“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
นิตา รัตนะรัศมี เพราะหัวใจที่ร้อยรัดความรักไว้กับ เขา อย่างแนบแน่นแม้ต้องแลกกับความเจ็บปวดทรมานสาหัสแม้ความฝันจะถูกทำลายจนย่อยยับหากแต่เธอก็ยินดี นิตา เฝ้ารอคอยการกลับมาของ คลีฟ เวสเนอร์ นาวิกโยธินหนุ่มชาวอเมริกันที่จดทะเบียนสมรสกับเธอก่อนกลับไปร่วมปฏิบัติการทางการทหารในอาฟกานิสถาน หลังจากนั้นเขาไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเธอเป็นเวลาเกือบสองปี หญิงสาวตัดสินใจไปตามหาสามีที่อเมริกา จนกระทั่งได้พบกับเขา ทว่า คลีฟ เวสเนอร์ที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่นายทหารนาวิกโยธินคนนั้นอีกต่อไป ...แต่ เขา คือประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เวสเนอร์ เรียล เอสเตท กรุ๊ป ที่ทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน นิตาไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิด เขาถึงลงทัณฑ์เธอให้เจ็บปวดทรมานทั้งด้วยสายตาและคำพูด กรีดหัวใจของเธอให้เป็นแผลบาดลึกและผลักไสเธอลงสู่หุบเหวแห่งความเศร้าอย่างไร้ปราณีบทที่ 1 The destiny ติดตาม ความรัก ล็อคเก็ตเงินทรงรีขนาดเล็กถูกกำไว้ในมือเรียวและบอบบางแน่น หลายครั้งมันถูกเปิดออกเพื่อที่เจ้าของซึ่งนั่งอยู่บนเบาะด้านหลังของรถแท็กซี่ซึ่งติดอยู่ท่ามกลางการจราจรแออัดใจกลางมหานครนิวยอร์คจะได้พินิจดูด้วยดวงตาที่
เสียงห้าวทุ้มลึกทว่าทรงพลังยังดังก้องในความนึกคิดของหญิงสาวพร้อม ๆ กับภาพใบหน้าคมเข้มคมคายของ เขา คนนั้นยังแจ่มชัดในมโนนึกเสมอ นิตาเกือบจะทำน้ำตาร่วงลงในจานสเต็กหากก็เก็บกลั้นมันไว้ได้เสียก่อน“เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน...ถึงวันนั้นผมอยากมีลูกสาวกับลูกชายกับคุณสักห้าคน”เธอยังคิดถึงประโยคนี้เสมอและมันทำให้นิตาอดไม่ได้ที่จะดึงล็อคเก็ตที่ห้อยคอขึ้นมาเปิดดู“คลีฟ...” เสียงแผ่วเบาลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เธอเกือบต้องเสียน้ำตาอีกแล้วหากไม่มีสิ่งที่เข้ามาขัดจังหวะความคิดนั้นเสียก่อน นั่นคือภาพที่ผู้ชายชาวอเมริกันสวมชุดสูทดูภูมิฐานคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้กันลุกขึ้นเดินออกไปทั้งที่กระเป๋าเอกสารของเขายังวางอยู่บนเก้าอี้“คะ...คุณ...คุณคะ!” เร็วกว่าความคิด นิตารีบวางส้อมในมือลงและปรี่เข้าไปหยิบกระเป๋าเอกสารใบนั้นก่อนวิ่งออกไปหน้าร้านและตะโกนเรียก“คุณคะ!...คุณ...คุณลืมกระเป๋าค่ะ!” ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาและทำสีหน้าประหลาดใจ สักครู่เขาก็มีสีหน้าเหมือนนึกอะไรได้เมื่อนิตาวิ่งเข้าไปหยุดตรงหน้าและยื่นกระเป๋าให้“คุณคะ...คุณลืมกระเป๋าไว้ในร้านน่ะค่ะ นี่ไงคะ”“โอ!...พระเจ้า...ขอบคุณมาก
“คุณคะ...ขอบคุณมากค่ะ” นิตายกมือไหว้ชายหนุ่มชาวอเมริกันด้วยดวงตาแดงก่ำหลังจากที่เขาจ่ายเงินค่าอาหารให้แก่บริกร แม้มันจะเป็นเงินจำนวนไม่มากแต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ถือว่าผมได้ตอบแทนคุณที่เอากระเป๋าไปให้เมื่อกี๊ ดีนะครับที่ผมกลับเข้ามาที่นี่เพราะลืมของอีกอย่างเอาไว้”เขาชูสมุดโน้ตเล่มเล็ก ๆ ให้เธอดูพร้อมรอยยิ้ม “ผมชื่อลอว์สัน เบอร์ลิน...เรียกผมว่าลอว์ก็ได้ครับ แล้วนี่คุณกำลังจะไปไหนหรือครับ?” นิตาเงียบไปชั่วครู่ แล้วหญิงสาวก็ไม่อาจห้ามน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลลงอาบแก้มได้“ฉันชื่อนิตาค่ะ ฉันมาจากเมืองไทย...