หลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก หลายครั้งเพื่อระงับอารมณ์โกรธ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา แล้วเอื้อมมือไปปลดเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำออกลู่สือเยี่ยนมองการกระทำของเธอ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าสวยของเธอค่อย ๆ แดงก่ำดวงตาคมกริบของเขาเป็นประกายวิบวับด้วยความสนุกสนาน เขาไม่ขยับเขยื้อน ยอมให้เธอจัดการแต่โดยดีหลินเซียงหยิบเสื้อเชิ้ตสวมให้เขา จากนั้นก็เป็นกางเกงขายาว แต่ตอนที่กำลังจะรัดเข็มขัดให้เขา มือของเธอกลับไปโดนบางส่วนเข้าอย่างจังลู่สือเยี่ยนคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ทันที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม "หลินเซียง คุณจงใจใช่ไหม?"ใบหน้าของหลินเซียงแดงก่ำ แต่เธอก็ยังพยายามทำตัวปกติ "คุณนั่นแหละ สมาธิสั้นเอง แล้วมาโทษฉัน?"ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกล้ำ สักพักเขาก็ปล่อยมือเธอ "ทำต่อเถอะ"ขนตาของหลินเซียงกะพริบถี่ ๆ เธอจัดการรัดเข็มขัดให้เขาต่อจนเสร็จเรียบร้อย จึงหันหลังกลับแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในที่สุดก็เสร็จสักทีแต่พอคิดว่าในอีกหลายวันข้างหน้า เธอต้องคอยดูแลเขาอยู่แบบนี้ คิ้วเรียวสวยของเธอก็ขมวดเข้าหากันรู้สึกแย่ไปหมดแล้ว!ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลินเซียงเดินไปเ
หลินเซียงวางโทรศัพท์ลง แล้วจ้องมองเขา “ซื้อของฝากดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ง?”ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเรียบ “ถ้าได้กินของขึ้นชื่อของที่นี่ บางทีอาจจะหายเร็วขึ้น”หลินเซียง “…”เธอลุกขึ้นยืน “ได้ ซื้อมาแล้วไม่กินล่ะน่าดู!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอเดินออกไปด้วยความโกรธ เขาก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน คว้าเนคไทตัวเอง ความรู้สึกอึดอัดสุมอกเมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้ตลอดปีที่ผ่านมา เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขลู่สือเยี่ยนหลับตาลงหลินเซียงซื้อของเร็วมาก เพียงชั่วโมงเดียวก็กลับมาแล้วเธอนำของฝากขึ้นชื่อของเทศมณฑลมาวางไว้ตรงหน้าเขา เชิดคางขึ้นเล็กน้อย และพูดว่า “กินเลย”เส้นเลือดที่ขมับของลู่สือเยี่ยนกระตุก!“หลินเซียง คุณตั้งใจหรือเปล่า?”หลินเซียงพูดอย่างจริงจัง “นี่คือของฝากจากเทศมณฑลอันจริง ๆ ดูสิ เชือกสีรุ้งนี่สวยใช่ไหมล่ะ? ดูพัดนี่สิ งานปักสองด้านนี่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของชาติเลยนะ คุณบอกว่าอยากได้ของฝากจากเทศมณฑลอัน ฉันก็หาให้คุณแล้วไง”เธอลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเขา “ลู่สือเยี่ยน ฉันทำตามที่คุณบอกแล้ว ถ้าคุณจะหาเรื่อง นั่นก็แปลว่
แต่ในวินาทีถัดไป แก้มก็รู้สึกคันที่แก้มอีกครั้ง เธอจึงลืมตาขึ้นอย่างไม่พอใจ“ทำอะไร?”ลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ข้างเตียง ปล่อยผมของเธอลง แล้วพูดเสียงเรียบ “นอนหลับสบายจริง ๆ ด้วย”หลินเซียงถูกปลุกขึ้นมา เดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินเขาพูดแบบนี้อีก สีหน้ายิ่งย่ำแย่ จึงลุกขึ้นพูดว่า “มีอะไรหรือเปล่า?”เขาไม่ได้ยุ่งอยู่กับงานหรอกเหรอ?เธอก็ไม่ควรอยู่ข้างนอกก็ถูกแล้วผู้ชายคนนี้ ไม่หาเรื่องสักวันจะรู้สึกไม่สบายใจหรือไง?