มุมมองของเบลล่า "ขอบใจ" ฉันยังคงนอนอยู่บนเตียง หันหลังให้พวกเขา และพูดออกมาอย่างเย็นชาโดยไม่มีท่าทีรู้สึกขอบคุณแม้แต่น้อย "พวกคุณออกไปได้แล้วรึยัง?" "บ..." "แม่!" ฉันพลิกตัวอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห ดวงตาจ้องมองพวกเขาอย่างดุดัน "พ่อกับแม่ช่วยออกไปทีได้ไหม? หนูแค่อยากอยู่คนเดียว ขอร้องล่ะ!" หน้าอกของฉันขยับขึ้นลงอย่างแรงด้วยความโกรธในขณะที่มองพวกเขาสบตากัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไป ฉันเหลือบมองของที่พวกเขานำมาให้ฉัน จากนั้นจึงดันจานอาหารออกไปและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ฉันเลื่อนดูข่าว บล็อกโพสต์ และความคิดเห็นต่าง ๆ อย่างบ้าคลั่ง เป็นอย่างที่พวกเขาบอก มันแพร่กระจายไปทั่วแล้ว ทุกสำนักข่าว ทุกช่องและทุกบล็อกข่าวบันเทิงล้วนล้อเลียนฉันที่ถูกมาร์คทิ้ง 'สาวนักขุดทองแกล้งตั้งครรภ์เพื่อจับมหาเศรษฐีอย่างมาร์ค ตอร์เรส' 'หญิงสาวที่พยายามบีบตัวเองเข้าตระกูลตอร์เรสด้วยการตั้งครรภ์แท้งแล้ว จากนั้นยังถูกทายาทตระกูลตอร์เรสทอดทิ้งอีกด้วย' 'แผนล่ม เบลล่า ไมเคิล ทำบัตรผ่านสู่กระเป๋าสตางค์ตระกูลตอร์เรสหายเสียแล้ว' ฉันกัดฟันแน่น มือที่จับโทรศัพท์รัดแน่นขึ้น น้ำตาอุ่น ๆ ไหลรินลงม
ฉันบอกจุดหมายของฉันกับคนขับรถแท็กซี่ และเราก็เริ่มออกเดินทาง คนขับแท็กซี่จอดรถที่จุดหมายปลายทางของฉัน หลังจากที่ฉันโอนเงินให้เขา ก็มองดูเขาขับรถจากไป ขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของฉันจับจ้องไปยังอาคารสำนักงานสุดหรูขนาดใหญ่ ตรงข้ามกับมันคือร้านกาแฟที่ฉันเคยจับได้ว่า ซิดนีย์แอบฟังบทสนทนาระหว่างฉันกับไอแซค เพราะเธอบอกว่าเธอทำงานที่นี่ งั้นก็ขอพิสูจน์หน่อยแล้วกันฉันเดินเข้าไปใกล้ตัวอาคารด้วยความประทับใจทึ่ง ยิ่งดูใกล้ ๆ อาคารนี้ก็ยิ่งเห็นว่ามันงดงามอย่างมาก ผนังที่เป็นกระจกของชั้นบนสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ มันสะท้อนภาพท้องฟ้าและอาคารรอบข้างด้วย ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าภายในจะสวยงามขนาดไหน เก้าอี้ในสำนักงานจะนั่งสบายเพียงใด... ฉันส่ายหัวและดึงตัวเองกลับมาสู่เหตุผลหลักที่ฉันมาที่นี่ ฉันไม่มีเวลามายืนชื่นชมสถานที่นี้ ซึ่งอาจทำให้มีใครบางคนเห็นเข้า พอมันเป็นของฉันเมื่อไหร่ ฉันค่อยทำแบบนั้นก็ได้ คิดได้ดังนั้น ฉันก็กวาดตามองพื้นที่โดยรอบ และเห็นร้านอาหารอยู่ห่างออกไปจากตัวอาคารเพียงไม่กี่ก้าว พวกเขามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านนอกใต้คันร่ม ฉันรีบไปที่นั่นและเลือกที่นั่งที่ค่อนข้างลับตา ฉ
