“สองสามวัน”“เวลาแค่นั้นจะไปพออะไร” เดวิสเปรยออกมาเบาๆ ซึ่งมันก็เบาเสียจนอีกฝ่ายที่กำลังตั้งกล้องเพื่ออัดคลิปไม่ได้ยินเช่นกัน “พูดเลยค่ะ ฉันกำลังอัดคลิป”“ไม่ครับ ผมจะไม่พูดอะไรแบบนั้น”“นี่คุณ” น้ำเสียงของเบญจาห้วนขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วมองตรงมาที่เดวิสอย่างเอาเรื่อง “ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่ได้อยากหมั้นกับฉันทำไมถึงไม่ถอนหมั้น จะยื้อไปทำไมไม่ทราบ”“คุณมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ผมถอนหมั้นหรือขู่กรรโชกกันแน่”“ขอร้องค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อขอร้องให้คุณถอนหมั้นกับฉัน” เบญจาย้ำความตั้งใจหลักของตัวเอง แต่พออีกฝ่ายไม่ทำตามก็พลอยอารมณ์ขึ้นหรือเธอยังมีอาการเจ็ทแลคอารมณ์ถึงได้สวิงแบบนี้ “แต่ท่าทางของคุณเหมือนคนไม่ได้มาเพื่อขอร้องผมสักนิด” คำพูดที่ได้ยินทำเอาเบญจสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อสะกดอารมณ์แล้วขอร้องเดวิสอีกครั้ง “คุณเดวิสคะ ช่วยกรุณาถอนหมั้นกับฉันได้ไหม” “ผมจะทำตามที่คุณขอก็ต่อเมื่อคุณทำตามที่ผมขอ”“หมายความว่ายังไง” จากที่ควบคุมอารมณ์ลงมาได้ระดับหนึ่งตอนนี้กลับพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง “พอดีคนงานที่ฟาร์มลาออกกะทันหันเลยทำให้ผมขาดผู้ช่วย”“คุณก็เลยอยากให้ฉันอยู่ช่วยงานที่นี่”“ครับ” เดวิสเ
สีหน้าของชายหนุ่มเป็นกังวลเล็กน้อย หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเบญจา“ทำไมไม่ชวนให้เธออยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน” โรซี่ไปถามลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ที่เวลานี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสวยงามเดวิดใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟมาตั้งแต่เด็กๆ และตอนนี้ก็ทำตามความฝันได้สำเร็จ แต่แทนที่จะเป็นเชฟที่ร้านอาหารมีชื่อเสียงในเมืองกลับมาเป็นเชฟที่ฟาร์มของครอบครัวแทน แถมยังเป็นคนริเริ่มทำ farm to table ขึ้นเป็นคนแรกๆ ของที่นี่ สร้างทุกอย่างมาด้วยตัวเองจนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองอย่างในปัจจุบัน“เกรงว่าเธอจะปฏิเสธครับแม่” “คู่หมั้นของลูกสวยมาก เป็นผู้หญิงไทยที่มีเสน่ห์” แม้จะเห็นไกลๆ แต่โรซี่ก็มั่นใจว่าคู่หมั้นของลูกชายนั้นสวยไม่น้อยเลย “แต่น่าเสียดายที่เธอมาที่นี่เพื่อขอถอนหมั้นผม” “จริงหรอ” สีหน้าโรซี่บอกบอกว่าประหลาดใจ “ครับ”“แม่นึกว่าเธอมาเพื่อต้องการเห็นหน้าลูกหรือไม่ก็มาเพื่ออยากทำความรู้จักให้มากขึ้นเสียอีก” “เธอแน่วแน่มากทีเดียว อาจเพราะเธอมีคนรักอยู่แล้ว”“หากเป็นแบบนั้นเธอเองก็ไม่ผิดที่จะแน่วแน่ แล้วนี่ลูกตอบเธอไปว่ายังไง”“ผมยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเธอไปครับ” นอกจากยังไม่ให้คำตอบแล้วเดวิสยังวางแผนเ
