แชร์

บทที่ 29

ผู้แต่ง: เบลล่า
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
"เธอหมายความว่ายังไงที่จะให้ฉันท้อง?”

เธอกะพริบตาใส่ฉัน "โธ่เอ๊ย สาว เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร นอนกับมาร์คโดยไม่ต้องป้องกัน และทำให้แน่ใจว่าเขาจะทำให้เธอท้อง"

“อ้อ" ฉันพึมพำด้วยความหดหู่ แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้

“เธอทำไม่ได้เหรอ?” เธอส่งเสียงแหลมเพื่อดึงฉันออกมาจากห้วงความคิด

“อะไรนะ? ไม่ เอิ่ม ฉันทำได้" ฉันพูดตะกุกตะกัก ฉันนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ "ฉันจะทำ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้เขาเป็นของฉันโดยสมบูรณ์"

“ดีมาก" เธอยิ้ม "เพราะไม่มีวิธีไหนที่จะได้เป็นเจ้าของผู้ชายคนหนึ่ง ได้ดีไปกว่าการอุ้มลูกของเขาไว้ในท้องอีกแล้ว"

ฉันพยักหน้า และคิดแผนเอาไว้ในหัวแล้ว "ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย" จิตใต้สำนึกทำเสียงล้อเลียนฉันขณะเอ่ยถาม แต่ฉันไม่สนใจหรอก

“ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน แล้วเธอจะเห็นเองเวลาที่เธอตั้งท้องลูกของเขา เขาจะถูกบังคับให้หย่ากับซิดนีย์เอง" เธอยักไหล่ "ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็กำลังอุ้มท้องผู้เป็นทายาทของเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่ทุ่มเทชีวิตเพื่อทำให้เธอมีความสุขล่ะ?”

ฉันกระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ ฉีกยิ้มกว้าง "โห้ แซนดร้า ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก" ฉันหอมแก้มเธอรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้น

เธอผลั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 30

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า "มันเลวร้ายมากเลยค่ะ มาร์ค ฉันอยากให้คุณอยู่ที่นั่นด้วยกันตอนนั้น ฉันอยากให้คุณกอดฉันไว้ในวงแขนเหมือนที่คุณทำอยู่ตอนนี้ แล้วบอกฉันว่านั่นเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีความหมายอะไรเลย...” ฉันเงียบไปแล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม“มานี่สิ เบล" มาร์คดันเก้าอี้ไปข้างหลังอย่างแรง และลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเขาเดินอ้อมโต๊ะมาจับไหล่ฉัน แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้ รสสัมผัสจากการที่เขาใช้แขนโอบรอบตัวฉัน พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาบนแก้มนั้น ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั่วแผ่นหลัง "ตอนนี้มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว" เขาจูบลงบนหน้าผากฉัน "อย่าคิดมากเลยนะ"ฉันสูดดมกลิ่นพร้อมกับพยักหน้า แล้วจับด้านข้างเสื้อเขาเอาไว้“ตอนนี้ก็อย่าปล่อยให้อาหารมื้อหรูนี้ต้องสูญเปล่าเลยนะ" เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วดึงแก้มฉันเล่นเขาป้อนอาหารให้ฉันแล้วฉันก็ป้อนเขากลับไป เติมไวน์ให้เขาในขณะที่ฉันเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาอีกเรื่อง เกี่ยวกับชีวิตที่ต้องป่วยและเศร้าอยู่ในต่างแดนให้เขาฟังหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราก็ช่วยกันเก็บถ้วยชาม ในระหว่างนั้นมาร์คเขาก็พักเป็นช่วงสั้น ๆ ด้วยการดื่มเหล้าจาก