ที่อยู่ที่มาร์คส่งมาบอกฉันว่าเขาอยู่ที่บาร์ของลุยจิ สายตาของฉันจับจ้องไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ข้างถนนขณะที่ฉันขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถฉันเดินเข้าไปในบาร์ ขณะมองไปรอบ ๆ เพื่อหาว่ามาร์คอาจนั่งอยู่ตรงไหน สายตาของฉันก็จับจ้องไปที่ลุยจิ เขามองมาที่ฉันอยู่แล้ว พอเราสบตากัน เขายกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นชี้ไปที่ตาของตัวเอง ก่อนจะชี้มาทางฉัน "ผมจับตาดูคุณอยู่นะ" เขาขยับปากพูด ฉันกลอกตาและยกนิ้วหนึ่งแตะที่ดวงตาของตัวเอง "ฉันจะควักลูกตาคุณออกมา" ฉันขยับปากตอบกลับ จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปยังห้องส่วนตัวของมาร์ค เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่ชั้นล่าง เขาน่าจะอยู่ในห้องวีไอพีห้องใดห้องหนึ่งแน่นอน "ซิดนีย์..." ดวงตามาร์คจับจ้องมาที่ฉันทันที น้ำเสียงอ้อแอ้ "คุณมาแล้ว มาสิ มานั่งตรงนี้" เขาตบที่นั่งข้างตัวเขา ฉันหยุดที่ประตูและมองไปที่ขวดเปล่าบนโต๊ะ ได้แต่ส่ายหัวให้กับสภาพของเขา เขากำลังดื่มวิสกี้อีกแก้ว เขาดื่มไปเท่าไหร่แล้วนะ? แต่ถึงอย่างไรการมานับขวดวิสกี้ของเขาก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันปิดประตู แล้วก้าวเข้าไปในห้อง "แล้วเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ที่สัญญาไว้อยู่ไหนล่ะ?" เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วเอื้อมไปหยิบกระ
มุมมองของมาร์ค"ท่านครับ คุณเบลล่ามาขอพบครับ เธอกำลังรอพบท่านอยู่ชั้นล่างตอนนี้ครับ" เสียงดังผ่านอินเตอร์คอมทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะ ผมเอนตัวพิงเก้าอี้และครุ่นคิดว่าเธอมาที่นี่ทำไมอีก คราวนี้เธอจะกุเรื่องอะไรที่คิดว่าผมจะเชื่อขึ้นมาอีก? ถ้าเธอจะบอกว่าตัวเองเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวผมก็คงไม่แปลกใจผมโน้มตัวไปข้างหน้าและกดปุ่มเรียก "ให้เธอเข้ามา!" ลองฟังดูสิว่าเธอจะมีอะไรมาแสดงอีก "ได้เลยครับท่าน" เสียงจากอีกฝั่งตอบกลับทันที ไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็เห็นประตูค่อย ๆ ถูกเปิดออกพร้อมเสียงประตูที่กังขึ้น เบลล่าเดินเข้ามา สายตาของผมกวาดมองเธอจากหัวจรดเท้า เธอสวมชุดเดรสคอเต่าสีดำที่แนบเนื้อโชว์รูปร่างที่สง่างาม ริมฝีปากสีพลัมถูกเคลือบด้วยสีแดงสด และแว่นกันแดดขอบดำขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราวางอยู่บนสันจมูกที่ดูบอบบางของเธอ ปิดบังสีหน้าของเธอจากสายตาคน "สวัสดีค่ะ มาร์ค" เธอกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา ขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม มือที่เพิ่งทำเล็บมาใหม่อย่างเห็นได้ชัดจับอยู่บนพนักพิงของเก้าอี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกแล้วพ่นลมหายใจออกมา "นั่งสิ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและผายมือไปยังเก้าอี้
