“เพื่อนของผมไม่ใช่คนใจแคบหรอกนะครับ...เราสนิทกัน แต่อย่าเข้าใจว่าเรามีความสัมพันธ์มากเกินกว่าเพื่อนชาย อันนี้คงต้องบอกกันไว้ก่อน กลัวคุณจะเข้าใจผิดที่ผมกับเพื่อนใช้ห้องร่วมกันได้ ผมแค่มีกุญแจของเขา เราจะมาแฮงค์เอาท์กันนาน ๆ ครั้งน่ะครับ”
นิตาปรายยิ้มน้อย ๆ เธอไม่รู้ว่าเพื่อนของลอว์สันเป็นใคร แต่ก็อาจถือได้ว่าเขาก็มีส่วนมีบุญคุณกับเธอเช่นกัน
“คุณคิดหรือยังครับว่าหลังจากนี้จะทำยังไงต่อไป?”
ลอว์สันตั้งคำถาม นิตาถอนใจเบา ๆ ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาและยิ้มขื่น ๆ
“ฉันไม่รู้ค่ะ...รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันแทบไม่เหลืออะไรเลย ฉันไม่มีเงินติดตัวแม้สักเหรียญเดียว”
“และมันก็ทำให้คุณตามหาคนที่คุณต้องการพบได้ลำบากด้วย”
เขาเสริมและหญิงสาวก็จำนนด้วยการก้มหน้าราวกับคิดไม่ตก
“คุณมีแพลนอะไรบ้างหรือเปล่าตอนมาถึงอเมริกา นอกจากตามหาคนที่คุณอยากพบ...บอกผมได้มั้ย นิตา”
“แทบไม่มีค่ะ” นิตาเงยหน้าขึ้นมาแต่ดวงตาคู่งามก็ยังหรุบต่ำมองที่เท้าของตัวเอง มือทั้งสองประสานกันบนตักดูราวกับว่าเธอเป็นเด็กที่กำลังอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่กระนั้น ความคิดของเธอกำลังโลดแล่นออกไปอีกครั้ง ล่องลอยไปหาใครคนหนึ่งที่มักทำให้เธอเสียน้ำตายามคิดถึงเขา
“อืม...คุณอยากให้ผมช่วยเหลืออะไรนอกเหนือนจากนี้บ้างไหม...อย่างเช่น...แจ้งความเพื่อให้ตำรวจช่วยหาคนที่คุณต้องการพบ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” นิตาเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าลอว์สันตรง ๆ “แต่ถ้าคุณจะกรุณาและไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไป...ฉันว่าฉันอยากหางานทำที่นี่สักพักเพื่อเก็บเงินค่ะ”
ลอว์สันเลิกคิ้วสูง คำพูดของหญิงสาวไม่ได้เป็นการรบกวนเขาแต่อย่างใด หากแต่เป็นการจุดประกายความคิดบางอย่างของชายหนุ่ม
“เรื่องนี้ผมอาจช่วยคุณได้...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คืนนี้คุณพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เช้าผมจะแวะมาหาคุณที่นี่อีกครั้ง ถ้าคุณอยากได้งานทำในนิวยอร์คก็จำเป็นที่ผมจะต้องช่วยให้คุณมีเอกสารการเดินทางที่ถูกต้อง มันจำเป็นมากถ้าหากว่าคุณอยากอยู่ที่นี่อย่างถูกกฎหมาย”
นิตาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า “ขอบคุณมากค่ะลอว์...ฉันรบกวนคุณมากเหลือเกิน”
“ไม่เป็นไรครับ...มันไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนาอะไรเลย นอนหลับให้สบาย แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
ลอว์สันกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนที่เขาจะวางกุญแจห้องลงบนโต๊ะรับแขกและลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเมื่อชายหนุ่มก้าวพ้นออกจากห้องนั้นเขาจึงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาและกดโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง
“เฮ้...คลีฟ...ฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนนายน่ะ”
บทที่ 2 Waiting เวลาที่เฝ้าคอย
นิตารู้ว่าการที่ต้องมาอาศัยอยู่ในห้องของคนแปลกหน้าแม้เขาจะเป็นผู้หยิบยื่นไมตรีอันดีแก่เธอมันเป็นเรื่องยากเย็นพอ ๆ กับที่เธอต้องตามหาบุคคลคนหนึ่งที่เธอดั้นด้นมาหาเขาถึงอเมริกาก็ด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือ เขา ผู้เป็นที่รักของเธอ ทว่าหญิงสาวชาวไทยซึ่งกลายเป็นผู้โดดเดี่ยวท่ามกลางมหานครแม้ไม่กว้างใหญ่แต่มีพลเมืองนับล้านก็จำต้องรับไมตรีจากลอว์สันที่หยิบยื่นให้เธอราวกับเขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เกือบต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง
“นิต้า...ผมรู้ว่ามันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าคุณควรต้องทำใจรับมันไว้ก่อน”
ลอว์สันกล่าวกับหญิงสาวหลังจากที่เขาพาเธอไปยังสถานทูตเพื่อแจ้งปัญหาการเดินทางเข้ามายังกรุงนิวยอร์ค นั่นคือเอกสารการเดินทางของนิตาหายไปทั้งหมดและไม่สามารถตามไปค้นหาจากที่ใดได้เลย ซึ่งโชคดีที่ลอว์สันมีเพื่อนอยู่ในสถานทูตไทยของกรุงนิวยอร์ค การเดินเรื่องให้เธอกลับมาเป็นผู้เดินทางข้ามประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคใหญ่แม้แต่น้อย
และนิตาก็เริ่มชินกับการพูดคุยกับหนุ่มแปลกหน้าน้ำใจงามผู้นี้ เธอไม่ว่าอะไรถ้าเขาจะเรียกเธอว่า นิต้า ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นชื่อที่เขาเรียกเธอได้ง่ายกว่า นิตาเฉย ๆ เป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้วที่เขาเทียวรับเทียวส่งเพื่อพาเธอไปดำเนินเรื่องเอกสารที่สถานทูต วันนี้เขารับปากกับเธอว่าจะพาไปยังที่ที่เขาติดต่อให้เธอได้ทำงานเพื่อเก็บเงินก้อนหนึ่งไว้ตามหาคนที่ทำให้เธอดั้นด้นมาถึงอเมริกา และหากพบเขาแล้วเธอจะได้มีเงินส่วนหนึ่งเดินทางกลับประเทศไทย ลอว์สันมารับเธอที่ห้องพักและพาเธอนั่งรถของเขาออกไปยังส่วนที่เป็นใจกลางของกรุงนิวยอร์ค นั่นคือเขตมิดทาวน์ มันเป็นสถานที่ที่แท็กซี่พาเธอมาส่งตั้งแต่ครั้งแรก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะลอว์” นิตากล่าวขณะกุมเอกสารในมือไว้มั่น “แค่นี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณยังไงแล้ว คุณช่วยให้ฉันมีเอกสารอยู่ที่นี่ได้ตามกฎหมาย แล้วยังจะหางานให้ฉันทำอีก” “นิต้า...ขอให้คิดว่าเราเป็นเพื่อนกันเถอะนะ ผมว่ามันไม่ได้เลวร้ายหรอกกับการที่เราช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง อย่างน้อยคุณก็จะได้มีกำลังใจหาคนที่คุณต้องการหาต่อไปยังไงล่ะ” “ฉันไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ค่ะลอว์” เขายักไหล่ “แต่อย่างน้อยคุณก็มีเงิน คุณอยู่ที่นี่ได้ ถึงจะไม่นานมากก็เถอะ อืม...นี่ไง บริษัทที่เพื่อนของผมบอกว่าเขาจะให้คุณมาทำงานที่นี่” ลอว์สันกล่าวขณะหักพวงมาลัยเพื่อรถของเขาเข้าไปใต้ตึกที่หญิงสาวเงยหน้ามองป้ายด้านบนของตึกสูงสิบชั้น มันเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่...Westner’s (เวสเนอร์ ) ชื่อของห้างสรรพสิค้านั้นทำให้เธอฉุกคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาจับใจ แต่...ชื่อและนามสกุลของคนอเมริกันหรือแม้แต่สถานที่ซ้ำกันก็มีมากมายในประเทศนี้ นิตาคิดอย่างหดหู่ คงอีกนานกระมังกว่าที่เธอจะได้พบ ใครคนนั้น แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตามที“นิต้า...เดี๋
นิตา รัตนะรัศมี เพราะหัวใจที่ร้อยรัดความรักไว้กับ เขา อย่างแนบแน่นแม้ต้องแลกกับความเจ็บปวดทรมานสาหัสแม้ความฝันจะถูกทำลายจนย่อยยับหากแต่เธอก็ยินดี นิตา เฝ้ารอคอยการกลับมาของ คลีฟ เวสเนอร์ นาวิกโยธินหนุ่มชาวอเมริกันที่จดทะเบียนสมรสกับเธอก่อนกลับไปร่วมปฏิบัติการทางการทหารในอาฟกานิสถาน หลังจากนั้นเขาไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเธอเป็นเวลาเกือบสองปี หญิงสาวตัดสินใจไปตามหาสามีที่อเมริกา จนกระทั่งได้พบกับเขา ทว่า คลีฟ เวสเนอร์ที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่นายทหารนาวิกโยธินคนนั้นอีกต่อไป ...