“ใช่ อร่อย แซ่บมาก รสชาติยำร้านนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ” ใช่ว่าจะมีเพียงเบญจาเท่านั้นที่ชอบ แสงจันทร์เองก็ชอบมากเช่นกัน ทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะแวะไปกินจนกลายเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว
“เธอจะแต่งงานกับคุณหนึ่งเมื่อไหร่” แค่กๆ “เอ้า! ถามแค่นี้ถึงกับสำลักเลยเหรอ” แสงจันทร์หน้าตาเหลอหลาเพราะไม่คิดว่าคำถามง่ายๆ จะทำให้เพื่อนสำลักจนหน้าตาแดงก่ำไปหมดแล้ว “ยังไม่เคยคิดเรื่องนั้น” เบญจาบอกปัดก่อนจะไอออกมาอีกครั้งสองครั้ง “คิดได้แล้ว คนดีๆ แบบคุณหนึ่งเธอไม่ควรปล่อยให้หลุดมือไปนะ” “เรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวดังที่ไหน ต่อให้ฉันอยากแต่งงานแต่ถ้าคุณหนึ่งไม่อยากแต่งก็คงไปบังคับอะไรเขาไม่ได้” ที่เบญจาไม่กล้าคิดไกลเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับอังกูรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นก็คงไม่ผิด เพราะงานทำให้เธอกับเขาได้เจอกันจากนั้นชายหนุ่มก็เข้ามาทำความรู้จักหรืออีกอย่างก็คือจีบ “แล้วเธอจะคบไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอ” “ถ้าในตอนนี้ก็ต้องเป็นแบบนั้น อย่างที่ฉันเคยบอกไปนั่นแหละว่าทุกอย่างมันพึ่งเริ่มต้น ฉันขอทำทุกอย่างให้ดีที่สุดผลจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน” “ฉันเอาใจช่วย” แสงจันทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้เพื่อนรักซึ่งนั่นทำให้เบญจาใจฟู “แล้วเอยละ เมื่อไหร่จะเลิกโสด” “ถ้าเจอผู้ชายเพอร์เฟคแบบคุณหนึ่งเมื่อไหร่ฉันก็คงจะเลิกโสดเมื่อนั้น แถมจะจับให้อยู่หมัดอีกด้วย” สีหน้าและแววตาของแสงจันทร์นั้นจริงจังเพราะเธอคิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆ “ถ้างั้นฉันก็ขอให้เอยเจอผู้ชายแบบคุณหนึ่งเร็วๆ” เบญจาอวยพรเพื่อนสนิทโดยไม่ได้คิดอะไร ซึ่งแสงจันทร์ก็นั่งยิ้มกับพรที่ได้รับ ก่อนที่ความรักของเบญจาจะทำให้เธออิจฉาจนตาร้อนผ่าว ยิ่งเห็นเพื่อนรักมีความสุขจนล้นแบบนี้เธอก็อยากมีบ้าง อยากมีถึงขั้นอยากแย่งชิง แต่ไม่กี่นาทีต่อมาแสงจันทร์ก็อารมณ์เสียอย่างหนัก เพราะจู่ๆ มีตารางบินด่วนแทรกเข้ามาทำให้เธอต้องกลับทำงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธออยากลาออกให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่ถ้าตกงานในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ที่สำคัญเธอยังไม่รวยเพราะฉะนั้นจึงต้องใช้ความอดทนเข้าสู้ เมื่อส่งแสงจันทร์เสร็จเบญจาก็เดินกลับเข้าบ้านเพื่อจะอาบน้ำพักผ่อน แต่ยังไม่ได้ทำอะไรเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง โดยคราวนี้ชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอก็ทำเอาเบญจายืนนิ่งพร้อมสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ จากนั้นจึงกดรับสาย “ค่ะคุณปู่” “วันหยุดนี้แวะมากินมื้อเที่ยงกับปู่หน่อยได้ไหม” แม้จะใช้คำว่าแวะแต่เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้ระยะทางจากบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ไกลกันสองร้อยกว่ากิโลเมตร เพราะเบญจาอยู่กรุงเทพฯ ในขณะที่นพพลใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่วังน้ำเขียว บ้านเกิด “ได้ค่ะ ว่าแต่วันนี้ทำไมคุณปู่นอนดึกจังคะ” นั่นเพราะเวลานี้ในตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้วนั่นเอง “มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย คิดไปคิดมาก็กลายเป็นว่านอนไม่หลับ นี่แหละคนแก่” “คุณปู่ก็ ทำไมชอบพูดว่าตัวเองแก่อยู่เรื่อยเลยค่ะ” “ก็ปู่แก่แล้วจริงๆ อีกไม่กี่ปีก็เจ็ดสิบแล้วนะ” “ไม่แก่ค่ะ คุณปู่ต้องท่องไว้ว่าไม่แก่” นี่คือประโยคที่เบญจามักจะพูดกับปู่เสมอๆ ราวกับต้องการปลุกใจอีกฝ่ายให้ฮึกเหิม เวลานี้เธอเหลือญาติเพียงคนเดียวนั่นคือผู้เป็นปู่ ส่วนพ่อเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อนขณะที่แม่ก็เลือกที่จะไปแต่งงานและใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ นานๆ ถึงจะติดต่อเธอสักครั้ง “ไม่แก่ก็ไม่แก่” “พรุ่งนี้คุณปู่อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ” “จะมาทำให้ปู่กินเหรอ” “ค่ะ ต่อให้หลิวจะทำอาหารไม่เก่งแต่ก็จะตั้งใจเต็มที่” ความตั้งใจของเบญจานั้นอีกฝ่ายสัมผัสมันได้ดีแต่ก็ต้องขัดเสียแต่ตอนนี้ “ไม่ดีกว่า ปู่กลัวไฟไหม้ครัวเหมือนครั้งก่อน” “คุณปู่ก็” เบญจายิ้มเขินที่ถูกจับได้ “พรุ่งนี้เจอกัน” “ค่ะ พรุ่งนี้เจอกัน” “ไม่ต้องขับรถเร็วนัก ปู่รอได้” “ค่ะ คุณปู่เข้านอนได้แล้วนะ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจพรุ่งนี้หลิวจะรับฟังเอง” “อืม ขอบใจมาก” น้ำเสียงของนพพลเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูหลานสาวเพียงคนเดียว จากนั้นก็กดวางสายทว่าสุดท้ายคนแก่ก็ยังคงนอนไม่หลับง่ายๆ เพราะในหัวยังสลัดเรื่องสำคัญบางเรื่องออกไปไม่ได้นั่นเองเบญจาสะดุ้งตื่น ก่อนจะนอนคิดทบทวนความฝันที่พึ่งจบลง ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงฝันว่าเธอกำลังเป็นเจ้าสาวและอยู่ในงานแต่งงานสุดโรแมนติกของตัวเอง ในฝันมีคุณปู่ แสงจันทร์รวมถึงแขกอีกจำนวนหนึ่งทุกคนต่างยิ้มแย้มกับวันสุดพิเศษของเธอ“หลิวครับ” “ค่ะ” เบญจาขานรับต่อคำเรียกนั้นก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปมองด้านหลังของตัวเอง แต่ทำไมภาพใบหน้าเจ้าบ่าวมันถึงได้รางเลือนจนมองไม่ออกว่าเป็นใคร “หรือเพราะเรารู้สึกตัวก่อน ภาพหน้าคุณหนึ่งเลยไม่ค่อยชัด” เบญจาส่ายหน้าแรงๆ พร้อมกับนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนเตียง เธอพยายามจะนอนต่อเพราะอยากฝันเห็นหน้าอังกูรในลุคเจ้าบ่าวให้ชัดกว่านี้ ทว่าสุดท้ายก็ทำไม่ได้ ยิ่งคิดถึงความฝันหัวใจของเธอก็ชัดจะเต้นไม่เป็นส่ำ แม้ความรักครั้งนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่อะไรๆ อาจไม่แน่นอน แต่เบญจาก็ทุ่มหัวใจลงไปอย่างไม่มีกั๊ก เธอเชื่อว่าความรักครั้งนี้เหมือนพรหมลิขิตเพราะทุกอย่างราบรื่นจนโลกทั้งใบเป็นสีชมพูด้วยนิสัย การศึกษา ฐานะหรือทุกอย่างที่เป็นอังกูรล้วนทำให้เบญจาประทับใจ เพราะแบบนั้นเธอจึงอดที่จะวาดฝันไปถึงเรื่องงานแต่งงาน เรื่องแบบนี้มันก็ต้องมีแอบคิดแอบจินตนาการกันบ้างแต่บางวันเบญจาก็ยอมรั
“ขอข้าวเพิ่มอีกนิดค่ะป้ามาลัย”“ได้ค่ะคุณหนูของป้า” มาลัยทอดมองเบญจาด้วยความเอ็นดูแล้วตักข้าวเพิ่มให้ตามคำขอ เพราะตอนที่เบญจายังเล็กๆ นั้นเธอก็เป็นแม่นมช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ “จะกินแล้วนะคะ” แม้ปากบอกว่าจะกินแล้วแต่สิ่งแรกที่เบญจาทำคือการตักกับข้าวใส่จานให้นพพลก่อน ซึ่งเบญจาทำแบบนี้ทุกครั้งไม่เคยขาด นั่นทำให้หัวใจของคนแก่อิ่มเอมจนเกือบจะอิ่มข้าว เมื่อเห็นปู่เริ่มกินเบญจาก็ตักอาหารใส่จานตัวเองบ้าง เมนูแรกที่เธอตักคือน้ำชุบกุ้งหยำที่แค่ตักกลิ่นหอมของกะปิก็ทำให้ท้องร้อง ตามด้วยผัดสดๆ ที่ต้องกินคู่กันยิ่งเพิ่มความอร่อย รสชาติของอาหารทำให้แววตาของเบญจาเป็นประกายนั่นทำให้แม่ครัวยิ้มแก้มปริ จบจากอาหารคาวก็ตามด้วยผลไม้สดๆ ที่ไปตัดมาหลังบ้านเมื่อครู่ ทั้งสองย้ายที่นั่งจากห้องรับประทานอาหารมาเป็นมุมนั่งเล่นที่มีต้นมะกอกโอลีฟยักษ์โดดเด่นอยู่ตรงกลาง ข้างๆ คือบ่อปลาคราฟสีสวยตัวอ้วน“ปีนี้หลานปู่อายุครบยี่สิบห้าแล้วใช่ไหม”“ค่ะ ปีนี้หลิวเบญเพสพอดี” เบญจเพสของคนอื่นอาจเจอเรื่องร้ายๆ แต่สำหรับเบญจาแล้วกลับตรงกันข้าม งานดีความรักรุ่งคือปีเบญจเพสของเธอ “ความรักกับคุณหนึ่งเป็นยังไงบ้าง”“ดีค่
นพพลเหมือนจะเดาใจเบญจาออกว่าต้องถามแบบนี้ จึงหยิบแฟ้มที่ในนั้นมีรูปและข้อมูลส่วนตัวของว่าที่เจ้าบ่าวออกมายื่นให้เบญจา ทันทีที่รับมาเธอก็รีบเปิดดูแต่เพราะความรีบร้อนที่มีมากเกินไปจึงทำให้รูปใบหนึ่งหล่นออกมาจากแฟ้ม เบญจาก้มลงไปหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วเพ่งสายตามองอยู่นาน ก่อนจะวางรูปใบนั้นลงบนโต๊ะหนักๆ อย่างไม่สบอารมณ์แล้วอ่านข้อมูลส่วนตัวของอีกฝ่ายชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น อายุ เรียนจบจากที่ไหน ชอบหรือไม่ชอบอะไรและที่สำคัญไปกว่านั้นคือที่อยู่ เบญจาจำอย่างหลังได้จนขึ้นใจก่อนจะลุกพรวดขึ้น“ซันไม่ได้อยู่เมืองไทยหรอกนะ” นพพลเอ่ยขึ้นราวกับเข้ามานั่งอยู่ในความคิดของหลานสาว“แล้วเขาอยู่ที่ไหนคะ”“สหรัฐอเมริกา”“ในแฟ้มนี่มีที่อยู่ของเขาไหม” ขณะถามเบญจาก็ขยับมือที่ยังคงถือแฟ้มข้อมูลของผู้ชายที่ชื่อว่าเดวิส ชื่อที่เธอไม่คุ้นหูและแม้จะเห็นแค่รูปก็ไม่ชอบหน้าได้ในทันที “อืม อยู่หน้าสุดท้าย”“โอเค” เบญจาเป่าลมออกปากหนักๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ ยุบหนอพองหนอทั้งๆ ที่ใจร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟ “เรื่องพวกนี้มันใหญ่มากจริงๆ ค่ะ หลิวอยากขอเวลาคิดทบทวนหน่อยนะคะคุณปู่” “ได้สิ เดี๋ยวปู่ยื้อเวลาฝ่ายนั้นให้”“ข
“คุณหนึ่งคะ”“ครับ”“จอดรถแล้วคุยกันก่อนได้ไหมคะ พอดีว่าฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะบอก” สีหน้ารวมถึงน้ำเสียงที่แฝงความกังวลใจของเบญจาเวลานี้พลอยทำให้อังกูรรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วยหรือครอบครัวเขาทำให้เธออึดอัดใจชายหนุ่มจึงรีบหักพวงมาลัยรถเข้าจอดริมถนน ซึ่งอีกไม่กี่สิบเมตรก็ถึงทางเข้าหมู่บ้านของเบญจาแล้วเพราะแบบนั้นตรงนี้จึงไม่ได้เปลี่ยวอะไร “คุณหลิวมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือไม่สบายใจเรื่องวันนี้”“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คุณกับคุณลุงคุณป้าทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจมากจนไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก แต่เพราะแบบนั้นฉันจึงคิดว่าไม่ควรปิดบังเรื่องบางอย่างกับคุณ”“เรื่องอะไรครับ คุณหลิวบอกผมมาได้เลย” สำหรับอังกูรแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเขาก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเบญจาเสมอ “คือว่าฉัน...ที่มีคู่หมั้นแล้วค่ะ” อังกูรช็อกกับประโยคที่ได้ยินจนนั่งนิ่งไปทันที ก่อนที่เบญจาจะรีบอธิบายถึงที่มาที่ไปว่าเพราะอะไรจู่ๆ เธอถึงมีคู่หมั้นโผล่มา รวมถึงเธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อครั้งไปเจอคุณปู่ที่วังน้ำเขียวเช่นกัน“หลิวไม่ได้เต็มใจหมั้นรวมถึงไม่ได้อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้นเพราะตอนนี้ในหัวใจหลิวมีเพียงคุณ” คำตอบที่เต็มไปด้วยคว
“เอางั้นเลย”“เอางั้นสิ แล้วงานที่นี่จะทำไงอะ”“คงต้องงดไลฟ์ไปก่อนสักระยะ แต่จะปล่อยคอนเทนต์ทุกวันตามเดิมนั่นแหละ”“แต่ฉันว่าต่อให้เธองดไลฟ์เป็นปีๆ ขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วงหรอก ในเมื่อยอดขายหลังบ้านปังออกขนาดนั้น” จะว่าไปลึกๆ แล้วแสงจันทร์ก็อิจฉาเบญจา เพราะไม่ว่าเพื่อนคนนี้จะหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จเกือบทุกอย่าง อย่างว่าเบญจามีแรงสนับสนุนจากครอบครัวจะทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวขาดทุนหรือล้มเหลว “สาธุขอให้สมพรปาก”“ส่วนเรื่องคุณหนึ่งหลิวไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะคอยจับตามองเขาให้ทุกฝีก้าว ถ้าชะนีนางไหนเสนอตัวเข้าใกล้เขาแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะตบให้”“พูดเหมือนว่าง ลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองเป็นแอร์สาวสายการบินชื่อดังนะ บินไปโน่นไปนี่ตลอด”“หมายถึงถ้าว่างนะ” แสงจันทร์ยิ้มแห้งเพราะตอนนี้งานของเธอยุ่งจริงๆ“อือ ขอบใจนะเอย”“ไม่เป็นไร ฉันอวยพรขอให้เธอถอนหมั้นกับผู้ชายคนนั้นได้สำเร็จเร็วๆ แล้วกลับมาตอบตกลงแต่งงานกับคนอังกูร” เมื่อได้ฟังคำอวยพรดีๆ จากแสงจันทร์ เบญจาก็พยักหน้ารับรัวๆ แล้วสวมกอดเพื่อนสนิท ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องฝ่าอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้คืนนั้นเบญจาจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมออกเดินทาง เพราะมั่นใจว่าจ
เมื่อจอดรถเรียบร้อยเบญจาก็เปิดประตูแล้วก้าวลงมาพร้อมอุปกรณ์บางอย่าง สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือบ้านชั้นเดียวระเบียงรอบสีขาวตรงหน้า ข้างๆ คือโรงเรือนอะไรสักอย่าง เธอหันซ้ายหันขวาเพราะไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาต้อนรับจึงเดินไปที่โรงเรือน ทันทีที่เห็นพนักงานเธอจึงเดินเข้าไปคุยด้วย“ฉันไม่ได้มาเก็บราสเบอรี่ค่ะ” เบญจาปฏิเสธเป็นภาษาอังกฤษนั่นยิ่งทำให้พนักงานสาวที่อายุน่าจะประมาณยี่สิบงุนงงอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้เธอต้องรีบแจ้งว่ามาที่นี่เพราะอะไร “ฉันมาขอพบคุณเดวิส” “อ้อ…คุณเดินไปทางนั้น” พนักงานสาวตอบกลับมาเพราะรู้ว่าเจ้านายหนุ่มอยู่ที่ไหน “ทางนั้นเหรอคะ ขอบคุณค่ะ” เอ่ยรับเสร็จเบญจาก็ส่งยิ้มให้พนักงานสาวก่อนจะเดินไปยังทิศทางดังกล่าว เธอกวาดสายตามองหาคนที่มาพบอยู่นาน กระทั่งเห็นใครก้มๆ เงยๆ ทำอะไรสักอย่าง พอเดินไปใกล้พอจึงเห็นว่ามันคือป้ายคำว่า Haven Farms แล้วมีลูกศรอยู่ด้านล่างป้ายบอกทางเข้าฟาร์มอยู่ตรงนี้ ไม่แปลกที่เธอจะหาทางเข้าไม่เจอ แต่จะโทษป้ายอย่างเดียวคงไม่ได้เพราะจีพีเอสแจ้งให้เลี้ยวแล้วทว่าเธอต่างหากที่ดื้อดึงไม่ยอมฟัง “ขอโทษนะคะ ใช่คุณเดวิสหรือเปล่า” ประโยคที่ดังขึ้นเป็นภาษาไทย
“สองสามวัน”“เวลาแค่นั้นจะไปพออะไร” เดวิสเปรยออกมาเบาๆ ซึ่งมันก็เบาเสียจนอีกฝ่ายที่กำลังตั้งกล้องเพื่ออัดคลิปไม่ได้ยินเช่นกัน “พูดเลยค่ะ ฉันกำลังอัดคลิป”“ไม่ครับ ผมจะไม่พูดอะไรแบบนั้น”“นี่คุณ” น้ำเสียงของเบญจาห้วนขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วมองตรงมาที่เดวิสอย่างเอาเรื่อง “ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่ได้อยากหมั้นกับฉันทำไมถึงไม่ถอนหมั้น จะยื้อไปทำไมไม่ทราบ”“คุณมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ผมถอนหมั้นหรือขู่กรรโชกกันแน่”“ขอร้องค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อขอร้องให้คุณถอนหมั้นกับฉัน” เบญจาย้ำความตั้งใจหลักของตัวเอง แต่พออีกฝ่ายไม่ทำตามก็พลอยอารมณ์ขึ้นหรือเธอยังมีอาการเจ็ทแลคอารมณ์ถึงได้สวิงแบบนี้ “แต่ท่าทางของคุณเหมือนคนไม่ได้มาเพื่อขอร้องผมสักนิด” คำพูดที่ได้ยินทำเอาเบญจสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อสะกดอารมณ์แล้วขอร้องเดวิสอีกครั้ง “คุณเดวิสคะ ช่วยกรุณาถอนหมั้นกับฉันได้ไหม” “ผมจะทำตามที่คุณขอก็ต่อเมื่อคุณทำตามที่ผมขอ”“หมายความว่ายังไง” จากที่ควบคุมอารมณ์ลงมาได้ระดับหนึ่งตอนนี้กลับพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง “พอดีคนงานที่ฟาร์มลาออกกะทันหันเลยทำให้ผมขาดผู้ช่วย”“คุณก็เลยอยากให้ฉันอยู่ช่วยงานที่นี่”“ครับ” เดวิสเ
สีหน้าของชายหนุ่มเป็นกังวลเล็กน้อย หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเบญจา“ทำไมไม่ชวนให้เธออยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน” โรซี่ไปถามลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ที่เวลานี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสวยงามเดวิดใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟมาตั้งแต่เด็กๆ และตอนนี้ก็ทำตามความฝันได้สำเร็จ แต่แทนที่จะเป็นเชฟที่ร้านอาหารมีชื่อเสียงในเมืองกลับมาเป็นเชฟที่ฟาร์มของครอบครัวแทน แถมยังเป็นคนริเริ่มทำ farm to table ขึ้นเป็นคนแรกๆ ของที่นี่ สร้างทุกอย่างมาด้วยตัวเองจนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองอย่างในปัจจุบัน“เกรงว่าเธอจะปฏิเสธครับแม่” “คู่หมั้นของลูกสวยมาก เป็นผู้หญิงไทยที่มีเสน่ห์” แม้จะเห็นไกลๆ แต่โรซี่ก็มั่นใจว่าคู่หมั้นของลูกชายนั้นสวยไม่น้อยเลย “แต่น่าเสียดายที่เธอมาที่นี่เพื่อขอถอนหมั้นผม” “จริงหรอ” สีหน้าโรซี่บอกบอกว่าประหลาดใจ “ครับ”“แม่นึกว่าเธอมาเพื่อต้องการเห็นหน้าลูกหรือไม่ก็มาเพื่ออยากทำความรู้จักให้มากขึ้นเสียอีก” “เธอแน่วแน่มากทีเดียว อาจเพราะเธอมีคนรักอยู่แล้ว”“หากเป็นแบบนั้นเธอเองก็ไม่ผิดที่จะแน่วแน่ แล้วนี่ลูกตอบเธอไปว่ายังไง”“ผมยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเธอไปครับ” นอกจากยังไม่ให้คำตอบแล้วเดวิสยังวางแผนเ
โรซี่ที่ยืนฟังทั้งคู่พูดคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ทำไมลูกชายเธอถึงยังไม่ยอมพูดความในใจออกมาสักที หรือไม่ก็พูดยื้อให้เบญจาอยู่ด้วยกันที่นี่อีกสักหน่อย ทำไมถึงชอบได้ใจร้ายกับความรู้สึกของตัวเองแบบนั้นนะข่าวลือที่เกิดขึ้นกับหลานสาวถึงหูของนพพลเช่นกัน เพราะรู้ว่ามันไม่มีเรื่องไหนจริงนพพลจึงไม่ได้ร้อนอกร้อนใจกลับคิดว่าดีเสียอีก เพราะข่าวนี้อาจพิสูจน์ใจคนได้โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวบางคนที่ทำร้ายเบญจาได้อย่างเลือดเย็นคืนก่อนเดินทางเบญจายังคงไปนั่งคุยกับเจ้าไก่ซิลค์กี้แต่คราวนี้เธอไม่กล้าแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะกลัวเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นซ้ำ เพียงแค่คิดถึงมันใจเธอก็เอาแต่เต้นโครมครามไม่หยุดรวมถึงความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนคนเป็นไข้นี่ก็ด้วย“เอากลับไปเลี้ยงที่ไทยด้วยไหม ผมยกให้”“อยากเอามันกลับไปด้วยอยู่เหมือนกัน แต่ฉันกลัวทำมันตายนะสิ”“งั้นผมจะเลี้ยงให้”“เลี้ยงดีๆ นะคะ อย่าจับมันลงหม้อตุ๋นเชียว”“ตัวเท่านี้ไม่น่าจะอิ่มท้องเท่าไหร่” เดวิสมองไปยังเป้าหมาย ซึ่งคำพูดของชายหนุ
“คุณซัน”“เห็นข่าวหรือยัง”“เห็นแล้วค่ะ ฉัน…” ก่อนที่เบญจาจะได้พูดอะไรเดวิสก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“ผมสั่งให้ทีมกฎหมายที่เมืองไทยช่วยตามสืบแล้วว่าใครปล่อยข่าวพวกนั้น รู้ตัวเมื่อไหร่ผมจะยื่นฟ้องให้” เชฟหนุ่มเอ่ยบอก ทันทีที่รู้เรื่องเขาก็รีบจัดการทุกอย่างทันที เพราะเรื่องแบบนี้ต้องจบให้เร็วเนื่องจากมันกระทบหลายฝ่ายโดยเฉพาะกับเบญจา“ทีมกฎหมาย” คนฟังกะพริบตาปริบๆ “คุณซันมีทีมกฎหมายที่เมืองไทยด้วยหรือคะ”“มีครับ นอกจากที่นี่ผมยังมีธุรกิจเล็กๆ ที่เมืองไทย ของคุณพ่อนะครับ” เบญจาไม่แน่ใจว่าเธอจะเชื่อคำว่าธุรกิจเล็กๆ ของเดวิสได้ไหม ถ้าเล็กจริงชายหนุ่มคงไม่ใช้คำว่าทีมกฎหมายหรอก“ขอบคุณนะคะ บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันยังคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ว่าจะเริ่มต้นจัดการกับปัญหานี้ยังไง”“ค่อยๆ คิด ว่าแต่คนรักของคุณว่ายังไงบ้าง”“ฉันโทรหาเขาแล้ว แต่เขาไม่สบายเลยไม่อยากกวน”“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ผมยินดี”“ค่ะ&r
เบญจารีบลุกขึ้นจากกองฟาง แต่เพราะรีบร้อนมากไปรวมถึงอาการเมาที่ยังคงมีสุดท้ายเธอก็เซถลาจนเกือบล้ม ยังดีที่เดวิสเข้ามาช่วยพยุงไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็พาเธอกลับเข้าบ้านแล้วแยกย้ายพักผ่อนทั้งคู่ต่างทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แม้จะง่วงแม้จะอยากหลับแต่พวกเขากลับเอาแต่นอนมองเพดานห้องตัวเองอยู่แบบนั้น เบญจาพลิกตัวไปมาในขณะที่เดวิสนอนยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก หัวใจของทั้งคู่เต้นไม่เป็นส่ำบ่งบอกว่าจูบที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ฉาบฉวยหรืออยากให้จบเพียงแค่นั้น“ไม่ได้ๆ เราไม่ได้คิดอะไรกับเขา ไม่ได้คิด” เบญจาส่ายหน้าแรงๆ ไล่ความคิดแสนฟุ้งซ่านให้ออกไปจากหัว ก่อนจะคว้าผ้าห่มนวมขึ้นมาคลุมโปงขณะที่เธอกำลังสับสนอยู่นั้นจู่ๆ ก็เกิดข่าวลือขึ้นที่เมืองไทย เพราะการที่เธอหายหน้าหายตาไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแถมตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ก็ไม่เคยไลฟ์สด จึงมีคนกุข่าวขึ้นว่าเธอท้องกับผู้มีอิทธิพลและตอนนี้ก็กำลังหนีอายไปคลอดลูกอยู่ที่ต่างประเทศยิ่งข่าวในโลกออนไลน์ที่รับข่าวสารเพียงสั้นๆ จากนั้นก็กดแชร์ต่อๆ ไปอย่างสนุกมือยิ่งเหมือนลมที่พัดข่าวลือของเบญจาให้กระจายไปเร็วขึ้น แม้ข่าวจะเกิดขึ้นเม
“ครับ เพราะทุกๆ ปีเราจะมีงานสังสรรค์เพื่อพูดคุยว่าปีนั้นๆ เราปลูกอะไรบ้างหรืออะไรที่ปลูกแล้วดีหรือมีปัญหาก็เอาความรู้เหล่านั้นมาแชร์กัน”“ว้าว! ดีจัง” ในความคิดของเบญจามิตรภาพของคนทำฟาร์มที่นี่ช่างน่าทึ่ง แม้ผู้คนจะไม่ได้เฟรนลี่เหมือนเมืองไทยแต่พวกเขาก็พร้อมจะช่วยเหลืออีกฝ่ายเสมอ ที่รู้เพราะเธอสัมผัสมันมาแล้วด้วยตัวเองปริมาณไวน์ในขวดของเบญจาค่อยๆ ลดน้อยลง นั่นเพราะเธอเองก็มีเรื่องให้ฉลอง หญิงสาวนั่งดื่มไวน์อย่างมีความสุขแม้จะกังวลเรื่องปู่แต่เมื่อเห็นคลิปที่เดวิสอัดให้ท่านก็คงเข้าใจคนหนึ่งฉลองให้เรื่องดีๆ ตรงกันข้ามกับอีกคนที่กำลังฉลองให้เรื่องแย่ๆ ทว่าปริมาณไวน์ในขวดของเบญจากลับหายไปมากกว่าของเดวิสเสียอีก เพราะยิ่งมีความสุขเธอก็ยิ่งดื่มรู้ตัวอีกทีไวน์ก็หมดขวดเสียแล้ว“เอ้! ทำไมหมดแล้วละ” น้ำเสียงของคนเริ่มเมาเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับหลับตาส่องเข้าไปในขวดไวน์ คำพูดของเธอทำให้เดวิสหันมามองแล้วส่ายหน้าให้“กลับเข้าบ้านกันดีกว่า”&
แต่ถึงอย่างนั้นเดวิสก็ยังคงลังเลที่จะบอกความรู้สึกแท้จริงว่าเขาคิดยังไงกับเบญจา ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่กลัวบอกไปแล้วจะทำให้เธอไม่สบายใจเพราะหญิงสาวเองก็ไม่ได้มีท่าทีหรือแสดงออกว่าคิดอะไรกับเขา เธอยังคงหนักแน่นเรื่องถอนหมั้นรวมถึงมั่นคงในความรักที่ต่ออังกูร นั่นทำให้เขารู้สึกอิจฉายิ่งใกล้ครบกำหนดเวลาที่เขายื้อเพื่อให้เบญจาอยู่ที่นี่มากเท่าไหร่ เวลาในแต่ละวันก็เหมือนจะยิ่งผ่านไปเร็วมากเท่านั้น แต่เบญจากลับไม่เคยรบเร้าให้เขาพูดอะไร เธอยังคงช่วยงานเขาตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่ที่เขาชอบมากที่สุดคือตอนที่เธออยู่กับมารดา“อีกไม่กี่วันเธอก็ต้องกลับเมืองไทยแล้วนะซัน” โรซี่กำชับลูกชายอีกครั้งซึ่งน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน นั่นเพราะตอนนี้เอกสารส่วนตัวที่หายไปของเบญจาได้ครบถ้วนหมดแล้ว รวมถึงตั๋วเครื่องบินก็มีพร้อมออกเดินทางเช่นเดียวกันคำพูดของแม่ทำให้เดวิสถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาจะรั้งเธอให้อยู่ด้วยกันที่นี่ได้ยังไง มันไม่มีเหตุผลอะไรไปรั้งด้วยซ้ำ สุดท้ายก็เลือกที่จะทำให้ความต้องการแรกของเบญจาประสบผลสำเร็จเดวิสห
เดวิสพยายามสื่อด้วยแววตารวมถึงการทำว่าเขานั้นคิดยังไงกับเบญจา ทั้งทำของอร่อยๆ ให้เธอได้กิน รวมถึงสรรหาวัตถุดิบมาทำอาหารไทยให้เธอกินหลายครั้ง หากเป็นวันหยุดก็มักจะพาออกไปเที่ยวเพื่อให้เธอได้ถ่ายรูปถ่ายคลิปหรือพาไปหาที่เงียบๆ ให้เธอได้ทำงานหรือแม้กระทั่งคุยกับคนรักของเธอ แต่ดูเหมือนเขาจะสื่อไปไม่มากพอ เพราะจนถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่รับรู้ นั่นทำให้โรซี่ต้องยื่นมือช่วยลูกชายตัวดีที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไรทำนองนี้มากเท่าไหร่“เอ้…กลิ่นนี้” เบญจาทำจมูกฟุดๆ ฟิตๆ ดมกลิ่นบางอย่างในบ้าน กลิ่นนี้มันคือก้านไม้หอมที่เธอเป็นคนคิดและสั่งผลิตเองไม่ผิดแน่ ก่อนจะเดินหาที่มากระทั่งเห็นมันวางอยู่บนชั้นในห้องรับแขก“หอมว่าไหม”“ค่ะ”“ซันให้ป้ามานานแล้วแต่เพราะมันสวยป้าจะใช้ก็เสียดาย เลยเอาไปเก็บอยู่นาน” โรซี่ไม่ได้กล่าวเกินจริง ก้านไม้หอมแบรนด์ของเบญจานั้นสวยและหอมมากจริงๆ เธอเอาไปฝากเพื่อน ยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก“คุณซันให้คุณป้