สีหน้าของเดวิสเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเดินลงไปยังห้องใต้ดินเพื่อหยิบปืนคู่ใจจากนั้นก็กลับขึ้นมาข้างบน“เกิดอะไรขึ้น” เพราะเห็นลูกชายเดินถือปืนขึ้นมาจากห้องใต้ดินทำให้โรซี่เอ่ยถาม“คุณหลิวประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ผมกำลังจะไปรับเธอ” “รีบไปก่อนที่จะมืดมากกว่านี้” โรซี่เข้าใจสภาพแวดล้อมของพื้นที่แถวนี้ดีว่ามันมีอันตรายแฝงอยู่มาก ถนนบางเส้นแทบไม่มีผู้คนสัญจรไปมาหรือถ้ามีใครหลงเข้าไปก็มักจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเสมอ การที่เดวิสจะพกปืนไปด้วยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเดวิสขับรถออกจากฟาร์มด้วยความเร็ว เพราะอยู่ที่นี่มานานเขาจึงค่อนข้างรู้ว่าถนนเส้นไหนจะทำให้เขาทะลุไปหาเบญจาได้เร็วที่สุด ส่วนคนที่กำลังรอความช่วยเหลือก็ไม่ได้อยู่เฉยเพราะกำลังพยายามปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาเช่นกัน ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะกระจกทำให้เบญจาสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อเพ่งสายตามองจึงเห็นว่าเป็นชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านนอกและเขาก็ทำให้เธอก็ต้องตกใจและรู้สึกไม่ปลอดภัยอีกครั้งด้วยการพยายามเปิดประตูรถ แต่โชคดีที่เธอได้ล็อคประตูตามคำบอกของเดวิส“เฮ! เปิดประตูสิ ฉันมาช่วยเธอนะ” ด้วยท่าทางที่ไม่น่าไว้ใจทำ
แต่จู่ๆ ชายคนนั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง“ปล่อยเธอ” เสียงทุ้มที่เบญจารู้สึกคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล แต่เธอหันไปมองไม่ได้จึงต้องยืนอยู่นิ่งๆ เท่านั้น ในขณะที่ชายแปลกหน้าก็รับรู้ได้ทันทีว่าเวลานี้มีบางสิ่งบางอย่างจ่อศีรษะตนอยู่ แม้จะมีตัวประกันแต่มันคงไม่คุ้มหากจะเสี่ยงทำอะไรที่เกินตัว เพราะแบบนั้นเขาจึงยอมลดมือที่มีดลงพร้อมกับผลักเบญจาไปข้างหน้า“ฉันเป็นพลเมืองดี มาเพื่อช่วยเธอ ไม่ได้คิดจะทำร้าย” ทั้งๆ ที่หลักฐานยังอยู่ในมือแต่ชายแปลกหน้าคนนั้นก็ยังแก้ตัวได้น้ำขุ่นๆ พร้อมกับค่อยๆ หันกลับมามองคนข้างหลังนั่นทำให้ปากกระบอกปืนที่อยู่ในมือของเดวิสย้ายตำแหน่งจากด้านหลังของชายแปลกหน้ามาอยู่กลางหน้าผาก แม้จะมีปืนจ่อหน้าผากแต่แววตาของชายคนนั้นกลับยังคงแข็งกร้าว เขาตัวสูงใหญ่กว่ารวมถึงความแข็งแรงก็น่าจะมีมากกว่าเช่นกัน ทว่าความสูงใหญ่รวมถึงความแข็งแรงที่มีมันจะสู้กระสุนปืนได้ไหม นั่นจึงทำให้ไม่กล้าบุ่มบ่าม“สามีเธอเหรอ”“ใช่”“พวกคุณเหมือนไม่ใช่คนที่นี่”“เราคือคนที่นี่หรือถ้านายสงสัย ไปคุยกับตำรวจได้”“ไม่ดีกว่า พอดีฉันไม่ค่อยชอบตำรวจ” ชายตรงหน้ายิ้มออกมาตรงมุมปากแต่สายตากลับยังคงจับจ้องไปที่ผ
เพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การจะข่มตาให้หลับจึงเป็นเรื่องยาก เบญจาตาค้างกระทั่งถึงเช้าของอีกวัน จังหวะที่กำลังจะเปิดประตูออกไปจากห้องเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งสายที่โทรมานั้นเป็นสายที่เธอรอทั้งคืนก็ว่าได้“ขอโทษที่ผมไม่ได้รับสายคุณ” อังกูรรีบขอโทษแต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงรับสายเบญจาไม่ได้ ทั้งๆ ที่เห็นว่าเธอโทรหาแต่กลับเลือกที่จะทำอะไรๆ ตรงหน้าให้เสร็จลุล่วงเพราะมันจวนเจียนใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้วนั่นเอง หลังจากนั้นเขาก็ลืมเธอไปเสียสนิท “ไม่เป็นไรค่ะ พอดีว่าเมื่อวานเกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันเลยโทรหา” เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มเป็นกังวลใจเบญจาจึงบ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน “ผู้ชายคนนั้นทำอะไรคุณหรือเปล่า” เพราะอคติทำให้อังกูรมองคู่หมั้นของเบญจาในแง่ร้าย “เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น”“แต่เสียงคุณไม่โอเคเลย”“เหรอคะ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”“คุณได้คุยเรื่องขอถอนหมั้นแล้วใช่ไหม” ถ้าเลือกได้อังกูรอยากให้เบญจากลับมาวันนี้ด้วยซ้ำไป “คุยแล้วค่ะ”“เขาจะถอนหมั้นให้เร็วๆ นี้หรือเปล่า” น้ำเสียงของอังกูรเต็มไปด้วยความหวัง “ค่ะ แต่ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อยเพราะแบบนั
“ค่ะ” เบญจาเอ่ยรับอย่างเกรงใจ เธอเป็นแขกที่จู่ๆ ก็บุ่มบ่ามมาถึงที่นี่แถมยังไปก่อเรื่องให้เดวิสต้องไปช่วยอีก แต่ทั้งเขาและแม่กลับดีต่อเธอจนยิ่งรู้สึกเกรงใจและไม่กล้าทำอะไรให้เสียน้ำใจเบญจาเดินออกจากห้องครัวเป้าหมายคือจะออกไปเดินเล่นรอเวลามื้อเช้า เมื่อวานเธอยังสำรวจฟาร์มไม่ครบทุกซอกทุกมุมแถยยังเดินหลงอีกด้วย วันนี้จึงตั้งใจจะไม่ไปไกลเพราะกลัวเหตุการณ์ซ้ำรอย ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของเดวิสดังขึ้นจากด้านหลัง“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”“ค่ะ”“ลงมาทำอะไรตรงนี้”“คุณป้าให้ฉันออกมาเดินเล่นแล้วค่อยกลับไปกินมื้อเช้านะคะ” คำพูดของเบญจาทำให้เดวิสยิ้มกริ่ม ต่อให้เขาเป็นเชฟแต่เวลามารดาทำอาหารท่านก็ไม่ค่อยชอบให้เขาหรือใครเข้าไปช่วยเท่าไหร่ครัวในบ้านเป็นของท่านที่แม้แต่อุปกรณ์ก็ต้องวางไว้จุดเดิมห้ามย้าย โดยเขาเองก็มีครัวส่วนตัวที่แยกออกไปเพื่อรังสรรค์อาหารให้แขกในฟาร์ม ซึ่งในนั้นก็คือพื้นที่ส่วนตัวของเขาที่หากไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเช่นกัน “งั้นช่วยตัดมะเขือเทศให้ผมหน่อย นี่ครับอุปกรณ์” เอ่ยจบเดวิสก็ยื่นตะกร้าให้เบญจาซึ่งเธอก็รับมันไปถือไว้อย่างงุนงง“ฉันต้องเก็บลูกสีอะไร” เพราะไ
ทั้งคู่อยู่ในโรงนาพร้อมกับคนงานหญิงท้องถิ่นอีกหนึ่งคน กระทั่งใกล้ได้เวลาอาหารเช้าจึงหยุดมือแล้วเดินกลับเข้าบ้านไปพร้อมกันซึ่งขณะนั้นโรซี่เตรียมมื้อเช้าไว้รอเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีอาหารไทยง่ายๆ เพื่อให้แขกอย่างเบญจาได้กินอีกด้วย“วันนี้แม่ทำอาหารไทยด้วยเหรอครับ”“ใช่ แต่ไม่รู้ว่ารสชาติมันจะถูกปากไหมนะ” โรซี่ออกตัวแต่เดวิสรู้ว่ารสมือของมารดานั้นไม่เป็นรองใคร เขารู้ว่าแม่ชื่นชอบการทำอาหารมากและท่านก็เรียนรู้ทุกอย่างผ่านคลิปยูทูป บางวันเขาก็ได้กินอาหารจีนอร่อยๆ อีกอาทิตย์ก็อาจเป็นอาหารอิตาเลียนหรือเวียดนาม “แม่นั่งเถอะ ผมตักข้าวให้” เดวิสเอ่ยบอกก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้มารดาจากนั้นก็ตักข้าวใส่จานให้โดยไม่ลืมตักให้เบญจาเช่นกัน “ขอบคุณ” เบญจาเอ่ยขอบคุณชายหนุ่ม เมนูอาหารที่เห็นทำให้น้ำย่อยของเธอทำงานทันที โชคดีหน่อยที่มันไม่ส่งเสียงดังจนทำให้เธออายทั้งสามคนนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันแม้เบญจาจะมีอาการประหม่าบ้างแต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น เมื่ออิ่มเธอก็อาสาขอล้างจาน จากนั้นก็มานั่งตรงโซฟาเพื่อให้โรซี่ทำแผลให้ แม้ขนาดแผลจะยาวแต่ไม่ได้ลึก ทายาอีกวันสองวันก็คงดีขึ้น เบญจายกมือไหว้ขอบคุณโรซี่ซึ่งเธอก็ส่งยิ
“คุณเอามันไปวางไว้ตรงไหน”“บนฟาง” นั่นคือจุดที่น่าจะดีที่สุดแต่โอกาสน้อยมากที่ลูกหนูตัวนั้นจะรอดชีวิต “มันจะตายไหม”“ถ้าแม่มันไม่มารับก็คงตาย”“ขอให้แม่หนูมารับลูกไปด้วยเถอะ” แม้จะกลัวแต่เบญจาก็ไม่ต้องการให้ลูกหนูตัวนั้นตาย เพราะเธอรื้อกองฟางทำให้มันหล่นตุ๊บลงมาอยู่ในมือ นอกจากเธอแล้วทั้งมันและแม่ก็คงตกใจมากเหมือนกัน“ฟางพอแล้ว เรากลับกันเถอะ” “ค่ะ” เบญจาเอ่ยรับแล้วเดินตรงมายังรถที่ตอนนี้ท้ายกระบะเต็มไปด้วยฟาง เมื่อมาถึงบ้านเธอก็ถูกไล่ให้ขึ้นไปอาบน้ำเพราะถ้าปล่อยไว้จะคันเอาได้ เสื้อผ้าก็ชุดใหม่โดยโรซี่เป็นคนจัดแจงมาให้ ส่วนเดวิสยังคงง่วนกับงานในมือเพราะวันหยุดยาวที่จะมาถึงลูกค้าจะมาเป็นกรุ๊ปใหญ่เขาจึงต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลับเข้าบ้านก่อนมื้อเย็น เสียงโทรศัพท์มือถือของเบญจาดังขึ้นก่อนเวลาเริ่มทานอาหารเย็นพอสมควร หญิงสาวจึงปลีกตัวไปรับสายซึ่งเป็นสายจากอังกูรที่โทรมาถามไถ่รวมถึงบอกรักบอกคิดถึงเธออย่างเคย พอวางสายจากเขาเบญจาก็โทรไปหาคุณปู่ถามสารทุกข์สุขดิบกันไปมาแล้วค่อยบอกว่าเธอต้องอยู่ที่นี่สักระยะ แต่ก็เลือกที่จะไม่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ท่านฟ
โรซี่ที่ยืนฟังทั้งคู่พูดคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ทำไมลูกชายเธอถึงยังไม่ยอมพูดความในใจออกมาสักที หรือไม่ก็พูดยื้อให้เบญจาอยู่ด้วยกันที่นี่อีกสักหน่อย ทำไมถึงชอบได้ใจร้ายกับความรู้สึกของตัวเองแบบนั้นนะข่าวลือที่เกิดขึ้นกับหลานสาวถึงหูของนพพลเช่นกัน เพราะรู้ว่ามันไม่มีเรื่องไหนจริงนพพลจึงไม่ได้ร้อนอกร้อนใจกลับคิดว่าดีเสียอีก เพราะข่าวนี้อาจพิสูจน์ใจคนได้โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวบางคนที่ทำร้ายเบญจาได้อย่างเลือดเย็นคืนก่อนเดินทางเบญจายังคงไปนั่งคุยกับเจ้าไก่ซิลค์กี้แต่คราวนี้เธอไม่กล้าแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะกลัวเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นซ้ำ เพียงแค่คิดถึงมันใจเธอก็เอาแต่เต้นโครมครามไม่หยุดรวมถึงความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนคนเป็นไข้นี่ก็ด้วย“เอากลับไปเลี้ยงที่ไทยด้วยไหม ผมยกให้”“อยากเอามันกลับไปด้วยอยู่เหมือนกัน แต่ฉันกลัวทำมันตายนะสิ”“งั้นผมจะเลี้ยงให้”“เลี้ยงดีๆ นะคะ อย่าจับมันลงหม้อตุ๋นเชียว”“ตัวเท่านี้ไม่น่าจะอิ่มท้องเท่าไหร่” เดวิสมองไปยังเป้าหมาย ซึ่งคำพูดของชายหนุ
“คุณซัน”“เห็นข่าวหรือยัง”“เห็นแล้วค่ะ ฉัน…” ก่อนที่เบญจาจะได้พูดอะไรเดวิสก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“ผมสั่งให้ทีมกฎหมายที่เมืองไทยช่วยตามสืบแล้วว่าใครปล่อยข่าวพวกนั้น รู้ตัวเมื่อไหร่ผมจะยื่นฟ้องให้” เชฟหนุ่มเอ่ยบอก ทันทีที่รู้เรื่องเขาก็รีบจัดการทุกอย่างทันที เพราะเรื่องแบบนี้ต้องจบให้เร็วเนื่องจากมันกระทบหลายฝ่ายโดยเฉพาะกับเบญจา“ทีมกฎหมาย” คนฟังกะพริบตาปริบๆ “คุณซันมีทีมกฎหมายที่เมืองไทยด้วยหรือคะ”“มีครับ นอกจากที่นี่ผมยังมีธุรกิจเล็กๆ ที่เมืองไทย ของคุณพ่อนะครับ” เบญจาไม่แน่ใจว่าเธอจะเชื่อคำว่าธุรกิจเล็กๆ ของเดวิสได้ไหม ถ้าเล็กจริงชายหนุ่มคงไม่ใช้คำว่าทีมกฎหมายหรอก“ขอบคุณนะคะ บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันยังคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ว่าจะเริ่มต้นจัดการกับปัญหานี้ยังไง”“ค่อยๆ คิด ว่าแต่คนรักของคุณว่ายังไงบ้าง”“ฉันโทรหาเขาแล้ว แต่เขาไม่สบายเลยไม่อยากกวน”“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ผมยินดี”“ค่ะ&r
เบญจารีบลุกขึ้นจากกองฟาง แต่เพราะรีบร้อนมากไปรวมถึงอาการเมาที่ยังคงมีสุดท้ายเธอก็เซถลาจนเกือบล้ม ยังดีที่เดวิสเข้ามาช่วยพยุงไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็พาเธอกลับเข้าบ้านแล้วแยกย้ายพักผ่อนทั้งคู่ต่างทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แม้จะง่วงแม้จะอยากหลับแต่พวกเขากลับเอาแต่นอนมองเพดานห้องตัวเองอยู่แบบนั้น เบญจาพลิกตัวไปมาในขณะที่เดวิสนอนยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก หัวใจของทั้งคู่เต้นไม่เป็นส่ำบ่งบอกว่าจูบที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ฉาบฉวยหรืออยากให้จบเพียงแค่นั้น“ไม่ได้ๆ เราไม่ได้คิดอะไรกับเขา ไม่ได้คิด” เบญจาส่ายหน้าแรงๆ ไล่ความคิดแสนฟุ้งซ่านให้ออกไปจากหัว ก่อนจะคว้าผ้าห่มนวมขึ้นมาคลุมโปงขณะที่เธอกำลังสับสนอยู่นั้นจู่ๆ ก็เกิดข่าวลือขึ้นที่เมืองไทย เพราะการที่เธอหายหน้าหายตาไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแถมตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ก็ไม่เคยไลฟ์สด จึงมีคนกุข่าวขึ้นว่าเธอท้องกับผู้มีอิทธิพลและตอนนี้ก็กำลังหนีอายไปคลอดลูกอยู่ที่ต่างประเทศยิ่งข่าวในโลกออนไลน์ที่รับข่าวสารเพียงสั้นๆ จากนั้นก็กดแชร์ต่อๆ ไปอย่างสนุกมือยิ่งเหมือนลมที่พัดข่าวลือของเบญจาให้กระจายไปเร็วขึ้น แม้ข่าวจะเกิดขึ้นเม
“ครับ เพราะทุกๆ ปีเราจะมีงานสังสรรค์เพื่อพูดคุยว่าปีนั้นๆ เราปลูกอะไรบ้างหรืออะไรที่ปลูกแล้วดีหรือมีปัญหาก็เอาความรู้เหล่านั้นมาแชร์กัน”“ว้าว! ดีจัง” ในความคิดของเบญจามิตรภาพของคนทำฟาร์มที่นี่ช่างน่าทึ่ง แม้ผู้คนจะไม่ได้เฟรนลี่เหมือนเมืองไทยแต่พวกเขาก็พร้อมจะช่วยเหลืออีกฝ่ายเสมอ ที่รู้เพราะเธอสัมผัสมันมาแล้วด้วยตัวเองปริมาณไวน์ในขวดของเบญจาค่อยๆ ลดน้อยลง นั่นเพราะเธอเองก็มีเรื่องให้ฉลอง หญิงสาวนั่งดื่มไวน์อย่างมีความสุขแม้จะกังวลเรื่องปู่แต่เมื่อเห็นคลิปที่เดวิสอัดให้ท่านก็คงเข้าใจคนหนึ่งฉลองให้เรื่องดีๆ ตรงกันข้ามกับอีกคนที่กำลังฉลองให้เรื่องแย่ๆ ทว่าปริมาณไวน์ในขวดของเบญจากลับหายไปมากกว่าของเดวิสเสียอีก เพราะยิ่งมีความสุขเธอก็ยิ่งดื่มรู้ตัวอีกทีไวน์ก็หมดขวดเสียแล้ว“เอ้! ทำไมหมดแล้วละ” น้ำเสียงของคนเริ่มเมาเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับหลับตาส่องเข้าไปในขวดไวน์ คำพูดของเธอทำให้เดวิสหันมามองแล้วส่ายหน้าให้“กลับเข้าบ้านกันดีกว่า”&
แต่ถึงอย่างนั้นเดวิสก็ยังคงลังเลที่จะบอกความรู้สึกแท้จริงว่าเขาคิดยังไงกับเบญจา ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่กลัวบอกไปแล้วจะทำให้เธอไม่สบายใจเพราะหญิงสาวเองก็ไม่ได้มีท่าทีหรือแสดงออกว่าคิดอะไรกับเขา เธอยังคงหนักแน่นเรื่องถอนหมั้นรวมถึงมั่นคงในความรักที่ต่ออังกูร นั่นทำให้เขารู้สึกอิจฉายิ่งใกล้ครบกำหนดเวลาที่เขายื้อเพื่อให้เบญจาอยู่ที่นี่มากเท่าไหร่ เวลาในแต่ละวันก็เหมือนจะยิ่งผ่านไปเร็วมากเท่านั้น แต่เบญจากลับไม่เคยรบเร้าให้เขาพูดอะไร เธอยังคงช่วยงานเขาตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่ที่เขาชอบมากที่สุดคือตอนที่เธออยู่กับมารดา“อีกไม่กี่วันเธอก็ต้องกลับเมืองไทยแล้วนะซัน” โรซี่กำชับลูกชายอีกครั้งซึ่งน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน นั่นเพราะตอนนี้เอกสารส่วนตัวที่หายไปของเบญจาได้ครบถ้วนหมดแล้ว รวมถึงตั๋วเครื่องบินก็มีพร้อมออกเดินทางเช่นเดียวกันคำพูดของแม่ทำให้เดวิสถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาจะรั้งเธอให้อยู่ด้วยกันที่นี่ได้ยังไง มันไม่มีเหตุผลอะไรไปรั้งด้วยซ้ำ สุดท้ายก็เลือกที่จะทำให้ความต้องการแรกของเบญจาประสบผลสำเร็จเดวิสห
เดวิสพยายามสื่อด้วยแววตารวมถึงการทำว่าเขานั้นคิดยังไงกับเบญจา ทั้งทำของอร่อยๆ ให้เธอได้กิน รวมถึงสรรหาวัตถุดิบมาทำอาหารไทยให้เธอกินหลายครั้ง หากเป็นวันหยุดก็มักจะพาออกไปเที่ยวเพื่อให้เธอได้ถ่ายรูปถ่ายคลิปหรือพาไปหาที่เงียบๆ ให้เธอได้ทำงานหรือแม้กระทั่งคุยกับคนรักของเธอ แต่ดูเหมือนเขาจะสื่อไปไม่มากพอ เพราะจนถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่รับรู้ นั่นทำให้โรซี่ต้องยื่นมือช่วยลูกชายตัวดีที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไรทำนองนี้มากเท่าไหร่“เอ้…กลิ่นนี้” เบญจาทำจมูกฟุดๆ ฟิตๆ ดมกลิ่นบางอย่างในบ้าน กลิ่นนี้มันคือก้านไม้หอมที่เธอเป็นคนคิดและสั่งผลิตเองไม่ผิดแน่ ก่อนจะเดินหาที่มากระทั่งเห็นมันวางอยู่บนชั้นในห้องรับแขก“หอมว่าไหม”“ค่ะ”“ซันให้ป้ามานานแล้วแต่เพราะมันสวยป้าจะใช้ก็เสียดาย เลยเอาไปเก็บอยู่นาน” โรซี่ไม่ได้กล่าวเกินจริง ก้านไม้หอมแบรนด์ของเบญจานั้นสวยและหอมมากจริงๆ เธอเอาไปฝากเพื่อน ยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก“คุณซันให้คุณป้
“แต่ฉันกลัว ถ้าหลิวรู้แล้วโกรธขึ้นมา ฉันจะทำไง”“ผมจะขอโทษคุณหลิวเองครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจ” เอ่ยจบก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นซึ่งแสงจันทร์ก็ซุกตัวอยู่กับแผงอกของชายหนุ่ม ราวกับว่าเธอคือลูกนกตัวเล็กๆ ที่ต้องการการปกป้องคุ้มภัยอังกูรปรนเปรอแสงจันทร์ด้วยของแบรนด์เนมอีกหลายอย่าง แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากได้แต่ลับหลังก็ตาลุกวาวจนเนื้อเต้น ขนาดพึ่งมีอะไรกันเขายังเปย์หนักขนาดนี้ถ้าเธอท้องขึ้นมา เขาคงคุกเข่าขอแต่งงานแน่“ลูกจะปล่อยมือจากหลิวจริงๆ นะเหรอ” โรซี่เอ่ยถามลูกชายอย่างตรงไปตรงมา นั่นเพราะเธอพอจะมองเห็นอะไรในสายตาของเดวิส ต่อให้การหมั้นหมายจะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เดวิสยังไม่เกิด ทว่าพอรู้ลูกชายคนนี้ของเธอก็นิ่งและขอทำความรู้จักว่าที่เจ้าสาวเงียบๆทุกครั้งที่เบญจาไลฟ์สดหนึ่งในคนดูคือเดวิส เพียงแค่ลูกชายไม่ได้ใช้แอคเคาท์จริงเท่านั้น ที่รู้เพราะเธอเคยเห็นและเคยได้รับกล่องพัสดุที่ส่งมาจากเมืองไทย โดยของในนั้นล้วนเป็นสินค้าของเบญจาทั้งสิ้น แบบนั้นเรียกว่าตกหลุมรักได้หรือเปล่า ยิ่งรู้ว่าเบญจาจะบินมาถอนหมั้นเดวิสก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองดีกว่า อีกอย่างฉันอยากอยู่คนเดียวด้วย หลังจากนี้เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ” แสงจันทร์เอ่ยบอกเสียงสั่นเครือก่อนจะก้าวลงจากเตียงพร้อมกับคว้าเสื้อเชิ้ตของอังกูรขึ้นมาสวมปกปิดร่างกายเปลือยเปล่ามือข้างหนึ่งกุมสาบเสื้อเชิ้ตไว้ส่วนอีกข้างค่อยๆ รวบเสื้อผ้าของเธอที่เวลานี้ยังกองอยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้ จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็ยิ้มออกมา ยิ้มทั้งๆ ที่น้ำตากำลังไหลอาบแก้ม การเล่นละครฉากสำคัญของเธอถือว่าสอบผ่านไม่มีที่ติส่วนอังกูรกลับยังคงนั่งนิ่ง สมองตื้อจนคิดหาทางแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นไม่ตก นั่นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่จะแก้ไขกันได้ง่ายๆ และก่อนที่เขาจะคิดหาทางออกได้ประตูห้องน้ำก็เปิดออก สีหน้าของแสงจันทร์เวลานี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด แม้จะขอไปส่งแต่เธอก็ยังคงยืนกรานจะกลับด้วยตัวเองเพราะแสงจันทร์เป็นคนคุมเกมเธอจึงวางหมากให้อังกูรเดินตาม เธอไม่โวยวายไม่เรียกร้องขอให้เขารับผิดชอบ ยิ่งเธอเฉยอังกูรก็ยิ่งร้อนรนถึงขนาดไม่เป็นอันทำงานและไม่ได้โทรศัพท์หาเบญจาอย่างทุกวัน จู่ๆ เขาก็หายไปบวกกับเบ
ต่อให้ฐานะครอบครัวจะสู้เบญจาไม่ได้แต่ในเรื่องความสวยแสงจันทร์มั่นใจว่าเธอนั้นกินขาด เพราะเธอเป็นถึงแอร์โฮสเตสของสายการบินชื่อดังแถมยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางสายการบินถึงสองปีซ้อน งานโฆษณาก็พอจะมีบ้างและในอนาคตอันใกล้เธอก็จะสร้างแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง“วันนี้คุณสวย” ทันทีที่เจอหน้ากันคำชมก็ดังมาจากอังกูรทันที“ขอบคุณค่ะ แต่อย่าชมกันแบบนี้ต่อหน้าหลิวนะคะ ฉันไม่อยากให้เพื่อนเข้าใจผิด”“ครับ” อังกูรยิ้มกริ่มออกมา เรื่องงานชายหนุ่มจัดการได้อย่างดีแต่เรื่องหัวใจกลับยังไม่ลุล่วง เพราะจนถึงตอนนี้เบญจาก็ยังไม่กลับ ยิ่งเธอกลับมาเร็วเท่าไหร่นั่นหมายความว่าการหมั้นหมายของเธอกับเดวิสได้ยุติลงแล้ว แต่นี่…แสงจันทร์อาศัยประโยชน์จากความระแวงของอังกูร เธอก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขาในฐานะเพื่อนสนิทของเบญจาและค่อยๆ เปลี่ยนสถานะตัวเอง บางครั้งก็ยุยงสนับสนุนความคิดแง่ลบเพื่อทำให้ความมั่นคงของเขาสั่นคลอน ยิ่งอังกูรดื่มหนักขึ้นแบบนี้ด้วยแล้ว อะไรๆ ก็ดูเข้าทางแสงจันทร์ไปเสียหมด