เขาให้สิ่งที่เธอต้องการไปแล้ว ตามหลักเธอควรจะมีความสุขจนยิ้มไม่หุบสิแต่เมื่อดูสีหน้าของเธอเมื่อครู่ คำว่าความสุขไม่ฉายอยู่บนใบหน้าเธอเลยสักนิดเพราะอะไร?ยิ่งลู่สือเยี่ยนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาดูจึงเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากซ่งจั่ว "คุณลู่ครับ ประธานหานมาถึงแล้ว"“อืม ผมจะรีบกลับ”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับอย่างเย็นชาและกดวางสายเขามองไปทางบ้านของหลินเซียงอยู่นาน ก่อนจะขับรถออกไป…ตอนเย็นเมื่อซ่งซ่งมาถึง หลินเซียงก็ทำกับข้าวเสร็จไปสี่จานแล้ว แต่ยังเหลืออีกสองจาน และซุปอีกหนึ่งที่ยังไม่เสร็จ“เซียงเซียงคนสวย เล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่าเนี่ย!”ซ่งซ่งกอดเธอด้วยความตื่นเต้น แถมยังเบียดกระแซะร่างกายด้วยความออดอ้อนหลินเซียง "ไม่เห็นเป็นไรเลย เอาล่ะ เธอออกไปรอข้างนอกเถอะ อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว"ซ่งซ่ง "ได้ ฉันซื้อเหล้าติดมาด้วยนะ"หลินเซียงพูดอย่างนึกเสียดาย "ฉันดื่มไม่ได้น่ะสิ เพิ่งกินยาแก้หวัดเข้าไป"ซ่งซ่งประหลาดใจ “ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเป็นหวัดได้ล่ะ? แต่ฉันว่าเธอก็ดูปกติดีนะ”หลินเซียง "เดี
“เข้ามาส่งยาให้ฉันหน่อย ฉันอาการไม่ค่อยดี”หลังจากพูดอย่างนั้น สายก็ถูกกดวางไปดื้อ ๆหลินเซียงมองดูโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายไปด้วยสีหน้าสับสนพร้อมกับขมวดคิ้วเขาโทรผิดจริงเหรอ?ไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดจริงดิ?หลินเซียงเม้มริมฝีปากและกดโทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์ของซ่งจั่ว“สวัสดีครับคุณหนูหลิน”ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ เสียงดังขึ้นจากปลายอีกด้านหลินเซียงพูดว่า "เมื่อกี้คุณลู่โทรผิดมาที่เบอร์ฉัน เขาขอให้คุณช่วยไปส่งยาให้เขาหน่อย รบกวนไปที่นั่นตอนนี้เลยได้ไหมคะ?"“เกรงว่าจะไม่ได้ครับ” ซ่งจั่วตอบตามตรง “ผมกำลังเดินทางไปคุยธุรกิจ ตอนนี้อยู่ที่สนามบินแล้ว คุณหลิน ช่วยไปส่งของแทนผมหน่อยได้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะบอกคุณทีละรายการ ยาพวกนั้นหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป"หลินเซียงขมวดคิ้ว “คุณกำลังจะขึ้นเครื่องเหรอ?”“ใช่ครับ"ซ่งจั่วตอบ เสียงประกาศไฟล์ทบินจากสนามบินยังคงเล็ดลอดเข้ามาทางโทรศัพท์อย่างคลุมเครือ“คุณหลิน ผมจะส่งรายการยาไปให้คุณนะครับ คุณลู่ป่วยไข้ทีไรอาการของเขาจะค่อนข้างแย่และทรมานมาก ฝากนำยาไปส่งแทนผมด้วย ขอบคุณมากครับ”หลังจากเขาพูดจบก็วางสายไปดื้อ ๆ อีกคน"ไงนะคะ?"หลินเซียงสะดุ้ง
