ริมฝีปากบางเผยอขึ้นพร้อมทั้งเสียงเบาหวิวที่ลอดออกมา นัยน์ตาคู่งามสะท้อนภาพของบุรุษร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดสูทเรียบหรู เนคไทสีกรมท่าถูกดึงให้ลงมาอยู่ใต้ปกเสื้อเชิ้ตขาวอย่างหลวม ๆ ทว่าก็ยังดูสง่าน่าเกรงขาม เรือนผมสีน้ำตาลเข้มบรูเน็ต นัยน์ตาสีน้ำเงินส่องประกายราวกับแซฟไฟร์ จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหนาได้รูปนั้น ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปจากที่เธอเคยเห็น
“นิต้า...นี่คือ คลีฟ เวสเนอร์...เขาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเวสเนอร์ ห้างดังติดอันดับของนิวยอร์คและมีสาขาอยู่ทั่วโลก จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้มีธุรกิจห้างสรรพสินค้าอย่างเดียวนะ แต่เขายังเป็นเจ้าของเวสเนอร์ เรียล เอสเตท กรุ๊ป กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเรียกได้ว่าเกือบจะสูงที่สุดในสหรัฐเลยล่ะ”
ลอว์สันแนะนำเพื่อนของเขาเป็นคำอธิบายยืดยาว แต่สำหรับนิตาแล้วมันเป็นคำพูดอันแสนสั้นเพราะเธอเคยรู้จักเขามากและลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้ในเมื่อชื่อนี้ยังติดลึกอยู่ในหัวใจดวงนั้นเสมอ
คลีฟ เวสเนอร์
“สวัสดีครับ...คุณ...นิต้า”
เป็นคำกล่าวแรกที่ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาว น้ำเสียงนั้นเหมือนเสียงที่อยู่ในความทรงจำ เนิ่นนานแต่ไม่เคยเลือนจากความรู้สึกของเธอ ทว่ามันกลับราบเรียบ ใบหน้านั้นเฉยเมย เขาไม่ตื่นเต้นหรือดีใจบ้างเลยหรือที่ได้เจอเธออีกครั้ง นิตาพยายามสะกดน้ำรื้นที่มันกำลังก่อตัวอยู่รอบเบ้าตา เหมือนมีก้อนแข็งวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ ตีบตัน ตื้นตันแทบพูดไม่ออก หญิงสาวแสร้งยิ้ม
“สวัสดีค่ะ...คุณคลีฟ”
แล้วกลืนก้อนหนืดเหนียวกลับเข้าไปในอก เธออยากร้องไห้ด้วยความตื่นเต้นที่ได้เจอเขา แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันเฉยเมยนั้นทำให้หญิงสาวชาวไทยถึงกับต้องเก็บกลั้นคำพูดนับล้านที่อยากระบายมันออกมาไว้โดยทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“นี่ไง นิต้า...เพื่อนที่ฉันเล่าให้นายฟัง เธอมาจากเมืองไทย มาตามหาผู้ชายคนหนึ่ง อืม...เขาอาจเป็นเพื่อน หรือคนรักของคุณสินะครับ นิต้า”
ลอว์สันหันกลับมาทางหญิงสาวที่หรุบเปลือกตาลงต่ำ เธอกำลังปกปิดความรู้สึกมากมายที่ประดังขึ้นมาจากส่วนลึก คลีฟยังจ้องมองใบหน้างดงามของหญิงสาวราวกับเขากำลังรอฟังคำตอบนั้นพร้อมเพื่อนของเขา
“เอ้อ...เป็นคนที่ฉันรู้จักน่ะค่ะ”
นิตาหลีกเลี่ยงที่จะตอบตามตรง มีหลายสิ่งหลายอย่างบอกเธอว่า ทุกอย่างที่เธอคิดกำลังเปลี่ยนแปลงไปจนหมด ทว่าหญิงสาวก็ยังคาดหวังว่าบางทีมันอาจยังหลงเหลือเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ในแสงสว่างอันริบหรี่ก็เป็นได้
“โอเค คลีฟ” เสียงของลอว์สันดังขึ้นกลบความเงียบในที่นั้น “แล้วนายมีงานอะไรที่จะให้นิต้าทำได้บ้าง แต่ฉันหวังเล็ก ๆ ว่าคงไม่ใช่งานแม่บ้านทำความสะอาดห้างหรอกนะ”
“ฉันจะให้เธอเป็นพนักงานที่แผนกรองเท้า”
“หืมม์?” ลอว์สันเลิกคิ้ว
“แผนกรองเท้าผู้ชาย” คลีฟกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบและนิ่งเหมือนน้ำในบ่อขณะที่สายตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงตรงหน้า
“นิต้า”
ประธานเวสเนอร์เรียกหญิงสาว นิตาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาที่แห้งผาก เธอต้องไม่ร้องไห้ออกมาในตอนนี้ ต้องไม่ทำให้ลอว์สันรู้อะไรหรือระแคะระคายความนึกคิดที่ถูกกดจนจมมิดลงไปในส่วนลึกของเธอ
“ค่ะ...ท่านประธาน”
เสียงตอบรับนั้นเสมือนก้อนหินเล็ก ๆ ที่หล่นลงไปในบ่อความรู้สึกของคนฟัง คลีฟกลืนก้อนแข็งในลำคอ ลอว์สันไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าสันกรามแกร่งบนใบหน้าของเพื่อนสนิทถูกขบเข้าหากันเบา ๆ
“คุณอยากเรียกผมว่าอย่างนี้หรือ นิต้า?” / “ค่ะ...ท่านประธาน”
นิตากล้ำกลืนความฝืดเคืองในน้ำเสียงลงคออย่างยากลำบาก เธอจะให้ลอว์สันจับความผิดปกติระหว่างเธอและเพื่อนของเขาตอนนี้ไม่ได้ หญิงสาวคิดว่านั่นเป็นคำตอบที่เหมาะสม แต่แล้วเธอกลับเห็นรอยยิ้มเหยียดบนมุมปากของคลีฟ เวสเนอร์
“ก็ดี...เรียกผมว่าท่านประธาน ผมจะให้คุณทำงานที่ห้างนี้ ในแผนกรองเท้าบุรุษ...คุณคิดว่าคุณ...พอใจไหม?”