แต่ เขา คือประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เวสเนอร์ เรียล เอสเตท กรุ๊ป ที่ทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน นิตาไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิด เขาถึงลงทัณฑ์เธอให้เจ็บปวดทรมานทั้งด้วยสายตาและคำพูด กรีดหัวใจของเธอให้เป็นแผลบาดลึกและผลักไสเธอลงสู่หุบเหวแห่งความเศร้าอย่างไร้ปราณีบทที่ 1 The destiny ติดตาม ความรัก ล็อคเก็ตเงินทรงรีขนาดเล็กถูกกำไว้ในมือเรียวและบอบบางแน่น หลายครั้งมันถูกเปิดออกเพื่อที่เจ้าของซึ่งนั่งอยู่บนเบาะด้านหลังของรถแท็กซี่ซึ่งติดอยู่ท่ามกลางการจราจรแออัดใจกลางมหานครนิวยอร์คจะได้พินิจดูด้วยดวงตาที่
เสียงห้าวทุ้มลึกทว่าทรงพลังยังดังก้องในความนึกคิดของหญิงสาวพร้อม ๆ กับภาพใบหน้าคมเข้มคมคายของ เขา คนนั้นยังแจ่มชัดในมโนนึกเสมอ นิตาเกือบจะทำน้ำตาร่วงลงในจานสเต็กหากก็เก็บกลั้นมันไว้ได้เสียก่อน“เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน...ถึงวันนั้นผมอยากมีลูกสาวกับลูกชายกับคุณสักห้าคน”เธอยังคิดถึงประโยคนี้เสมอและมันทำให้นิตาอดไม่ได้ที่จะดึงล็อคเก็ตที่ห้อยคอขึ้นมาเปิดดู“คลีฟ...” เสียงแผ่วเบาลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เธอเกือบต้องเสียน้ำตาอีกแล้วหากไม่มีสิ่งที่เข้ามาขัดจังหวะความคิดนั้นเสียก่อน นั่นคือภาพที่ผู้ชายชาวอเมริกันสวมชุดสูทดูภูมิฐานคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้กันลุกขึ้นเดินออกไปทั้งที่กระเป๋าเอกสารของเขายังวางอยู่บนเก้าอี้“คะ...คุณ...คุณคะ!” เร็วกว่าความคิด นิตารีบวางส้อมในมือลงและปรี่เข้าไปหยิบกระเป๋าเอกสารใบนั้นก่อนวิ่งออกไปหน้าร้านและตะโกนเรียก“คุณคะ!...คุณ...คุณลืมกระเป๋าค่ะ!” ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาและทำสีหน้าประหลาดใจ สักครู่เขาก็มีสีหน้าเหมือนนึกอะไรได้เมื่อนิตาวิ่งเข้าไปหยุดตรงหน้าและยื่นกระเป๋าให้“คุณคะ...คุณลืมกระเป๋าไว้ในร้านน่ะค่ะ นี่ไงคะ”“โอ!...พระเจ้า...ขอบคุณมาก
“คุณคะ...ขอบคุณมากค่ะ” นิตายกมือไหว้ชายหนุ่มชาวอเมริกันด้วยดวงตาแดงก่ำหลังจากที่เขาจ่ายเงินค่าอาหารให้แก่บริกร แม้มันจะเป็นเงินจำนวนไม่มากแต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ถือว่าผมได้ตอบแทนคุณที่เอากระเป๋าไปให้เมื่อกี๊ ดีนะครับที่ผมกลับเข้ามาที่นี่เพราะลืมของอีกอย่างเอาไว้”เขาชูสมุดโน้ตเล่มเล็ก ๆ ให้เธอดูพร้อมรอยยิ้ม “ผมชื่อลอว์สัน เบอร์ลิน...เรียกผมว่าลอว์ก็ได้ครับ แล้วนี่คุณกำลังจะไปไหนหรือครับ?” นิตาเงียบไปชั่วครู่ แล้วหญิงสาวก็ไม่อาจห้ามน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลลงอาบแก้มได้“ฉันชื่อนิตาค่ะ ฉันมาจากเมืองไทย...ฉันมาตามหาคนคนหนึ่ง”“ตามหาคนอย่างนั้นหรือครับ?...แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่ไหน?”หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ค่ะว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเขาอยู่อเมริกา อยู่ในนิวยอร์คซิตี้”“โอ...แต่นิวยอร์คนี่มีคนมากมายเลยนะครับถึงแม้พื้นที่จะเล็ก ที่ที่คุณอยู่ตอนนี้คือเขตมิดทาวน์ คุณอาจตามหาคนที่คุณต้องการพบแต่ไม่รู้พิกัดว่าเขาอยู่ที่ไหนได้ลำบาก” ลอว์สันกล่าวขณะจ้องมองดวงหน้างดงามซูบซีด นิตาเป็นผู้หญิงชาวเอเชียร่างเล็กแต่เธอก็สวยมากในความรู้สึกของเขา“แล้วนี่คุณจะทำ