ฉันมาตามหาคนคนหนึ่ง”“ตามหาคนอย่างนั้นหรือครับ?...แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่ไหน?”หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ค่ะว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเขาอยู่อเมริกา อยู่ในนิวยอร์คซิตี้”“โอ...แต่นิวยอร์คนี่มีคนมากมายเลยนะครับถึงแม้พื้นที่จะเล็ก ที่ที่คุณอยู่ตอนนี้คือเขตมิดทาวน์ คุณอาจตามหาคนที่คุณต้องการพบแต่ไม่รู้พิกัดว่าเขาอยู่ที่ไหนได้ลำบาก” ลอว์สันกล่าวขณะจ้องมองดวงหน้างดงามซูบซีด นิตาเป็นผู้หญิงชาวเอเชียร่างเล็กแต่เธอก็สวยมากในความรู้สึกของเขา“แล้วนี่คุณจะทำ
“เพื่อนของผมไม่ใช่คนใจแคบหรอกนะครับ...เราสนิทกัน แต่อย่าเข้าใจว่าเรามีความสัมพันธ์มากเกินกว่าเพื่อนชาย อันนี้คงต้องบอกกันไว้ก่อน กลัวคุณจะเข้าใจผิดที่ผมกับเพื่อนใช้ห้องร่วมกันได้ ผมแค่มีกุญแจของเขา เราจะมาแฮงค์เอาท์กันนาน ๆ ครั้งน่ะครับ”นิตาปรายยิ้มน้อย ๆ เธอไม่รู้ว่าเพื่อนของลอว์สันเป็นใคร แต่ก็อาจถือได้ว่าเขาก็มีส่วนมีบุญคุณกับเธอเช่นกัน“คุณคิดหรือยังครับว่าหลังจากนี้จะทำยังไงต่อไป?”ลอว์สันตั้งคำถาม นิตาถอนใจเบา ๆ ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาและยิ้มขื่น ๆ“ฉันไม่รู้ค่ะ...รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันแทบไม่เหลืออะไรเลย ฉันไม่มีเงินติดตัวแม้สักเหรียญเดียว”“และมันก็ทำให้คุณตามหาคนที่คุณต้องการพบได้ลำบากด้วย”เขาเสริมและหญิงสาวก็จำนนด้วยการก้มหน้าราวกับคิดไม่ตก“คุณมีแพลนอะไรบ้างหรือเปล่าตอนมาถึงอเมริกา นอกจากตามหาคนที่คุณอยากพบ...บอกผมได้มั้ย นิตา”“แทบไม่มีค่ะ” นิตาเงยหน้าขึ้นมาแต่ดวงตาคู่งามก็ยังหรุบต่ำมองที่เท้าของตัวเอง มือทั้งสองประสานกันบนตักดูราวกับว่าเธอเป็นเด็กที่กำลังอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่กระนั้น ความคิดของเธอกำลังโลดแล่นออกไปอีกครั้ง ล่องลอยไปหาใครคนหนึ่งที่มักทำให้เธอเสียน้ำตายามคิดถึงเขา
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม
คริสตัลก้าวห่างจากหญิงสาวและโน้มใบหน้าต่ำเพื่อพิศดูความงามบนใบหน้าแสนสวยใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลที่ถูกมวยไว้ด้านหลัง นิตาเหมือนเทพธิดาผู้งดงามอย่างแท้จริง เขาไล้ปลายนิ้วไปตามสันกรามเล็กของหญิงสาว“บอกแล้วยังไงว่าโครงหน้าของเธอน่ะเป็นโครงหน้าที่ธรรมชาติมากและฉันก็ชอบผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ด้วย อยากรู้จังว่าถ้าเธอสวมชุดแต่งงานจะสวยขนาดไหน” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะลมหายใจ นิตายิ้มกลบเกลื่อนให้กับความคิดอันแท้จริง...จะไม่มีวันนั้น ไม่มีวันที่เธอจะได้สวมชุดแต่งงานเพื่อเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์ หญิงสาวรู้ดีว่ามันจะเป็นเพียงภาพฝัน เธอจะเก็บมันไว้ การรอคอยในสิ่งที่ไม่มีวันมาถึงชั่วชีวิต“อืม...ดูเหมือนใกล้ถึงเวลาที่ท่านประธานจะมาถึงแล้วนะ เมื่อกี๊ตอนออกไปฉันเห็นนักข่าวกับพวกคนดังในแวดวงธุรกิจและสังคมนิวยอร์คมากันเยอะเลยล่ะ ฉันคิดว่านี่เป็นงานที่สำคัญมากสำหรับท่านประธาน แต่...ถามอะไรหน่อยเถอะนิต้า ทำไมเธอไม่มาพร้อมท่านล่ะ”“คุณก็รู้นะคะคริสตัลว่าฉันน่ะ ไม่ชินกับการที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนมาก ๆ...ฉันบอกคลีฟแล้วค่ะว่าอยากดูเขาอยู่ห่าง ๆ อาจจะมุมไหนสักมุมหนึ่งในงาน”“โอเค...
