เมื่อได้เริ่มกินข้าวบนโต๊ะอาหารก็ไม่ได้เงียบไปเสียทีเดียว มีถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยบ้าง อาจจะเพราะช่วงนี้พี่ชายไม่ได้มาบ้านบ่อยเหมือนเมื่อก่อนและทุกอย่างกำลังไปได้ดี พอได้กลับมาที่บ้านก็มีเรื่องมากมายให้ได้คุย และคนเป็นลูกสาวเองก็มีเรื่องมากมายเล่าให้คนในครอบครัวฟังไม่ต่างกัน แต่เรื่องผู้ชายอย่าได้ปริปากเชียวไม่อย่างนั้นโดนหมายหัวแน่ ๆ
ครอบครัวของพวกเราถ้ามองจากภายนอกอาจจะดูเหมือนครอบครัวที่ห่างเหินกัน เพราะลูก ๆ แต่ละคนต่างเติบโตกันหมดแล้ว แต่จริง ๆ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและเฮฮามาก ๆ สนุกสนานทุกครั้งที่กลับมาหากัน ถ้าให้พูดในเรื่องส่วนตัว ก็อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่สามารถคุยกันได้ แต่บางเรื่องที่รับมือไม่ไหวทุกคนที่บ้านก็พร้อมรับฟังเสมอ คนเป็นพ่อเป็นแม่ดูแลลูกทั้งสองอย่างดี เติบโตมาอย่างดี ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เรื่องบางเรื่องก็ให้ลูกตัดสินใจและยอมรับผลของมันเอง เอาง่าย ๆ ก็คือให้ลูกได้ลองมีชีวิตเป็นของตัวเองและยอมรับกับสิ่งที่ตัดสินใจให้ได้ ส่วนครอบครัวจะคอยหนุนหลังและสนับสนุนอยู่เสมอ
“พี่ลีคะ หนูมีเรื่องอยากรู้”
“ว่าไงคะ” เสียงที่อ่อนโยนตอบกลับน้องสาว พร้อมกับวางช้อนเพื่อรอฟังสิ่งที่น้องสาวจะพูดอย่างตั้งใจพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“พี่ลีมีแฟนยัง” ร่างเล็กเอ่ยถามพี่ชายอย่างไม่คิดอะไร แต่สิ่งที่เห็นพี่ชายมีปฏิกิริยาที่ไม่คาดคิดก่อนจะยิ้มออกมา
“คะ… แค่ก ๆ ถามอะไรของเราเนี่ย” คนพี่ถึงกับสำลักน้ำเมื่อคำถามที่ไม่คาดคิดออกจากปากคนที่เป็นน้องสาว
“ท่าทางแบบนี้ ต้องมีแล้วแน่ ๆ เลยค่ะคุณพ่อคุณแม่” คนตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับหันไปหาคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่นั่งยิ้มไม่หุบ
“อย่ามั่ว เจ้าตัวแสบพี่ยังไม่มี จะเอาเวลาไหนไปมีงานเยอะขนาดนี้” คนพี่พูดรัวออกมาอย่างไม่ได้หายใจเหมือนกลัวโดนจับผิด
“พี่ไม่มีก็บอกไม่มีสิ ทำไมพี่ต้องทำท่าลุกลี้ลุกลนด้วยล่ะ แบบนี้ยิ่งทำให้เชื่อว่าพี่มี ฮ่า ๆ ๆ” คนตัวเล็กยังไม่มีท่าทีจะหยุดแซวคนพี่พร้อมกับยิ้มอย่างหยอกล้อ
“ลีมีแฟนจริงไหมลูก พามาเจอแม่บ้างสิ”
“ผมยังไม่มีครับแม่ ยังไม่มีจริง ๆ ทำงานจนหัวจะหงอกเท่าพ่อแล้ว” ลูกชายคนโตไม่วายหันไปค่อนขอดเรื่องงานที่ทำจนจะหัวหงอก
“คิก ๆ จริงด้วยค่ะ หนูเชื่อแล้วว่าพี่หัวหงอก” คนตัวเล็กพูดพลางชี้ไปที่หัวคนพี่แล้วขำออกมา
“เรานี่ก็แซวพี่ไม่เลิก ถ้าเราหัวหงอกบ้างพี่เอาคืนเราแน่” คนพี่ยื่นมือไปหยิกแก้มเนียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างมันเขี้ยว
“ไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ เพราะหนูจะย้อมสีผม”
บทสนทนาของสองพี่น้องทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงกับยิ้มออกมา เพราะภาพตรงหน้ามันเกิดขึ้นประจำเวลาที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ต่อให้แซวกันขนาดไหนสองพี่น้องนี้ก็ไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง เห็นแบบนี้แล้วคนเป็นผู้ใหญ่คงไม่มีอะไรต้องห่วงหากในอนาคตทั้งสองคนดูแลกันดีแบบนี้
“เราก็มอง ๆ ไว้บ้างก็ดีเจ้าลี เผื่อเขาจะมาแบ่งเบาเราได้ เชื่อพ่อสิ”
“จริง แม่ก็เห็นด้วยนะ ถ้าหากเขาช่วยเราเรื่องงานไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิตของเราได้นะ เหมือนพ่อกับแม่ตอนนี้ไง” คนเป็นแม่พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือคนที่เป็นประมุขของบ้านแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ใช่พี่ลี หนูอยากมีพี่สะใภ้แล้วนะ ขอน่ารัก ๆ เหมือนหนูเลยนะ”
