ใบหน้าของหลินเซียงมีน้ำตานองหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเธอเพิ่งสังเกตเห็น จึงยกมือขึ้นปาดมันออก แล้วประสานมือไว้ตามเดิม“ไม่มีอะไรให้ร้องแล้ว”เธอพูดเสียงอู้อี้แต่ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลมากกว่าเดิมซ่งซ่งรีบกอดเธอ “เซียงเซียง อย่าร้องไห้เลยนะ ไม่คุ้มเลยที่จะเสียน้ำตาให้คนสารเลวแบบนี้”หลินเซียงจับแขนของซ่งซ่งอย่างแรง จนข้อนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาว "เขาไม่เชื่อฉัน... เขาไม่เชื่อใจฉันได้ยังไง ตอนที่ฉันพาเขากลับบ้าน เขาไม่เห็นจะใจร้ายกับฉันแบบนี้"เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เป็นคนแบบนั้นเลยสักนิดเขาสูญเสียความทรงจำทั้งหมด จนสมองเป็นเหมือนกระดาษเปล่า คงเหลือเพียงความอยากรู้อยากเห็นและระแวงต่อเธออย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการกล่าวหาและเย็นชาเช่นนี้ไม่เคยเลย!ลู่สือเยี่ยนในปัจจุบันแปลกมาก จนทำให้เธอกลัว!เขาเป็นเหมือนอีกคนที่ครอบงำร่างของอาเยี่ยน ทำให้เธอทุกข์ทรมานมาก!ซ่งซ่งปลอบโยนเธอ "คนเราเปลี่ยนกันได้เสมอ ผู้ชายเวลามีเงินกับไม่มีเงินน่ะนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว เซียงเซียง เธอยังตัดใจหย่าไม่ได้อีกเหรอ? ถึงเวลาต้องปล่อยมือแล้วนะ"หลินเซียงร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง “แต
แค่คิดถึงฟู่จิ่นซิ่ว เธอก็อดคิดถึงผู้ชายสารเลวลู่สือเยี่ยนคนนั้นไม่ได้ ถ้าฟู่จิ่นซิ่วเป็นเพื่อนกับลู่สือเยี่ยนได้ แสดงว่าตัวเขาก็คงไม่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นักหรอก!ซ่งซ่งหัวเราะเยาะทันที “อยากฟ้องฉันก็เชิญเลย ฉันไม่ขออยู่รองมือรองเท้าเขาแล้ว!” พูดจบเธอก็วางสายทันที บล็อกหมายเลขโทรศัพท์ของฟู่จิ่นซิ่วโรงพยาบาลฟู่จิ่นซิ่วมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ นี่เขา...ถูกพาลใส่เหรอ? เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของลู่สือเยี่ยน มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ?ฟู่จิ่นซิ่วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาซ่งซ่ง แล้วก็พบว่าหมายเลขของเขาถูกบล็อกแล้วฟู่จิ่นซิ่ว “…”ผู้หญิงคนนี้ เกินไปแล้ว!เขาหัวเราะเยาะ ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งหมายเลข จากนั้นก็กดโทรออก “ไปช่วยฉันจัดการเรื่องหนึ่งให้หน่อย”…ซ่งซ่งอยู่ที่เฟิงหลินหย่วนคอยดูแลหลินเซียง กลัวว่าเธอจะมีอันตราย แต่ตอนบ่าย เธอรับโทรศัพท์จากหัวหน้างาน“ซ่งซ่ง ได้ยินว่าคุณไปทำร้ายคุณฟู่จิ่นซิ่วเหรอ?” เสียงหัวหน้างานสั่นเครือสีหน้าของซ่งซ่งเปลี่ยนไปทันที “ผู้จัดการ คุณรู้ได้ยังไงคะ?”ผู้จัดการตอบกลับ “ยังมีหน้ามาถามผมอีกเหรอ?