หลินเซียงตะลึง!เขาเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย?ป่วยจนไม่มีสติเลยหรือไง?หลินเซียงต่อสู้ดิ้นรนอย่างรุนแรง แต่ในเวลานี้ความแตกต่างด้านสรีระความแข็งแกร่งระหว่างชายและหญิงห่างชั้นเกินไป เธอพยายามดิ้นรนสองสามครั้ง ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นความดุร้ายของเขาโดยตรง เขาคว้าข้อมือทั้งสองของเธอรวบไว้ด้วยมือเดียว แล้วกดไว้เหนือศีรษะลมหายใจร้อนผ่าวระเรื่อยมาตามมุมปากของเธอ ความหนาวเย็นกระทบหน้าอกจนสั่นเทา ตามด้วยไอร้อนและความเปียกชื้นดวงตาหลินเซียงเบิกกว้าง "ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรไป?"เขาไม่ได้ป่วยหรอกเหรอ?แต่เมื่อเธอเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยพละกำลังของเขา ดูเหมือนเขาไม่ได้ป่วยเลยสักนิดหรือเขานึกว่าเธอเป็นผู้หญิงคนอื่น?เซี่ยหว่าน?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของหลินเซียงก็เจ็บปวดเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็งอเข่าใช้เท้าถีบไปข้างหน้า!การเคลื่อนไหวทั้งหมดของลู่สือเยี่ยนหยุดชะงัก ร่างอันหนักอึ้งของเขาล้มลงนอนทับเธอโดยตรง"ออกไปเลย!"หลินเซียงบิดตัวอย่างไม่สบายใจลู่สือเยี่ยนขบเม้มกระดูกไหปลาร้าของเธอด้วยความโกรธ "หลินเซียง คุณอยากเป็นม่ายนักเหรอ?"ก็รู้นี่ว่าเธอเป็นใคร?ในเมื่อเป็นอย่างนั้น…“เข้าใจ
"เซียงเซียง นอนต่ออีกหน่อยสิ"เสียงที่เป็นธรรมชาติและแสนจะสนิทสนมดังขึ้นจากด้านหลัง คางของชายหนุ่มยังคงถูอยู่บนกลางกระหม่อมเธอหลินเซียงตัวแข็งทื่อภาพแฟลชแบล็กสมัยพวกเขายังอยู่ร่วมกันก่อนหน้านี้ลอยขึ้นมาเมื่อก่อนเวลาเธอต้องตื่นเช้า อาเยี่ยนจะเป็นแบบนี้เสมอ ออดอ้อนออเซาะไม่ยอมห่าง แถมยังพูดประโยคเดียวกันนี้หลินเซียงนอนอยู่บนเตียงด้วยความมึนงง ชั่วครู่หนึ่งเกือบแยกไม่ออกแล้วว่านี่คืออดีตหรือปัจจุบันแต่จะให้เธอแยกแยะได้ยังไงล่ะ?เพราะไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน คนที่พูดคำนี้ก็คืออาเยี่ยนคนเดิมหัวใจของเธอปวดหนึบและเต็มไปด้วยความอัดอึดคับข้อง ถึงอย่างนั้นกลับกัดนิ้วตัวเองไว้ ไม่ได้ลุกหนีเป็นไปได้เธอก็อยากจะกอดเก็บสิ่งนี้ไว้ให้นาน ๆซึมซับความอบอุ่น กลิ่นหอม และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขาหวังให้เวลาหยุดเดินอยู่ที่ช่วงเวลานี้ ไม่มีการหย่าร้าง ไม่มีเซี่ยหว่าน ไม่มีลูกชายคนที่สามของตระกูลลู่...พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยากันเหมือนเดิม...เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลินเซียงลืมตาตื่นขึ้นมาก็ประสานเข้ากับสายตาสงสัยครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของลู่สือเยี่ยนเธอเปลี่ยนสีหน้า "ทำไมมองฉันแบบนั้น?
ลู่สือเยี่ยนหยุดลงทันที แววตาของเธอทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ"ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่" หลินเซียงถามเสียงเบา "ตกลงเราจะหย่าหรือไม่หย่ากันแน่"ลู่สือเยี่ยนเม้มริมฝีปากทันที ลุกขึ้นจากตัวเธอ ก้าวลงจากเตียงแล้วตรงไปที่ห้องน้ำหลินเซียงหลับตาลงแล้วถอนหายใจยาว ๆ ออกมางั้นก็อย่าทำแบบนี้สิในเมื่อตัดสินใจที่จะหย่ากันแล้ว ก็ช่วยเด็ดขาดกับฉันหน่อยพวกเราทั้งสองจะได้ไม่มีใครอึดอัดเมื่อลู่สือเยี่ยนออกมา หลินเซียงก็จากไปแล้ว แม้แต่ข้าวเช้าก็ยังไม่รอกินพร้อมกันเธอส่งข้อความมาให้เขาเพียงข้อความเดียวหลินเซียง : [ฉันรอคุณอยู่ที่หน้าสำนักงานเขต]สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกและแผ่ออร่ากดดันพ่อบ้านเดินออกมา มองไปรอบ ๆ แล้วถามด้วยความสงสัย "คุณชายสาม คุณหนูหลินจากไปแล้วเหรอครับ?"เมื่อคืนที่หลินเซียงมา พ่อบ้านรับรู้ แต่ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าห้ามใครส่งเสียงดัง เดิมทีคิดว่าจะได้เห็นหลินเซียงในเช้าวันนี้ แต่กลับไม่พบใครลู่สือเยี่ยนเก็บโทรศัพท์ สีหน้าเย็นลงกว่าเดิมเล็กน้อย "คุณว่างมากเหรอ?"พ่อบ้านสัมผัสถึงความเย็นเยียบที่แผ่ออ
“คุณชายลู่เดินทางไปที่เมืองหลานเฉิงครับ”หลินเซียง “ส่งตารางงานโดยละเอียดของเขามาให้ฉันที”“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”ซ่งจั่วตอบรับแล้ววางสายไป ไม่นานก็ส่งตารางงานของลู่สือเยี่ยนให้หลินเซียงหลินเซียงดูครู่เดียว จากนั้นก็เปิดแอปสายการบินแล้วกดจองตั๋วโดยตรง เธอไม่ลังเลเลย จองตั๋วเสร็จสรรพก็ตรงดิ่งไปที่สนามบินนั่งเครื่องจากเมืองอวิ๋นเฉิงไปเมืองหลานเฉิง ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงไปดักเจอลู่สือเยี่ยนให้ได้ แล้วไปจัดการเรื่องหย่าโดยตรง แล้วค่อยบินกลับมา ไม่ถือว่าเสียเวลามากนักสองเมืองอยู่ใกล้กัน สภาพอากาศจึงไม่แตกต่างกันมาก หลินเซียงลงจากเครื่องบินแล้วก็โบกรถแท็กซี่ไปลงโรงแรมที่ลู่สือเยี่ยนพัก พอทำการเช็กอินจองห้องแล้วก็นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ชั้นหนึ่ง รอจนกว่าเขาจะโผล่หน้ามาให้เห็นเพราะผู้ชายคนนี้ไม่ยอมรับสายเธอเหอะ!คิดว่าหนีมาต่างเมืองแล้วจะหนีพ้นเหรอ?ฝันไปเถอะ!ถึงอย่างนั้นหลินเซียงก็ต้องรออยู่นานมาก จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ร่างสูงสง่าของลู่สือเยี่ยนก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาจากทางเข้าหลินเซียงตาปรือแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว ตอนแรกที่เห็นเขายังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ต้องกะพริบตารัว ๆ เพื่อปรับ
ห้องของลู่สือเยี่ยนอยู่ชั้น 9 แต่เมื่อลิฟต์กำลังจะถึงชั้น 7 ลู่สือเยี่ยนก็กดปุ่มยกเลิกคำสั่งจอดชั้น 7 ทันที"ทำอะไรน่ะ?"หลินเซียงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วถามทันทีลู่สือเยี่ยนตอบกลับ "เมื่อกี้คนแถวนี้รู้กันหมดแล้วว่าเราเป็นสามีภรรยากัน นอนแยกห้องกันคงไม่เหมาะสม"หลินเซียง "ฉันไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะสนใจชีวิตส่วนตัวของคุณขนาดนั้น"ลู่สือเยี่ยน "กันไว้ดีกว่าแก้"ตอนนี้หลินเซียงจะกดชั้น 7 อีกรอบแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะลิฟต์ขึ้นมาจอดที่ชั้น 9 สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนักรอให้ลู่สือเยี่ยนเดินออกไปไกลประมาณหนึ่ง แล้วเธอจึงเดินออกไป แต่เธอไม่ได้เดินตามเขา กลับเดินตรงไปทางบันไดหนีไฟแทนลู่สือเยี่ยนมองการกระทำของเธอแล้วเอื้อมมือไปปลดเนกไท "หลินเซียง"หลินเซียงหยุดเดิน "ทำไม?"เธอไม่ได้หันกลับไปมอง จึงไม่เห็นแววตาที่ซับซ้อนระคนอาวรณ์ของเขาลู่สือเยี่ยนถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า "จริง ๆ แล้วเราไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกันเลย จะอยู่ด้วยกันแบบสงบสุขไม่ได้เลยเหรอ?"หลินเซียงกำหมัดแน่นทันที!ตอนนี้เขาเพิ่งจะมาพูดเรื่องอยู่ด้วยกันแบบสงบสุขกับเธองั้นเหรอ?ตอนแรกเธอคิดจะทำแบบนั้น แต่เขาทำกับเธอยังไง?เพราะตอ
เซี่ยหว่านรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นคนเลวขนาดนี้ไม่หรอก ตอนที่เขาอยู่กับเซี่ยหว่าน เขาไม่น่าจะทำตัวแบบนี้เขาคิดถึงบุญคุณของเซี่ยหว่าน แน่นอนว่าเขาไม่มีวันทำอะไรที่จะทำให้เธอเสียใจส่วนหลินเซียง...เหอะ ไม่มีค่าพอขนาดนั้นลู่สือเยี่ยนมองประตูห้องที่ปิดสนิท ความหงุดหงิดในอกของเขายิ่งปั่นป่วนรุนแรงขึ้นทุกขณะ ยกแก้วน้ำขึ้นกระดกดื่มคำโต ราวกับว่ามันช่วยบรรเทาอารมณ์รำคาญใจนั้นได้เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้พวกเขายังไม่ได้หย่ากัน ยังพอจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้ไม่ใช่เหรอ?ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงประตูห้องของหลินเซียงมีเสียงเคาะดังขึ้นเธอตื่นขึ้นด้วยอาการงัวเงียแล้วเปิดประตู ก็เห็นลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปสวมชุดสูทแล้ว จ้องมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ได้เวลาไปงานเลี้ยงแล้ว"ผมของเธอปล่อยยาวสยาย ใบหน้างดงามเป็นธรรมชาติเพราะปราศจากการแต่งแต้ม มีความสับสนเล็กน้อย หนามแหลมรอบตัวเหมือนจะหายไป เหลือแต่ความอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นนี่คือภาพจำในใจเขาไม่รู้ทำไม หัวใจของเขาถึงอ่อนยวบลงไปเล็กน้อย"แต่ฉันไม่ได้พกชุดราตรีมานะ"หลินเซียงพูดพลางอ้าปากหาวเธอล้าไปทั้งตัวจริง ๆ รีบเดินทางมาจากเมืองอวิ๋นเฉิง