เมื่อเห็นเธอกำลังจะโมโห ลู่สือเยี่ยนก็หัวเราะเบา ๆ แล้วเอามือลูบหัวที่ยุ่งเหยิงของเธอพลางพูดว่า “เก็บของแล้วออกไปข้างนอกกับผมหน่อย”พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากห้องนอนเล็กหลินเซียงคว้าหมอนมาปาใส่ประตูอย่างโมโห!ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงทำตัวน่ารำคาญขึ้นเรื่อย ๆ?…ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลินเซียงออกมาจากห้องนอนเล็ก ถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ไปไหน?”ลู่สือเยี่ยนโยนเสื้อโค้ตให้เธอ แล้วพูดว่า “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”หลินเซียงรับเสื้อโค้ตมาใส่ แล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่ลังเลลู่สือเยี่ยนจ้องมองแผ่นหลังที่บอบบางของเธอ ดวงตาของเขามืดมนลงตอนนี้เย็นมากแล้วท้องฟ้าเต็มไปด
หลินเซียงพูดว่า “ฉันหลินเซียงค่ะ เคยมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่”“อ๋อ เธอเองเหรอ เด็กสาวคนนั้นนี่เอง เธอสอบติดมหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม?” ลุงจ้าวจำได้แล้วก็ยิ้มออกมาทันทีที่นี่มีกฎห้ามใช้แรงงานเด็กแต่เด็กสาวคนนี้ดื้อดึงยืนอยู่หน้าร้านของเขา สัญญาว่าจะไม่บอกใคร เธอแค่ต้องการหาเงินมาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อมีลูกค้าแน่นร้านเธอก็จะช่วยเหลือ ทำงานได้คล่องแคล่วมากเธอยังบอกเขาด้วยว่าความฝันของเธอคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยและออกไปจากเทศมณฑลอันเขาใจอ่อนจึงยอมรับ แต่ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเด็กสาวคนนี้มากนักหนุ่มสาวสมัยนี้ มีสักกี่คนที่อดทนสู้งานหนักได้?อาจเป็นไปได้ว่าเธอทำงานที่นี่ได้แค่ไม่กี่วันก็เบื่อแล้วลาออกแต่ใครจะไปรู้ เด็กสาวคนนี้ทำงานกับเขาถึงสามปี!ลุงจ้าวชอบเด็กสาวคนนี้มาก เขาไม่มีลูกสาวมีแต่ลูกชาย จึงรักเธอเหมือนลูกสาว และมักจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เธอทาน“ค่ะ สอบติดแล้วค่ะ”หลินเซียงพยักหน้า น้ำตาคลอเบ้าความอบอุ่นเพียงน้อยนิดในชีวิตของเธอ ยังคงหาได้จากที่นี่แม้ว่าจะต้องทำงานเหนื่อยมากในแต่ละวันแต่ครอบครัวลุงจ้าวดูแลเธอดีจริง ๆลุงจ้าวพยักหน้าซ้ำ “ดีมาก ดีมาก ฉันรู้ตั้งแต่
ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “ฟังจากปากคุณเอง น่าสนใจกว่า”หลินเซียงหัวเราะขึ้นมาทันที “ได้สิ ฉันเล่าเรื่องของฉัน คุณก็เล่าเรื่องของคุณ เป็นไง?”ลู่สือเยี่ยนมองรอยยิ้มสดใสในดวงตาของเธอ ดวงตาของเขามืดมนลงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า “ได้”หลินเซียงลุกขึ้นทันที ก่อนพูดว่า “เล่าเรื่องต้องมีเหล้า ไม่งั้นไม่สนุก”ลู่สือเยี่ยนมองเธอที่รีบไปเอาเหล้า ดวงตาของเขาลึกซึ้งกว่าเดิม นึกถึงตอนที่เธอดื่มจนเมา จึงไม่ได้ห้ามปรามหลินเซียงยกเบียร์มาหนึ่งโหล วางไว้ข้างหน้าเขาหนึ่งกระป๋อง ข้างหน้าเธอหนึ่งกระป๋องเปิดฝาแล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง เธอก็หลับตาพริ้ม “นี่แหละ รสชาติที่ใช่!”ลู่สือเยี่ยนดึงฝาออก จิบเข้าไปคำหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม แสดงสีหน้าแบบที่หาได้ยากหลินเซียงพูดว่า “งั้นฉันเริ่มก่อนแล้วกัน ฉันโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”พูดจบ เธอก็เลิกคิ้วมองลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยรอยยิ้มเยาะ “แค่นี้เองเหรอ?”หลินเซียงพยักหน้า “ใช่”เขาหัวเราะเบา ๆ พูดว่า “ผมเคยเป็นโรคความจำเสื่อม”หลินเซียง “…”โอเคเดิมทีอยากรู้เรื่องพิเศษ ๆ จากปากเขา แต่ลืมไปว่าเขาเป็นคนใจแคบและเจ้าเล่ห์ มีแต่เขาที่ทำให้คนอื่นเสี
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัวไปบ้างแล้ว เขาเอ่ยถามว่า “เรื่องนี้สำคัญเหรอ?”รักหรือไม่รัก ในสถานการณ์แบบนี้ มันสำคัญจริง ๆ เหรอ?หลินเซียงรู้สึกว่าสติของตัวเองเริ่มเลือนราง แต่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะเหลืออยู่บ้าง จึงพูดว่า “สำคัญสิ เพราะถ้าคุณรักเธอ งั้นพวกเรา… พวกเรา...”เธอไม่ควรดื่มของมึนเมาจริง ๆเธอดื่มของมึนเมาไม่เก่งจริง ๆ ด้วยดื่มเบียร์ไปแค่ครึ่งหนึ่ง สติของเธอก็เริ่มไม่ชัดเจนแล้วลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ “แล้วพวกเราจะยังไง?”หลินเซียงเอาหน้าซบลงกับโต๊ะ “เราก็เลิกกันไง”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีมองใบหน้าแดงก่ำของเธอ เธอเมาหลับไปโดยไม่มาเกาะติดเขาเหมือนอย่างเคย เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเลิกกันเหรอ?เป็นไปไม่ได้!เขาเอื้อมมือไปทัดเส้นผมที่ปรกอยู่บนแก้มเธอไปไว้ข้างหลังใบหู จ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง แล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “หลินเซียง ถ้าตอนนั้นคุณตกลงหย่าตั้งแต่แรก ตอนนี้คุณคงได้อิสรภาพแล้ว แต่ตอนนี้ สายไปแล้ว”ในขณะนั้นเอง ลุงจ้าวก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพของพวกเขา เขาก็หัวเราะแล้วพูดว่า “สาวน้อย เธอนี่ดื่มไม่เก่งเลยนะ ต
ซือเยี่ยนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ อย่าพูดมั่วซั่ว เหตุผลที่ฉันคิดว่าคุณหนูเซี่ยดีกว่า เพราะตอนนั้นเธอเคยช่วยชีวิตประธานลู่ เธอถึงกับยอมเสียขาข้างหนึ่ง ผู้หญิงแบบนี้ไม่สมควรได้รับการทะนุถนอมเหรอ?”ซ่งจั่วจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “นายคิดแบบนี้ พวกเขาก็คงมั่นใจมากว่าหลอกทุกคนได้ จริงไหม?”ซือเยี่ยนอึ้งไป “นายหมายความว่ายังไง?”ซ่งจั่วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ”พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป แต่เดินไปได้สองก้าวเขาก็หันกลับมา มองซือเยี่ยนอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ต้องปกป้องคุณหลินให้ดี ไม่งั้นคราวนี้นายไม่รอดแน่”ในขณะที่ซือเยี่ยนกำลังงงงวย ซ่งจั่วก็หันหลังเดินจากไปอีกครั้งซือเยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาคิดได้ประธานลู่สั่งให้เขาปกป้องคุณหลินงั้นเขาก็จะปกป้องด้วยชีวิต!หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เขาก็เข้าใจแล้ว เขาเป็นแค่ลูกน้อง ชีวิตของเขาเป็นของลู่สือเยี่ยน เขาแค่ต้องทำตามคำสั่งของลู่สือเยี่ยนก็พอ!อย่าคิดเรื่องอื่นแทน!…หลินเซียงถูกเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นเธอรับโทรศัพท์อย่างงัวเงีย “ฮัลโหล?”“หลินเซียงที่รัก ฉ
ทันทีที่โทรศัพท์ติดต่อได้ ฟู่จิ่นซิ่วก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารำคาญลู่สือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หาอะไรให้ซ่งซ่งทำหน่อย”“หืม?” ฟู่จิ่นซิ่วถามด้วยความสงสัย “เธอไปทำอะไรให้นายอีกล่ะ? ให้ฉันเดาหน่อยซิ เธอคงไปวางแผนกับหลินเซียงให้เธอหนีนายใช่ไหม?”ดวงตาของลู่สือเยี่ยนเย็นเยียบ “ฉลาดดีนี่”ฟู่จิ่นซิ่วสวนกลับ “เดี๋ยวก่อน ตอนนี้นายกำลังขอความช่วยเหลือจากฉันนะ? ทำไมไม่พูดดี ๆ หน่อยล่ะ?”“ได้ นายฉลาดมากเลย”ฟู่จิ่นซิ่ว “…”“ก็ได้ ๆ ยังไงฉันคงไม่ได้ยินคำพูดดี ๆ จากปากนาย แต่ไม่ต้องห่วง เรื่องที่นายบอก ฉันจะจัดการให้!”ลู่สือเยี่ยนตอบรับ และพูดว่า “ทางนั้นก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”ฟู่จิ่นซิ่วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหาหรอก”“อืม”…หลินเซียงล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ พนักงานโรงแรมก็เข้ามาส่งอาหารเช้าแล้วทั้งสองคนทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปโรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลและฉีดยาที่แขนหลินเซียงไม่กล้าดู ตอนที่ผ้าพันแผลถูกแกะออก เธอจึงเบือนหน้าหนีไปในทันทีลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงพอออกจากโรงพยาบาล โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจาก
หลินเซียง “ฮ่า ฮ่า ตลกดี”ลู่สือเยี่ยน “ชอบก็ดีแล้ว”สุดท้ายหลินเซียงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก ก่อนจะรีบดึงแขนออก แล้วเดินไปที่ประตูลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามหลังเธอ แม้เธอจะเดินเร็วแค่ไหน เขาก็ยังตามทันได้อย่างไม่ยากเย็น ท่าทางราวกับกำลังเดินเล่นอยู่หลินเซียง “…”ช่วงขายาวนี่มันดีจริง ๆ!คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันงุนงง หวังกงหันไปถามซ่งจั่ว “คุณซ่งครับ นี่มันอะไรกัน?”เกิดอะไรขึ้น?แต่ซ่งจั่วไม่ตอบคำถามเขา กลับชี้ไปที่แบบแปลนในจุดหนึ่งแล้วถามว่า “ตรงนี้คืออะไรครับ?”หวังกงรีบอธิบายอย่างตั้งใจทันทีแบบนี้ก็ไม่มีใครสนใจลู่สือเยี่ยนและหลินเซียงอีกต่อไปหลังออกจากพื้นที่ก่อสร้าง หลินเซียงเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินลู่สือเยี่ยนยังคงเดินตามหลังเธอ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกทั้งคู่หย่ากันแล้ว ทำไมเขายังคงรั้งเธอไว้ไม่ปล่อย?เธอหันไปมองเขา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ลู่สือเยี่ยนล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโค้ต ท่าทางสง่างามแต่ดูผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “นั่งรถไฟใต
หลินเซียงหันไปมองทันที พบเพียงอาคารที่กำลังก่อสร้างหลายหลังโดยไม่มีสิ่งอื่นใดแต่สายตาที่มองมานั้นช่างจริงจังเหลือเกินหลินเซียงไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกผิดพลาดแดดร้อนจัดส่องลงมาบนตัวเธอ เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อยตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เธอจึงรวบเสื้อโค้ตสีเบจที่สวมอยู่แล้วเดินเร็วไปข้างหน้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย จึงควรตรวจสอบให้เสร็จแล้วจากไปโดยเร็ว...รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าพื้นที่ก่อสร้าง หัวหน้าคนงานมีสีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนจะยื่นหมวกนิรภัยให้“ประธานลู่ครับ ที่นี่อันตราย ทำไมท่านถึงมาเองล่ะครับ?”ลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม สวมโค้ตสีดำ ทั้งตัวดูสง่างามและเย็นชา ท่าทางการเคลื่อนไหวทุกอย่างแสดงถึงความสูงส่ง คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาแผ่พลังอำนาจอันร้ายกาจซ่งจั่วรับหมวกนิรภัยแล้วส่งให้เขาลู่สือเยี่ยนสวมหมวกไปพลางพูดไปพลางว่า “ผมมาไม่ได้เหรอ?”หวังกงถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่งลู่สือเยี่ยนดูเหมือนยังหนุ่ม แต่ใครจะคิดว่านิสัยจะเข้าใจยากถึงเพียงนี้แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ ลู่สือเยี่ยนก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งจั่วยิ้มบาง และพูดว่า “ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ด
ไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้เป็นหมูหรือไง?กินเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?นั่นกับข้าวสองอย่างกับซุปอีกชามเลยนะ!อาหารสำหรับสองวันของเธอถูกเขากินหมดแล้ว!หลินเซียงยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ พรุ่งนี้ต้องไปเปลี่ยนรหัสที่ชั้นล่าง ไม่ให้เขาขึ้นมาได้!แล้วก็เปลี่ยนลูกบิดประตูด้วย!ตอนนี้เธอมีเงินเหลือเฟือ!หลินเซียงโมโหมาก เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อดูสภาพ แล้วก็เห็นกับข้าวที่อุ่นไว้บนเตาความโมโหของหลินเซียงชะงักไปชั่วขณะหึ!เธอยิ้มเยาะ แล้วหยิบกับข้าวที่อุ่นไว้มากินต่อเธอหิวจริง ๆ…วันรุ่งขึ้นหลินเซียงจ้างช่างมาเปลี่ยนลูกบิดประตู เปลี่ยนรหัสลิฟต์ แล้วค่อยไปทำงานวันนี้ซืออวี่มาเร็วมาก แต่กลับดูอิดโรยหลินเซียงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรคะ? ช่วงนี้นอนไม่หลับเหรอ?”ซืออวี่หาว “ใช่แล้ว สองวันนี้ยุ่งมาก ฮอร์โมนแปรปรวนหมด ไม่สวยแล้ว”หลินเซียงหัวเราะ “งั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”ซืออวี่ส่ายหัว “ไม่ อยู่ที่นี่ก็พักได้”หลินเซียง “…”สุดยอดเลยเธอดึงเก้าอี้นั่งลง มีนมกล่องหนึ่งอยู่ตรงหน้า พอมองขึ้นไปก็เห็นสวี่ซิงเย่ยิ้มเขินอายเล็กน้อย“ผมซื้อนมมา แต่ลืมไปว่าตัวเองแพ้นม ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ช่วยผมดื่มใ
หลินเซียงโมโหจนอยากจะเตะคน!“ปล่อย!”ลู่สือเยี่ยนก้มมองเธอ เดินเข้าไปพร้อมกับพูดว่า “ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยเดี๋ยวคุณก็ตีผมสิ”หลินเซียงมองเขาด้วยความโมโห ไม่ใช่แค่ “เดี๋ยวก็” แต่เป็น “แน่ ๆ!”ผู้ชายคนนี้น่าทุบจริงๆ!เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านก็ไม่พบผู้ชายแปลกหน้าคนไหน ความเย็นชาของลู่สือเยี่ยนก็ลดลง เขาโอบหลินเซียงไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นกับข้าวบนโต๊ะอาหารก็เลิกคิ้วเล็กน้อยเขาบีบเอวเธอเบา ๆ กระซิบว่า “คุณไม่ได้บอกว่าไม่ได้ทำกับข้าวหรือไง?”หลินเซียง “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเข้ามา ไม่อยากให้คุณกิน ฟังไม่ออกหรือไง?”ลู่สือเยี่ยน “ฟังออก แต่ผมไม่ทำตาม”หลินเซียง “…”น่าโมโหมาก!ผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริง ๆ!เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอ อารมณ์ของลู่สือเยี่ยนกลับดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาปล่อยเธอ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมากินช้อนส้อมนั้นเป็นของหลินเซียงข้าวในนั้น เธอกินไปคำหนึ่งแล้วด้วยซ้ำเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เกรงใจของเขา หลินเซียงกอดอก ถามว่า “ลู่สือเยี่ยน คุณหมายความว่ายังไง?”“หืม?”ลู่สือเยี่ยนกินข้าวไปด้วย เงยหน้ามองเธอ เหมือนกับว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอหมายความว่าอ
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