ซ่งซ่งมองเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ “คุณมีน้ำใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”ฟู่จินซิ่วไม่ตอบอะไร แค่เหยียดยิ้มมองเธอนิ่ง ๆซ่งซ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็สงบลง ตอนนี้ความบริสุทธิ์ของเพื่อนสำคัญที่สุดถ้าฟู่จินซิ่วช่วยได้จริง ๆ เรื่องนี้อาจจะพอมีทางออกก็ได้?“เดี๋ยวฉันช่วย”ซ่งซ่งมองไปยังเชือกผูกเอวที่ยุ่งเหยิงของเขา แล้วเดินเข้าไป โน้มตัวลง นิ้วเรียวเล็กหยิบปลายผ้าขึ้นมาแล้วเริ่มผูกหญิงสาวเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอแผ่กระจายอยู่ในอากาศ ฟู่จินซิ่วจ้องมองใบหน้าของซ่งซ่ง แล้วพูดขึ้นมาทันที “จริง ๆ แล้ว คุณเหมาะกับวงการบันเทิงมากนะ ไม่คิดจะลองเดบิวต์ดูบ้างเหรอ?”ซ่งซ่งผูกเชือกเสร็จก็ถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า “ฉันไม่อยากดัง”เมื่อเธอเดินจากไป กลิ่นหอมนั้นก็หายไปเช่นกัน โดยไม่รู้ตัว ใจของฟู่จินซิ่วกลับรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างดวงตาของเขาเป็นประกาย ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมพูดจริง ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกผมได้เลย รับประกันว่าภายในหกเดือน ผมจะปั้นทำให้คุณกลายเป็นดาราแถวหน้าของจีน”ซ่งซ่งยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”ฟู่จินซิ่ว “…”…หลินเซียงไปที่สถานีตำรวจ เพื่อสอบถามผลการทดสอบสารพิษในอาหารสิ่
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ถึงตอนนี้เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้จัดการ จึงส่ายหน้า “ขอผัดไปก่อนแล้วกันค่ะ”ฉินโหย่วหานตอบรับ ดวงตาจ้องมองเธอ เหมือนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูดหลินเซียงพูดต่อ “ฉันไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่”ฉินโหย่วหาน “ได้ครับ”เขาหันหลังกลับ เดินไปหาผู้ชายกลุ่มนั้นหลินเซียงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันเดินไปในอีกทิศทางหนึ่งตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอหวังพึ่งได้ก็คือผลการทดสอบ ถ้าผลการทดสอบยังไม่ออกมา เธอก็จะยังลบล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือรอเดินไปได้ไม่กี่นาที ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังจากด้านหลังเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หลินเซียงจึงหลบไปด้านข้างเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกชน“บี๊บ!”แต่รถคันนั้นกลับชะลอความเร็วลงข้าง ๆ เธอและบีบแตรหลินเซียงหันไปมองด้วยความสงสัย เห็นใบหน้าที่งดงามและอ่อนโยนของฉินโหย่วหานโผล่ออกมาจากในรถ มือข้างหนึ่งวางอยู่บนกระจกรถ ยิ้มบาง ๆ “ขึ้นรถสิ ผมไปส่ง”หลินเซียงประหลาดใจ คิดว่าเขาจะเดินจากไป ไม่คิดว่าเขาจะไปเอารถมา“คุณฉิน จริง ๆ แล้วไม่ต้องหรอกค่ะ บ้านฉันอยู