“แต่ฉันกลัว ถ้าหลิวรู้แล้วโกรธขึ้นมา ฉันจะทำไง”“ผมจะขอโทษคุณหลิวเองครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจ” เอ่ยจบก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นซึ่งแสงจันทร์ก็ซุกตัวอยู่กับแผงอกของชายหนุ่ม ราวกับว่าเธอคือลูกนกตัวเล็กๆ ที่ต้องการการปกป้องคุ้มภัยอังกูรปรนเปรอแสงจันทร์ด้วยของแบรนด์เนมอีกหลายอย่าง แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากได้แต่ลับหลังก็ตาลุกวาวจนเนื้อเต้น ขนาดพึ่งมีอะไรกันเขายังเปย์หนักขนาดนี้ถ้าเธอท้องขึ้นมา เขาคงคุกเข่าขอแต่งงานแน่“ลูกจะปล่อยมือจากหลิวจริงๆ นะเหรอ” โรซี่เอ่ยถามลูกชายอย่างตรงไปตรงมา นั่นเพราะเธอพอจะมองเห็นอะไรในสายตาของเดวิส ต่อให้การหมั้นหมายจะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เดวิสยังไม่เกิด ทว่าพอรู้ลูกชายคนนี้ของเธอก็นิ่งและขอทำความรู้จักว่าที่เจ้าสาวเงียบๆทุกครั้งที่เบญจาไลฟ์สดหนึ่งในคนดูคือเดวิส เพียงแค่ลูกชายไม่ได้ใช้แอคเคาท์จริงเท่านั้น ที่รู้เพราะเธอเคยเห็นและเคยได้รับกล่องพัสดุที่ส่งมาจากเมืองไทย โดยของในนั้นล้วนเป็นสินค้าของเบญจาทั้งสิ้น แบบนั้นเรียกว่าตกหลุมรักได้หรือเปล่า ยิ่งรู้ว่าเบญจาจะบินมาถอนหมั้นเดวิสก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองดีกว่า อีกอย่างฉันอยากอยู่คนเดียวด้วย หลังจากนี้เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ” แสงจันทร์เอ่ยบอกเสียงสั่นเครือก่อนจะก้าวลงจากเตียงพร้อมกับคว้าเสื้อเชิ้ตของอังกูรขึ้นมาสวมปกปิดร่างกายเปลือยเปล่ามือข้างหนึ่งกุมสาบเสื้อเชิ้ตไว้ส่วนอีกข้างค่อยๆ รวบเสื้อผ้าของเธอที่เวลานี้ยังกองอยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้ จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็ยิ้มออกมา ยิ้มทั้งๆ ที่น้ำตากำลังไหลอาบแก้ม การเล่นละครฉากสำคัญของเธอถือว่าสอบผ่านไม่มีที่ติส่วนอังกูรกลับยังคงนั่งนิ่ง สมองตื้อจนคิดหาทางแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นไม่ตก นั่นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่จะแก้ไขกันได้ง่ายๆ และก่อนที่เขาจะคิดหาทางออกได้ประตูห้องน้ำก็เปิดออก สีหน้าของแสงจันทร์เวลานี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด แม้จะขอไปส่งแต่เธอก็ยังคงยืนกรานจะกลับด้วยตัวเองเพราะแสงจันทร์เป็นคนคุมเกมเธอจึงวางหมากให้อังกูรเดินตาม เธอไม่โวยวายไม่เรียกร้องขอให้เขารับผิดชอบ ยิ่งเธอเฉยอังกูรก็ยิ่งร้อนรนถึงขนาดไม่เป็นอันทำงานและไม่ได้โทรศัพท์หาเบญจาอย่างทุกวัน จู่ๆ เขาก็หายไปบวกกับเบ
ต่อให้ฐานะครอบครัวจะสู้เบญจาไม่ได้แต่ในเรื่องความสวยแสงจันทร์มั่นใจว่าเธอนั้นกินขาด เพราะเธอเป็นถึงแอร์โฮสเตสของสายการบินชื่อดังแถมยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางสายการบินถึงสองปีซ้อน งานโฆษณาก็พอจะมีบ้างและในอนาคตอันใกล้เธอก็จะสร้างแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง“วันนี้คุณสวย” ทันทีที่เจอหน้ากันคำชมก็ดังมาจากอังกูรทันที“ขอบคุณค่ะ แต่อย่าชมกันแบบนี้ต่อหน้าหลิวนะคะ ฉันไม่อยากให้เพื่อนเข้าใจผิด”“ครับ” อังกูรยิ้มกริ่มออกมา เรื่องงานชายหนุ่มจัดการได้อย่างดีแต่เรื่องหัวใจกลับยังไม่ลุล่วง เพราะจนถึงตอนนี้เบญจาก็ยังไม่กลับ ยิ่งเธอกลับมาเร็วเท่าไหร่นั่นหมายความว่าการหมั้นหมายของเธอกับเดวิสได้ยุติลงแล้ว แต่นี่…แสงจันทร์อาศัยประโยชน์จากความระแวงของอังกูร เธอก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขาในฐานะเพื่อนสนิทของเบญจาและค่อยๆ เปลี่ยนสถานะตัวเอง บางครั้งก็ยุยงสนับสนุนความคิดแง่ลบเพื่อทำให้ความมั่นคงของเขาสั่นคลอน ยิ่งอังกูรดื่มหนักขึ้นแบบนี้ด้วยแล้ว อะไรๆ ก็ดูเข้าทางแสงจันทร์ไปเสียหมด