เสียงห้าวทุ้มลึกทว่าทรงพลังยังดังก้องในความนึกคิดของหญิงสาวพร้อม ๆ กับภาพใบหน้าคมเข้มคมคายของ เขา คนนั้นยังแจ่มชัดในมโนนึกเสมอ นิตาเกือบจะทำน้ำตาร่วงลงในจานสเต็กหากก็เก็บกลั้นมันไว้ได้เสียก่อน
“เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน...ถึงวันนั้นผมอยากมีลูกสาวกับลูกชายกับคุณสักห้าคน”
เธอยังคิดถึงประโยคนี้เสมอและมันทำให้นิตาอดไม่ได้ที่จะดึงล็อคเก็ตที่ห้อยคอขึ้นมาเปิดดู
“คลีฟ...” เสียงแผ่วเบาลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เธอเกือบต้องเสียน้ำตาอีกแล้วหากไม่มีสิ่งที่เข้ามาขัดจังหวะความคิดนั้นเสียก่อน นั่นคือภาพที่ผู้ชายชาวอเมริกันสวมชุดสูทดูภูมิฐานคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้กันลุกขึ้นเดินออกไปทั้งที่กระเป๋าเอกสารของเขายังวางอยู่บนเก้าอี้
“คะ...คุณ...คุณคะ!” เร็วกว่าความคิด นิตารีบวางส้อมในมือลงและปรี่เข้าไปหยิบกระเป๋าเอกสารใบนั้นก่อนวิ่งออกไปหน้าร้านและตะโกนเรียก
“คุณคะ!...คุณ...คุณลืมกระเป๋าค่ะ!” ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาและทำสีหน้าประหลาดใจ สักครู่เขาก็มีสีหน้าเหมือนนึกอะไรได้เมื่อนิตาวิ่งเข้าไปหยุดตรงหน้าและยื่นกระเป๋าให้
“คุณคะ...คุณลืมกระเป๋าไว้ในร้านน่ะค่ะ นี่ไงคะ”
“โอ!...พระเจ้า...ขอบคุณมากนะครับ กระเป๋าใบนี้สำคัญกับผมมาก ผมนี่มันเลินเล่อจริง ๆ” บุรุษหนุ่มเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรและมีดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลยิ้มอย่างยินดี เขามองหญิงสาวชาวไทยด้วยความชื่นชม
“ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ...เมื่อครู่ผมรีบมากไปหน่อย นี่ถ้ากลับไปถึงบริษัทผมคงนึกไม่ออกแน่ ๆ ว่าลืมของไว้ที่ไหน”
“ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันไปก่อนนะคะ” ชายหนุ่มผู้นั้นอยากจะอ้าปากถามชื่อเสียงเรียงนามของสาวไทยทว่าก็ไม่ทันหญิงสาวที่หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้านอย่างเร่งรีบ เมื่อนิตากลับไปถึงโต๊ะอาหารเธอก็รู้สึกว่าต้องรีบออกไปหาที่พักเมื่อพลิกดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเลยเที่ยงมามากแล้ว
“คิดเงินด้วยค่ะ” ร่างแน่งน้อยกวักมือเรียกบริกรและทำท่าจะหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาเพื่อล้วงหยิบธนบัตรภายในนั้นทว่ากลับพบเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าอีกใบของเธอเท่านั้น
“กระเป๋า!...ตายละ...กระเป๋าอยู่ไหน!”
นิตาพยายามมองหาด้วยก้มลงดูใต้โต๊ะเพื่อหวังว่าเธออาจจะทำมันหล่นลงไป บนพื้นที่นั่งใกล้ ๆ หากก็ไม่พบกระเป๋าใบนั้นเลย
“นี่บิลค่าอาหารครับคุณผู้หญิง” บริกรที่เดินมาวางบิลค่าอาหารลงบนโต๊ะ นิตาหันกลับมามองเขาก่อนจะถามขึ้นว่า
“ขอโทษทีนะคะ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นกระเป๋าสะพายของฉันที่ตั้งอยู่ตรงนี้หรือเปล่า?”
ชายหนุ่มผู้นั้นเลิกคิ้วสูง “เอ...ผมไม่เห็นนะครับ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงไปลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่าครับ?”
“ไม่นะคะ” นิตาส่ายหน้า หัวใจของเธอเต้นเร็วแรงเพราะในกระเป๋าใบนั้นมีเงินสด บัตรเครดิตและเอกสารการเดินทางข้ามประเทศที่สำคัญอยู่ทั้งหมด ถ้าเธอหามันไม่พบต้องเดือดร้อนแน่ ๆ
“ขอโทษทีนะคะ...ฉันไม่รู้ว่ากระเป๋าของฉันอยู่ที่ไหน” นิตาเสียงสั่น ใบหน้าของเธอเริ่มถอดสีเพราะความตกใจกับสิ่งที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น “คือว่า...เงินของฉันอยู่ในกระเป๋าใบนั้น ถ้าหามันไม่พบ ตอนนี้ในตัวของฉันก็ไม่มีเงินเลยสักบาท”
บริกรพลอยมีสีหน้าตกใจไปด้วย หากก็เพียงเล็กน้อย เขากวาดสายตาไปทั่วร้าน อยากจะช่วยหญิงสาวแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร
“ลองนึกดูสิครับว่าคุณไปลืมไว้ที่ไหนบ้าง?” / “มีอะไรกันหรือครับ?” เสียงห้าวที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้คนทั้งสองชะงักและหันไปมองพร้อมกัน ชายหนุ่มในชุดสูทที่นิตาเอากระเป๋าซึ่งเขาลืมไว้วิ่งตามไปให้เมื่อครู่นั่นเอง
“คุณ...” เสียงแผ่วแหบโหยลอดออกมาจากปากของหญิงสาว ใบหน้าของเธอซีดจัดและดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังมีปัญหา
“กระเป๋าของคุณผู้หญิงคนนี้หายน่ะครับ” บริกรเป็นฝ่ายหันไปบอก ชายหนุ่มผู้นั้นมองหญิงสาวที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนมุมปากของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...เดี๋ยวผมจะจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ให้เธอเอง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงรื่นหู นิตาทำสีหน้าแปลกใจ เธอไม่ได้ต้องการให้เขาทำแบบนี้หากแต่ก็ไม่มีทางเลือก หญิงสาวหันไปมองตรงที่ที่เธอนั่งกินอาหารเมื่อครู่อีกครั้ง ทำอย่างไรเธอก็ไม่เห็นกระเป๋าใบนั้นอีกแล้ว
“คุณคะ...ขอบคุณมากค่ะ” นิตายกมือไหว้ชายหนุ่มชาวอเมริกันด้วยดวงตาแดงก่ำหลังจากที่เขาจ่ายเงินค่าอาหารให้แก่บริกร แม้มันจะเป็นเงินจำนวนไม่มากแต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ถือว่าผมได้ตอบแทนคุณที่เอากระเป๋าไปให้เมื่อกี๊ ดีนะครับที่ผมกลับเข้ามาที่นี่เพราะลืมของอีกอย่างเอาไว้”เขาชูสมุดโน้ตเล่มเล็ก ๆ ให้เธอดูพร้อมรอยยิ้ม “ผมชื่อลอว์สัน เบอร์ลิน...เรียกผมว่าลอว์ก็ได้ครับ แล้วนี่คุณกำลังจะไปไหนหรือครับ?” นิตาเงียบไปชั่วครู่ แล้วหญิงสาวก็ไม่อาจห้ามน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลลงอาบแก้มได้“ฉันชื่อนิตาค่ะ ฉันมาจากเมืองไทย...ฉันมาตามหาคนคนหนึ่ง”“ตามหาคนอย่างนั้นหรือครับ?...แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่ไหน?”หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ค่ะว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเขาอยู่อเมริกา อยู่ในนิวยอร์คซิตี้”“โอ...แต่นิวยอร์คนี่มีคนมากมายเลยนะครับถึงแม้พื้นที่จะเล็ก ที่ที่คุณอยู่ตอนนี้คือเขตมิดทาวน์ คุณอาจตามหาคนที่คุณต้องการพบแต่ไม่รู้พิกัดว่าเขาอยู่ที่ไหนได้ลำบาก” ลอว์สันกล่าวขณะจ้องมองดวงหน้างดงามซูบซีด นิตาเป็นผู้หญิงชาวเอเชียร่างเล็กแต่เธอก็สวยมากในความรู้สึกของเขา“แล้วนี่คุณจะทำ
“เพื่อนของผมไม่ใช่คนใจแคบหรอกนะครับ...เราสนิทกัน แต่อย่าเข้าใจว่าเรามีความสัมพันธ์มากเกินกว่าเพื่อนชาย อันนี้คงต้องบอกกันไว้ก่อน กลัวคุณจะเข้าใจผิดที่ผมกับเพื่อนใช้ห้องร่วมกันได้ ผมแค่มีกุญแจของเขา เราจะมาแฮงค์เอาท์กันนาน ๆ ครั้งน่ะครับ”นิตาปรายยิ้มน้อย ๆ เธอไม่รู้ว่าเพื่อนของลอว์สันเป็นใคร แต่ก็อาจถือได้ว่าเขาก็มีส่วนมีบุญคุณกับเธอเช่นกัน“คุณคิดหรือยังครับว่าหลังจากนี้จะทำยังไงต่อไป?”ลอว์สันตั้งคำถาม นิตาถอนใจเบา ๆ ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาและยิ้มขื่น ๆ“ฉันไม่รู้ค่ะ...รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันแทบไม่เหลืออะไรเลย ฉันไม่มีเงินติดตัวแม้สักเหรียญเดียว”“และมันก็ทำให้คุณตามหาคนที่คุณต้องการพบได้ลำบากด้วย”เขาเสริมและหญิงสาวก็จำนนด้วยการก้มหน้าราวกับคิดไม่ตก“คุณมีแพลนอะไรบ้างหรือเปล่าตอนมาถึงอเมริกา นอกจากตามหาคนที่คุณอยากพบ...บอกผมได้มั้ย นิตา”“แทบไม่มีค่ะ” นิตาเงยหน้าขึ้นมาแต่ดวงตาคู่งามก็ยังหรุบต่ำมองที่เท้าของตัวเอง มือทั้งสองประสานกันบนตักดูราวกับว่าเธอเป็นเด็กที่กำลังอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่กระนั้น ความคิดของเธอกำลังโลดแล่นออกไปอีกครั้ง ล่องลอยไปหาใครคนหนึ่งที่มักทำให้เธอเสียน้ำตายามคิดถึงเขา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะลอว์” นิตากล่าวขณะกุมเอกสารในมือไว้มั่น “แค่นี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณยังไงแล้ว คุณช่วยให้ฉันมีเอกสารอยู่ที่นี่ได้ตามกฎหมาย แล้วยังจะหางานให้ฉันทำอีก” “นิต้า...ขอให้คิดว่าเราเป็นเพื่อนกันเถอะนะ ผมว่ามันไม่ได้เลวร้ายหรอกกับการที่เราช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง อย่างน้อยคุณก็จะได้มีกำลังใจหาคนที่คุณต้องการหาต่อไปยังไงล่ะ” “ฉันไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ค่ะลอว์” เขายักไหล่ “แต่อย่างน้อยคุณก็มีเงิน คุณอยู่ที่นี่ได้ ถึงจะไม่นานมากก็เถอะ อืม...นี่ไง บริษัทที่เพื่อนของผมบอกว่าเขาจะให้คุณมาทำงานที่นี่” ลอว์สันกล่าวขณะหักพวงมาลัยเพื่อรถของเขาเข้าไปใต้ตึกที่หญิงสาวเงยหน้ามองป้ายด้านบนของตึกสูงสิบชั้น มันเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่...Westner’s (เวสเนอร์ ) ชื่อของห้างสรรพสิค้านั้นทำให้เธอฉุกคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาจับใจ แต่...ชื่อและนามสกุลของคนอเมริกันหรือแม้แต่สถานที่ซ้ำกันก็มีมากมายในประเทศนี้ นิตาคิดอย่างหดหู่ คงอีกนานกระมังกว่าที่เธอจะได้พบ ใครคนนั้น แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตามที“นิต้า...เดี๋
นิตา รัตนะรัศมี เพราะหัวใจที่ร้อยรัดความรักไว้กับ เขา อย่างแนบแน่นแม้ต้องแลกกับความเจ็บปวดทรมานสาหัสแม้ความฝันจะถูกทำลายจนย่อยยับหากแต่เธอก็ยินดี นิตา เฝ้ารอคอยการกลับมาของ คลีฟ เวสเนอร์ นาวิกโยธินหนุ่มชาวอเมริกันที่จดทะเบียนสมรสกับเธอก่อนกลับไปร่วมปฏิบัติการทางการทหารในอาฟกานิสถาน หลังจากนั้นเขาไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเธอเป็นเวลาเกือบสองปี หญิงสาวตัดสินใจไปตามหาสามีที่อเมริกา จนกระทั่งได้พบกับเขา ทว่า คลีฟ เวสเนอร์ที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่นายทหารนาวิกโยธินคนนั้นอีกต่อไป ...แต่ เขา คือประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เวสเนอร์ เรียล เอสเตท กรุ๊ป ที่ทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน นิตาไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิด เขาถึงลงทัณฑ์เธอให้เจ็บปวดทรมานทั้งด้วยสายตาและคำพูด กรีดหัวใจของเธอให้เป็นแผลบาดลึกและผลักไสเธอลงสู่หุบเหวแห่งความเศร้าอย่างไร้ปราณีบทที่ 1 The destiny ติดตาม ความรัก ล็อคเก็ตเงินทรงรีขนาดเล็กถูกกำไว้ในมือเรียวและบอบบางแน่น หลายครั้งมันถูกเปิดออกเพื่อที่เจ้าของซึ่งนั่งอยู่บนเบาะด้านหลังของรถแท็กซี่ซึ่งติดอยู่ท่ามกลางการจราจรแออัดใจกลางมหานครนิวยอร์คจะได้พินิจดูด้วยดวงตาที่