“พี่หาน ทำไมจู่ ๆ ถึงสนใจเรื่องของบ้านตระกูลลู่ขึ้นมาล่ะ?” อีกฝ่ายถามด้วยความประหลาดใจฉินโหย่วหานพูดอย่างใจเย็น “คุณปู่อยากให้ฉันสร้างผลงานที่น่าพอใจไม่ใช่เหรอ? มีเรื่องนี้เข้ามาพอดีเลยไง”อีกฝ่ายยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “พี่หาน คุณจะกลับไปที่บ้านตระกูลฉินเหรอ? ไหนว่าไม่สนใจบ้านนั้นไง?”ฉินโหย่วหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้สนใจแล้ว ไม่ได้หรือไง?”“ได้ได้ได้ ได้สิครับ! พี่หาน คุณรอฟังข่าวได้เลย ผมจะตรวจสอบให้เร็วที่สุด!”หลังจากวางสายดวงตาของฉินโหย่วหานฉายแววลึกล้ำเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เมื่อนึกถึงใบหน้าซีดเซียวของหลินเซียง มือของฉินโหย่วหานที่จับพวงมาลัยก็กำแน่นขึ้น…หลินเซียงรออยู่สองวัน ผลการตรวจสอบก็ยังไม่ออกมา เช้าวันนี้เธอไปทำงานตามปกติ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบกับซ่งจั่วหลินเซียงถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”ซ่งจั่วยิ้มอย่างมืออาชีพ ก่อนจะยื่นเอกสารให้เธอ แล้วกล่าวว่า “นี่คือเอกสารหย่า ประธานลู่เซ็นเรียบร้อยแล้ว แค่คุณลงนาม เอกสารก็จะมีผลทันที ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณลู่ก็จะสิ้นสุดลง”หลินเซียงสีหน้าเปลี่ยนไป มือที่จับลูกบิดประตูกำแน่นขึ้น ข้อต่อนิ้วมือ
หลินเซียงกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบในบริษัทเธอถูกถอดออกจากทีมโปรเจ็กต์ที่เธอทำงานร่วมมือกับเฉิงต๋า เนื่องจากโปรเจ็กต์ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว นั่นหมายความว่าเธอไม่มีบทบาทสำคัญอีกต่อไปเมื่อหลินเซียงได้รับแจ้งเรื่องนี้ เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่านี่อยู่เหนือความคาดหมายอะไรในใจเธอสงบนิ่ง พร้อมจัดการงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าหลินเซียงถูกปลด คนที่เคยประจบประแจงเธอก่อนหน้านี้ก็เริ่มตีตัวออกห่างตรงกันข้าม สิ่งนี้กลับทำให้เธอสบายใจมากช่วงเที่ยง มีพนักงานส่งของเดินเข้ามาประกาศเสียงดังว่า "พัสดุส่งด่วนถึงคุณหลินเซียงครับ!"สีหน้าของหลินเซียงชะงักค้างชั่วคราว เธอไม่ได้สั่งซื้ออะไรมาซะหน่อยเธอเอื้อมมือไปรับมันมา มันเป็นกล่องเล็ก ๆ เขย่าเบา ๆ เมื่อเธอเขย่าดู เสียงในกล่องฟังดูเหมือนมีอะไรบางอย่างกระจัดกระจายอยู่ข้างใน หลินเซียงมองไปที่ชื่อผู้ส่ง เป็นบุคคลนิรนามอีกแล้วเธอลังเล ไม่ยอมเปิดมันทันทีเมื่อพิจารณาว่าเธอถูกสะกดรอยตาม ถูกลากเข้าไปในป่า และเกือบโดนฆ่าตาย หลังจากนั้นยังได้รับรูปถ่ายนองเลือดอีก เธอจึงไม่รีบเปิดพัสดุนี้จากแหล่
หลินเซียงมองเธออย่างเย็นชา “เธอแกะพัสดุของของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก ทำไมถึงได้หน้าไม่อายแบบนี้นะ?”สีหน้าโจวอิ่งเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “กล้าดียังไงมาด่าฉัน?”“ถ้าเธอกล้าพูดอีกคำหนึ่ง ฉันจะไม่ทำแค่ด่า”หลินเซียงพูดอย่างเย็นชาใบหน้าของโจวอิ่งดูย่ำแย่ รีบออกไปตามผู้จัดการทันทีทันทีที่ผู้จัดการมาถึง เมื่อเขาเห็นสิ่งของในกล่องพัสดุส่งด่วน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป รีบหันไปมองหลินเซียง "นี่ของของคุณเหรอ?"หลินเซียงแสดงสีหน้าเย็นชา “พูดแบบนี้หมายความว่าไง?”ผู้จัดการกล่าว "ทำไมคุณถึงเอาของน่าขยะแขยงแบบนี้เข้ามาในบริษัท? คุณไม่มีงานทำคนเดียว คนอื่นก็ไม่ต้องทำงานด้วยงั้นเหรอ?"หากเป็นก่อนหน้านี้ผู้จัดการคงไม่กล้าพูดกับหลินเซียงแบบนี้เหตุผลเพราะหลินเซียงรับผิดชอบโปรเจ็กต์ความร่วมมือกับเฉิงต๋า และเพราะทัศนคติที่คลุมเครือของท่านประธานที่มีต่อเธออีกด้วยวันนี้ผู้จัดการได้รับการแจ้งเตือน ซึ่งส่งตรงมาจากซ่งจั่ว บอกให้เขาไล่หลินเซียงออกจากทีมโปรเจ็กต์ในตอนนั้นเขาตกใจมาก!หลังจากเลียบเคียงถามอย่างมีชั้นเชิง ซ่งจั่วก็วางสายโทรศัพท์โดยไม่พูดอะไรเดาว่าบางทีหลินเซียงอาจจะ
หลินเซียงหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่เหลียวมอง ซ่งจั่วหายใจเข้าลึก แล้วเดินตามไป “คุณหลินครับ”หลินเซียงหยุดเดิน “มีอะไรคะ?”ซ่งจั่วนำเอกสารออกมา พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมืออาชีพเช่นเคย “คุณเซ็นชื่อเถอะครับ จะดีต่อทั้งตัวคุณและประธานลู่”สีหน้าหลินเซียงเปลี่ยนไปทันที จ้องมองเอกสารในมือซ่งจั่ว “หมายความว่ายังไงคะ? ถ้าฉันไม่เซ็น คุณก็จะส่งมาให้ทุกวัน แล้วก็คอยจ้องจะเล่นงานฉันตอนอยู่ในบริษัทด้วยอย่างนั้นเหรอ?”ซ่งจั่วกล่าว “อย่างที่บอกครับ แต่ผมไม่ได้สั่งให้ใครไปเล่นงานคุณนะ” (ในใจคิด : อย่ามาใส่ร้ายผมนะ)หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าไม่ใช่คุณก็ต้องเป็นลู่สือเยี่ยน ไม่ต่างกัน”ซ่งจั่ว “...” (คิดในใจ คุณหลินคงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เราควรอธิบายไหมนะ? ช่างเถอะ ไปรายงานประธานลู่ก่อนดีกว่า เดี๋ยวประธานรู้เข้าคงไม่พอใจแน่)ซ่งจั่วส่งเอกสารให้หลินเซียง “คุณหลินครับ เซ็นชื่อเถอะครับ”หลินเซียงรับเอกสารไปซ่งจั่วเริ่มรู้สึกกังวลกลัวว่าเธออาจจะฉีกเอกสารอีกแต่แล้วหลินเซียงก็หันหลังเดินจากไปดื้อ ๆ“เดี๋ยวก่อนครับ คุณหลิน!”ซ่งจั่วตกใจ รีบเดินตามไปสองสามก้าว “จะไปไหนค
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ
หลินเซียงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ทำไมจดล็อบบี้ไม่ได้เหรอคะ?”เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “คุณผู้หญิง วันนี้ที่ล็อบบี้คนเยอะ เชิญทั้งสองท่านไปชั้นบนดีกว่า”หลินเซียงเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์รับเรื่องหย่า เห็นว่าคนแน่นจริง ๆอย่างนี้นี่เอง สมัยนี้การแต่งงานส่วนใหญ่คงไปกันไม่รอดสินะ?เธอไม่คิดอะไรมาก รีบตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้นบนในห้องทำงานของนายทะเบียน ทั้งสองคนกรอกเอกสารเพิ่มเติม แล้วก็เข้าสู่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินลู่สือเยี่ยนหยิบสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอ “นี่คือค่าชดเชยให้คุณ”หลินเซียงรับมาดู พอเห็นชื่อบางชื่อ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างบ้านที่เฟิงหลินหย่วน เขากลับยกให้เธอบ้านหลังนั้นเธอขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เขาซื้อคืนมาเมื่อไหร่?หรือว่าเป็นอีกหลังหนึ่ง?นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่หลังแรกที่เขาให้เธอ มีความทรงจำดี ๆ เธอยังคงชอบมันอยู่เธอมองลงไปด้านล่าง ยังมีค่าชดเชยการหย่าอีกห้าสิบล้านเยี่ยมไปเลย เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “มีอะไรสงสัยไหม?”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่มีค่ะ”จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการเซ็นชื่อไม่นาน นายทะเบียนก็มอบใบหย่าให้ทั้งสองคนแต่ลู่สือเยี่ยนไม
หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอสวี่ซิงเย่เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ จึงถามว่า “หลินเซียง คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?”หลินเซียงส่ายหัว “เปล่า อาจจะแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ”สวี่ซิงเย่กังวลเล็กน้อย “ยังมีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ไหมครับ? ให้ผมช่วยก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง”หลินเซียง “ไม่มีแล้ว ขอบคุณมาก”สวี่ซิงเย่ยังอยากจะพูดอะไรอีก ซืออวี่ก็เดินเข้ามา “เสี่ยวสวี่ ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อย!”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ได้ครับ”ช่วงนี้ ซืออวี่มักจะพาสวี่ซิงเย่ออกไปข้างนอก เขามีความสามารถ แถมยังดื่มเหล้าเก่ง ถนัดการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจมากมาย ด้วยความสามารถของเขาทำให้ดึงดูดทรัพยากรได้มาก ตอนนี้เริ่มทำแบบร่างโครงการด้วยตัวเองแล้วหลินเซียงมองตามพวกเขาออกไป ในใจเกิดความสงสัยเล็กน้อยช่วงนี้งานเลี้ยงเยอะเกินไปหรือเปล่า?ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยสวี่ซินหรานพูดขึ้นมาทันที “หึ ก่อนหน้านี้บอสมักจะพาเธอออกไป ให้ความสำคัญกับเธอมาก ตอนนี้เป็นไงล่ะ ดูเหมือนความสามารถของสวี่ซิงเย่จะโดดเด่นกว่าเธอนะ”หลินเซียง “งั้นเธอมีดีอะไรบ้างล่ะ?”สวี่ซินหรานอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะโต้กลับหลินเซียงมองเธออย่
คุณย่าลู่ขู่จะตาย! สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีเซี่ยหว่านรีบเข้าไป พร้อมกับร้องไห้พูดว่า “คุณย่าลู่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณแล้วค่ะ เราไปตรวจกันก่อนดีไหมคะ?”คุณย่าลู่มองเธอด้วยความปลื้มปิติ “หว่านหว่าน เธอนี่เป็นเด็กดีจริง ๆ ตระกูลลู่เป็นหนี้เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง สู้ตายไปยังไม่เจ็บช้ำเท่า”เซี่ยหว่านร้องไห้จนพูดไม่ออก!สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันทีลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เธอจับจ้องราวกับจะคาดคั้นรอการตัดสินใจของเขาหลินเซียงเดินเข้าไป มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “เราไปหย่ากันก่อนเถอะ สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”คุณย่าลู่มองลู่สือเยี่ยนด้วยความกระวนกระวายลู่สือเยี่ยนหันไปมองหลินเซียงอย่างรวดเร็ว กระตุกมุมปาก “ผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณคงพอใจแล้วใช่ไหม?”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก พูดว่า “แต่สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”ลู่สือเยี่ยนพยักหน้า “ได้ หย่าก็หย่า”คุณย่าลู่ก็โล่งใจขึ้นมาทันที นอนลงบนเตียงแล้วหลับไปหมอและพยาบาลพาคุณย่าลู่ไปห้องตรวจเซี่ยหว่านเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “สือเยี่
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด