ตอนที่ 4
สามวันถัดมา
ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ อดีตนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ และคนรับใช้ คนสวนและคนขับรถได้มายืนรอคุณหนูคนเล็กของตระกูลอิทธิเชษฐ์อย่างใจจดใจจ่อ ครู่ต่อมาจึงได้แลเห็นหญิงสาวรูปร่าง บอบบางเดินตรงมาและไม่กี่วินาทีต่อมาปิ่นมุกก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าบิดา หญิงสาวยกมือไหว้บิดาพร้อมรอยยิ้มสดใสที่คนเป็นพ่อเห็นคราใดก็มีความสุขเมื่อนั้น จากนั้นสาวน้อยรูปร่างบอบบางก็หันไปไหว้และทักทายคนอื่นๆ อย่างไม่ถือตัว ทำเอาบรรดาคนรับใช้ต่างปลาบปลื้ม ปิ่นมุกเหลือบสายตามองหามารดา พี่ชายและพี่สาวฝาแฝดก็หน้าเสียไปเมื่อมองไม่เห็นบุคคลทั้งสามก่อนที่ เจ้าตัวจะหันมายิ้มหวานให้บิดาแทน
“ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกชื่อบุตรสาวที่ถูกลืมของครอบครัวด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะท่านเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวคนเล็กดี ปิ่นมุกน้ำตาซึมและโผเข้าสู่อ้อมกอดของบิดา เธอกอดท่านด้วยความคิดถึง
“คุณพ่อสบายดีนะคะ ปิ่นคิดถึงคุณพ่อมากที่สุดเลยค่ะ” เสียงหวานใสคล้ายน้ำทิพย์ชโลมรดใจคนเป็นพ่อให้ระบายยิ้มแบบที่คนรับใช้ไม่ได้พบเห็นมานานมากแล้วก็พลอยยิ้มดีใจไปด้วย
“สบายดี...พ่อสบายดี แล้วลูกล่ะเป็นยังไงบ้าง แล้วไหนล่ะ มีหนุ่มผมทองตามด้วยหรือเปล่าลูก” คุณกิตติกล่าวสัพยอกบุตรสาวคนเล็กนิสัยแสนดีของตน พลางยกมือลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน คิดไปว่าหากปิ่นสุดาอ่อนหวาน น่ารัก ได้สักนิดของปิ่นมุกก็คงดีและท่านคงมีความสุขมากที่สุด
“แหมคุณพ่อก็ ปิ่นชอบหนุ่มไทยลูกผสมต่างหากล่ะคะ ไม่ได้ชอบฝรั่งเสียหน่อย อย่ามาแซวปิ่นน่า เดี๋ยวปิ่นงอนจริงๆ ด้วย” ปิ่นมุกยิ้มแก้มปริก่อนตอบบิดาด้วยเสียงกระเง้ากระงอด
“แล้วพ่อจะไปรู้หรือลูก บ้างทีลูกปิ่นอาจเปลี่ยนใจไปชอบพวกฝรั่งมังค่าแล้วก็ได้” คุณกิตติพูดเย้า พลางโอบบุตรสาวเดินทางออกจากสนามบินเพื่อพากลับบ้านหลังใหญ่ที่ปิ่นมุกจากไปหลายปี จนเมื่อพากันมาถึงรถที่จอดรออยู่สองพ่อลูกก็พูดคุยกันด้วยความคิดถึง ร่วมชั่วโมงเศษก็มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ปิ่นมุกเดินออกจากรถมายืนมองและสำรวจบ้านหลังใหญ่ด้วยความคิดถึง ที่ถึงแม้จะดูเก่าไปมากแต่ก็ยังสวยเช่นเดิม
“เข้าบ้านกันเถอะลูกปิ่น ครอบครัวของเราจะได้ทานอาหารกลางวันด้วยกัน”
หลังจากบิดาพูดจบ ปิ่นมุกก็หวนให้นึกถึงอดีตที่เธอไม่มีโอกาสได้เข้าไปทานอาหารร่วมกับครอบครัวเลยหรือจะมีโอกาสครั้งใด มารดาก็จะชักชวนให้พี่ปัดและพี่เปรมออกไปหาอะไรทานข้างนอกตลอด ราวกับว่าท่านรังเกียจที่มีเธอนั่งร่วมอยู่ด้วย จากนั้นเธอก็ถูกมารดาห้ามให้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย เธอไม่รู้หรอกว่าบิดาจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ เพราะตัวท่านจะออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาอีกครั้งก็ดึกดื่น
“แต่ว่า...” บุตรสาวคนเล็กก้มหน้าอ้ำอึ้งน้ำตาซึม ไม่กล้าพูดต่อ
“พ่อรู้หมดแล้วลูกปิ่น ต่อไปนี้ปิ่นไม่ต้องหลบออกไปทานในครัวอีกแล้วลูก เพราะเราจะทานอาหารร่วมกัน”
คุณกิตติเอ่ยปลอบบุตรสาวคนเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยกมือลูบศีรษะเล็กไปมา เพราะท่านเข้าใจความรู้สึกของลูกคนนี้ดีแต่ต่อจากนี้ไป ปิ่นมุกต้องพบแต่ความสุข เมื่อตนหวังจะให้ปิ่นมุกลงเอ่ยกับลูกชายของเพื่อนรัก ชายหนุ่มผู้มีหน้าที่การงานที่ดีและยังกตัญญูต่อบิดามารดา ซึ่งท่านก็หวังจะฝากฝังบุตรสาวคนเล็กให้อธิปเป็นคนดูแล
“แต่คุณแม่คงไม่ยอม” ปิ่นมุกค้าน เพราะหากการที่เธอจะเข้าไปร่วมโต๊ะทานอาหารกับครอบครัว แล้วเป็นเหตุให้บิดามารดาต้องทะเลาะกัน เธอขอเข้าไปทานในครัวเช่นเดิมเสียดีกว่า
“ต้องยอมสิลูกปิ่น เพราะปิ่นก็คือลูกสาวคนหนึ่งของครอบครัว เราเข้าบ้านกันเถอะลูกปิ่น ลูกจะได้ไปอาบน้ำพักสักหน่อย แล้วค่อยลงมาทานมื้อกลางวันด้วยกัน” พูดจบก็ยิ้มเอ็นดูบุตรสาวคนเล็ก แล้วหันไปทางสาวใช้สองคนพร้อมทั้งสั่งให้เอากระเป๋าสัมภาระต่างๆ ตามปิ่นมุกขึ้นไป จากนั้นคนเป็นพ่อก็เดินเข้าไปพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นโดยมีคุณปภาดาและปิ่นสุดาคอยมองอยู่
ภายในห้องนั่งเล่น
“ฉันบอกไม่ให้คุณไปรับยัยปิ่น คุณก็ยังจะไป” คนเป็นภรรยาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แล้วเดินตามเข้าไปนั่งปรึกษาหารือกันเรื่องหนี้สินอีกครั้ง ก่อนที่ปิ่นสุดาจะเดินตามมารดาเข้าไป
“คุณพ่อรักแต่นังปิ่น ไม่เห็นรักเปรมบ้างเลย”
บุตรสาวคนโตตัดพ้อด้วยแววตาชิงชังแฝดผู้น้อง ยิ่งได้รู้ได้เห็นว่าน้องสาวฝาแฝดเรียนจบกลับมาพร้อมเกียรตินิยม เธอก็ยิ่งริษยาและอยากจะขจัดน้องสาวออกไปให้พ้นทาง
“พอทีเถอะทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ จะมากระแนะกระแหนกันทำไมกับเรื่องแค่นี้ คุณก็น่าจะรู้นะคุณภา ว่าทำไมผมต้องไปรับยัยปิ่น”
ประมุขของบ้านปรามเสียงเข้ม ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาเพราะไม่อยากจะสนทนากับผู้เป็นภรรยาที่ดีแต่เสี้ยมสอนให้ลูกเกลียดชังกัน
“ฉันจะรู้อะไรล่ะคุณกิต คุณก็พูดมาสิ พูดให้ฉันเข้าใจหน่อย แล้วนี่คุณไม่คิดจะหาเงินหาทองไปใช้หนี้เขาหรือไง หรือเพราะคุณหวังจะเอายัยเปรมไปยกให้เจ้าหนี้ที่มาเก๊ากันล่ะ” คุณปภาดาโต้กลับอย่างเหลืออดกับท่าทีนิ่งเฉยของสามี เพราะไม่เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะได้รับจดหมายเตือนเรื่องหนี้สินกับธนาคาร
“เปรมไม่ไปเด็ดขาด! เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเปรม คุณพ่อคุณแม่ห้ามยกเปรมให้เจ้าหนี้เด็ดขาด” ปิ่นสุดาค้านเสียงกราดเกรี้ยว จากนั้นก็หันไปแบมือขอเงินจากมารดาหวังจะเอาไปเที่ยว
ตอนที่ 5 “เปรมไม่ไปเด็ดขาด! เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเปรม คุณพ่อคุณแม่ห้ามยกเปรมให้เจ้าหนี้เด็ดขาด” ปิ่นสุดาค้านเสียงกราดเกรี้ยว จากนั้นก็หันไปแบมือขอเงินจากมารดาหวังจะเอาไปเที่ยว“อะไรกันยัยเปรม เมื่อสองวันก่อนแม่ก็เพิ่งจะให้ไปสามหมื่น หมดอีกแล้วหรือไงลูกเปรม” คนเป็นแม่ถามเสียงอ่อน พลางทำหน้าลำบากใจเพราะตนเพิ่งจะให้คนรับใช้เอาสร้อยเพชรไปขายได้มาแค่แสนกว่าบาทเท่านั้น จนป่านนี้ก็ยังนึกเคืองร้านรับซื้อไม่ได้ที่กดราคาจนน่าโมโห“โธ่คุณแม่ขา เงินแค่สามหมื่นจะให้เปรมใช้อะไรได้ล่ะคะนะคุณแม่ขา เปรมขอห้าหมื่นนะคะ” ปิ่นสุดาออดอ้อนพลางบีบน้ำหูน้ำตา เพราะรู้ว่ามารดาจะใจอ่อนทุกครั้ง ส่วนคนเป็นพ่อก็ได้แต่มองอย่างเอื้อมระอา หากจะผิดก็ผิดทั้งพ่อทั้งแม่นั่นแหละที่เลี้ยงดูลูกแบบผิดๆ“เดือนนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะยัยเปรม” คนเป็นแม่บอกอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่ก็สงสารบุตรสาวจึงหันไปคว้ากระเป๋ามานับเงินให้ลูกสาวที่ยิ้มหน้าบานต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ“คุณแม่ขา แต่นี่มันเพิ่งจะวันที่สิบสองของเดือนเองนะคะ แล้วถ้าห้าหมื่นหมด เปรมจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของกันล่ะคะ”หลังจากนับเงินจนครบและเก็บลงกระเป๋าเรียบร้อย ปิ่นสุ
ตอนที่ 6 ภายในห้องรับแขกตกอยู่ในภาวะเงียบงันอีกครั้งหลังจากบุตรสาวคนโตเดินออกไปพร้อมเงินนับแสนที่คนเป็นแม่ทนลูกตื๊อของบุตรสาวคนโตไม่ได้จึงได้ควักเงินหลายหมื่นให้บุตรสาวไปอีกครั้งจนถูกผู้เป็นสามีต่อว่าเข้าให้“คุณกิต นี่คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง จะนั่งรอ นอนรอให้ธนาคารมายึดบ้าน หรือรอให้เจ้าหนี้มาฆ่ายกครัวก่อนหรือไง คุณถึงจะคิดได้ว่าควรทำยังไงต่อไปกับหนี้สินหลายสิบล้านของคุณ” คุณปภาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หลังลอบมองสีหน้าของผู้เป็นสามีแล้วช่างขัดหูขัดตาเหลือทนกับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนเหมือนเช่นหลายวันก่อน“ผมจะขายบ้านหลังนี้ มันคงพอให้เราเอาไปใช้หนี้ได้บ้าง แล้วผมจะขอร้องเจ้าหนี้ให้เขาให้โอกาสเราได้ผ่อนผันบ้าง ส่วนเรื่องโรงแรม เมื่อสองวันก่อนมีตัวแทนของมหาเศรษฐีจากฮ่องกงมาขอซื้อกิจการและผมก็ตัดสินใจขายโรงแรมให้เขาไปแล้ว รอเพียงฝ่ายนั้นมาตกลงทำสัญญาซื้อขายกันเท่านั้น เราก็จะมีเงินไปใช้หนี้ แต่คงไม่พอ”คุณกิตติตอบคำถามของภรรยาด้วยเส
ตอนที่ 7สองวันถัดมา...หลังจากปฐวีเดินทางมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่วันก่อน ชายหนุ่มได้ออกตามหาฮุ่ยจื่อที่บริษัทของเธอโดยหวังจะงอนง้อขอคืนดีกับหญิงสาว ทว่าทุกคนในบริษัทตอบแค่ว่าไม่อยู่และยังถามเซ้าซี้อีกว่าเขาเป็นใคร ปฐวีก็น้ำท่วมปากพอควร เพราะระหว่างที่คบหาฮุ่ยจื่อ เขาและเธอคบหากันแบบลับๆ และ ฮุ่ยจื่อก็ไม่อยากให้พี่ชายรู้เรื่องที่เธอแอบมีแฟน นั่นเพราะหญิงสาวมีว่าที่คู่หมั้นอยู่ที่ฮ่องกง ปฐวีจึงต้องออกมาจากบริษัทของฮุ่ยจื่อ หญิงสาวที่ตนหลอกให้รักหลอกให้หลงแล้วเฉียดหัวทิ้งหลังจากออกจากบริษัทมาได้ ปฐวีก็เร่งเดินทางไปมาตามหาฮุ่ยจื่อที่แมนชั่น ซึ่งเป็นสถานที่หาความสุขของเขาและเธอ ก็ได้ความว่า ฮุ่ยจื่อ ไม่ได้มาที่นานมากแล้ว ปฐวีจึงเดินทางกลับโรงแรมที่พักด้วยความหงุดหงิด เพราะไม่รู้จะติดตามหาหญิงสาวได้ที่ไหนอีก มือถือที่ใช้ติดต่อกันก็ติดต่อไม่ได้ กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นปฐวีจึงได้นัดให้
ตอนที่ 8“คุณจินนี่ ทำเหมือนไม่ค่อยชอบผู้ชายเลยนะครับ ตกลงเป็น ลาเต้ร้อนนะครับ” หนุ่มคารมดีเอ่ยเย้า ก่อนหันไปเรียกเด็กในร้านพร้อมจัดการสั่งกาแฟให้หญิงสาว“ฉันขอโทษค่ะ คือ...ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นผู้ชายนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อถูกแววตากรุ้มกริ่มของเขา กลับมาจ้องมองเธอ“ถ้างั้น...ผมขอสมัครเป็นเพื่อนชายของคุณได้ไหมครับ” ปฐวีเผยยิ้มมีเสน่ห์หลังพูดจบ พานทำให้หัวใจของสาวสวยวัยยี่สิบห้าไหววูบและรู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก“ได้ไหมครับ คุณจินนี่” ปฐวีทำหน้าสลด พลางเลื่อนมือไปวางทาบบนมือสวย เจ้าของมือสวยรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงวิ่งผ่านเธออย่างรวดเร็ว หัวใจก็พากันเต้นไม่เป็นจังหวะยามที่มือใหญ่คลึงเล่นบนมือของเธอ“ได้ไหมครับ” เจ้าของฝ่ามือใหญ่ย้ำถามเสียงนุ่มและไม่คิดจะหยุดมือที่ทั้งคลึงและลูบไล้มือสวย“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ ฉันยินดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงไม่มั่นคงนัก ก่อนเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนใหม่พลางยิ้มหวานต
ตอนที่ 9 เกาะเหอฮวาเกาะส่วนตัวของ ถังเฟ่ยหลง นักธุรกิจหนุ่มลูกเสี้ยวไทย-ฮ่องกง วัยสามสิบห้าปี ที่ได้ซื้อเกาะแห่งนี้ไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนจากเจ้าของเกาะคนเก่าที่ประกาศขายเกาะในจังหวัดตราด ถังเฟ่ยหลงจึงได้ตัดสินใจซื้อพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเกาะเป็นชื่อของดอกไม้ที่มารดาโปรดปรานมากที่สุดคือดอกบัว เกาะเหอฮวาหรือเกาะดอกบัว จึงเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของถังเฟ่ยหลงนับตั้งแต่บิดามารดาและน้องสาวคนโตเสียชีวิต“ตอนนี้ไอ้ปฐวี มันมุดหัวอยู่ที่ไหน” เอ่ยถามเสียงเข้ม ก่อนยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น“นายปฐวีอยู่ที่เชียงใหม่ครับคุณถัง เห็นว่าไปหาเพื่อน” กู่ฉินเอ่ยตอบตามที่ได้รับรายงานจากลูกน้องที่ให้ติดตาม แต่ลูกน้องคนดังกล่าวกลับพลาดโอกาสที่จะได้เห็นปฐวีพูดคุยอยู่กับฮุ่ยหลัน เพราะเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเสียก่อนและกว่าจะเดินออกมา ฮุ่ยหลันก็ขอตัวกลับบ้านพักไปแล้ว“หาเพื่อน” เจ้านายหนุ่มทวนคำ คิ้วเข้มพาดโค้ง
ตอนที่ 10ช่วงค่ำของวัน ปฐวีได้เดินทางมายังห้องพักของฮุ่ยหลัน โดยที่สาวสวยสั่งให้ชายหนุ่มคอยระวังตัวเวลามาหาตน ปฐวีแม้สงสัยแต่ก็ยอมทำตามความต้องการของหญิงสาว ที่บอกเหตุผลเพียงว่าไม่อยากให้คนของพี่ชายรู้ว่าเธอนัดผู้ชายมาหาที่ห้องพัก และทันทีที่ส่งสัญญาณเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ากระดายอาย“คืนนี้คุณจินนี่สวยมากเลยนะครับ” หนุ่มคารมเอ่ยชมเปราะ เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องและนั่งพักบนโฟซาบุผ้าลายหลุยส์อย่างประณีตและสวยงาม“คุณปัดปากหวานกับผู้หญิงทุกคนเลยหรือเปล่าคะ” ฮุ่ยหลันเอ่ยถามขณะนำแก้วน้ำเย็นๆ วางบนโต๊ะใกล้แขกหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา“ไม่...ไม่เลยครับ ผมไม่ชอบชมใครพร่ำเพื่อ แต่วันนี้คุณสวยมาก สวยมากจริงๆ นะครับ” หนุ่มหล่อออกตัว พลางขยับเข้าไปใกล้เจ้าของห้องพัก ฮุ่ยหลันมีสีหน้าเก้อเขินปนตกใจ ก่อนจะก้มหน้าต่ำเมื่อแขกหนุ่มยื่นมือมากุมมือของเธอและยกขึ้นจุมพิต โดยที่สายตาของปฐวีจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยไม่วางตา“เอ่อ...ปล่อยมือฉันเถอะค่ะคุณปัด เราจะได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน” ฮุ่ยหลันเอ่ยขอร้องเสียงแผ่วพลิ้ว รู้สึกหัวใจเต้นแ
ตอนที่ 11แผนการต่างๆ ของปฐวีหรืออีกชื่อคือ ‘ปกรณ์’ เริ่มดำเนินอย่างเชื่องช้า พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลายามก้มมองเหยื่อสาว ส่วนฮุ่ยหลัน...เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองชายหนุ่มหลังจากต้องผวาเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือของชายหนุ่มรุกรานร่างกายที่มันเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว ทว่าเวลานี้กับถูกชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาบุกสำรวจอย่างจาบจ้วงทว่ามันไม่ได้เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความหวามไหว ความซาบซ่าน ความอยากรู้ ความอยากเห็น เธอไม่เคยรู้เลยว่าเพียงแค่มือของเขาจะทำให้เธอร้อนผ่าวทั่วร่างได้มากขนาดนี้ ทว่าเมื่อถูกฝ่ามือร้อนของเขาลูบไล้นานๆ เข้า เธอก็รู้สึกคล้ายคนจะจมน้ำ เพราะอากาศที่ใช้หายใจมันหดหายไปเสียดื้อๆ สองมือของเธอเข้ายึดบ่ากว้างเอาไว้ ขณะที่ปฐวีกำลังส่งมอบความสุขแสนหฤหรรษ์ให้กับหญิงสาวอ่อนประสบการณ์อย่างชายชำนาญเชิง‘ฮุ่ยจื่อและฮุ่ยหลันมีส่วนคล้ายคลึงกันมากที่ไม่รู้จักความต้องการของตัวเอง’ รอยยิ้มอย่างผู้ชนะระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลาทันทีเมื่อหวนนึกถึงหญิงสาวทั้งสอง“คุณ...ปัดคะ ฉัน....
ตอนที่ 12สองสัปดาห์ถัดมา...ในช่วงค่ำของวัน หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นในช่วงเช้าไป สำหรับการแต่งงานของ ปิ่นมุก อิทธิเชษฐ์ และนักธุรกิจหนุ่มลูกชายเพื่อนรักของบิดา เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่ใหม่ก็ออกมาต้อนรับแขกเหรื่อหน้างานที่ถูกจัดขึ้นกลางห้องบอลรูมของโรงแรมชื่อดัง “น้องปิ่นเหนื่อยไหมครับ” อธิป เจ้าบ่าวแสนดีและไม่เคยคิดขัดคำสั่งของบิดามารดาเอ่ยถามเจ้าสาวแสนสวยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม พลางยิ้มให้กับเจ้าสาวคนสวย เขายอมรับว่าตกหลุมรักว่าที่เจ้าสาวตัวเองนับตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเข้าไปเจรจาทาบทามหญิงสาว แม้ก่อนหน้านั้นจะรู้จักเจ้าสาวมาบ้างแต่ก็แค่ผิวเผินจนเขาไม่คิดว่าจะหลงรักหญิงสาว“นิดหน่อยคะพี่อธิป แล้วพี่อธิปล่ะคะ เหนื่อยไหมคะ” เจ้าสาวคนสวยยิ้มเอียงอายแล้วย้อนถาม พลางยื่นมือซับเหงื่อให้เจ้าบ่าว อธิปยิ้มอย่างปลาบปลื้ม“ไม่หรอกจ้ะ พี่ไม่เหนื่อยเลย พี่ดีใจมากต่างหากที่ได้แต่งงานกับ น้องปิ่น ทั้งที่เราไม่ค่อยได้พบกัน” อธิปว่าพลาง
ตอนอวสาน“จินหลง เป็นอะไรไปคะ โอ๋ๆ เงียบนะคะ” ปิ่นมุกหันมาโอ๋ลูกน้อยด้วยสีหน้ากังวล ห่วงพ่อของลูกก็ห่วง ห่วงลูกก็ห่วง ส่วนจินหลงก็ไม่ยอมเงียบ ป้าช้อยอาสาอุ้มจินหลงแล้วสั่งให้ปิ่นมุกลงไปดูคนนั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านพัก เธอลังเลเล็กน้อยแล้ววิ่งไปคว้าร่มอันใหญ่ออกไปหาคนหน้าบ้านพักที่นั่งตัวสั่นปากสั่นไปหมด“คุณถัง! ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้ล่ะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูกจะอยู่ยังไงล่ะคะ” ปิ่นมุกลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดแล้วเพราะเป็นห่วงเขาจนเผลอพูดความในใจออกไป เธอกางร่มคันใหญ่เข้าบังเม็ดฝน ใช้ผ้าที่ถือติดมือมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้คนดื้อรั้นที่ดื้อยิ่งกว่าเด็กสามขวบ“ฉันยอมตายปิ่นมุก หากเธอไม่ยอมอภัยให้ ฉันรักเธอ ปิ่นมุก ฉันทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีเธออยู่กับฉัน เธอรู้บ้างไหมว่าฉันทรมานแค่ไหนตลอดสองปีที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาก แต่ฉันไม่กล้ากลับมาหาเธอ เพราะฉันคิดว่าสักวัน ฉันจะลืมเธอให้ได้ เหมือนที่เธอลืมฉัน แต่ฉันก็ทำไม่ได้ แล้ววันนี้ก่อนที่ฉันจะตายฉันอยากมาพบเธอ อยากกอดเธอสักครั้ง แล้วฉันจะยอมตาย...ตายอยู
ก่อนอวสานหนึ่งชั่วโมงถัดเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังรบกวน คุณแม่ลูกหนึ่งจึงชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างแต่เพราะเวลานี้มืดค่ำแล้วจึงมองเห็นไม่ถนัดนัก ปิ่นมุกหันมามองลูกชายที่ตอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แล้วเดินลงไปดูคนมาที่กดกริ่งหน้าบ้านพักหลังจากคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอน เจ้าของบ้านหยุดปลายเท้าทันทีเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนรถเข็น หน้าตาเขาซูบผอมจนน่าใจหาย ตอนรู้ว่าคุณถังประสบอุบัติเหตุ เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะมีร่างกายผ่ายผอมมากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ก็ซีดเซียวเหมือนคน ไร้ชีวิตชีวา ปิ่นมุกยืนอยู่ลานหน้าบ้านเพราะสับสน เธอสับสนจริงๆ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกแบบไหน“ปิ่นมุก” ถังเฟ่ยหลงใช้มือดันล้อรถให้เข้ามาชิดรั้วบ้านมากขึ้น แววตาเศร้าหมองทอดมองร่างเล็กนิ่ง“คุณ...มาทำอะไรคะ” ไม่ได้อยากถามคำถามนี้เลยจริงๆ แต่เพราะไม่รู้จะถามอะไรทำให้ปิ่นมุกเอ่ยคำถามนี้ออกไปแล้วก็ได้แต่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ฉันมาหาเธอ ฉันอยากเห็นหน้าเธอ อยากคุยกับเธอ อยากกอดเธอ ก่อนที่ฉัน...” เจ้าของคำพูดรู้สึก
ตอนที่ 115แต่ใครเลยจะรู้ว่าปิ่นมุกที่ทำทีไม่สนใจพ่อของจินหลงอยู่ทุกวันนั่น เธอคิดถึงพ่อของจินหลงอยู่ทุกวัน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง มันเหมือนมีเส้นใยบางเบามาขวางกั้นเอาไว้ มันบางเบาแต่ก็จริงแต่เธอยังทำลายมันจากใจไม่ได้หมดเสียที เธอจำได้ไม่เคยลืมถึงสิ่งที่ คุณถังฝากความเจ็บช้ำไว้ให้เธอ แม้ความเจ็บช้ำมันจะน้อยลงทุกวันแต่เธอไม่เคยลืมเลือนได้“แล้วตกลงวันนี้ เราจะทำอะไรกันบ้างคะพี่มะลิ” ปิ่นมุกเปลี่ยนเรื่องก่อนฉวยเอาตะกร้าผักไปล้าง“คุณปิ่นคะ ผักนั่นน่ะพี่ล้างหมดแล้วละค่ะ” มะลิบอกอย่างเอ็นดูรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพราะอย่างน้อยคุณปิ่นมุกก็ยังคงอาลัยอาวรณ์คนที่หายหน้าหายตาไปอยู่เหมือนกัน แล้วยิ่งคุณหนูจินหลงหน้าตาเหมือนพ่อขนาดนั้น สักวันเถอะกำแพงในใจของคุณปิ่นมุกต้องพังทลายลงสักวัน“ล้างแล้วก็ล้างอีกได้นี่คะพี่มะลิ” บอกเสียงอ้อมแอ้ม แล้วก็ลงมือล้างผักอย่างตั้งใจ แต่จิตใจกระหวัดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนบางคนที่เหมือนลูกชายของเธอ“ก็ได้ค่า ล้างให
ตอนที่ 114 ตอนที่ 1142 ปีต่อมา... นับจากวันที่ได้จากกันในวันนั้น ปิ่นมุกไม่เคยได้ข่าวคราวของคนป่าเถื่อนอีกเลย เขาทำตัวหายไปจริงๆ พร้อมกับเรื่องราวในอดีตก็ค่อยๆ ลบเลือนไปจากใจของเธอเช่นกัน บิดามักพูดเสมอว่าให้ลืมไปเสียแม้จะยากแต่ก็ต้องลืมเพื่อให้มีแรงเดินต่อไป หลังจากเธอบอกกับบิดาว่าเธอท้อง เมื่อรู้ว่าท้อง เธออยากบอกเขาเหลือเกิน แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงไม่คิดหวนกลับไปและบอกตัวเองว่าให้ลืมคนป่าเถื่อนคนนั้นซะ แต่ยิ่งพยายามลืมเขา ใจกลับก็ยิ่งจดจำและโหยหาเขา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่จำใจจากหญิงที่รักไปนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและตอนนี้อาการของถังเฟ่ยหลงก็น่าเป็นห่วงมากเพราะเจ้าตัวไม่ยอมรับการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้กลับมาเดินได้เป็นคนปกติอีกครั้ง ถังเฟ่ยหลงท้อแท้หมดกำลังใจ หมดพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งที่พยายามตัดใจแต่เขาไม่เคยลืมปิ่นมุก อยากกลับไปหาเธอแทบขาดใจ แต่ไม่กล้าไปส
ตอนที่ 113“ไม่ไป ฉันไม่ยอมห่างจากเธออีกแล้วนะปิ่นมุก เพราะอะไรปิ่นมุก ตั้งแต่เธอได้กลับไปอยู่บ้าน เธอก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาฉัน เธอคิดจะทรมานฉันหรือไง ฉันรู้ว่าฉันผิด...ผิดมาก ผิดจนเธอคงไม่ให้อภัยฉัน แต่ฉันอยากขอโทษ ขอให้คนเลวๆ อย่างฉันได้แก้ตัวบ้างไม่ได้เชียวเหรอ เธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้ แต่ขออย่าผลักไสฉันไปไหน ได้ไหมปิ่นมุก ฉันรักเธอ ได้ยินไหมว่าฉันรักเธอ” น้ำเสียงของถังเฟ่ยหลงดูเศร้าหมอง แววตาคม แดงก่ำเพราะหวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียเธอไป ใบหน้าหล่อเหลาเบียดเข้าใกล้อีกครั้ง“ฉันเหม็นคุณ” ปิ่นมุกยกมือดันใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง แล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือยามได้เห็นแววตาคมแดงก่ำ“นะปิ่นมุก ให้ฉันได้มีโอกาสชดเชยสิ่งที่เคยทำร้ายเธอ เธอคือดวงใจของฉันนะปิ่นมุก ฉันมันเลว ใจร้าย ป่าเถื่อน อย่างที่เธอประณามฉัน แต่ฉันอยากขอโอกาสบ้างสักครั้ง นะปิ่นมุกขอโอกาสให้ฉันบ้างได้ไหม” ฝ่ามืออุ่นกุมสองมือเล็กขึ้นจุมพิตซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้น นาทีนี้ถังเฟ่ยหลงไม่คิดอายใครอีกแล้วที่จะต้องหลั่งน้ำตาเพื่อวอนขอโอกาสจากหญิ
ตอนที่ 112ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นด้วยหยาดน้ำตาเมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต เพราะหากเธอยอมอยู่เป็นครอบครัวกับคุณถังก็เหมือนคนอกตัญญูที่ไปรักกับคนที่ทำให้คนในครอบครัวของเธอเสียชีวิต แต่หากเธอเลือกที่จะเดินคนละเส้นทางกับคุณถังหัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แต่สักวันเธอก็หวังว่าความเจ็บปวดจะจางหายไปในที่สุด เมื่อไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องมาเห็นหน้ากัน เวลา...เวลาอาจช่วยเยียวยารักษาหัวใจบอบช้ำของเธอ ‘เพราะเราสองคนรักกันไม่ได้’“ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราสองคนรักกันไม่ได้ค่ะ” ปิ่นมุกเงยหน้าตอบบิดาเสียงแผ่วๆ ยกนิ้วปาดน้ำตาที่ไหลนองสองแก้ม คุณกิตติจึงรั้งบุตรสาวคนเล็กเข้ามาปลอบประโลมขณะที่ด้านหน้าของศาลาริมน้ำ ถังเฟ่ยหลงและลูกน้องรวมถึงคุณตวงรัตน์และบุตรชายก็จับกลุ่มยืนพูดคุยกันและมองมายังสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง ส่วนปิ่นมุกหลังได้รับอ้อมกอดอบอุ่นจากบิดานานหลายนาที เธอจึงเอ่ยชวนให้บิดากลับบ้านพักเพื่อจบปัญหาเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง คุณกิตติก็ไม่คิดซ
ตอนที่ 111“ไอ้ปฐวี! แกจะทำบ้าอะไรของแก” ถังเฟ่ยหลงตะโกนถามแล้ววิ่งเข้าไปใกล้แต่พอใกล้ถึงปฐวีก็ขับรถหนีไป ส่วนคนในรถก็ฉุดกระชากกันอยู่ เมื่อปฐวีจะผลักน้องสาวตัวเองลงจากรถให้ได้“ฉันขอโทษนะยัยปิ่น แต่ฉันต้องเลือกชีวิตตัวเองมากกว่า” ขาดคำนั้นปฐวีก็ผลักน้องสาวออกจากรถแล้วขับรถหนีไปด้วยความเร็ว ร่างของปิ่นมุกกลิ้งตามพื้นลาดชันขณะที่ถังเฟ่ยหลงวิ่งเข้าไปประคองไว้ได้ก่อนที่ร่างเล็กๆ จะกลิ้งเข้าไปกระแทกหินก้อนใหญ่ ดวงตาแดงก่ำเฝ้ามองใบหน้าเปื้อนเลือดด้วยหัวใจแทบหยุดเต้น เขาก้มมองสำรวจทั่วร่างกายของคนในอ้อมแขนไม่พบบาดแผลใดนอกเสียจากเลือดบนศีรษะ“ปิ่นมุก! ฉันขอร้อง ลืมตามองฉันสักนิดนะปิ่นมุก” ถังเฟ่ยหลงขานเรียกหญิงสาวในอ้อมแขนเหมือนคนหัวใจจะขาดรอนๆ ยอมรับเลยว่าครั้งนี้เขาหวาดกลัวสุดหัวใจ กลัวเธอจะจากเขาไปฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่วเบาบนแก้มนวล ริมฝีปากร้อนกดจูบกลางหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างแสนรักและแสนห่วง ก่อนจะมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ไม่ไกล ถังเฟ่ยหลงเงยหน้าขึ้นมองเห็นรถที่ปฐวีขับไปชนเข้ากับขอบถนนเพรา
ตอนที่ 110“ไอ้ปฐวี! นั่นน้องสาวแท้ๆ ของแก แกคิดจะฆ่าแม้กระทั่งน้องสาวตัวเองหรือไง ปล่อยปิ่นมุกซะ แล้วแกไปกราบขอขมาน้องสาวของฉัน แล้วไสหัวไปไกลๆ” ถังเฟ่ยหลงต่อรองทั้งที่ความเป็นจริงอยากให้ปฐวีได้ชดใช้กรรมด้วยความตายเสียมากกว่า แต่เวลานี้เขาเป็นห่วงปิ่นมุกและหวังให้ ฮุ่ยจื่อเข้าใจในสิ่งที่เขาเลือกเพราะเขาเคยสัญญาต่อหน้าหลุมศพฮุ่ยจื่อไว้ว่าจะให้นายปฐวีชดใช้ด้วยชีวิตถังเฟ่ยหลงไม่รู้ว่าตัวเองอุปทานไปหรือเปล่าเพราะมีสายลมเย็นๆ พัดผ่านใบหน้าของเขา ‘ฮุ่ยจื่อ...ฮุ่ยจื่อเข้าใจพี่ใช่ไหม’ เขาเหลียวมองตามสายลมพัดผ่านหายไป รอยยิ้มเล็กๆ ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาแต่เคร่งเครียด“กูไม่เชื่อมึงหรอก มึงอย่ามาหลอกกูเลยไอ้ชั่ว” ปฐวีว่าพลางลากตัวปิ่นมุกไปยังเนินเขาสูง ยิ่งทำให้ผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ต่างมองลุ้นทะลึกตามไปด้วยเพราะกลัวสองพี่น้องจะกลิ้งตกลงไป“พี่ปัด พี่ระวังนะตรงนั้นเป็นเนินเขา” ปิ่นมุกก้มมองปลายเท้าของตนแล้วให้ใจหายเพราะบริเวณนั้นเป็นเนินเขาสูงและมีก้อนหินน้อยใหญ่เรียงรายเต็มไปหมด หากพลาดพลั้งตกลงไปเธอก็ไม่ร
ตอนที่ 109“พี่ปัด! คุณถังพอเถอะค่ะ อย่าทำร้ายพี่ปัดอีกเลยนะคะ ฉันขอร้อง” ปิ่นมุกถลาเข้าไปหาพี่ชายตัวเอง สองมือของเธอเข้าโอบกอดพี่ชายไว้แน่น น้ำตาไหลพรากเพราะสงสารพี่ชายที่เนื้อตัวมีแต่เลือด“ปล่อยมัน! แล้วถอยออกมาปิ่นมุก” ถังเฟ่ยหลงสั่งเสียงห้วน ดวงตาคมกริบจดจ้องไปยังใบหน้าหวานอย่างขู่บังคับ ทว่าเวลานี้ปิ่นมุกไม่สนใจ เธอไม่อยากให้เขาฆ่าใครอีกแล้ว โดยเฉพาะพี่ปัด เพราะหากพี่ชายเธอเป็นอะไรไป คุณแม่ของเธอ...ท่านคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ช่างแตกต่างจากเธอนักที่จะอยู่หรือตายท่านก็ไม่สนใจปิ่นมุกร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะนึกสงสารพี่ชายไม่พอ เธอยังเวทนาชีวิตตัวเองเข้าให้อีก มารดาไม่เคยรักเธอแม้กระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยรัก ทว่าน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนุ่มยิ่งทำให้ถังเฟ่ยหลงโกรธมากขึ้นที่หญิงสาวใช้น้ำตามาต่อรองเพื่อให้เขาปล่อยพี่ชายเธอ!“ปิ่นมุก! ฉันสั่งให้เธอถอยออกมา ไม่ได้ยินหรือไง” น้ำเสียงดุดันหยุดเสียงสะอื้นไห้ของปิ่นมุก ก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้ามองคนพู