“เราก็อายุไม่น้อยแล้วนะลี ลองไปคิดดูนะลูก”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมลองเอากลับไปคิดดู” คนพี่รับปากคนเป็นแม่พร้อมกับพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะเมื่อลองคิดดี ๆ เขาก็เหนื่อยมากเหมือนกัน อยากมีคนมาแบ่งความเหนื่อยล้านี้บ้าง
บทสนทนาจบลงพร้อมกับการกินข้าวที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว คนเป็นพ่อและพี่ชายเดินขึ้นไปคุยเรื่องงานกันต่อที่ห้องทำงาน ถ้าให้คุยที่ห้องรับแขกของบ้านมีหวังได้โดนคนตัวเล็กนั่นบ่นหูชาแน่นอน เลยเลือกที่จะปลีกตัวออกมาที่ห้องทำงานแทน ส่วนคนแม่ก็ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องนอน
คนตัวเล็กออกมาที่สวนหลังบ้านเพื่อเดินย่อยอาหารในตอนหัวค่ำ พลางเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี บริเวณหลังบ้านเป็นสวนดอกไม้เล็ก ๆ ที่ตอนเด็กเธอและพี่ชายนั้นช่วยกันปลูกเองกับมือ และก็มีพ่อบ้านแม่บ้านมาช่วยดูแลต่อ ตอนนี้มันเติบโตมาอย่างงดงามและแข็งแรงเหมือนเธอกับพี่ชาย คนตัวเล็กเดินหยิบจับดอกไม้ใบไม้อย่างเพลิดเพลิน พลางนึกถึงใครบางคนไปด้วยยิ่งทำให้การเดินชมสวนในตอนนี้มีความสุขที่สุด คิดแล้วก็อยากพาเขามาบ้านด้วยจัง
“วันนี้คุณหนูของป้าอารมณ์ดีจังนะคะ” พี่เลี้ยงที่ดูแลคนตัวเล็กมาตั้งแต่เด็กเดินเข้ามาทักทายเมื่อเห็นคุณหนูของตัวเองดูมีความสุขผิดปกติ
“แฮ่ แอบมองหนูเหรอคะ เขินเลย หนูดูมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่สิคะคุณหนูของป้า ป้าเลี้ยงเองมากับมือ ทำไมจะดูไม่ออก”
“หนูก็มีความสุขจริง ๆ นั่นแหละค่ะ แบบมีความสุขมาก ๆ ด้วย” คนตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขมาก ๆ จนพี่เลี้ยงนั้นดูออก
“คุณหนูของป้ามีความรักเหรอคะ” พี่เลี้ยงเอ่ยถามอย่างสงสัยพร้อมกับสายตาเอ็นดูคนตัวเล็กที่มีความรัก แบบนี้ครอบครัวฉฎากรปัถยาก็จะมีสมาชิกมาเพิ่มแน่นอน
“ป้าดูออกอีกแล้ว แต่อย่าหาพูดไปเชียวนะคะ ห้ามบอกใครด้วย” คนตัวเล็กเอ่ยออกมาราวกับเสียงกระซิบกลัวคนในบ้านจะมาได้ยิน
“ทำไมล่ะคะ”
“ถ้าพี่ลีรู้หนูตายแน่ ไม่แน่อาจจะถูกขังลืมไปเลย”
เวลาที่ผ่านไปไวมาก ตอนนี้ก็เกือบจะปลายภาคเรียนแล้ว วันเวลาเดินเร็วไปหมด และหากเปรียบเมืองไทยตอนนี้กับอะไรสักอย่างก็คงเป็นเตาเผาชั้นดี อากาศทั้งร้อนระอุ ตามเนื้อตัวนั้นแสบไปหมด และถ้ามันลอกออกมาเป็นแผ่นได้มันก็คงลอกออกมาเดี๋ยวนั้น วันนี้คนตัวเล็กมีเรียนในช่วงบ่าย แต่ที่มาเร็วก็เพราะต้องมาก่อนเวลาเพราะนัดเพื่อนทำงานกลุ่ม ช่วงสายของวันเพื่อนสาวคนสวยอย่างส้มโอก็ไม่เคยทำให้คนตัวเล็กผิดหวัง หอบหิ้วเพื่อน ๆ มาทำงานกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องสมุด โดยที่ไม่ต้องโทร.ตามแม้แต่คนเดียว ซึ่งสิ่งที่ทำให้เพื่อน ๆ ทุกคนนั้นมาพร้อมเพรียงกันได้นั่นคือ ส้มโอจะเลี้ยงปิ้งย่างในเย็นวันนี้ แน่นอนของฟรี และของอร่อยใครจะไปยอมพลาดกัน“วันนี้พร้อมเพรียงมาก ส้มโอรักทุกคนเลย”“เธอก็พูดเกินไปแล้วส้มโอ” ลัลนาเอ็ดเพื่อนสาวอย่างเอ็นดูพลางหยิกไปที่แขนของเพื่อนสาวเบา ๆ “ตอนนี้รายงานของพวกเราถึงไหนกันแล้ว” ส้มโอเอ่ยขึ้นเพราะครั้งก่อนเธอได้แจกแจงงานว่าทำอะไรบ้าง เพื่อถามความคืบหน้าของเนื้อหา“ของเราข้อมูลที่ให้หาเราเอามาทั้งหมด 5 ที่อ้างอิง” คนตัวเล็กหยิบเอกสารที่สำเนาเอกสารออกมาพร้อมกับแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ได้ดู การทำง
