ใบหน้าของหลินเซียงมีน้ำตานองหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเธอเพิ่งสังเกตเห็น จึงยกมือขึ้นปาดมันออก แล้วประสานมือไว้ตามเดิม“ไม่มีอะไรให้ร้องแล้ว”เธอพูดเสียงอู้อี้แต่ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลมากกว่าเดิมซ่งซ่งรีบกอดเธอ “เซียงเซียง อย่าร้องไห้เลยนะ ไม่คุ้มเลยที่จะเสียน้ำตาให้คนสารเลวแบบนี้”หลินเซียงจับแขนของซ่งซ่งอย่างแรง จนข้อนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาว "เขาไม่เชื่อฉัน... เขาไม่เชื่อใจฉันได้ยังไง ตอนที่ฉันพาเขากลับบ้าน เขาไม่เห็นจะใจร้ายกับฉันแบบนี้"เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เป็นคนแบบนั้นเลยสักนิดเขาสูญเสียความทรงจำทั้งหมด จนสมองเป็นเหมือนกระดาษเปล่า คงเหลือเพียงความอยากรู้อยากเห็นและระแวงต่อเธออย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการกล่าวหาและเย็นชาเช่นนี้ไม่เคยเลย!ลู่สือเยี่ยนในปัจจุบันแปลกมาก จนทำให้เธอกลัว!เขาเป็นเหมือนอีกคนที่ครอบงำร่างของอาเยี่ยน ทำให้เธอทุกข์ทรมานมาก!ซ่งซ่งปลอบโยนเธอ "คนเราเปลี่ยนกันได้เสมอ ผู้ชายเวลามีเงินกับไม่มีเงินน่ะนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว เซียงเซียง เธอยังตัดใจหย่าไม่ได้อีกเหรอ? ถึงเวลาต้องปล่อยมือแล้วนะ"หลินเซียงร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง “แต
แค่คิดถึงฟู่จิ่นซิ่ว เธอก็อดคิดถึงผู้ชายสารเลวลู่สือเยี่ยนคนนั้นไม่ได้ ถ้าฟู่จิ่นซิ่วเป็นเพื่อนกับลู่สือเยี่ยนได้ แสดงว่าตัวเขาก็คงไม่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นักหรอก!ซ่งซ่งหัวเราะเยาะทันที “อยากฟ้องฉันก็เชิญเลย ฉันไม่ขออยู่รองมือรองเท้าเขาแล้ว!” พูดจบเธอก็วางสายทันที บล็อกหมายเลขโทรศัพท์ของฟู่จิ่นซิ่วโรงพยาบาลฟู่จิ่นซิ่วมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ นี่เขา...ถูกพาลใส่เหรอ? เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของลู่สือเยี่ยน มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ?ฟู่จิ่นซิ่วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาซ่งซ่ง แล้วก็พบว่าหมายเลขของเขาถูกบล็อกแล้วฟู่จิ่นซิ่ว “…”ผู้หญิงคนนี้ เกินไปแล้ว!เขาหัวเราะเยาะ ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งหมายเลข จากนั้นก็กดโทรออก “ไปช่วยฉันจัดการเรื่องหนึ่งให้หน่อย”…ซ่งซ่งอยู่ที่เฟิงหลินหย่วนคอยดูแลหลินเซียง กลัวว่าเธอจะมีอันตราย แต่ตอนบ่าย เธอรับโทรศัพท์จากหัวหน้างาน“ซ่งซ่ง ได้ยินว่าคุณไปทำร้ายคุณฟู่จิ่นซิ่วเหรอ?” เสียงหัวหน้างานสั่นเครือสีหน้าของซ่งซ่งเปลี่ยนไปทันที “ผู้จัดการ คุณรู้ได้ยังไงคะ?”ผู้จัดการตอบกลับ “ยังมีหน้ามาถามผมอีกเหรอ?