ผมเปิดลิ้นด้านล่างด้านทางขวาและหยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมา จากนั้นผมวางมันลงบนโต๊ะและเลื่อนมันไปยังอีกฝั่งของโต๊ะในตำแหน่งที่เธอจะเอื้อมถึงได้ ผมดึงมือกลับและพยักหน้าไปทางบัตรใบนั้น "ในบัตรนั้นมีเงินอยู่หนึ่งล้านดอลลาร์ หรืออาจจะมากกว่านั้น เอาไปให้หมดเลย มันน่าจะเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นชีวิตอันหรูหราครั้งใหม่" ผมไม่พลาดที่จะสังเกตความเร็วที่เธอคว้าบัตรธนาคารจากโต๊ะ เธอหลบสายตาผมขณะที่เก็บมันลงไปในกระเป๋าของเธอ จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น "นี่มันไม่พอหรอก คุณสัญญาว่าจะซื้อลักซ์ โว้คให้ฉันนี่ แต่คุณยังไม่ได้ทำเลยนะ" ผมแค่นหัวเราะเมื่อคิดถึงคำสัญญาที่ผมเคยให้กับเธอในขณะที่อยู่บนตัวเธอ ผู้หญิงคนนี้โง่ขนาดไหนกัน? "คุณเชื่อในที่ผู้ชายพูดบนเตียงงั้นเหรอ?" ผมหัวเราะเยาะอีกครั้ง "อย่าทำตัวไร้สาระไปหน่อยเลย เบลล่า" เธอตอบกลับทันที "จะว่าฉันไร้สาระก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คุณทำตามสัญญา คุณสัญญาว่าจะซื้อลักซ์ โว้คให้ฉัน และตอนนี้ฉันก็ต้องการมันแล้ว" ผมจ้องเธอ ด้วยสายตาผมค้นหาความจริงในดวงตาของเธอ เธอจริงจังเหรอ? "ผมไม่สามารถซื้อลักซ์ โว้คให้คุณได้หรอก" ผมพูดหนักแน่น "และการที่ผมบอกว่าจะซื้
มุมมองของซิดนีย์ฉันอ้าปากค้าง จ้องมองชายที่เป็นผู้จัดซื้อผ้าฝ้ายของเรา ใบหน้าของเขาตึงเครียดและปฏิเสธที่จะสบตาฉัน ขณะยังยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น “ทำไมคะ?!” ฉันถามซ้ำ ฉันถามคำถามนี้ไปเป็นพันครั้งแล้ว แต่สิ่งที่เขาพูดซ้ำไปซ้ำมาก็คือ เขาไม่อยากทำธุรกิจกับลักซ์ โว้คอีกต่อไป ปกติแค่ฝ่ายจัดซื้อเจ้าเดียวบอกเราว่าเขาไม่อยากส่งวัตถุดิบให้เราอีกต่อไปคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ฉันหมายถึง เราหาผู้จัดซื้อรายใหม่ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันได้ไม่ยาก แน่นอนว่ากระบวนการหาผู้จัดซื้อที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพสูงนับเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เราก็ทำได้ แต่ปัญหาคือ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้จัดซื้อของลักซ์ โว้คทุกเจ้าทยอยถอนตัวออกไป บางคน อย่างเช่นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันนี้ ที่ยังสุภาพพอจะมาพบเราตัวต่อตัวเพื่อแจ้งยกเลิก แต่บางคนกลับไม่แม้แต่จะมาเจอกันต่อหน้า เพียงส่งอีเมลสั้น ๆ มาว่า “สวัสดีครับ เราจะไม่ดำเนินกิจการกับบริษัทของคุณอีกต่อไป ขอบคุณ” และจบแค่นั้น! ไม่ได้แจ้งเหตุผลอะไรเลย การพยายามติดต่อพวกเขาล้วนไร้ผล ในเมื่อชายตรงหน้ายอมมาพบฉัน ฉันจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาบอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่อยาก
ลมหายใจของเขาหอบหนักขณะที่พูด "ขอบคุณพระเจ้า ผมนึกว่าคุณจะไม่อยู่เสียอีก" "คราวนี้มีเรื่องอะไรอีก?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว "หุ้นส่วนด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าของลักซ์ โว้คโทรมา" เขากล่าวขณะกางเอกสารบนโต๊ะฉัน "พวกเขาขึ้นค่าธรรมเนียม และต้องการค่าธรรมเนียมล่วงหน้าหนึ่งปี มิฉะนั้นเราต้องหาหุ้นส่วนรายใหม่" ฉันกับเกรซสบตากันทันที ก่อนที่เกรซจะลุกพรวดขึ้นยืน "ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว!" เธอระเบิดอารมณ์แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ฉันมองเธอจากไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพวกนี้ มันบ้าบอสิ้นดี "บอกพวกเขาไปว่าเราจะจ่ายให้" ฉันบอกเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี "แต่ขอเวลาพวกเขาสักสองสามวันแล้วกัน" ก่อนฉันจะพึมพำเบา ๆ "นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะหาหุ้นส่วนรายใหม่ ลักซ์ โว้คกำลังพังทลายลงแล้ว" เมื่อถึงเวลาประชุม ฉันลากตัวเองไปที่ห้องประชุมด้วยความเหนื่อยล้า ภายในห้องมีเพียงผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้ถือหุ้นสองคน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี และเกรซกับฉันเท่านั้น ผู้ถือหุ้นที่เรียกประชุมเริ่มพูดทันที ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ "นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมได้ยินว่
ฉันได้รับวิดีโอลามกมา“คุณชอบแบบนี้ไหม?”ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอนี้คือมาร์ค สามีของฉันเอง ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือนแล้ว เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อและกางเกงวางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขาพยายามดันมังกรยักษ์เข้าไปในร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไม่เห็นหน้า หน้าอกอันอวบอิ่มและกลมกลึงกระเด้งกระดอนอย่างแรง ฉันได้ยินเสียงกระแทกกระทั้นในวิดีโอนั้นอย่างชัดเจน ผสมกับเสียงครวญครางและคำรามอันเร่าร้อน“นั่นแหละ แบบนั้นแหละ กระแทกมาแรง ๆ เลยที่รัก" ผู้หญิงคนนั้นโต้ตอบด้วยร้องครางอย่างมีความสุข“ยั่วสวาทจริง ๆ เลยนะ!” มาร์คลุกขึ้นยืนแล้วพลิกตัวเธอให้คว่ำลง พร้อมตบก้นเธอและพูดว่า "แอ่นก้นขึ้นมา!”ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างแผ่วเบา พลิกตัวคว่ำลง ส่ายก้นไปมา แล้วนอนคุกเข่าอยู่บนเตียง ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเทน้ำในกระติกน้ำแข็งราดมาบนหัว การที่สามีนอกใจก็แย่พออยู่แล้ว แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนั้นคือเบลล่า ผู้เป็นน้องสาวของฉันเองฉันปล่อยให้วิดีโอเล่นต่อไป โดยดูและฟังพวกเขาสองคนบรรเลงเพลงรักกัน ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงครวญครางของพวกเขา ฉันก็รู้สึกเ
ลมหายใจของเขาหอบหนักขณะที่พูด "ขอบคุณพระเจ้า ผมนึกว่าคุณจะไม่อยู่เสียอีก" "คราวนี้มีเรื่องอะไรอีก?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว "หุ้นส่วนด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าของลักซ์ โว้คโทรมา" เขากล่าวขณะกางเอกสารบนโต๊ะฉัน "พวกเขาขึ้นค่าธรรมเนียม และต้องการค่าธรรมเนียมล่วงหน้าหนึ่งปี มิฉะนั้นเราต้องหาหุ้นส่วนรายใหม่" ฉันกับเกรซสบตากันทันที ก่อนที่เกรซจะลุกพรวดขึ้นยืน "ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว!" เธอระเบิดอารมณ์แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ฉันมองเธอจากไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพวกนี้ มันบ้าบอสิ้นดี "บอกพวกเขาไปว่าเราจะจ่ายให้" ฉันบอกเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี "แต่ขอเวลาพวกเขาสักสองสามวันแล้วกัน" ก่อนฉันจะพึมพำเบา ๆ "นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะหาหุ้นส่วนรายใหม่ ลักซ์ โว้คกำลังพังทลายลงแล้ว" เมื่อถึงเวลาประชุม ฉันลากตัวเองไปที่ห้องประชุมด้วยความเหนื่อยล้า ภายในห้องมีเพียงผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้ถือหุ้นสองคน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี และเกรซกับฉันเท่านั้น ผู้ถือหุ้นที่เรียกประชุมเริ่มพูดทันที ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ "นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมได้ยินว่
มุมมองของซิดนีย์ฉันอ้าปากค้าง จ้องมองชายที่เป็นผู้จัดซื้อผ้าฝ้ายของเรา ใบหน้าของเขาตึงเครียดและปฏิเสธที่จะสบตาฉัน ขณะยังยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น “ทำไมคะ?!” ฉันถามซ้ำ ฉันถามคำถามนี้ไปเป็นพันครั้งแล้ว แต่สิ่งที่เขาพูดซ้ำไปซ้ำมาก็คือ เขาไม่อยากทำธุรกิจกับลักซ์ โว้คอีกต่อไป ปกติแค่ฝ่ายจัดซื้อเจ้าเดียวบอกเราว่าเขาไม่อยากส่งวัตถุดิบให้เราอีกต่อไปคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ฉันหมายถึง เราหาผู้จัดซื้อรายใหม่ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันได้ไม่ยาก แน่นอนว่ากระบวนการหาผู้จัดซื้อที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพสูงนับเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เราก็ทำได้ แต่ปัญหาคือ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้จัดซื้อของลักซ์ โว้คทุกเจ้าทยอยถอนตัวออกไป บางคน อย่างเช่นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันนี้ ที่ยังสุภาพพอจะมาพบเราตัวต่อตัวเพื่อแจ้งยกเลิก แต่บางคนกลับไม่แม้แต่จะมาเจอกันต่อหน้า เพียงส่งอีเมลสั้น ๆ มาว่า “สวัสดีครับ เราจะไม่ดำเนินกิจการกับบริษัทของคุณอีกต่อไป ขอบคุณ” และจบแค่นั้น! ไม่ได้แจ้งเหตุผลอะไรเลย การพยายามติดต่อพวกเขาล้วนไร้ผล ในเมื่อชายตรงหน้ายอมมาพบฉัน ฉันจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาบอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่อยาก
ผมเปิดลิ้นด้านล่างด้านทางขวาและหยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมา จากนั้นผมวางมันลงบนโต๊ะและเลื่อนมันไปยังอีกฝั่งของโต๊ะในตำแหน่งที่เธอจะเอื้อมถึงได้ ผมดึงมือกลับและพยักหน้าไปทางบัตรใบนั้น "ในบัตรนั้นมีเงินอยู่หนึ่งล้านดอลลาร์ หรืออาจจะมากกว่านั้น เอาไปให้หมดเลย มันน่าจะเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นชีวิตอันหรูหราครั้งใหม่" ผมไม่พลาดที่จะสังเกตความเร็วที่เธอคว้าบัตรธนาคารจากโต๊ะ เธอหลบสายตาผมขณะที่เก็บมันลงไปในกระเป๋าของเธอ จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น "นี่มันไม่พอหรอก คุณสัญญาว่าจะซื้อลักซ์ โว้คให้ฉันนี่ แต่คุณยังไม่ได้ทำเลยนะ" ผมแค่นหัวเราะเมื่อคิดถึงคำสัญญาที่ผมเคยให้กับเธอในขณะที่อยู่บนตัวเธอ ผู้หญิงคนนี้โง่ขนาดไหนกัน? "คุณเชื่อในที่ผู้ชายพูดบนเตียงงั้นเหรอ?" ผมหัวเราะเยาะอีกครั้ง "อย่าทำตัวไร้สาระไปหน่อยเลย เบลล่า" เธอตอบกลับทันที "จะว่าฉันไร้สาระก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คุณทำตามสัญญา คุณสัญญาว่าจะซื้อลักซ์ โว้คให้ฉัน และตอนนี้ฉันก็ต้องการมันแล้ว" ผมจ้องเธอ ด้วยสายตาผมค้นหาความจริงในดวงตาของเธอ เธอจริงจังเหรอ? "ผมไม่สามารถซื้อลักซ์ โว้คให้คุณได้หรอก" ผมพูดหนักแน่น "และการที่ผมบอกว่าจะซื้
มุมมองของมาร์ค"ท่านครับ คุณเบลล่ามาขอพบครับ เธอกำลังรอพบท่านอยู่ชั้นล่างตอนนี้ครับ" เสียงดังผ่านอินเตอร์คอมทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะ ผมเอนตัวพิงเก้าอี้และครุ่นคิดว่าเธอมาที่นี่ทำไมอีก คราวนี้เธอจะกุเรื่องอะไรที่คิดว่าผมจะเชื่อขึ้นมาอีก? ถ้าเธอจะบอกว่าตัวเองเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวผมก็คงไม่แปลกใจผมโน้มตัวไปข้างหน้าและกดปุ่มเรียก "ให้เธอเข้ามา!" ลองฟังดูสิว่าเธอจะมีอะไรมาแสดงอีก "ได้เลยครับท่าน" เสียงจากอีกฝั่งตอบกลับทันที ไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็เห็นประตูค่อย ๆ ถูกเปิดออกพร้อมเสียงประตูที่กังขึ้น เบลล่าเดินเข้ามา สายตาของผมกวาดมองเธอจากหัวจรดเท้า เธอสวมชุดเดรสคอเต่าสีดำที่แนบเนื้อโชว์รูปร่างที่สง่างาม ริมฝีปากสีพลัมถูกเคลือบด้วยสีแดงสด และแว่นกันแดดขอบดำขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราวางอยู่บนสันจมูกที่ดูบอบบางของเธอ ปิดบังสีหน้าของเธอจากสายตาคน "สวัสดีค่ะ มาร์ค" เธอกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา ขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม มือที่เพิ่งทำเล็บมาใหม่อย่างเห็นได้ชัดจับอยู่บนพนักพิงของเก้าอี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกแล้วพ่นลมหายใจออกมา "นั่งสิ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและผายมือไปยังเก้าอี้
ที่อยู่ที่มาร์คส่งมาบอกฉันว่าเขาอยู่ที่บาร์ของลุยจิ สายตาของฉันจับจ้องไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ข้างถนนขณะที่ฉันขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถฉันเดินเข้าไปในบาร์ ขณะมองไปรอบ ๆ เพื่อหาว่ามาร์คอาจนั่งอยู่ตรงไหน สายตาของฉันก็จับจ้องไปที่ลุยจิ เขามองมาที่ฉันอยู่แล้ว พอเราสบตากัน เขายกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นชี้ไปที่ตาของตัวเอง ก่อนจะชี้มาทางฉัน "ผมจับตาดูคุณอยู่นะ" เขาขยับปากพูด ฉันกลอกตาและยกนิ้วหนึ่งแตะที่ดวงตาของตัวเอง "ฉันจะควักลูกตาคุณออกมา" ฉันขยับปากตอบกลับ จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปยังห้องส่วนตัวของมาร์ค เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่ชั้นล่าง เขาน่าจะอยู่ในห้องวีไอพีห้องใดห้องหนึ่งแน่นอน "ซิดนีย์..." ดวงตามาร์คจับจ้องมาที่ฉันทันที น้ำเสียงอ้อแอ้ "คุณมาแล้ว มาสิ มานั่งตรงนี้" เขาตบที่นั่งข้างตัวเขา ฉันหยุดที่ประตูและมองไปที่ขวดเปล่าบนโต๊ะ ได้แต่ส่ายหัวให้กับสภาพของเขา เขากำลังดื่มวิสกี้อีกแก้ว เขาดื่มไปเท่าไหร่แล้วนะ? แต่ถึงอย่างไรการมานับขวดวิสกี้ของเขาก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันปิดประตู แล้วก้าวเข้าไปในห้อง "แล้วเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ที่สัญญาไว้อยู่ไหนล่ะ?" เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วเอื้อมไปหยิบกระ
ฉันบอกจุดหมายของฉันกับคนขับรถแท็กซี่ และเราก็เริ่มออกเดินทาง คนขับแท็กซี่จอดรถที่จุดหมายปลายทางของฉัน หลังจากที่ฉันโอนเงินให้เขา ก็มองดูเขาขับรถจากไป ขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของฉันจับจ้องไปยังอาคารสำนักงานสุดหรูขนาดใหญ่ ตรงข้ามกับมันคือร้านกาแฟที่ฉันเคยจับได้ว่า ซิดนีย์แอบฟังบทสนทนาระหว่างฉันกับไอแซค เพราะเธอบอกว่าเธอทำงานที่นี่ งั้นก็ขอพิสูจน์หน่อยแล้วกันฉันเดินเข้าไปใกล้ตัวอาคารด้วยความประทับใจทึ่ง ยิ่งดูใกล้ ๆ อาคารนี้ก็ยิ่งเห็นว่ามันงดงามอย่างมาก ผนังที่เป็นกระจกของชั้นบนสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ มันสะท้อนภาพท้องฟ้าและอาคารรอบข้างด้วย ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าภายในจะสวยงามขนาดไหน เก้าอี้ในสำนักงานจะนั่งสบายเพียงใด... ฉันส่ายหัวและดึงตัวเองกลับมาสู่เหตุผลหลักที่ฉันมาที่นี่ ฉันไม่มีเวลามายืนชื่นชมสถานที่นี้ ซึ่งอาจทำให้มีใครบางคนเห็นเข้า พอมันเป็นของฉันเมื่อไหร่ ฉันค่อยทำแบบนั้นก็ได้ คิดได้ดังนั้น ฉันก็กวาดตามองพื้นที่โดยรอบ และเห็นร้านอาหารอยู่ห่างออกไปจากตัวอาคารเพียงไม่กี่ก้าว พวกเขามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านนอกใต้คันร่ม ฉันรีบไปที่นั่นและเลือกที่นั่งที่ค่อนข้างลับตา ฉ
มุมมองของเบลล่า "ขอบใจ" ฉันยังคงนอนอยู่บนเตียง หันหลังให้พวกเขา และพูดออกมาอย่างเย็นชาโดยไม่มีท่าทีรู้สึกขอบคุณแม้แต่น้อย "พวกคุณออกไปได้แล้วรึยัง?" "บ..." "แม่!" ฉันพลิกตัวอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห ดวงตาจ้องมองพวกเขาอย่างดุดัน "พ่อกับแม่ช่วยออกไปทีได้ไหม? หนูแค่อยากอยู่คนเดียว ขอร้องล่ะ!" หน้าอกของฉันขยับขึ้นลงอย่างแรงด้วยความโกรธในขณะที่มองพวกเขาสบตากัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไป ฉันเหลือบมองของที่พวกเขานำมาให้ฉัน จากนั้นจึงดันจานอาหารออกไปและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ฉันเลื่อนดูข่าว บล็อกโพสต์ และความคิดเห็นต่าง ๆ อย่างบ้าคลั่ง เป็นอย่างที่พวกเขาบอก มันแพร่กระจายไปทั่วแล้ว ทุกสำนักข่าว ทุกช่องและทุกบล็อกข่าวบันเทิงล้วนล้อเลียนฉันที่ถูกมาร์คทิ้ง 'สาวนักขุดทองแกล้งตั้งครรภ์เพื่อจับมหาเศรษฐีอย่างมาร์ค ตอร์เรส' 'หญิงสาวที่พยายามบีบตัวเองเข้าตระกูลตอร์เรสด้วยการตั้งครรภ์แท้งแล้ว จากนั้นยังถูกทายาทตระกูลตอร์เรสทอดทิ้งอีกด้วย' 'แผนล่ม เบลล่า ไมเคิล ทำบัตรผ่านสู่กระเป๋าสตางค์ตระกูลตอร์เรสหายเสียแล้ว' ฉันกัดฟันแน่น มือที่จับโทรศัพท์รัดแน่นขึ้น น้ำตาอุ่น ๆ ไหลรินลงม