ในที่สุดวันสุดท้ายของการสอบก็จบลงและผ่านพ้นไปด้วยดี ถึงจะแสนสาหัสและเหน็ดเหนื่อยกันขนาดไหนก็ตาม เสียงครึกครื้นของเหล่านักศึกษาในยามเช้าของวันปิดเทอมวันแรก ผู้คนมากมายที่กำลังทยอยขนของเพื่อกลับบ้านในช่วงปิดเทอม บรรยากาศที่แสนจะวุ่นวายนี้อยู่ในสายตาของคนตัวเล็กที่กำลังมองเพื่อนเดินกันวุ่นไปหมดทางด้านล่างของหอพัก บางคนก็เลือกที่จะกลับบ้านและบางคนก็เลือกที่จะอยู่ที่หอพักต่อและคนตัวเล็กเองก็เลือกที่จะอยู่ต่อเป็นเวลาสามวัน เพราะอยากเจอพี่พีทก่อนกลับบ้านในช่วงสายของวันที่สองของการอยู่หอพัก วันนี้ตั้งใจว่าจะไปแอบมองพี่พีทก่อนจะเตรียมของกลับบ้าน หญิงสาวเดินมาที่ร้านก็พบว่าวันนี้คนในร้านก็เยอะเหมือนกับทุกวัน ร่างบางเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับหาที่นั่งพลางสอดส่องสายตาไปทั่วร้านเพื่อมองหาพี่พีท “สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ” พนักงานเสิร์ฟในร้านเดินเข้ามาถามคนตัวเล็กและยิ้มให้“ขอน้ำส้มปั่น 1 แก้วค่ะ แล้วก็ชีสเค้ก 1 ที่ค่ะ” วันนี้หญิงสาวเลือกสั่งของที่แปลกออกไปจากเดิม แต่สายตาก็ยังไม่วายมองไปรอบ ๆ ร้านเป็นระยะ“ได้เลยครับผม ถ้ามีอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ” พนักงานพูดพร้อมกับเตรียมเก็บรายการขนมและเครื่องดื
เวลาผ่านไปนานจนล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง คนที่เมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนตัวเล็กที่ไม่เคยดื่มกับใครมาก่อน เพื่อนที่ยังพอมีสติกันอยู่บ้างไม่ได้ถึงกับเมาไม่รู้เรื่อง ยังคงดูแลหญิงสาวไม่ห่าง บรรยากาศในร้านตอนนี้เสียงเพลงที่เปลี่ยนสลับมาเป็นจังหวะหนัก ๆ เพื่อความสนุก แก๊งสาว ๆ พากันกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะสั่งน้ำเปล่ามาดื่ม ทุกการกระทำของแก๊งสาว ๆ กำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่กำลังมองมาอยู่ที่ชั้นสองของผับที่เป็นห้องสำหรับผู้บริหาร และในมือกำลังถือแก้วไวน์ยืนมองใครบางคนในกลุ่มด้วยสายตานิ่งเรียบจนเพื่อนที่มาด้วยกันต้องเดินมาเรียกเพื่อให้กลับไปนั่งที่เดิม และหนุ่มผู้เป็นน้องชายที่เห็นพี่ชายของตัวเองกำลังยืนมองบางอย่างก็ถึงกับต้องเดินมาดูจนถึงบางอ้อ“ยายนาฉันโทร.เรียกพี่ชายแกมารับแล้วนะ” ส้มโอพูดกับคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังนั่งตัวโยน ทรงตัวไม่ได้จนเพื่อนสาวต้องประคองตัวไว้“แกฉันอยากเจอพี่พีทก่อนกลับบ้าน ฮือออ” หญิงสาวโอดครวญเมื่อยังไม่ได้เจอชายหนุ่มที่ต้องการเพราะวันนั้นเขาไม่ได้เข้ามาที่ร้าน “เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอแล้วไหมแก” เพื่อนสาวเอ่ยพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับมองเพื่อนอีกสองคนที่
การเปิดเรียนช่วงแรกของปีสามไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว มันก็แค่เหนื่อยก็เท่านั้น ตั้งแต่วันนั้นที่พี่พีทบอกว่าคิดถึง จู่ ๆ ร่างกายก็เหมือนโดนหยุดเอาไว้ชั่วคราว เกิดอาการสมองเบลอ หูดับ เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน และเห็นแต่พี่พีทที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน คิดถึงมาก คนตัวเล็กคิดถึงเขามากเขาจะรู้ไหมนะ วันนั้นที่ได้ไปเจอเขา เธอก็ไม่เป็นตัวเองอีกต่อไป อาการเขินจนทำอะไรไม่ถูกจนเขาแซวว่า สงสัยเรียนเยอะจนเบลอไปหมด กว่าจะออกจากร้านมาได้ขาแทบหมดแรงไม่มีแรงยืน เพราะความอ่อนระทวยและใจที่เต้นแรง ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เกือบเดือน เธอสาวแวะไปหาเขาบ่อยขึ้น แต่ก็เจอเขาบ้างไม่เจอเขาบ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้เจอเขาบ่อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว ดูเหมือนเขาจะมีท่าทีตอบกลับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีหวังบ้างแล้วจากที่อยากจะถอดใจ วันนี้คนตัวเล็กกลับมาบ้านในช่วงวันหยุด เพราะพี่ชายนั้นโทร.ตามให้กลับบ้าน “วันนี้พี่ลีให้หนูกลับมาที่บ้าน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ลัลนามองพี่ชายของตัวเองอย่างสงสัย เพราะหน้าตาของเขาดูเครียดผิดปกติ “เดี๋ยวรอพ่อกับแม่กลับบ้านมาก่อนเราค่อยคุยกัน” เสียงที่เคยอบอุ่นในตอนนี้ฉายแวว
ทั้งสองท่านที่นั่งฟังมาสักพัก คนเป็นประมุขของบ้านก็เอ่ยขึ้นบ้างอย่างใจเย็นไม่แพ้กัน เพื่อที่ให้ลูกสาวคนเล็กนั้นได้ลองคิดดูอีกที เพราะการที่ลูกชายเขาเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรที่สำคัญ และอยากให้คนในครอบครัวนั้นมีส่วนร่วมในการบริหารงานบริษัทของครอบครัว ส่วนคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนตัวเล็กเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวอย่างเข้าใจ เธออาจจะยังเด็กเกินกว่าที่จะมารับรู้เรื่องงานและคงต้องใช้เวลาที่จะต้องเรียนรู้ในตอนนี้ “นายังไม่ต้องรีบคิดก็ได้ลูก พี่เขาอยากให้เราไปช่วยเขาเพราะเราคือครอบครัวที่จะทำให้บริษัทได้เดินหน้าต่ออย่างมั่นคง แต่ถ้าลูกไม่อยากทำพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร” ประมุขของบ้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองลูกชายที่กำลังมองน้องสาวไม่วางตาพร้อมกับหันมาหาตนเอง“แต่พ่อครับ ผมอยากให้น้องได้เรียนรู้เร็วกว่าผมเพราะมันคือทางเดียวที่น้องจะมีชีวิตที่ดีได้ในอนาคต” คนพี่งัดเหตุผลออกมาให้พ่อนั้นได้เข้าใจ และตอนนี้เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้วที่น้องสาวยังทำตัวเป็นเด็ก เขาเป็นห่วงอนาคตของน้องสาวเขามาก แต่เขาก็รู้ว่าการทำงานตรงนี้ไม่ได้ง่ายเลยอยากให้น้องสาวได้เรียนรู้เร็วกว่าเขาเมื่อ
เมื่อหลายวันก่อนที่หญิงสาวเห็นพี่พีทนั้นออกมาจากคอนโดมิเนียมตึกฝั่งตรงข้ามตึกของเธอพร้อมกับขึ้นรถของใครบางคนออกไป คนตัวเล็กได้แต่เก็บกลับมาคิดว่าที่จริงแล้ว พี่พีทอาจจะอยู่คอนโดมิเนียมนี้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยไว้ เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมา เธอมาพบเขาทุกวันในช่วงเย็น ไม่ว่าจะมีเรียนช่วงไหนก็มามันทุกวัน จนพนักงานในร้านก็เริ่มมองด้วยสายตาเป็นเชิงแซวคนตัวเล็กแล้วว่ามาเพื่อจุดประสงค์อะไรและวันนี้ก็เช่นกัน คนตัวเล็กมีเรียนช่วงบ่าย และมีเรียนอีกครั้งตอนช่วงค่ำเพราะอาจารย์นัดนอกเวลาเพื่อติวพิเศษให้กับนักศึกษา แต่ด้วยความที่หลายวันที่ผ่านมานี้หญิงสาวเองยังคงงอนพี่ชายอยู่ เพราะตั้งแต่วันที่พี่ชายมาส่งที่คอนโดมิเนียมเขาก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ทำให้คนเป็นน้องสาวอย่างเธอยังมีอารมณ์ที่ค้างคาอยู่มาก ถ้าจะกลับมาง้อคราวนี้ก็จะงอนให้หนักขึ้นเลยคอยดู ว่าแล้วมือเรียวเล็กก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กโซเชียลมีเดียของพี่ชายระหว่างเดินไปร้านของพี่พีท หน้าจอปรากฏภาพที่พี่ชายกำลังไปเที่ยวทะเล“หนีไปเที่ยว ! พี่ชายฉันไม่ง้อเลยใช่ไหมเนี่ย แถมยังไปเที่ยวกับสาวอีก แล้วบอกว่าไม่มีแฟน คุณแม่ต้องรู้เรื่องนี้ หึ
ตั้งแต่ที่หญิงสาวนั้นเดินเข้ามาที่ร้านในช่วงดึก ชายหนุ่มนั้นสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีท่าทางพิรุธยืนอยู่นอกร้านอยู่สักพักใหญ่แล้ว ในตอนแรกคิดว่าอาจจะมายืนรอเพื่อนที่นัดกันมาเจอที่หน้าร้าน จนแล้วจนเล่าผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ได้เดินไปไหน พร้อมกับมองเข้ามาในร้านเป็นระยะ เมื่อเวลาผ่านไปลูกค้าในร้านเริ่มทยอยออกไปจนเหลือคนตัวเล็กและลูกค้าอีกหนึ่งท่าน ขณะที่กำลังเดินเก็บของกับพนักงานในร้านเพื่อเตรียมตัวปิดร้าน ก็มองออกไปที่หน้าร้านเป็นระยะ จนเริ่มไม่น่าไว้ใจเพราะมันมองจ้องมาที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ในร้าน