“ฉัน...เอ้อ...”“ผมอยากให้คุณอยู่ที่นั่น นีน่า” คลีฟประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในอุ้งมือทั้งสอง “ผมอยากให้คุณมองเห็นความสำเร็จของผมหลังจากที่ผมสามารถพาเวสเนอร์ กรุ๊ปข้ามผ่านเวลาที่ยากลำบากมาได้ตอนที่คุณพ่อบุญธรรมของผมจากไป...นี่เป็นลมหายใจสุดท้ายของท่าน และผมจะสร้างมันใหม่ให้ยิ่งใหญ่มากกว่าในยุคสมัยที่ท่านทำไว้”“จะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เข้าใจ ทุกคนจะต้องคิดว่าเขาผิดปกติ เป็นคนโรคจิตเพราะเคยผ่านวิกฤติเลวร้ายในสงครามมาก่อน ทุกคนจะรังเกียจเขา ไม่อยากอยู่ใกล้ เวสเนอร์ กรุ๊ปต้องย่อยยับเพราะภูมิหลังที่ไม่โสภาของเขา ฉันไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้...”เสียงของไดแอนดราก้องขึ้นมาในหูของหญิงสาว มันยังอื้ออึงและกระชากความรู้สึกของนิตาให้ดิ่งลงต่ำ เสียงนั้นราวคมมีดกรีดหัวใจของเธอออกเป็นล้านชิ้น คลีฟกำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานโดยปราศจากสิ่งใดขวางกั้น แล้วเธอยังจะเห็นแก่ตัวเหนี่ยวรั้งความรุ่งโรจน์ของเขาไว้ในโลกอันน่าเศร้าของตัวเองอย่างนั้นหรือ“คลีฟ...”“ผมรู้ที่รัก...ผมรู้ว่าคุณต้องอยู่ที่นั่น อยู่เคียงข้างผม เพราะคุณสัญญาแล้วว่าคุณจะไม่จากผมไปไหนอีก อย่า
“นี่เป็นตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยพร้อมด้วยเงินสดหนึ่งแสนเหรียญ เป็นเงินส่วนตัวของฉันที่คิดว่าเธอจะเก็บมันไว้ใช้ได้อย่างเหลือเฟือที่เมืองไทย ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเครื่องจะออกจากสนามบินนิวยอร์คคืนพรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ฉันคิดว่าเธอทำถูกแล้วกับการแลกชีวิตของเธอเพื่ออนาคตของคนที่เธอรักด้วยการ...เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ...นิต้า” ไดแอนดราหยิบกระเป๋าคลัชต์ของเธอก่อนลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั้นปล่อยให้นิตานั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงันหากทว่าข้างในของเธอกลับอึงอนไปด้วยเสียงแห่งความเจ็บช้ำซึ่งไม่มีวันที่ใครจะได้ยิน ไปจากเขา...เพื่อให้คลีฟมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ในสังคม...ไดแอนดราบีบบังคับเธอเป็นครั้งที่สอง หากแต่ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นได้ยื่นข้อเสนอที่เธออาจปฏิเสธได้ยากยิ่ง หาใช่จำนวนเงินในเช็คใบนี้ แต่เป็นชีวิตของผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด นิตารู้สึกหนักอึ้งราวแบกโลกไว้ทั้งโลกบนบ่าเล็ก ๆ ...หรือนี่คือสิ่งที่เธอควรตัดสินใจ ไปจากชีวิตของคลีฟแลกกับการที่เขาจะได้มีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป มันอาจทำให้เขามีความสุขจริง ๆ อย่างที่ไดแอนดราพูดก็เป็นได้ นิตาหยิบซองกระดาษสีขาวบนโต๊ะขึ้นมากุมไว้ เธอ