"จริง ๆ แล้วพวกเรา..." ฉันเอนตัวลงกับเก้าอี้แล้วขัดจังหวะเขา "ถามอะไรหน่อยสิ ลูกสาวเป็นแค่เครื่องมือให้คุณใช้เท่านั้นเหรอ? พวกเราเป็นแค่นั้นสำหรับคุณใช่ไหม? เบลล่าก็เป็นแบบนั้นมาตลอดหรือเปล่า?" ฉันหยุดพูด และภาพของมาร์คที่อุ้มร่างเบลล่าที่โชกไปด้วยเลือดก็แวบเข้ามาในหัว "ฉันอยากรู้จริง ๆ คุณได้ไปเยี่ยมเบลล่าที่โรงพยาบาลหรือยัง? หรือว่ายังไม่รู้ข่าว?" "คือ..." เสียงของพ่อขาดหายไป ฉันเองก็รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่ยังมองพวกเขาเป็นพ่อแม่อยู่ "ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย!" เขาพูดจบ "ฉันแนะนำให้คุณหยุดตั้งแต่ตอนที่คุณยังทำได้ เก็บเงินไว้สำหรับตัวเองกับแม่เถอะก่อนที่มันจะสายเกินไป แล้วคุณต้องมาลงเอยด้วยการไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอนจริง ๆ และได้โปรดเถอะนะ! อย่าโทรหาฉันอีก!" ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด จากนั้นก็วางสายและบล็อกเบอร์นี้ทันที ฉันได้แต่สงสัยว่าเขาจะเอาเบอร์ไหนโทรมาอีก ฉันเลื่อนโทรศัพท์ไปบนโต๊ะ พลันหงุดหงิดเมื่อความทรงจำเรื่องที่ทั้งคู่ไม่เคยสนใจจะตามหาฉันหลังจากที่ฉันถูกลักพาตัวไปเมื่อหลายปีก่อนผุดขึ้น ถ้าฉันไม่ได้หาพวกเขาหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยข้อมูลที่ลูคัสให้มา ฉันมั่นใจ
มุมมองของซิดนีย์ ฉันเงยหน้าขึ้นมองพาดหัวข่าวที่เพิ่งเด้งขึ้นมาบนแถบแจ้งเตือน หัวข้อข่าวที่สะดุดตาเขียนว่า - "หญิงเจ้าเล่ห์แท้งลูก ทำตั๋วเข้าสู่ความมั่งคั่งหลุดลอยไป" ภาพมาร์คอุ้มเบลล่าที่โชกไปด้วยเลือดเข้าสู่รถพยาบาลถูกแนบมากับโพสต์ข่าว แม้ว่าจะมีโมเสคบาง ๆ เบลอใบหน้าพวกเขาเอาไว้ แต่คนที่คุ้นเคยกับวงสังคมชั้นสูงย่อมจำพวกเขาได้ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อเบลล่าเพิ่งอวดภาพการตั้งครรภ์ของเธอไปทั่วโซเชียลมีเดีย “พวกเขาทะเลาะกันหรือเปล่านะ?” ฉันนึกสงสัยด้วยความอยากรู้ แต่ความสงสัยนั้นก็ไม่ได้มากพอจะทำให้ฉันเสียสมาธิจากงานมาเปิดข่าวอ่านฉันถอนหายใจแล้วปัดหน้าจอไปยังรูปตัวอย่างของเครื่องประดับที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งแต่แรก ฉันเปรียบเทียบกับแบบร่างที่ฉันร่างไว้แล้วส่ายหัวเบา ๆ ฉันพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ฉันมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว และสิ่งที่ฉันวาดไว้นั้นก็ดูสวยงามกว่าด้วยซ้ำไป ลูกค้าได้ขอให้สตูดิโอของเราปรับแต่งรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย และสิ่งที่ฉันทำอยู่ตรงนี้ก็นับว่ายอดเยี่ยม ฉันมั่นใจว่าลูกค้าจะต้องถูกใจแน่ ฉันวางโทรศัพท์ลงและเริ่มเติ