และเหมือนน้องที่ตนรู้จักนั้นก็กำลังมองออกไปข้างนอกเช่นกัน จนสังเกตได้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กเริ่มมีท่าทีลุกลน และเหมือนไม่กล้าที่จะลุกออกไปที่หน้าร้าน ก่อนจะหันไปบอกกับเขตแดนที่ยังไม่กลับว่าให้ออกไปดูว่าคนนั้นเป็นใคร โดยแกล้งเดินออกไปทิ้งขยะ “พี่ฝากด้วยนะเขต เอาขยะไปทิ้งแล้วกลับบ้านได้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำก่อนจะยื่นถุงขยะให้กับเขตแดน เพราะเขากับเขตแดนก็เห็นคนนี้มาสักพักแล้ว และมันจะเป็นอันตรายสำหรับลูกค้าผู้หญิงคนอื่นด้วย “ได้เลยพี่ เดี๋ยวแอบถ่ายหน้ามันด้วยเผื่อเอาไว้แปะ
เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดระบบกล้องวงจรปิด และดูบริเวณรอบ ๆ ของร้าน แต่ก็ยังคงเห็นรุ่นพี่คนนั้นยืนอยู่ที่เดิม พลางคิดในใจว่าไอ้หมอนั่นมันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ และท่าทีที่น่ากลัวของมันต้องการอะไรจากน้องนาถึงมายืนรออยู่หลายชั่วโมง“พี่พีท… หนูกลัว” หญิงสาวที่สังเกตเห็นชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอะไรบางอย่างพร้อมกับชะเง้อมอง ก็ได้รู้ว่ามันคือกล้องวงจรปิด แถมคนนั้นก็ยังไม่ได้หายไปไหน คนตัวเล็กเลยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความกลัว“น้องนาไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ เดี๋ยวพี่หารถไปส่งเราดีกว่า” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวเล็กที่ตอนนี้มีอาการหวาดกลัว กลับทำให้อุ่นใจมากขึ้นเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น คำพูดทำให้เธอที่ใจเต้นแรงกับเขาอยู่แล้ว ก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นมาเจอพี่พีทในเวอร์ชันนี้ มันอบอุ่นหัวใจเมื่อชายหนุ่มพูดจบเขาก็เดินออกไปที่ประตูหน้าร้านก่อนที่จะมองจ้องไปที่รุ่นพี่คนนั้นที่ยังคงยืนมองอยู่ เมื่อทั้งสองสบตากันทำให้รุ่นพี่ต้องถอยกลับไป และพี่พีทก็เช็กระบบกล้องวงจรปิดอีกครั้งก่อนจะพบว่าชายคนนั้นได้ออกไปแล้วจริง ๆ ก่อนจะเรียกรถให้คนของ
ชายหนุ่มยืนมองเธอจนพนักงานในร้านนั้นต้องสะกิดเขาให้กลับร้าน และนั่นคือครั้งแรกที่เขาเจอเธอ แล้วก็มาเจอเธออีกครั้งตอนที่ชนกันที่หน้าร้าน ความน่ารักที่เขาได้เห็นอย่างใกล้ชิดทำหัวใจของเขานั้นเต้นแรงเหมือนกลองรัว แต่ก็ต้องผละออกจากเธอเพราะแถวนั้นคนเยอะและเขาเองนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเธออยู่ห่าง ๆ และพยายามทำตัวไม่สนิทสนมกับเธอในตอนที่เธอนั้นมาที่ร้านของเขาบ่อย ๆ “พี่เจอหนูตอนที่หนูเต้น ๆ อยู่เหรอคะ น่าอายจริง ๆ แล้วพี่เขินหนูไหมตอนที่หนูแซวพี่ครั้งแรก” คนตัวเล็กซุกอกเขาอย่างเขินอายก่อนจะเงยหน้ามองเขา“ตอนนั้นพี่ทำตัวไม่ถูกอยู่นะ เพราะไม่เคยมีสาวคนไหนกล้าแซวพี่ ถึงเขาจะมาที่ร้านพี่แบบหนูทุกวัน” ในตอนนั้นเขาเห็นเธอมาร้านเขาทุกวัน พยายามมองหาเขา ในขณะที่เขาพยายามหลบเธอ มันน่าตลกดีเหมือนกัน ในใจเขาก็คิดว่าเธอคนนี้พยายามมากในการมาหาเขา แต่ก็ผิดที่เขาเองไม่ได้บอกเธอว่าเขามีแฟนแล้ว“ก็หนูชอบพี่มาก ๆ เลยนี่คะ ถึงหน้าพี่จะดูโหดแต่มันหล่อมากในสายตาหนู” คนตัวเล็กเงยหน้ามองแฟนหนุ่มพร้อมกับเบ้ปากด้วยหน้าตาน่าเอ็นดู พร้อมกับหอมแก้มชายหนุ่มอีกครั้งเป็นการให้รางวัลกับความหล่อ“พี
