตเสียชีวิต“ตอนนี้ไอ้ปฐวี มันมุดหัวอยู่ที่ไหน” เอ่ยถามเสียงเข้ม ก่อนยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น“นายปฐวีอยู่ที่เชียงใหม่ครับคุณถัง เห็นว่าไปหาเพื่อน” กู่ฉินเอ่ยตอบตามที่ได้รับรายงานจากลูกน้องที่ให้ติดตาม แต่ลูกน้องคนดังกล่าวกลับพลาดโอกาสที่จะได้เห็นปฐวีพูดคุยอยู่กับฮุ่ยหลัน เพราะเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเสียก่อนและกว่าจะเดินออกมา ฮุ่ยหลันก็ขอตัวกลับบ้านพักไปแล้ว“หาเพื่อน” เจ้านายหนุ่มทวนคำ คิ้วเข้มพาดโค้ง