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 1

    ฉันได้รับวิดีโอลามกมา“คุณชอบแบบนี้ไหม?”ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอนี้คือมาร์ค สามีของฉันเอง ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือนแล้ว เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อและกางเกงวางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขาพยายามดันมังกรยักษ์เข้าไปในร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไม่เห็นหน้า หน้าอกอันอวบอิ่มและกลมกลึงกระเด้งกระดอนอย่างแรง ฉันได้ยินเสียงกระแทกกระทั้นในวิดีโอนั้นอย่างชัดเจน ผสมกับเสียงครวญครางและคำรามอันเร่าร้อน“นั่นแหละ แบบนั้นแหละ กระแทกมาแรง ๆ เลยที่รัก" ผู้หญิงคนนั้นโต้ตอบด้วยร้องครางอย่างมีความสุข“ยั่วสวาทจริง ๆ เลยนะ!” มาร์คลุกขึ้นยืนแล้วพลิกตัวเธอให้คว่ำลง พร้อมตบก้นเธอและพูดว่า "แอ่นก้นขึ้นมา!”ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างแผ่วเบา พลิกตัวคว่ำลง ส่ายก้นไปมา แล้วนอนคุกเข่าอยู่บนเตียง ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเทน้ำในกระติกน้ำแข็งราดมาบนหัว การที่สามีนอกใจก็แย่พออยู่แล้ว แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนั้นคือเบลล่า ผู้เป็นน้องสาวของฉันเองฉันปล่อยให้วิดีโอเล่นต่อไป โดยดูและฟังพวกเขาสองคนบรรเลงเพลงรักกัน ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงครวญครางของพวกเขา ฉันก็รู้สึกเ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 2

    สายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนยังคงพัดเส้นผมไปมา ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้าง ๆ ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วเมื่อเดินไปบนถนนได้ไม่ไกลนัก ฉันก็สังเกตเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งกะพริบเจิดจ้าเข้ามาหา แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เนื่องจากจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใครรถสปอร์ตสีแดงสดใสแล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และมีผู้หญิงที่ดูสดใสยิ่งกว่านั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอกระดิกนิ้วเรียกฉันในขณะลดกระจกลงเกรซนั่นเองเกรซไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลยนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา และด้วยความที่เราทั้งสองคนหลงใหลในแฟชั่นเหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการร่วมกันก่อตั้งลักซ์ โว้คขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ล้ำสมัย และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้นำเทรนด์รุ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็วเกรซมีสายตาที่เฉียบคมมากในเรื่องการดีไซน์ เธอจึงรับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ในขณะที่ฉันพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครื่องประดับของอเทลิเย่ ซึ่งเป็นสตูดิโอแ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 3

    มุมมองของมาร์คผมขับรถเข้าไปในทางเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เป็นวันยาวนานอีกวันหนึ่งทั้งจากการทำงานและเรื่องสนุก ๆ ที่ทำให้ผมหมดแรง และสิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือการผ่อนคลายและพักผ่อน ผมก้าวออกจากรถแล้วคลายเนกไทออก อยากเดินเข้าไปด้านในเต็มทนและได้พักผ่อนในที่สุด เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน ผมมองเห็นซิดนีย์นั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองผมด้วยสายตาอันว่างเปล่าเหมือนเคย ผมแทบจะไม่ชายตามองเธอเลยในขณะที่มุ่งตรงไปที่ห้องทำงาน“ฉันต้องการหย่า" ซิดนีย์พูดออกมาก่อนที่จะผมจะเดินไปถึงห้องทำงานด้วยซ้ำไปหย่าหรือ? คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือคำว่าไร้สาระ และช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระจริง ๆ ธุรกิจครอบครัวของพ่อแม่ซิดนีย์ได้ให้บริษัทจีที กรุป ซึ่งเป็นบริษัทของผมยืมไปใช้ นี่เป็นสัญญาที่ให้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในทุกแง่มุม ซิดนี่ย์เป็นเพียงผู้หญิงที่ผมแต่งงานด้วย ที่ต้องพึ่งพาผมและพ่อแม่ของเธอเพื่อความอยู่รอดหย่าหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีใหม่ในการเรียกร้องความสนใจของเธอ อย่างที่เธอชอบทำนั่นแหละ เดิมทีเธอมีท่าทีน่าสงสาร ซึ่งเพียงพอจะทำให้คนนอกเชื่อว่าเธอได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 4

    มุมมองของซิดนีย์ทันทีที่ฉันกลับมายังสนามบิน ฉันก็เห็นเกรซโบกมือให้อย่างกระตือรือร้นจากอีกฝั่งหนึ่ง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ทริปแสนสั้นของฉันได้สิ้นสุดลงแล้ว และอาจพูดได้เลยว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้น เป็นสามเดือนที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตในรอบหลายปีฉันลากกระเป๋าตามหลังให้เร็วขึ้นแล้วรีบวิ่งไป พร้อมทั้งโบกมือกลับไปให้เกรซและรีบวิ่งไปหาตรงที่เธอยืนอยู่ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอกนะ แต่มีคนคุ้นเคยเดินผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว ฉันอดที่หันไปมองไม่ได้ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันรู้จักแผ่นหลังนั้น ไม่มีใครจะบอกเป็นอย่างอื่นได้ ต้องเป็นมาร์คไม่ผิดแน่ เป็นเขาแน่ ๆฉันดูไม่ผิด ฉันยืนยันกับตนเองตอนที่หยุดหันไปมองคนคนนั้น เขาคือมาร์ค ฉันไม่มีทางพลาดได้หรอก เขาเดินแบบก้าวเท้าเร็ว ๆ เหมือนเคย เขามองไม่เห็นฉัน? หรือว่าเขาอาจจำฉันไม่ได้อีกแล้วมั้ง? ฉันหายไปแค่สามเดือนเอง แต่ถ้านั่นเป็นเวลาที่เพียงพอจะทำให้เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นใครอีกครั้งจากแค่มองเพียงแวบเดียว ก็นับว่าประสบความสำเร็จที่สามารถลบผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักออกไปจากชีวิตได้ แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์ของฉันตอนนี้ ฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 5

    มุมมองของซิดนีย์"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉันฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจนณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลาม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 6

    มุมมองของมาร์คผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมาผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิดมีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตูผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 7

    มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ

บทล่าสุด

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 30

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า "มันเลวร้ายมากเลยค่ะ มาร์ค ฉันอยากให้คุณอยู่ที่นั่นด้วยกันตอนนั้น ฉันอยากให้คุณกอดฉันไว้ในวงแขนเหมือนที่คุณทำอยู่ตอนนี้ แล้วบอกฉันว่านั่นเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีความหมายอะไรเลย...” ฉันเงียบไปแล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม“มานี่สิ เบล" มาร์คดันเก้าอี้ไปข้างหลังอย่างแรง และลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเขาเดินอ้อมโต๊ะมาจับไหล่ฉัน แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้ รสสัมผัสจากการที่เขาใช้แขนโอบรอบตัวฉัน พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาบนแก้มนั้น ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั่วแผ่นหลัง "ตอนนี้มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว" เขาจูบลงบนหน้าผากฉัน "อย่าคิดมากเลยนะ"ฉันสูดดมกลิ่นพร้อมกับพยักหน้า แล้วจับด้านข้างเสื้อเขาเอาไว้“ตอนนี้ก็อย่าปล่อยให้อาหารมื้อหรูนี้ต้องสูญเปล่าเลยนะ" เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วดึงแก้มฉันเล่นเขาป้อนอาหารให้ฉันแล้วฉันก็ป้อนเขากลับไป เติมไวน์ให้เขาในขณะที่ฉันเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาอีกเรื่อง เกี่ยวกับชีวิตที่ต้องป่วยและเศร้าอยู่ในต่างแดนให้เขาฟังหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราก็ช่วยกันเก็บถ้วยชาม ในระหว่างนั้นมาร์คเขาก็พักเป็นช่วงสั้น ๆ ด้วยการดื่มเหล้าจาก

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 29

    "เธอหมายความว่ายังไงที่จะให้ฉันท้อง?”เธอกะพริบตาใส่ฉัน "โธ่เอ๊ย สาว เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร นอนกับมาร์คโดยไม่ต้องป้องกัน และทำให้แน่ใจว่าเขาจะทำให้เธอท้อง"“อ้อ" ฉันพึมพำด้วยความหดหู่ แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้“เธอทำไม่ได้เหรอ?” เธอส่งเสียงแหลมเพื่อดึงฉันออกมาจากห้วงความคิด“อะไรนะ? ไม่ เอิ่ม ฉันทำได้" ฉันพูดตะกุกตะกัก ฉันนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ "ฉันจะทำ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้เขาเป็นของฉันโดยสมบูรณ์"“ดีมาก" เธอยิ้ม "เพราะไม่มีวิธีไหนที่จะได้เป็นเจ้าของผู้ชายคนหนึ่ง ได้ดีไปกว่าการอุ้มลูกของเขาไว้ในท้องอีกแล้ว"ฉันพยักหน้า และคิดแผนเอาไว้ในหัวแล้ว "ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย" จิตใต้สำนึกทำเสียงล้อเลียนฉันขณะเอ่ยถาม แต่ฉันไม่สนใจหรอก“ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน แล้วเธอจะเห็นเองเวลาที่เธอตั้งท้องลูกของเขา เขาจะถูกบังคับให้หย่ากับซิดนีย์เอง" เธอยักไหล่ "ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็กำลังอุ้มท้องผู้เป็นทายาทของเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่ทุ่มเทชีวิตเพื่อทำให้เธอมีความสุขล่ะ?”ฉันกระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ ฉีกยิ้มกว้าง "โห้ แซนดร้า ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก" ฉันหอมแก้มเธอรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้นเธอผลั

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 28

    มุมมองของเบลล่าถ้าพ่อไม่หาข้อแก้ตัวโง่ ๆ แบบนั้น ฉันคงไม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้พ่ออยู่ข้างเดียวกับฉันในตอนนี้เนื่องจากพ่อโกหกทุกคนออกไปเช่นนั้น ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามที่พ่อสั่งหลังกลับมา ฉันพยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ และพยายามพูดเรื่องนี้กับมาร์คทุกครั้งที่มีโอกาส เขาสงสารฉัน ยังรักและใจดีกับฉันมาตลอด มาหาฉันทุกครั้งเวลาที่ฉันต้องการหรือเมื่อโทรหาเขาเพื่อมากอดฉันเอาไว้และรับรองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และมักจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ แต่ตอนนี้...ฉันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้คำโกหกนั้นแบบจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว เมื่อมีซิดนีย์เข้ามาเข้ามายุ่งเกี่ยวมากขึ้นหรือการกระทำของฉันอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือพอก็ได้? บางทีฉันควรไปพบแพทย์เพื่อขอให้เขาโกหก จากนั้นฉันก็จะได้ตัวมาร์คมาอยู่กับฉัน และ...ฉันรู้สึกเดือดดาลและโยนความคิดนั้นทิ้งไป ซิดนีย์รู้เรื่องมากเกินพอแล้ว ฉันไม่ต้องการให้ใครรู้ไปมากกว่านี้ แล้วถ้าแพทย์เกิดหักหลังขึ้นมาในภายหลังล่ะ?ฉันโมโหขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าพ่อไม่เลือกใช้ข้อแก้ตัวนี้ที่ทำให้ฉันหายตัวไป ฉันก็คงหาข้

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 27

    เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ "ต้องรุนแรงถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ใช่" ฉันตอบสั้น ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยในเมื่อตอนนี้พวกเขาเหมือนจะดูถูกเกรซ และไม่ให้ความเคารพเธออย่างที่ควรจะเป็น ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะจะจัดการกับพวกเขาให้เข้าที่เข้าทาง และทำหน้าที่เป็นผู้นำบริษัทอย่างเต็มที่มีเสียงดังขึ้นจากโน้ตบุ๊กของฉัน รายละเอียดของพนักงานคนนั้นถูกส่งมาแล้วฉันส่งรายละเอียดนั้นไปให้ฝ่ายกฎหมายโดยไม่ให้เสียเวลา และสั่งการให้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากพนักงานคนนั้นทันที“ฉันเข้าใจว่าเธอต้องจัดการกับผู้ถือหุ้นพวกนี้ให้เข้าที่เข้าทาง" เกรซเริ่มพูด เธอพูดช้า ๆ ซึ่งดูเหมือนเธอจะเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง "แต่นั่นจะไม่รุนแรงเกินไปเหรอ? เธอก็เห็นนี่ว่าพวกเขาไม่พอใจกันมากในห้องประชุม เพราะแบบนั้นแหละ ถึงได้กล้าขู่ว่าจะถอนตัวกัน แล้วตอนนี้ยังจะมาเลิกจ้างพนักงานของพวกเขาอีก" เธอเว้นช่วง "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาแก้เผ็ดเรา?” เธอเบิกตากว้างขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาถอนตัวออกไปจริง ๆ? เธอไม่กังวลเลยเหรอว่าพวกเขาจะถอนตัวออกไปจริง ๆ? พวกนั้นลงทุนในบริษัทเราเยอะมากนะรู้ไหม?” เธอเลิกคิ้วขึ้

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 26

    ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เราก็ได้ทางออกที่เป็นไปได้มากขึ้น เนื่องจากกระแสเงินสดมีน้อยเกินไป ฉันและเกรซจึงเป็นเพียงสองคนที่เสนอตัวให้บริษัทยืมเงินออมส่วนตัวไปใช้ เหล่าผู้ร่วมถึงหุ้นแสนเห็นแก่ตัวอ้างว่าไม่สามารถตัดสินใจได้เนื่องจากไม่การแจ้งล่วงหน้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะหลังจากสรุปทุกอย่างแล้ว เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ในระหว่างนี้ ในขณะที่แผนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ“ทำไมถึงรับพนักงานโง่ ๆ อย่างนี้มาทำงานได้ตั้งแต่แรก?!” ฉันหันไปหาทีมทรัพยากรบุคคล "ทีมงานของคุณทำอะไรกันอยู่?”คำตอบของเกรซทำให้พวกเขาต้องหงายหลังไปเลย "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ฉันต้องปลดพนักงานออกตั้งหลายคน เพราะไร้ความสามารถกัน ในช่วงสามปีที่เธอห่างจากบริษัทไป ก็ไม่มีใครกำราบพวกคณะกรรมการบริหารเลย พวกเขาพยายามยัดเยียดพนักงานที่ไร้ความสามารถให้กับบริษัท ถ้าเธอไม่ได้กลับมาทำงานอย่างเต็มตัวล่ะก็ บริษัทต้องพังพินาศเพราะพวกเขาแน่ ๆ"“จะบ้าตาย" ฉันถอนหายใจพร้อมกับกุมขมับ เนื่องจากเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา "เราจะคุยเรื่องนี้กันวันหลัง" ฉันจ้องเขม็งไปที่ทีมบริหารที่ไม่ยอมสบตาฉัน "เอา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 25

    "สวัสดีค่ะ"“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง"เลขานุการคนนั้นทักทายฉันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส "สวัสดีค่ะ ช่วยแจ้งหัวหน้าแผนกบัญชีด้วยว่าฉันมาที่นี่เพื่อพบเขา"เขาพยักหน้าแล้วโทรศัพท์ออกไป ฉันถูกเรียกเข้าไปพบอย่างรีบร้อนพนักงานบัญชีคนนั้นยิ้มร่าในขณะพาฉันเข้าไปโดยรออยู่ที่ประตูแล้ว "ยินดีต้อนรับการกลับมานะครับ คุณผู้หญิง"ฉันยิ้ม "ขอบคุณค่ะ ฉันคิดว่าเรายังไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ฉันกลับมาใช่ไหมคะ?”“ยังไม่ได้เจอกันเลยครับ" เขายืนยันในขณะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ส่วนฉันก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา แล้วเริ่มเล่าให้เขาฟังว่าฉันต้องการอะไรใบหน้าของนักบัญชีดูเคร่งขรึมขึ้นในขณะที่ฉันพูด "ถ้าเป็นเดือนที่แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับคุณผู้หญิง"ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย "แล้วตอนนี้จะเป็นปัญหาเหรอคะ?”“ก็ทำนองนั้นน่ะครับ"หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเขาเอามือลูบขอบโต๊ะเล่น "คุณก็รู้ว่าแผนกของเราต้องการคนเพิ่ม เราจึงรับพนักงานคนใหม่เข้ามา หลังจากได้ทำการทดสอบไปหลายครั้ง เราก็ได้พนักงานที่เก่งที่สุดมาคนหนึ่ง พนักงานคนนี้ได้บอกขนาดและเนื้อสัมผัสและรายละเอียดเครื่องจักรกับฝ่ายผู้จ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 24

    หลังจากมาร์คอวยพรวันเกิดและมอบของขวัญให้พ่อเสร็จแล้ว เขาก็กล่าวคำอำลาสั้น ๆ กับพ่อและแม่ แล้วเราก็เดินออกมาก รอยยิ้มของพ่อเริ่มสั่นคลอนเมื่อมองไปมองมาระหว่างมาร์คกับฉันการนั่งรถกลับบ้านเป็นอะไรที่สนุกมาก มาร์คพาเรากลับบ้านด้วยรถที่เขากับเบลล่านั่งมาฉันตัดสินใจเย้าแหย่เขาด้วยความเบื่อหน่าย ฉันเอามือวางบนหน้าอกของฉัน "เบลล่าที่น่าสงสาร" ฉันถอนหายใจ ปล่อยให้ไหล่ลู่ลงพร้อมหันไปหาเขา "คุณขับรถออกมาแล้วเนี่ย เธอจะกลับบ้านได้ยังไงล่ะ?”เขาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยังกัดฟันแน่นพลางมองออกไปนอกหน้าต่างฉันถอนหายใจอีกครั้ง "หวังว่าเธอคงไม่เจ็บใจมากนะ ตอนพยายามกลับบ้านเอง หรือตอนที่เพื่อนหัวเราะเยาะใส่ว่าถูกคนรักทิ้งไป"ฉันเห็นนิ้วก้อยของเขากระตุกขณะกดฝ่ามือลงบนตักตนเองฉันอยากเห็นอะไรมากกว่านั้น ฉันถอนหายใจแล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องพูด "ตอนนี้ ฉันก็ไปหาพ่อหนุ่มอิตาเลียนที่ร้านนั้นไม่ได้แล้วสิ" หน้าอกของฉันกระเพื่อมสูงขึ้นเมื่อถอนหายใจดังลั่น "ค่อยไปวันหลังก็ได้"นิ้วของเขากระตุกมากขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นปฏิกิริยาแบบเดียวกับที่ฉันเห็นครั้งก่อน แล้วในที่สุดฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการนิ่งเงียบของเขา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 23

    ทั่วทั้งโถงทางเดินแห่งนั้นมีแต่ความเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเราเท่านั้น ในขณะที่ฉันรอดูว่ามาร์คจะทำอย่างไร ฉันกลอกตาด้วยความรู้สึกที่ไม่แปลกใจเลยที่เขาปล่อยตัวฉัน "เธอต้องการผม" เขาพูดในขณะที่ก้าวเข้าไปหาเธอย่างลังเล "เบลล่า...”ฉันพยายามหาวโดยไม่เปิดปาก ในขณะเคลื่อนตัวออกห่างจากเขาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เหลือเกิน ช่างหูหนวกตาบอดกันไปหมด ฉันมองดูเบลล่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วซบอกเขา แขนของเขาโอบรอบตัวเธอโดยสัญชาตญาณ โดยดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ ๆ ราวกับเป็นเกราะกำบังจากฉันฉันหยิบกระเป๋ามาสะพายไว้บนบ่าอย่างไม่ใส่ใจ การกระทำอย่างนั้นช่วยให้ฉันก้าวเดินออกไปอย่างมั่นใจขึ้น เมื่อเดินผ่านเธอเพื่อลงบันไดไป ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาของพวกเขาต่างจับจ้องมาที่ฉันทันใดนั้น ในขณะที่ฉันเดินลงบันไดไปได้ครึ่งทาง ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ และฉันก็หยุดเดินฉันหยุดเดินแล้วหันไปหามาร์คพร้อมกับส่งยิ้มหวาน "ตายจริง มาร์คคะ ฉันลืมบอกคุณไปค่ะ ที่รัก" เขาขมวดคิ้วในขณะฟังฉันพูด "จำผู้ชายที่ร้านเหล้าคนนั้นได้ไหม? หนุ่มหล่อล่ำที่เข้ามาขวางคุณเอาไว้ในคืนนั้นไง? คนที่บอกว่าเขาเป็นเจ้า

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 22

    ฉันพูดอะไรไม่ออกเมื่อเสียงสั่นเครือของเบลล่าดังก้องไปทั่วห้อง "มาร์ค!" น้ำเสียงสั่นเครือด้วยอารมณ์รุนแรง และดวงตาส่องประกายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นกำลังจ้องมองเขาอยู่ "อย่าเพิ่งไป" เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบา เพื่อน ๆ ของฉันรอคุณอยู่ ถ้าคุณเดินออกไป พวกเขาจะเยาะเย้ยฉันอย่างไม่มีวันจบสิ้นแน่"ฉันอดที่จะกลอกตาไม่ได้เมื่อเห็นว่าเธอเล่นใหญ่ขนาดไหนที่เพื่อนชอบล้อเลียนเช่นนั้น ก็เป็นความผิดของตัวเธอเองทั้งนั้น ตั้งแต่เธอกลับมาจากการหนีตามผู้ชายไป เธอก็ทำให้ฉันดูเหมือนเป็นนางร้ายต่อหน้าเพื่อน ๆ และใครก็ตามที่สนใจฟัง เธอจะบอกพวกเขาเสมอว่าเธอกับมาร์คเป็นคู่รักตัวจริง ส่วนฉันที่มักจะอิจฉาริษยาเธอมาโดยตลอด ได้ใช้โอกาสนี้บีบบังคับมาร์คตอนที่เธอไปรักษาตัวยังต่างประเทศ ความขมขื่นจากการโดนเธอกล่าวหานั้นยังติดตัวฉันมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันรู้สึกโดนทรยศหักหลังเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เมื่อฉันคิดว่าฉันกำลังรักษาชื่อเสียงให้เธอ แต่เธอกลับใส่ร้ายป้ายสีฉันเป็นการตอบแทนฉันกลอกตาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสีหน้าของมาร์คดูอ่อนลง ถึงแม้ฉันจะเกาะกุมเขาอยู่ แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าเขาได้เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ฉ

DMCA.com Protection Status