การกินอาหารในช่วงบ่ายจบลงพร้อมกับภาพที่บันทึกบรรยากาศรวมทั้งรูปคู่ของทั้งสองคน เมื่อกินเสร็จก็พากันเดินลงมาถ่ายภาพที่สวนด้านล่าง มันตกแต่งไปด้วยไม้ประดับรูปทรงต่าง ๆ และมีบ่อน้ำพุตั้งอยู่ที่กลางสวน อากาศที่ไม่ได้ร้อนมากเหมาะกับถ่ายภาพ ในตอนนี้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็มองไปที่คู่รักที่ยืนอยู่ที่ลานน้ำพุด้วยรอยยิ้มที่ชื่นชมและอิจฉา“พี่พีทคะ ขอสวย ๆ เลยนะ จะเอาไปอวดคุณแม่” หญิงสาวเดินนำแฟนหนุ่มมาที่น้ำพุพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายอีกครั้ง “โอเคครับ” สายตาของชายหนุ่มมองเธอด้วยความสุขใจ ใบหน้าหวานและรอยยิ้มที่เขานั้นจะได้มองมันนับจากนี้และจะเป็นความสุขของเขาตลอดไป“ไปถ่ายตรงนั้นไหมคะ เขามีของตกแต่งให้เราถ่ายรูปด้วย” คนตัวเล็กเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ทางร้านจัดไว้และมีของน่ารักเต็มโต๊ะไปหมด มันเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการถ่ายภาพ เธอหยิบส้มปลอมขึ้นมาพร้อมกับแนบที่แก้มของตัวเองทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มไปที่กล้องที่แฟนหนุ่มนั้นถือรออยู่เพื่อถ่ายภาพบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกของทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ทำให้หญิงสาวเริ่มเขินอายขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะบางรูปที่ถ่ายคู่กับแฟน
ทั้งคู่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับกินของว่างที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้ และเดินทางออกมาเพื่อเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ สถานที่แรกที่จะไปคือชมไร่องุ่นที่ห่างจากบ้านชายหนุ่มไปไม่ไกล ได้เข้าไปดูการหมักไวน์ และกิจกรรมที่ทางไร่องุ่นจัดขึ้น ทั้งสองคนทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมกับแวะถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน คนตัวเล็กเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพร้อมกับเรียกชายหนุ่มที่เดินจูงจักรยานตามมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะมาจอดอยู่ด้านหน้าของเธอโดยที่ตัวของเธอนั้นพิงกับต้นไม้อยู่“พี่พีทจะทำอะไรคะ นาออกไปไม่ได้” คนตัวเล็กถามด้วยความสงสัย“พี่เหนื่อยครับ อยากได้พลัง” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะยิ้มออกมา พร้อมกับมองไปที่ดวงตาสวยอย่างทะเล้น“ก็นึกว่าอะไร” คนตัวเล็กโน้มหน้าไปจุ๊บริมฝีปากหนาเพื่อให้รางวัลและเติมพลัง ก่อนจะยิ้มหวานให้เขาทั้งคู่ออกเดินทางจากไร่องุ่นพร้อมกับไปที่โรงงานขนมหวานแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก ร่างเล็กเดินไปยังตู้ขนมหวานที่มีขนมวางเรียงรายอย่างน่ากิน เธอเดินไปดูตามตู้ต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่มากมายโดยมีชายหนุ่มนั้นเดินตามหลังมาติด ๆ เพราะมีสายตาจากหนุ่ม ๆ ภายในร้านนั้นมองเธอไม่วางตา“พี่พ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงสาวมีความสุขมากที่ได้มีแฟนหนุ่มคอยเคียงข้าง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร หรือไปที่ไหนก็มีเขาไปด้วยทุกที่ และไม่ว่าเธอนั้นต้องการอะไรเขาก็หามาให้หมดทุกอย่างแบบไม่มีขัด ถ้าถามเรื่องของการทะเลาะกันไม่ใช่ว่าไม่มี ก็มีบ้างที่เป็นเธอเองที่งอแงใส่แฟนหนุ่ม แต่เขาก็มักจะใจเย็นกับเธอเสมอ อย่างเช่น ในวันนี้หลังจากที่เธอนั้นสอบปลายภาคเรียนจบแล้วเขาก็พาเธอมาเที่ยวเพื่อพักผ่อน เขาให้เหตุผลว่าเธอนั้นต้องการสิ่งที่เยียวยาจิตใจในตอนนี้เพราะเธอทั้งเรียนหนักและงานเยอะ ทำให้เธอเกิดอาการเครียดจนแฟนหนุ่มสังเกตได้ “พี่พีทคะตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ” คนตัวเล็กถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทางที่กำลังมุ่งหน้าไปทั้งสองข้างทางนั้นมีแต่ต้นไม้และภูเขาเต็มไปหมด “ไปบ้านของพี่กันค่ะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขับรถและเปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศ โชคดีที่ตอนนี้อากาศไม่ได้ร้อนมากเพราะมันใกล้จะเย็นแล้ว กว่าจะออกจากบ้านมาได้ก็บ่ายแก่ ๆ “พี่มีบ้านกี่หลังกันคะ หนูชักจะสงสัยแล้วนะคะว่าพี่ทำงานถูกกฎหมายไหม พี่ไม่ได้โกหกอยู่ใช่ไหม” หญิงสาวถามอย่างสงสัยพร้อมกับหรี่ตามองเขาเชิงแกล้ง “คิดไปถึ