ซ่งซ่งมองเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ “คุณมีน้ำใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”ฟู่จินซิ่วไม่ตอบอะไร แค่เหยียดยิ้มมองเธอนิ่ง ๆซ่งซ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็สงบลง ตอนนี้ความบริสุทธิ์ของเพื่อนสำคัญที่สุดถ้าฟู่จินซิ่วช่วยได้จริง ๆ เรื่องนี้อาจจะพอมีทางออกก็ได้?“เดี๋ยวฉันช่วย”ซ่งซ่งมองไปยังเชือกผูกเอวที่ยุ่งเหยิงของเขา แล้วเดินเข้าไป โน้มตัวลง นิ้วเรียวเล็กหยิบปลายผ้าขึ้นมาแล้วเริ่มผูกหญิงสาวเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอแผ่กระจายอยู่ในอากาศ ฟู่จินซิ่วจ้องมองใบหน้าของซ่งซ่ง แล้วพูดขึ้นมาทันที “จริง ๆ แล้ว คุณเหมาะกับวงการบันเทิงมากนะ ไม่คิดจะลองเดบิวต์ดูบ้างเหรอ?”ซ่งซ่งผูกเชือกเสร็จก็ถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า “ฉันไม่อยากดัง”เมื่อเธอเดินจากไป กลิ่นหอมนั้นก็หายไปเช่นกัน โดยไม่รู้ตัว ใจของฟู่จินซิ่วกลับรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างดวงตาของเขาเป็นประกาย ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมพูดจริง ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกผมได้เลย รับประกันว่าภายในหกเดือน ผมจะปั้นทำให้คุณกลายเป็นดาราแถวหน้าของจีน”ซ่งซ่งยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”ฟู่จินซิ่ว “…”…หลินเซียงไปที่สถานีตำรวจ เพื่อสอบถามผลการทดสอบสารพิษในอาหารสิ่
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ถึงตอนนี้เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้จัดการ จึงส่ายหน้า “ขอผัดไปก่อนแล้วกันค่ะ”ฉินโหย่วหานตอบรับ ดวงตาจ้องมองเธอ เหมือนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูดหลินเซียงพูดต่อ “ฉันไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่”ฉินโหย่วหาน “ได้ครับ”เขาหันหลังกลับ เดินไปหาผู้ชายกลุ่มนั้นหลินเซียงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันเดินไปในอีกทิศทางหนึ่งตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอหวังพึ่งได้ก็คือผลการทดสอบ ถ้าผลการทดสอบยังไม่ออกมา เธอก็จะยังลบล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือรอเดินไปได้ไม่กี่นาที ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังจากด้านหลังเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หลินเซียงจึงหลบไปด้านข้างเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกชน“บี๊บ!”แต่รถคันนั้นกลับชะลอความเร็วลงข้าง ๆ เธอและบีบแตรหลินเซียงหันไปมองด้วยความสงสัย เห็นใบหน้าที่งดงามและอ่อนโยนของฉินโหย่วหานโผล่ออกมาจากในรถ มือข้างหนึ่งวางอยู่บนกระจกรถ ยิ้มบาง ๆ “ขึ้นรถสิ ผมไปส่ง”หลินเซียงประหลาดใจ คิดว่าเขาจะเดินจากไป ไม่คิดว่าเขาจะไปเอารถมา“คุณฉิน จริง ๆ แล้วไม่ต้องหรอกค่ะ บ้านฉันอยู
“พี่หาน ทำไมจู่ ๆ ถึงสนใจเรื่องของบ้านตระกูลลู่ขึ้นมาล่ะ?” อีกฝ่ายถามด้วยความประหลาดใจฉินโหย่วหานพูดอย่างใจเย็น “คุณปู่อยากให้ฉันสร้างผลงานที่น่าพอใจไม่ใช่เหรอ? มีเรื่องนี้เข้ามาพอดีเลยไง”อีกฝ่ายยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “พี่หาน คุณจะกลับไปที่บ้านตระกูลฉินเหรอ? ไหนว่าไม่สนใจบ้านนั้นไง?”ฉินโหย่วหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้สนใจแล้ว ไม่ได้หรือไง?”“ได้ได้ได้ ได้สิครับ! พี่หาน คุณรอฟังข่าวได้เลย ผมจะตรวจสอบให้เร็วที่สุด!”หลังจากวางสายดวงตาของฉินโหย่วหานฉายแววลึกล้ำเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เมื่อนึกถึงใบหน้าซีดเซียวของหลินเซียง มือของฉินโหย่วหานที่จับพวงมาลัยก็กำแน่นขึ้น…หลินเซียงรออยู่สองวัน ผลการตรวจสอบก็ยังไม่ออกมา เช้าวันนี้เธอไปทำงานตามปกติ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบกับซ่งจั่วหลินเซียงถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”ซ่งจั่วยิ้มอย่างมืออาชีพ ก่อนจะยื่นเอกสารให้เธอ แล้วกล่าวว่า “นี่คือเอกสารหย่า ประธานลู่เซ็นเรียบร้อยแล้ว แค่คุณลงนาม เอกสารก็จะมีผลทันที ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณลู่ก็จะสิ้นสุดลง”หลินเซียงสีหน้าเปลี่ยนไป มือที่จับลูกบิดประตูกำแน่นขึ้น ข้อต่อนิ้วมือ
หลินเซียงกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบในบริษัทเธอถูกถอดออกจากทีมโปรเจ็กต์ที่เธอทำงานร่วมมือกับเฉิงต๋า เนื่องจากโปรเจ็กต์ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว นั่นหมายความว่าเธอไม่มีบทบาทสำคัญอีกต่อไปเมื่อหลินเซียงได้รับแจ้งเรื่องนี้ เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่านี่อยู่เหนือความคาดหมายอะไรในใจเธอสงบนิ่ง พร้อมจัดการงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าหลินเซียงถูกปลด คนที่เคยประจบประแจงเธอก่อนหน้านี้ก็เริ่มตีตัวออกห่างตรงกันข้าม สิ่งนี้กลับทำให้เธอสบายใจมากช่วงเที่ยง มีพนักงานส่งของเดินเข้ามาประกาศเสียงดังว่า "พัสดุส่งด่วนถึงคุณหลินเซียงครับ!"สีหน้าของหลินเซียงชะงักค้างชั่วคราว เธอไม่ได้สั่งซื้ออะไรมาซะหน่อยเธอเอื้อมมือไปรับมันมา มันเป็นกล่องเล็ก ๆ เขย่าเบา ๆ เมื่อเธอเขย่าดู เสียงในกล่องฟังดูเหมือนมีอะไรบางอย่างกระจัดกระจายอยู่ข้างใน หลินเซียงมองไปที่ชื่อผู้ส่ง เป็นบุคคลนิรนามอีกแล้วเธอลังเล ไม่ยอมเปิดมันทันทีเมื่อพิจารณาว่าเธอถูกสะกดรอยตาม ถูกลากเข้าไปในป่า และเกือบโดนฆ่าตาย หลังจากนั้นยังได้รับรูปถ่ายนองเลือดอีก เธอจึงไม่รีบเปิดพัสดุนี้จากแหล่
หลินเซียงมองเธออย่างเย็นชา “เธอแกะพัสดุของของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก ทำไมถึงได้หน้าไม่อายแบบนี้นะ?”สีหน้าโจวอิ่งเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “กล้าดียังไงมาด่าฉัน?”“ถ้าเธอกล้าพูดอีกคำหนึ่ง ฉันจะไม่ทำแค่ด่า”หลินเซียงพูดอย่างเย็นชาใบหน้าของโจวอิ่งดูย่ำแย่ รีบออกไปตามผู้จัดการทันทีทันทีที่ผู้จัดการมาถึง เมื่อเขาเห็นสิ่งของในกล่องพัสดุส่งด่วน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป รีบหันไปมองหลินเซียง "นี่ของของคุณเหรอ?"หลินเซียงแสดงสีหน้าเย็นชา “พูดแบบนี้หมายความว่าไง?”ผู้จัดการกล่าว "ทำไมคุณถึงเอาของน่าขยะแขยงแบบนี้เข้ามาในบริษัท? คุณไม่มีงานทำคนเดียว คนอื่นก็ไม่ต้องทำงานด้วยงั้นเหรอ?"หากเป็นก่อนหน้านี้ผู้จัดการคงไม่กล้าพูดกับหลินเซียงแบบนี้เหตุผลเพราะหลินเซียงรับผิดชอบโปรเจ็กต์ความร่วมมือกับเฉิงต๋า และเพราะทัศนคติที่คลุมเครือของท่านประธานที่มีต่อเธออีกด้วยวันนี้ผู้จัดการได้รับการแจ้งเตือน ซึ่งส่งตรงมาจากซ่งจั่ว บอกให้เขาไล่หลินเซียงออกจากทีมโปรเจ็กต์ในตอนนั้นเขาตกใจมาก!หลังจากเลียบเคียงถามอย่างมีชั้นเชิง ซ่งจั่วก็วางสายโทรศัพท์โดยไม่พูดอะไรเดาว่าบางทีหลินเซียงอาจจะ
หลินเซียงหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่เหลียวมอง ซ่งจั่วหายใจเข้าลึก แล้วเดินตามไป “คุณหลินครับ”หลินเซียงหยุดเดิน “มีอะไรคะ?”ซ่งจั่วนำเอกสารออกมา พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมืออาชีพเช่นเคย “คุณเซ็นชื่อเถอะครับ จะดีต่อทั้งตัวคุณและประธานลู่”สีหน้าหลินเซียงเปลี่ยนไปทันที จ้องมองเอกสารในมือซ่งจั่ว “หมายความว่ายังไงคะ? ถ้าฉันไม่เซ็น คุณก็จะส่งมาให้ทุกวัน แล้วก็คอยจ้องจะเล่นงานฉันตอนอยู่ในบริษัทด้วยอย่างนั้นเหรอ?”ซ่งจั่วกล่าว “อย่างที่บอกครับ แต่ผมไม่ได้สั่งให้ใครไปเล่นงานคุณนะ” (ในใจคิด : อย่ามาใส่ร้ายผมนะ)หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าไม่ใช่คุณก็ต้องเป็นลู่สือเยี่ยน ไม่ต่างกัน”ซ่งจั่ว “...” (คิดในใจ คุณหลินคงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เราควรอธิบายไหมนะ? ช่างเถอะ ไปรายงานประธานลู่ก่อนดีกว่า เดี๋ยวประธานรู้เข้าคงไม่พอใจแน่)ซ่งจั่วส่งเอกสารให้หลินเซียง “คุณหลินครับ เซ็นชื่อเถอะครับ”หลินเซียงรับเอกสารไปซ่งจั่วเริ่มรู้สึกกังวลกลัวว่าเธออาจจะฉีกเอกสารอีกแต่แล้วหลินเซียงก็หันหลังเดินจากไปดื้อ ๆ“เดี๋ยวก่อนครับ คุณหลิน!”ซ่งจั่วตกใจ รีบเดินตามไปสองสามก้าว “จะไปไหนค