เวลาที่ผ่านไปไวมาก ตอนนี้ก็เกือบจะปลายภาคเรียนแล้ว วันเวลาเดินเร็วไปหมด และหากเปรียบเมืองไทยตอนนี้กับอะไรสักอย่างก็คงเป็นเตาเผาชั้นดี อากาศทั้งร้อนระอุ ตามเนื้อตัวนั้นแสบไปหมด และถ้ามันลอกออกมาเป็นแผ่นได้มันก็คงลอกออกมาเดี๋ยวนั้น วันนี้คนตัวเล็กมีเรียนในช่วงบ่าย แต่ที่มาเร็วก็เพราะต้องมาก่อนเวลาเพราะนัดเพื่อนทำงานกลุ่ม ช่วงสายของวันเพื่อนสาวคนสวยอย่างส้มโอก็ไม่เคยทำให้คนตัวเล็กผิดหวัง หอบหิ้วเพื่อน ๆ มาทำงานกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องสมุด โดยที่ไม่ต้องโทร.ตามแม้แต่คนเดียว ซึ่งสิ่งที่ทำให้เพื่อน ๆ ทุกคนนั้นมาพร้อมเพรียงกันได้นั่นคือ ส้มโอจะเลี้ยงปิ้งย่างในเย็นวันนี้ แน่นอนของฟรี และของอร่อยใครจะไปยอมพลาดกัน
“วันนี้พร้อมเพรียงมาก ส้มโอรักทุกคนเลย”
“เธอก็พูดเกินไปแล้วส้มโอ” ลัลนาเอ็ดเพื่อนสาวอย่างเอ็นดูพลางหยิกไปที่แขนของเพื่อนสาวเบา ๆ
“ตอนนี้รายงานของพวกเราถึงไหนกันแล้ว” ส้มโอเอ่ยขึ้นเพราะครั้งก่อนเธอได้แจกแจงงานว่าทำอะไรบ้าง เพื่อถามความคืบหน้าของเนื้อหา
“ของเราข้อมูลที่ให้หาเราเอามาทั้งหมด 5 ที่อ้างอิง” คนตัวเล็กหยิบเอกสารที่สำเนาเอกสาร
ออกมาพร้อมกับแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ได้ดู
การทำงานในช่วงสายดำเนินไปอย่างราบรื่นก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียน และใช้เวลาไม่นานนักการเรียนก็จบคลาสเพราะครึ่งชั่วโมงเเรกเป็นเพียงแค่เรียนตามเอกสารเท่านั้น ทำให้เลิกเรียนเร็วกว่าปกติ และเพื่อไม่ให้เสียเวลาส้มโอหิ้วเพื่อน ๆ ไปทำงานกลุ่มอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นร้านของพี่พีท
“แกพี่พีทอยู่ร้าน” ส้มโอสะกิดเพื่อนตัวเล็กให้หันไปมองชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อทำ
เครื่องดื่มให้ลูกค้า
“ฉันเห็นแล้ว ๆ ก็มองอยู่เนี่ย” ลัลนาเดินตามเพื่อน ๆ เพื่อหาที่นั่งสำหรับทำรายงานในร้าน แต่สายตาก็ยังคงมองชายหนุ่มเป็นระยะ
“เพื่อนคะ ทำงานค่ะ ผู้ชายเขาไม่หนีไปไหนเนอะ” ส้มโอเอ่ยแซวเมื่อเพื่อนสาวเอาแต่มองหาชายหนุ่ม
“อื้อ ทำงาน ๆ” หญิงสาวละสายตาแล้วหันมาสนใจงานตรงหน้าแทน แต่ก็ยังแอบมองเป็นช่วง ๆ
บรรยากาศภายในร้านยังครึกครื้นไปได้ผู้คนที่หลั่งไหลเข้าออกไม่ขาดสาย เพื่อนบางคนก็เลือกที่จะสั่งเครื่องดื่มกับขนมมาเพื่อรองท้องก่อนจะไปกินมื้อเย็นวันนี้ ลัลนาขอตัวเพื่อไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อเดินออกมาระหว่างทางมีกลุ่มรุ่นพี่ที่นั่งอยู่และกำลังมองคนตัวเล็ก โดยที่คนตัวเล็กนั้นไม่ได้สังเกตว่าตนเองกำลังถูกมองอยู่ตลอดเวลา
เมื่อหญิงสาวออกมาจากห้องน้ำเพื่อกลับมานั่งที่โต๊ะ เพื่อน ๆ ที่อยู่ที่โต๊ะก็มองกันเป็นตาเดียวพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มน่าสงสัยจนคนตัวเล็กต้องหันไปหาเพื่อนสาวเพื่อเอาคำตอบ แต่เพื่อนสาวเองก็ยิ้มแบบเดียวกันกับเพื่อนในกลุ่ม
“พวกเธอเป็นอะไรกันทำไมถึงมองฉันแบบนั้น” ลัลนาพูดกับส้มโออย่างสงสัยพร้อมกับจ้องอย่างเอาคำตอบ แต่เพื่อนสาวก็ยังคงยิ้มกริ่มไม่หยุด
“โอ๊ย เจ็บนะ” ส้มโอร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อเพื่อนตัวเล็กนั้นหยิกที่แขนอย่างแรง เพื่อจะเอาคำตอบจากเธอให้ได้
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ลัลนาทำหน้างอเมื่อรู้ว่าเพื่อน ๆ กำลังแกล้งเธออยู่
“บอกก็ได้ ๆ เมื่อกี้มีผู้ชายเดินเข้ามาถามหาเธอ”
“ใครเหรอ หรือว่า...”
“ไม่ใช่คนนั้น”
“...” เมื่อเพื่อนสาวเอ่ยขัด รอยยิ้มบนใบหน้าก็หุบลงทันทีอย่างผิดหวัง
“คนที่มาหาคือผู้ชายกลุ่มนั้นน่ะ เขาบอกว่าจะมาขอเบอร์แกกับพวกฉัน แต่ฉันบอกว่ารอแกมาก่อนแล้วค่อยมาขอเอง” ส้มโอเอ่ยก่อนจะยิ้มแซว แล้วดันแขนคนตัวเล็กเบา ๆ
“จริง เขาหล่อมากเลยนะนา” เพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส้มโอเอ่ยอย่างสนับสนุน พร้อมกับยิ้มไม่ต่างจากส้มโอ
“แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ” ลัลนาเอ่ยถามพลางมองหาไปทั่วร้าน ใจไม่ได้อยากให้เลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ใจของหญิงสาวมีเพียงพี่พีทที่เป็นรักแรกพบของเธอ
“อยู่ตรงนั้น” ส้มโอชี้ไปที่โต๊ะบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ มีกลุ่มชายสองสามคนที่กำลังยิ้มมาทางพวกเธอพร้อมกับลุกเดินมาหา ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ของพวกเธอ
ชายหนุ่มรุ่นพี่เดินมาที่โต๊ะของกลุ่มคนตัวเล็ก พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ ทว่าคนตัวเล็กกลับรู้สึกว่ามีเสน่ห์น้อยกว่าพี่พีทเยอะมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อตอนนี้เขาเดินมาถึงที่โต๊ะแล้ว พร้อมกับนั่งลงที่ข้าง ๆ หญิงสาว ที่มีที่ว่างอยู่พอสำหรับนั่งหนึ่งคนพอดี
“สวัสดีครับ” รุ่นพี่หันมามองคนตัวเล็กเหมือนกับล็อกเป้าหมายไว้แล้ว และพุ่งตรงมาที่คนตัวเล็กทันที
“ค่ะ... สวัสดีค่ะ” ลัลนามองคนตรงหน้าพร้อมกับค่อย ๆ ขยับออก
“พี่ชื่อฟิล์มนะ เราชื่ออะไรครับคนสวย”
“ชื่อนาค่ะ” ลัลนายิ้มตอบกลับตามมารยาท
“พี่ขอเบอร์เราหน่อยได้ไหมครับ” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยขอเบอร์จากคนตัวเล็กด้วยสายตาแพรวพราว
“พี่คะ เหมือนเพื่อนหนูจะเขิน พี่ไว้มาหาใหม่ทีหลังได้ไหมคะ” ส้มโอเอ่ยขึ้นเพราะเหมือนจะเห็นอะไรผิดปกติ เพราะชายหนุ่มรุ่นพี่คนนี้เริ่มขยับเข้ามาหาเพื่อนสาวของเธอมากขึ้น
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหมครับ” รุ่นพี่พูดพลางยิ้มไปด้วยเหมือนต้องการหว่านเสน่ห์
“ถ้าดวงเรามันใช่ เราก็จะมาเจอกันเองค่ะ พี่รบกวนขยับออกไปด้วยนะคะ” ลัลนาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับสีหน้าที่ดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรกับการกระทำของหนุ่มรุ่นพี่
ขณะที่หญิงสาวกำลังเอ่ยบอกรุ่นพี่ เจ้าของร้านก็เดินนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพร้อมกับมองมาที่ชายหนุ่มด้วยสายตาแปลก ๆ ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เห็นว่าครั้งนี้เหมือนจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ จึงถอยทัพกลับไปพร้อมกับมองมาที่พี่พีทด้วยสายตาไม่พอใจ ส่วนพี่พีทเองก็มองกลับไปเช่นกัน พี่พีทคงจะเห็นท่าไม่ดีที่มีคนมาทำเรื่องไม่ดีที่ร้าน
“ออร์เดอร์ได้รับครบนะครับ” พี่พีทเอ่ยถามพร้อมกับมองมาที่คนตัวเล็กด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ลัลนาหันไปขอบคุณชายหนุ่มที่เข้ามาได้จังหวะพอดี พร้อมกับยิ้มอย่างขอบคุณแอบคิดว่าที่เขามองหน้าพี่คนนั้น เพราะว่าเขาหวงเรา หรือว่าเขาหึงเราหรือเปล่านะ แต่จะบ้าเหรอ ตั้งสติสิยายนา แต่สายตาของเขาที่มองรุ่นพี่คนเมื่อกี้คือน่ากลัวมากเลย
“ไม่เป็นไรครับ น้อง ๆ มีอะไรก็เรียกได้เลยนะครับ”
“ถ้าไม่ติดว่าพี่เป็นเจ้าของร้าน พวกหนูคิดว่าพี่เป็นแฟนยายนานะคะเนี่ย” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมายิ้มให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งเขินจนตัวแดงไปแล้ว แถมมือยังกำกระโปรงแน่นด้วยความเขินอีกต่างหาก
“พอได้แล้วน่า มาสนใจงานเถอะ พี่พีทกลับไปทำงานเถอะค่ะ ก่อนที่เพื่อนหนูจะแซวหนูแล้วหนูละลายลงไปกองอยู่กับพื้นซะก่อน” คนตัวเล็กหันไปบ่นเพื่อนเพราะตอนนี้ตัวเองก็เขินแทบแย่แล้วแถมหัวใจก็เต้นแรงอีก แบบนี้พี่พีทก็ดูออกง่าย ๆ ก่อนจะเผลอไล่พี่พีทให้กลับไปทำงานอย่างลืมตัวว่าเขาเป็นเจ้าของร้าน จนชายหนุ่มแอบขำเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
หลังจากที่ทุกคนทำงานกันจนเสร็จก็พากันออกไปกินปิ้งย่างตามที่ส้มโอได้พูดไว้ ก่อนกลับก็แวะทักทายพี่พีทอย่างเป็นกันเอง และเพราะว่าช่วงนี้ต้องรีบทำงานให้เสร็จเพราะใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว และคนตัวเล็กก็ต้องรีบเตรียมอ่านหนังสือสอบ พร้อมกับเคลียร์งานที่ค้างคาไว้ด้วย งานที่ว่ามันจะท่วมหัวตายก็ตอนใกล้จบภาคเรียนเพื่อขึ้นปีสองนี่แหละ แค่คิดแล้วก็ปวดหัวแล้ว กลัวไม่ได้เจอพี่พีทด้วย
และในหลายอาทิตย์ถัดมาทุกคนต่างแยกย้ายกันเพื่ออ่านหนังสือและเคลียร์งาน หญิงสาวมีแวะไปที่ร้านพี่พีทบ้างในช่วงเย็นเพราะออกมาพักผ่อน แต่วันนี้เลือกที่จะเดินไปตลาดนัดใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย เพื่อหาของกินมื้อเย็น ระหว่างทางกลับก็เจอเข้ากับรุ่นพี่คนเดิมที่กำลังเดินสวนไป แต่แล้วชายหนุ่มก็เดินย้อนกลับมาเพื่อทวงสัญญาที่เคยคุยกันไว้ ว่าถ้าหากได้เจอกันอีกครั้งก็จะได้เบอร์ของหญิงสาวไป
“อ้าว น้องนา เจออีกกันแล้วนะเรา” รุ่นพี่เอ่ยทักอย่างร่าเริงพร้อมกับรอยยิ้มที่เขาเคยทำ
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“น้องบอกว่าถ้าเราได้เจอกันอีก...”
“หนูจำได้ค่ะ พี่เอาโทรศัพท์มาสิคะ” คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงรีบ ๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์มาอย่างรวดเร็วแล้วกดเบอร์ลงไปให้ พร้อมกับส่งคืนแล้วเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณนะครับคนสวย เดี๋ยวพี่โทร.หานะคนดี”
ในบริเวณตรงนั้นไม่ได้มีแค่รุ่นพี่คนเดียว มันยังมีกลุ่มเพื่อนเขาอีกสองคนที่อยู่ตรงนั้นด้วย ลัลนาจึงเลือกที่จะออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เพราะสถานการณ์ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจและมันอันตราย แต่ก็ไม่วายมีเสียงไล่ตามหลังมายิ่งทำให้ต้องรีบเดินกลับหอพักอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดวันสุดท้ายของการสอบก็จบลงและผ่านพ้นไปด้วยดี ถึงจะแสนสาหัสและเหน็ดเหนื่อยกันขนาดไหนก็ตาม เสียงครึกครื้นของเหล่านักศึกษาในยามเช้าของวันปิดเทอมวันแรก ผู้คนมากมายที่กำลังทยอยขนของเพื่อกลับบ้านในช่วงปิดเทอม บรรยากาศที่แสนจะวุ่นวายนี้อยู่ในสายตาของคนตัวเล็กที่กำลังมองเพื่อนเดินกันวุ่นไปหมดทางด้านล่างของหอพัก บางคนก็เลือกที่จะกลับบ้านและบางคนก็เลือกที่จะอยู่ที่หอพักต่อและคนตัวเล็กเองก็เลือกที่จะอยู่ต่อเป็นเวลาสามวัน เพราะอยากเจอพี่พีทก่อนกลับบ้านในช่วงสายของวันที่สองของการอยู่หอพัก วันนี้ตั้งใจว่าจะไปแอบมองพี่พีทก่อนจะเตรียมของกลับบ้าน หญิงสาวเดินมาที่ร้านก็พบว่าวันนี้คนในร้านก็เยอะเหมือนกับทุกวัน ร่างบางเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับหาที่นั่งพลางสอดส่องสายตาไปทั่วร้านเพื่อมองหาพี่พีท “สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ” พนักงานเสิร์ฟในร้านเดินเข้ามาถามคนตัวเล็กและยิ้มให้“ขอน้ำส้มปั่น 1 แก้วค่ะ แล้วก็ชีสเค้ก 1 ที่ค่ะ” วันนี้หญิงสาวเลือกสั่งของที่แปลกออกไปจากเดิม แต่สายตาก็ยังไม่วายมองไปรอบ ๆ ร้านเป็นระยะ“ได้เลยครับผม ถ้ามีอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ” พนักงานพูดพร้อมกับเตรียมเก็บรายการขนมและเครื่องดื
เวลาผ่านไปนานจนล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง คนที่เมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนตัวเล็กที่ไม่เคยดื่มกับใครมาก่อน เพื่อนที่ยังพอมีสติกันอยู่บ้างไม่ได้ถึงกับเมาไม่รู้เรื่อง ยังคงดูแลหญิงสาวไม่ห่าง บรรยากาศในร้านตอนนี้เสียงเพลงที่เปลี่ยนสลับมาเป็นจังหวะหนัก ๆ เพื่อความสนุก แก๊งสาว ๆ พากันกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะสั่งน้ำเปล่ามาดื่ม ทุกการกระทำของแก๊งสาว ๆ กำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่กำลังมองมาอยู่ที่ชั้นสองของผับที่เป็นห้องสำหรับผู้บริหาร และในมือกำลังถือแก้วไวน์ยืนมองใครบางคนในกลุ่มด้วยสายตานิ่งเรียบจนเพื่อนที่มาด้วยกันต้องเดินมาเรียกเพื่อให้กลับไปนั่งที่เดิม และหนุ่มผู้เป็นน้องชายที่เห็นพี่ชายของตัวเองกำลังยืนมองบางอย่างก็ถึงกับต้องเดินมาดูจนถึงบางอ้อ“ยายนาฉันโทร.เรียกพี่ชายแกมารับแล้วนะ” ส้มโอพูดกับคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังนั่งตัวโยน ทรงตัวไม่ได้จนเพื่อนสาวต้องประคองตัวไว้“แกฉันอยากเจอพี่พีทก่อนกลับบ้าน ฮือออ” หญิงสาวโอดครวญเมื่อยังไม่ได้เจอชายหนุ่มที่ต้องการเพราะวันนั้นเขาไม่ได้เข้ามาที่ร้าน “เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอแล้วไหมแก” เพื่อนสาวเอ่ยพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับมองเพื่อนอีกสองคนที่
การเปิดเรียนช่วงแรกของปีสามไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว มันก็แค่เหนื่อยก็เท่านั้น ตั้งแต่วันนั้นที่พี่พีทบอกว่าคิดถึง จู่ ๆ ร่างกายก็เหมือนโดนหยุดเอาไว้ชั่วคราว เกิดอาการสมองเบลอ หูดับ เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน และเห็นแต่พี่พีทที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน คิดถึงมาก คนตัวเล็กคิดถึงเขามากเขาจะรู้ไหมนะ วันนั้นที่ได้ไปเจอเขา เธอก็ไม่เป็นตัวเองอีกต่อไป อาการเขินจนทำอะไรไม่ถูกจนเขาแซวว่า สงสัยเรียนเยอะจนเบลอไปหมด กว่าจะออกจากร้านมาได้ขาแทบหมดแรงไม่มีแรงยืน เพราะความอ่อนระทวยและใจที่เต้นแรง ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เกือบเดือน เธอสาวแวะไปหาเขาบ่อยขึ้น แต่ก็เจอเขาบ้างไม่เจอเขาบ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้เจอเขาบ่อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว ดูเหมือนเขาจะมีท่าทีตอบกลับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีหวังบ้างแล้วจากที่อยากจะถอดใจ วันนี้คนตัวเล็กกลับมาบ้านในช่วงวันหยุด เพราะพี่ชายนั้นโทร.ตามให้กลับบ้าน “วันนี้พี่ลีให้หนูกลับมาที่บ้าน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ลัลนามองพี่ชายของตัวเองอย่างสงสัย เพราะหน้าตาของเขาดูเครียดผิดปกติ “เดี๋ยวรอพ่อกับแม่กลับบ้านมาก่อนเราค่อยคุยกัน” เสียงที่เคยอบอุ่นในตอนนี้ฉายแวว
ทั้งสองท่านที่นั่งฟังมาสักพัก คนเป็นประมุขของบ้านก็เอ่ยขึ้นบ้างอย่างใจเย็นไม่แพ้กัน เพื่อที่ให้ลูกสาวคนเล็กนั้นได้ลองคิดดูอีกที เพราะการที่ลูกชายเขาเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรที่สำคัญ และอยากให้คนในครอบครัวนั้นมีส่วนร่วมในการบริหารงานบริษัทของครอบครัว ส่วนคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนตัวเล็กเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวอย่างเข้าใจ เธออาจจะยังเด็กเกินกว่าที่จะมารับรู้เรื่องงานและคงต้องใช้เวลาที่จะต้องเรียนรู้ในตอนนี้ “นายังไม่ต้องรีบคิดก็ได้ลูก พี่เขาอยากให้เราไปช่วยเขาเพราะเราคือครอบครัวที่จะทำให้บริษัทได้เดินหน้าต่ออย่างมั่นคง แต่ถ้าลูกไม่อยากทำพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร” ประมุขของบ้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองลูกชายที่กำลังมองน้องสาวไม่วางตาพร้อมกับหันมาหาตนเอง“แต่พ่อครับ ผมอยากให้น้องได้เรียนรู้เร็วกว่าผมเพราะมันคือทางเดียวที่น้องจะมีชีวิตที่ดีได้ในอนาคต” คนพี่งัดเหตุผลออกมาให้พ่อนั้นได้เข้าใจ และตอนนี้เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้วที่น้องสาวยังทำตัวเป็นเด็ก เขาเป็นห่วงอนาคตของน้องสาวเขามาก แต่เขาก็รู้ว่าการทำงานตรงนี้ไม่ได้ง่ายเลยอยากให้น้องสาวได้เรียนรู้เร็วกว่าเขาเมื่อ
เมื่อหลายวันก่อนที่หญิงสาวเห็นพี่พีทนั้นออกมาจากคอนโดมิเนียมตึกฝั่งตรงข้ามตึกของเธอพร้อมกับขึ้นรถของใครบางคนออกไป คนตัวเล็กได้แต่เก็บกลับมาคิดว่าที่จริงแล้ว พี่พีทอาจจะอยู่คอนโดมิเนียมนี้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยไว้ เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมา เธอมาพบเขาทุกวันในช่วงเย็น ไม่ว่าจะมีเรียนช่วงไหนก็มามันทุกวัน จนพนักงานในร้านก็เริ่มมองด้วยสายตาเป็นเชิงแซวคนตัวเล็กแล้วว่ามาเพื่อจุดประสงค์อะไรและวันนี้ก็เช่นกัน คนตัวเล็กมีเรียนช่วงบ่าย และมีเรียนอีกครั้งตอนช่วงค่ำเพราะอาจารย์นัดนอกเวลาเพื่อติวพิเศษให้กับนักศึกษา แต่ด้วยความที่หลายวันที่ผ่านมานี้หญิงสาวเองยังคงงอนพี่ชายอยู่ เพราะตั้งแต่วันที่พี่ชายมาส่งที่คอนโดมิเนียมเขาก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ทำให้คนเป็นน้องสาวอย่างเธอยังมีอารมณ์ที่ค้างคาอยู่มาก ถ้าจะกลับมาง้อคราวนี้ก็จะงอนให้หนักขึ้นเลยคอยดู ว่าแล้วมือเรียวเล็กก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กโซเชียลมีเดียของพี่ชายระหว่างเดินไปร้านของพี่พีท หน้าจอปรากฏภาพที่พี่ชายกำลังไปเที่ยวทะเล“หนีไปเที่ยว ! พี่ชายฉันไม่ง้อเลยใช่ไหมเนี่ย แถมยังไปเที่ยวกับสาวอีก แล้วบอกว่าไม่มีแฟน คุณแม่ต้องรู้เรื่องนี้ หึ
ตั้งแต่ที่หญิงสาวนั้นเดินเข้ามาที่ร้านในช่วงดึก ชายหนุ่มนั้นสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีท่าทางพิรุธยืนอยู่นอกร้านอยู่สักพักใหญ่แล้ว ในตอนแรกคิดว่าอาจจะมายืนรอเพื่อนที่นัดกันมาเจอที่หน้าร้าน จนแล้วจนเล่าผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ได้เดินไปไหน พร้อมกับมองเข้ามาในร้านเป็นระยะ เมื่อเวลาผ่านไปลูกค้าในร้านเริ่มทยอยออกไปจนเหลือคนตัวเล็กและลูกค้าอีกหนึ่งท่าน ขณะที่กำลังเดินเก็บของกับพนักงานในร้านเพื่อเตรียมตัวปิดร้าน ก็มองออกไปที่หน้าร้านเป็นระยะ จนเริ่มไม่น่าไว้ใจเพราะมันมองจ้องมาที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ในร้าน และเหมือนน้องที่ตนรู้จักนั้นก็กำลังมองออกไปข้างนอกเช่นกัน จนสังเกตได้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กเริ่มมีท่าทีลุกลน และเหมือนไม่กล้าที่จะลุกออกไปที่หน้าร้าน ก่อนจะหันไปบอกกับเขตแดนที่ยังไม่กลับว่าให้ออกไปดูว่าคนนั้นเป็นใคร โดยแกล้งเดินออกไปทิ้งขยะ “พี่ฝากด้วยนะเขต เอาขยะไปทิ้งแล้วกลับบ้านได้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำก่อนจะยื่นถุงขยะให้กับเขตแดน เพราะเขากับเขตแดนก็เห็นคนนี้มาสักพักแล้ว และมันจะเป็นอันตรายสำหรับลูกค้าผู้หญิงคนอื่นด้วย “ได้เลยพี่ เดี๋ยวแอบถ่ายหน้ามันด้วยเผื่อเอาไว้แปะ
เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดระบบกล้องวงจรปิด และดูบริเวณรอบ ๆ ของร้าน แต่ก็ยังคงเห็นรุ่นพี่คนนั้นยืนอยู่ที่เดิม พลางคิดในใจว่าไอ้หมอนั่นมันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ และท่าทีที่น่ากลัวของมันต้องการอะไรจากน้องนาถึงมายืนรออยู่หลายชั่วโมง“พี่พีท… หนูกลัว” หญิงสาวที่สังเกตเห็นชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอะไรบางอย่างพร้อมกับชะเง้อมอง ก็ได้รู้ว่ามันคือกล้องวงจรปิด แถมคนนั้นก็ยังไม่ได้หายไปไหน คนตัวเล็กเลยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความกลัว“น้องนาไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ เดี๋ยวพี่หารถไปส่งเราดีกว่า” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวเล็กที่ตอนนี้มีอาการหวาดกลัว กลับทำให้อุ่นใจมากขึ้นเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น คำพูดทำให้เธอที่ใจเต้นแรงกับเขาอยู่แล้ว ก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นมาเจอพี่พีทในเวอร์ชันนี้ มันอบอุ่นหัวใจเมื่อชายหนุ่มพูดจบเขาก็เดินออกไปที่ประตูหน้าร้านก่อนที่จะมองจ้องไปที่รุ่นพี่คนนั้นที่ยังคงยืนมองอยู่ เมื่อทั้งสองสบตากันทำให้รุ่นพี่ต้องถอยกลับไป และพี่พีทก็เช็กระบบกล้องวงจรปิดอีกครั้งก่อนจะพบว่าชายคนนั้นได้ออกไปแล้วจริง ๆ ก่อนจะเรียกรถให้คนของ
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ถือว่าเป็นวันที่น่ากลัวสำหรับคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก การที่รุ่นพี่คนนั้นเข้ามาถึงตัวเธอได้พร้อมกับจะเข้ามาทำร้ายเธอในที่สาธารณะแบบนี้ มันมากเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหว เอาเข้าจริงหญิงสาวเองตกใจมากและเกิดอาการขวัญผวาไม่น้อย ถ้าไม่ได้พี่พีทเข้ามาช่วยในวันนั้นป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ในตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนจำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้“มึงจะทำอะไร ถ้ามึงยังไม่อยากหัวกระจุย ปล่อยมือสกปรกของมึงเดี๋ยวนี้ !!!” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างมีอำนาจพร้อมกับเสียงนกปืนที่ดังมาจากทางด้านหลังของคนตัวเล็ก“พะ... พี่พีท กรี๊ดด เจ็บนะ” หญิงสาวถูกเหวี่ยงไปอยู่ด้านข้างของรุ่นพี่พร้อมกับมือหนาของชายหนุ่มที่ยังคงบีบมือเธอจนเริ่มเป็นรอยแดง“มึงหุบปาก ส่วนมึงเป็นใครเอาปืนมาขู่กู อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย” ชายหนุ่มพูดด้วยความโมโหและไม่เกรงกลัวต่ออาวุธที่อยู่ตรงหน้า “หุบปากเน่า ๆ ของมึงซะก่อนที่กูจะลั่นไกล” ชายหนุ่มมองไปที่คนตัวเล็กที่มีท่าทีหวาดกลัวและเขาอยากจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โชคดีที่ตรงนี้ไม่มีคนทำให้เขาสามารถเอาปืนที่เหน็บมาด้วยขู่มัน แต่มันกลับไม่กลัวอะไร
ชายหนุ่มยืนมองเธอจนพนักงานในร้านนั้นต้องสะกิดเขาให้กลับร้าน และนั่นคือครั้งแรกที่เขาเจอเธอ แล้วก็มาเจอเธออีกครั้งตอนที่ชนกันที่หน้าร้าน ความน่ารักที่เขาได้เห็นอย่างใกล้ชิดทำหัวใจของเขานั้นเต้นแรงเหมือนกลองรัว แต่ก็ต้องผละออกจากเธอเพราะแถวนั้นคนเยอะและเขาเองนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเธออยู่ห่าง ๆ และพยายามทำตัวไม่สนิทสนมกับเธอในตอนที่เธอนั้นมาที่ร้านของเขาบ่อย ๆ “พี่เจอหนูตอนที่หนูเต้น ๆ อยู่เหรอคะ น่าอายจริง ๆ แล้วพี่เขินหนูไหมตอนที่หนูแซวพี่ครั้งแรก” คนตัวเล็กซุกอกเขาอย่างเขินอายก่อนจะเงยหน้ามองเขา“ตอนนั้นพี่ทำตัวไม่ถูกอยู่นะ เพราะไม่เคยมีสาวคนไหนกล้าแซวพี่ ถึงเขาจะมาที่ร้านพี่แบบหนูทุกวัน” ในตอนนั้นเขาเห็นเธอมาร้านเขาทุกวัน พยายามมองหาเขา ในขณะที่เขาพยายามหลบเธอ มันน่าตลกดีเหมือนกัน ในใจเขาก็คิดว่าเธอคนนี้พยายามมากในการมาหาเขา แต่ก็ผิดที่เขาเองไม่ได้บอกเธอว่าเขามีแฟนแล้ว“ก็หนูชอบพี่มาก ๆ เลยนี่คะ ถึงหน้าพี่จะดูโหดแต่มันหล่อมากในสายตาหนู” คนตัวเล็กเงยหน้ามองแฟนหนุ่มพร้อมกับเบ้ปากด้วยหน้าตาน่าเอ็นดู พร้อมกับหอมแก้มชายหนุ่มอีกครั้งเป็นการให้รางวัลกับความหล่อ“พี
การกินอาหารในช่วงบ่ายจบลงพร้อมกับภาพที่บันทึกบรรยากาศรวมทั้งรูปคู่ของทั้งสองคน เมื่อกินเสร็จก็พากันเดินลงมาถ่ายภาพที่สวนด้านล่าง มันตกแต่งไปด้วยไม้ประดับรูปทรงต่าง ๆ และมีบ่อน้ำพุตั้งอยู่ที่กลางสวน อากาศที่ไม่ได้ร้อนมากเหมาะกับถ่ายภาพ ในตอนนี้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็มองไปที่คู่รักที่ยืนอยู่ที่ลานน้ำพุด้วยรอยยิ้มที่ชื่นชมและอิจฉา“พี่พีทคะ ขอสวย ๆ เลยนะ จะเอาไปอวดคุณแม่” หญิงสาวเดินนำแฟนหนุ่มมาที่น้ำพุพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายอีกครั้ง “โอเคครับ” สายตาของชายหนุ่มมองเธอด้วยความสุขใจ ใบหน้าหวานและรอยยิ้มที่เขานั้นจะได้มองมันนับจากนี้และจะเป็นความสุขของเขาตลอดไป“ไปถ่ายตรงนั้นไหมคะ เขามีของตกแต่งให้เราถ่ายรูปด้วย” คนตัวเล็กเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ทางร้านจัดไว้และมีของน่ารักเต็มโต๊ะไปหมด มันเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการถ่ายภาพ เธอหยิบส้มปลอมขึ้นมาพร้อมกับแนบที่แก้มของตัวเองทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มไปที่กล้องที่แฟนหนุ่มนั้นถือรออยู่เพื่อถ่ายภาพบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกของทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ทำให้หญิงสาวเริ่มเขินอายขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะบางรูปที่ถ่ายคู่กับแฟน
ทั้งคู่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับกินของว่างที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้ และเดินทางออกมาเพื่อเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ สถานที่แรกที่จะไปคือชมไร่องุ่นที่ห่างจากบ้านชายหนุ่มไปไม่ไกล ได้เข้าไปดูการหมักไวน์ และกิจกรรมที่ทางไร่องุ่นจัดขึ้น ทั้งสองคนทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมกับแวะถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน คนตัวเล็กเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพร้อมกับเรียกชายหนุ่มที่เดินจูงจักรยานตามมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะมาจอดอยู่ด้านหน้าของเธอโดยที่ตัวของเธอนั้นพิงกับต้นไม้อยู่“พี่พีทจะทำอะไรคะ นาออกไปไม่ได้” คนตัวเล็กถามด้วยความสงสัย“พี่เหนื่อยครับ อยากได้พลัง” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะยิ้มออกมา พร้อมกับมองไปที่ดวงตาสวยอย่างทะเล้น“ก็นึกว่าอะไร” คนตัวเล็กโน้มหน้าไปจุ๊บริมฝีปากหนาเพื่อให้รางวัลและเติมพลัง ก่อนจะยิ้มหวานให้เขาทั้งคู่ออกเดินทางจากไร่องุ่นพร้อมกับไปที่โรงงานขนมหวานแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก ร่างเล็กเดินไปยังตู้ขนมหวานที่มีขนมวางเรียงรายอย่างน่ากิน เธอเดินไปดูตามตู้ต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่มากมายโดยมีชายหนุ่มนั้นเดินตามหลังมาติด ๆ เพราะมีสายตาจากหนุ่ม ๆ ภายในร้านนั้นมองเธอไม่วางตา“พี่พ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงสาวมีความสุขมากที่ได้มีแฟนหนุ่มคอยเคียงข้าง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร หรือไปที่ไหนก็มีเขาไปด้วยทุกที่ และไม่ว่าเธอนั้นต้องการอะไรเขาก็หามาให้หมดทุกอย่างแบบไม่มีขัด ถ้าถามเรื่องของการทะเลาะกันไม่ใช่ว่าไม่มี ก็มีบ้างที่เป็นเธอเองที่งอแงใส่แฟนหนุ่ม แต่เขาก็มักจะใจเย็นกับเธอเสมอ อย่างเช่น ในวันนี้หลังจากที่เธอนั้นสอบปลายภาคเรียนจบแล้วเขาก็พาเธอมาเที่ยวเพื่อพักผ่อน เขาให้เหตุผลว่าเธอนั้นต้องการสิ่งที่เยียวยาจิตใจในตอนนี้เพราะเธอทั้งเรียนหนักและงานเยอะ ทำให้เธอเกิดอาการเครียดจนแฟนหนุ่มสังเกตได้ “พี่พีทคะตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ” คนตัวเล็กถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทางที่กำลังมุ่งหน้าไปทั้งสองข้างทางนั้นมีแต่ต้นไม้และภูเขาเต็มไปหมด “ไปบ้านของพี่กันค่ะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขับรถและเปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศ โชคดีที่ตอนนี้อากาศไม่ได้ร้อนมากเพราะมันใกล้จะเย็นแล้ว กว่าจะออกจากบ้านมาได้ก็บ่ายแก่ ๆ “พี่มีบ้านกี่หลังกันคะ หนูชักจะสงสัยแล้วนะคะว่าพี่ทำงานถูกกฎหมายไหม พี่ไม่ได้โกหกอยู่ใช่ไหม” หญิงสาวถามอย่างสงสัยพร้อมกับหรี่ตามองเขาเชิงแกล้ง “คิดไปถึ
หลังจากที่ได้ไปพบครอบครัวของชายหนุ่มเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เธอนั้นรู้สึกดีใจและอบอุ่นใจมากที่ได้เจอกับครอบครัวของเขา และเพราะได้การต้อนรับอย่างดี วันนี้เธอจึงจะพาเขามาพบกับครอบครัวของเธอบ้าง เธอก็หวังว่าเขาจะสบายใจและไม่อึดอัดกับบ้านของเธอ “พี่พีทตื่นเต้นเหรอคะ” เธอหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังขับรถด้วยท่าเกร็ง ๆ และมีสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย จนเธอเองก็อดอมยิ้มไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ได้ต่างจากเธอที่ไปพบที่บ้านเขาในวันนั้น แต่วันนี้แตกต่างตรงที่ว่าเราไม่ได้ค้างที่บ้านก็เท่านั้น “ก็นิดหน่อยครับ” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านของเธอที่มีบรรดาสาวใช้ยืนรออยู่แล้วไม่ต่างจากบ้านของเขาสักเท่าไร แต่บริเวณบ้านนั้นดูอบอุ่นและน่าอยู่มาก ๆ หญิงสาวเดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับป้าภาแม่นมที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กที่ยืนรออยู่ เธอเดินเข้าไปโอบกอดพร้อมกับแนะนำชายหนุ่มให้ได้รู้จัก ป้าภาดูชอบพี่พีทมากและเอ่ยชมความหล่อของร่างสูงไม่หยุด และไม่นานนักผู้เป็นประมุขของบ้านทั้งสองก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน “คุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาท่านทั
ทางด้านของพ่อลูกที่นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดูจากสีหน้าพ่อแล้วชายหนุ่มก็รู้ว่าพ่อพอใจมากแค่ไหนกับแฟนคนนี้ของเขา แค่นี้ก็สบายใจแล้ว เขามองไปที่พ่อเหมือนท่านจะพูดอะไรบางอย่าง จนเป็นเขาเองที่พูดขึ้นมา“พ่อมีอะไรอยากคุยกับผมหรือเปล่าครับ” เขามองไปที่พ่อที่กำลังยิ้มมาให้“แค่รู้สึกว่ารอบนี้แกตัดสินใจได้ดี เธอน่ารักน่าเอ็นดู ดูจากที่แม่แกดีใจจนออกนอกหน้า คงไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วนะ” คนพ่อพูดด้วยความดีใจและเป็นห่วง“รอบนี้ผมมั่นใจมากครับพ่อ เธอเป็นคนดีและน่ารักกับผมเสมอ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม“แล้วใครจีบใครก่อนล่ะ ดูแกมีความสุขมาก ดูหลงเขาแบบนี้พ่อก็พลอยดีใจไปด้วย” พ่อพูดด้วยความดีใจที่ได้เห็นลูกชายของเขานั้นกลับมามีความสุขอีกครั้งในรอบปี“ผมไม่บอกพ่อหรอก” เขาพูดก่อนจะเมินคำพูดของพ่อ มีหวังได้โดนล้อแน่นอน เขตแดนยิ่งแล้วใหญ่ พอรู้เรื่องของนาก็ล้อทันทีที่มีคนมาจีบเขาก่อนสองพ่อลูกนั่งมองหน้ากันอย่างรู้ทัน ชายหนุ่มมองพ่อของตัวเองที่กำลังทำอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับเสียงข้อความแจ้งเตือนธนาคารของตนที่ดังขึ้นเมื่อพ่อของเขานั้นเงยหน้าขึ้นมาพอดี เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูท
เมื่อถึงเวลามื้อเย็นทุกคนต่างมารวมตัวกันที่ห้องอาหาร และคนตัวเล็กที่มีอาการงอน ๆ เขาอยู่ก็ดูดีขึ้น เพราะเขานั้นบอกเธอไปคร่าว ๆ บ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องกลับไปคุยกันอย่างจริงจังอีกที พ่อและแม่ของชายหนุ่มมานั่งรออยู่แล้ว เขาเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอและไปนั่งประจำที่ของตัวเอง การเจอครอบครัวของเขาครั้งแรกทำเธอตื่นเต้นไม่น้อย แต่พออยู่ไปได้สักพักครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก และเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านการเลี้ยงดูมันเลยออกมาดีแบบนี้ “เขตทำไมแกไม่กลับบ้านตัวเองไปสักที มาที่นี่ทำไมบ่อย ๆ” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง “ผมแค่ยังไม่อยากกลับ” ชายหนุ่มตักข้าวเข้าปากพร้อมกับทำหน้ายียวน “อย่ามาหาไถเงินกับพี่กับแม่พี่เชียวนะ ไม่งั้นจะหักออกจากค่าพาร์ตไทม์” เขาพูดขึ้นอย่างกวน ๆ เช่นกัน “ก็ให้น้องมันอยู่ไปนั่นแหละ รอพ่อกับแม่เขากลับมา” พ่อพูดแทรกขึ้นอย่างเอาใจเขตแดน ทำเอาคนเป็นลูกถึงกับกลอกตามองบน หญิงสาวนั่งมองคนในบ้านและฟังบทสนทนาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมากับท่าทางของแฟนหนุ่มจนเธอต้องห้ามปรามโดยการแตะมือไปที่ขาของเข
จากที่ขับรถเข้ามาบริเวณบ้านคนตัวเล็กก็ตกตะลึงกับบ้านของชายหนุ่มที่ใหญ่โตอย่างกับคฤหาสน์ ทุกอย่างถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ ดูร่มรื่นสะอาดตา เมื่อเดินเข้ามายังตัวบ้านมีบรรดาแม่บ้านมากมายที่ยืนทำหน้าที่ของตัวเอง และมีบางส่วนที่ยืนรอต้อนรับผู้เป็นเจ้าของบ้าน แม่บ้านรีบเข้ามาถือของที่ชายหนุ่มกำลังถืออยู่และนำไปวางไว้ให้ที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มหันมามองคนตัวเล็กที่กำลังตกตะลึงด้วยสีหน้าที่น่าเอ็นดูจนทำเขายิ้มออกมา“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” ชายหนุ่มเขี่ยไปที่ปลายจมูกมนของหญิงสาวอย่างหยอกล้อ“ทำไมบ้านพี่ถึงใหญ่ขนาดนี้คะ หนูแทบช็อกเลยนะ” หญิงสาวแหวขึ้นพร้อมกับทำหน้างอง้ำพอได้รู้ถึงฐานะของเขา“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงสร้างบ้านใหญ่ขนาดนี้” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะพาคนตัวเล็กมาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากที่พาแวะดูนั่นนี่ภายในบ้านท่ามกลางห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ตอนนี้มีบุคคลที่ไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ และมีหนึ่งคนที่คุ้นหน้ากำลังส่งยิ้มมาให้หญิงสาวด้วยท่าทางร่าเริง เธอได้แต่เก็บความสงสัยไว้และเดินไปยังกลางห้องนั่งเล่นกับชายหนุ่ม ชายวัยกลางคนส่งยิ้มมาให้ เธอคาดว่าน่าจะเป็นพ่อของชายหนุ่ม แล
สงครามการสอบจบลงอย่างสวยงาม วันสุดท้ายของการสอบหญิงสาวนั้นมีสอบแค่ช่วงเช้าก่อนจะให้ชายหนุ่มมารับเธอที่คณะเพื่อกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดมิเนียม และออกไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ หลังสอบเสร็จและได้ไปผ่อนคลาย ในช่วงค่ำชายหนุ่มนั้นบอกกับเธอว่าจะพาไปพบกับครอบครัว เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกและรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “เดี๋ยววันนี้นาจะรีบกลับนะคะ นาอาจจะไปแค่กินข้าวกับเพื่อน พี่พีทมารับหนูหน่อยแล้วเราไปซื้อของกัน จะเอาไปให้พ่อกับแม่ของพี่” หญิงสาวหันไปบอกชายหนุ่มที่ขับรถอยู่ “ให้พี่ไปรับกี่โมงก็ส่งข้อความมาบอกพี่นะคะ” ชายหนุ่มหันมาบอกก่อนจะหันไปขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปคอนโดมิเนียมเพื่อพาคนตัวเล็กไปเปลี่ยนชุด ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงคอนโดมิเนียม หญิงสาวเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด ก่อนจะออกมาพร้อมกับชุดเดรสสีขาวสะอาดตา มันทำให้เธอดูเด็กลงอย่างมากราวกับเด็กอายุสิบแปด ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นหันมามองเธออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอสวยมากในสายตาเขา ในตอนนี้อยากเก็บเธอไว้ไม่ให้ออกไปไหนไม่ให้ใครเห็น “พี่พีทคะ นาแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ” คนตัวเล็กส่งเสียงเ