หลังจากที่ได้ไปพบครอบครัวของชายหนุ่มเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เธอนั้นรู้สึกดีใจและอบอุ่นใจมากที่ได้เจอกับครอบครัวของเขา และเพราะได้การต้อนรับอย่างดี วันนี้เธอจึงจะพาเขามาพบกับครอบครัวของเธอบ้าง เธอก็หวังว่าเขาจะสบายใจและไม่อึดอัดกับบ้านของเธอ “พี่พีทตื่นเต้นเหรอคะ” เธอหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังขับรถด้วยท่าเกร็ง ๆ และมีสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย จนเธอเองก็อดอมยิ้มไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ได้ต่างจากเธอที่ไปพบที่บ้านเขาในวันนั้น แต่วันนี้แตกต่างตรงที่ว่าเราไม่ได้ค้างที่บ้านก็เท่านั้น “ก็นิดหน่อยครับ” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านของเธอที่มีบรรดาสาวใช้ยืนรออยู่แล้วไม่ต่างจากบ้านของเขาสักเท่าไร แต่บริเวณบ้านนั้นดูอบอุ่นและน่าอยู่มาก ๆ หญิงสาวเดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับป้าภาแม่นมที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กที่ยืนรออยู่ เธอเดินเข้าไปโอบกอดพร้อมกับแนะนำชายหนุ่มให้ได้รู้จัก ป้าภาดูชอบพี่พีทมากและเอ่ยชมความหล่อของร่างสูงไม่หยุด และไม่นานนักผู้เป็นประมุขของบ้านทั้งสองก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน “คุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาท่านทั
ทางด้านของพ่อลูกที่นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดูจากสีหน้าพ่อแล้วชายหนุ่มก็รู้ว่าพ่อพอใจมากแค่ไหนกับแฟนคนนี้ของเขา แค่นี้ก็สบายใจแล้ว เขามองไปที่พ่อเหมือนท่านจะพูดอะไรบางอย่าง จนเป็นเขาเองที่พูดขึ้นมา“พ่อมีอะไรอยากคุยกับผมหรือเปล่าครับ” เขามองไปที่พ่อที่กำลังยิ้มมาให้“แค่รู้สึกว่ารอบนี้แกตัดสินใจได้ดี เธอน่ารักน่าเอ็นดู ดูจากที่แม่แกดีใจจนออกนอกหน้า คงไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วนะ” คนพ่อพูดด้วยความดีใจและเป็นห่วง“รอบนี้ผมมั่นใจมากครับพ่อ เธอเป็นคนดีและน่ารักกับผมเสมอ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม“แล้วใครจีบใครก่อนล่ะ ดูแกมีความสุขมาก ดูหลงเขาแบบนี้พ่อก็พลอยดีใจไปด้วย” พ่อพูดด้วยความดีใจที่ได้เห็นลูกชายของเขานั้นกลับมามีความสุขอีกครั้งในรอบปี“ผมไม่บอกพ่อหรอก” เขาพูดก่อนจะเมินคำพูดของพ่อ มีหวังได้โดนล้อแน่นอน เขตแดนยิ่งแล้วใหญ่ พอรู้เรื่องของนาก็ล้อทันทีที่มีคนมาจีบเขาก่อนสองพ่อลูกนั่งมองหน้ากันอย่างรู้ทัน ชายหนุ่มมองพ่อของตัวเองที่กำลังทำอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับเสียงข้อความแจ้งเตือนธนาคารของตนที่ดังขึ้นเมื่อพ่อของเขานั้นเงยหน้าขึ้นมาพอดี เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูท
เมื่อถึงเวลามื้อเย็นทุกคนต่างมารวมตัวกันที่ห้องอาหาร และคนตัวเล็กที่มีอาการงอน ๆ เขาอยู่ก็ดูดีขึ้น เพราะเขานั้นบอกเธอไปคร่าว ๆ บ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องกลับไปคุยกันอย่างจริงจังอีกที พ่อและแม่ของชายหนุ่มมานั่งรออยู่แล้ว เขาเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอและไปนั่งประจำที่ของตัวเอง การเจอครอบครัวของเขาครั้งแรกทำเธอตื่นเต้นไม่น้อย แต่พออยู่ไปได้สักพักครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก และเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านการเลี้ยงดูมันเลยออกมาดีแบบนี้ “เขตทำไมแกไม่กลับบ้านตัวเองไปสักที มาที่นี่ทำไมบ่อย ๆ” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง “ผมแค่ยังไม่อยากกลับ” ชายหนุ่มตักข้าวเข้าปากพร้อมกับทำหน้ายียวน “อย่ามาหาไถเงินกับพี่กับแม่พี่เชียวนะ ไม่งั้นจะหักออกจากค่าพาร์ตไทม์” เขาพูดขึ้นอย่างกวน ๆ เช่นกัน “ก็ให้น้องมันอยู่ไปนั่นแหละ รอพ่อกับแม่เขากลับมา” พ่อพูดแทรกขึ้นอย่างเอาใจเขตแดน ทำเอาคนเป็นลูกถึงกับกลอกตามองบน หญิงสาวนั่งมองคนในบ้านและฟังบทสนทนาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมากับท่าทางของแฟนหนุ่มจนเธอต้องห้ามปรามโดยการแตะมือไปที่ขาของเข
จากที่ขับรถเข้ามาบริเวณบ้านคนตัวเล็กก็ตกตะลึงกับบ้านของชายหนุ่มที่ใหญ่โตอย่างกับคฤหาสน์ ทุกอย่างถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ ดูร่มรื่นสะอาดตา เมื่อเดินเข้ามายังตัวบ้านมีบรรดาแม่บ้านมากมายที่ยืนทำหน้าที่ของตัวเอง และมีบางส่วนที่ยืนรอต้อนรับผู้เป็นเจ้าของบ้าน แม่บ้านรีบเข้ามาถือของที่ชายหนุ่มกำลังถืออยู่และนำไปวางไว้ให้ที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มหันมามองคนตัวเล็กที่กำลังตกตะลึงด้วยสีหน้าที่น่าเอ็นดูจนทำเขายิ้มออกมา“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” ชายหนุ่มเขี่ยไปที่ปลายจมูกมนของหญิงสาวอย่างหยอกล้อ“ทำไมบ้านพี่ถึงใหญ่ขนาดนี้คะ หนูแทบช็อกเลยนะ” หญิงสาวแหวขึ้นพร้อมกับทำหน้างอง้ำพอได้รู้ถึงฐานะของเขา“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงสร้างบ้านใหญ่ขนาดนี้” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะพาคนตัวเล็กมาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากที่พาแวะดูนั่นนี่ภายในบ้านท่ามกลางห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ตอนนี้มีบุคคลที่ไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ และมีหนึ่งคนที่คุ้นหน้ากำลังส่งยิ้มมาให้หญิงสาวด้วยท่าทางร่าเริง เธอได้แต่เก็บความสงสัยไว้และเดินไปยังกลางห้องนั่งเล่นกับชายหนุ่ม ชายวัยกลางคนส่งยิ้มมาให้ เธอคาดว่าน่าจะเป็นพ่อของชายหนุ่ม แล
สงครามการสอบจบลงอย่างสวยงาม วันสุดท้ายของการสอบหญิงสาวนั้นมีสอบแค่ช่วงเช้าก่อนจะให้ชายหนุ่มมารับเธอที่คณะเพื่อกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดมิเนียม และออกไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ หลังสอบเสร็จและได้ไปผ่อนคลาย ในช่วงค่ำชายหนุ่มนั้นบอกกับเธอว่าจะพาไปพบกับครอบครัว เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกและรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “เดี๋ยววันนี้นาจะรีบกลับนะคะ นาอาจจะไปแค่กินข้าวกับเพื่อน พี่พีทมารับหนูหน่อยแล้วเราไปซื้อของกัน จะเอาไปให้พ่อกับแม่ของพี่” หญิงสาวหันไปบอกชายหนุ่มที่ขับรถอยู่ “ให้พี่ไปรับกี่โมงก็ส่งข้อความมาบอกพี่นะคะ” ชายหนุ่มหันมาบอกก่อนจะหันไปขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปคอนโดมิเนียมเพื่อพาคนตัวเล็กไปเปลี่ยนชุด ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงคอนโดมิเนียม หญิงสาวเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด ก่อนจะออกมาพร้อมกับชุดเดรสสีขาวสะอาดตา มันทำให้เธอดูเด็กลงอย่างมากราวกับเด็กอายุสิบแปด ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นหันมามองเธออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอสวยมากในสายตาเขา ในตอนนี้อยากเก็บเธอไว้ไม่ให้ออกไปไหนไม่ให้ใครเห็น “พี่พีทคะ นาแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ” คนตัวเล็กส่งเสียงเ