เรียวปากอิ่มบนดวงหน้าหวานราบเรียบลงหลังจากที่เธอกดเกร็งมันไว้ก่อนจะคลี่ออกเป็นรอยยิ้มจางพร้อมทั้งเอ่ยตอบว่า
“ค่ะ...ฉันพอใจค่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นงานที่เหมาะกับฉันแล้ว” / “ก็ดี”
คลีฟตอบสั้น ๆ โดยที่ลอว์สันไม่สังเกตเห็นรอยสันกรามบนใบหน้าคร้ามเข้มนั้นถูกขบแน่นกว่าเดิม“คลีฟ...ขอบใจมากนะเพื่อนที่นายช่วยนิต้าไว้ เธออยากทำงานเก็บเงินสักพักก่อนกลับเมืองไทย และเพื่อที่ว่าเธอจะได้ตามหาคนที่เธออยากพบด้วย” ซึ่งเธอพบเขาแล้วในบัดนี้...เธอได้พบเขาแล้ว...บุคคลผู้มีใบหน้าท่าทางเหมือนคนที่เธอเคยรู้จักทุกประการ หากแต่กลับไม่ใช่ตัวตนและวิญญาณของบุคคลที่เธอดั้นด้นมาหา นิตากลืนเก็บคำตอบที่ควรจะบอกลอว์สันไว้ในส่วนที่ลึกสุดลึก“แล้วนายจะให้เธอเริ่มทำงานเมื่อไหร่” ลอว์สันหันกลับมาถามเพื่อนของเขา“วันนี้” คลีฟตอบสั้น ๆ แต่ทำให้เพื่อนของเขาเลิกคิ้วด้วยความฉงน / “จริงเหรอ?...ทำไมเร็วจัง”“พอดีพนักงานที่แผนกรองเท้าบุรุษลาออกไปคนหนึ่ง ที่สำคัญคุณนิต้าเธอพร้อมที่จะทำงานไม่ใช่หรือ ฉันคิดว่าเธอคงอยากทำงานเร็ว ๆ” นิตาไม่แสดงความเห็น ความตื่นเต้นในตอนแรกดิ่งวูบจนเหลือเพียงความหดหู่ ในลำคอของหญิงสาวแห้งผาก ริมฝีปากเคลือบกลอสสีชมพูก็พลอยดูแห้งผากไปด้วย“ว่ายังไงล่ะ คุณนิต้า” คลีฟหันมาถามหญิงสาวที่ยืนในท่าสงบนิ่ง เธอจะพูดอะไรได้เล่านอกจาก“ค่ะ...ฉันพร้อมที่จะทำงานวันนี้ค่ะ”ลอว์สันยิ้มกว้าง “โอ
“แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว คลีฟไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง เขาเหมือนบุรุษลึกลับที่สร้างสีสันให้พวกที่คอยเฝ้าติดตามเพราะอยากรู้ความเคลื่อนไหวของมหาเศรษฐีหนุ่มอายุยังไม่ถึงสามสิบที่ทั้งหล่อและฉลาดคนนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าคลีฟ เวสเนอร์มีชีวิตยังไง เขาจะแต่งงานเมื่อไหร่ มีใครที่เขาเก็บซ่อนไว้หลังฉากบ้างหรือเปล่า...ผมหมายถึงผู้หญิงน่ะนิต้า”ซึ่งเขาเคยมี...และประวัติส่วนนี้เขาก็คงไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รับรู้นอกจากตัวเธอที่พยายามดั้นด้นมาถึงอเมริกาก็เพราะเขาคลีฟ เวสเนอร์ หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับความคิดใหม่ที่ว่าเธอคงไม่อาจพักอยู่ในภายในห้องชุดอันหรูหรานี้ได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอเหมือนเริ่มต้นใหม่ ตั้งต้นใหม่ทุกอย่างแม้แต่กับคนที่เคยรู้จักก็ตาม นิตาค่อย ๆ เก็บเสื้อผ้าของเธอลงกระเป๋าเดินทางเพียงใบเดียวที่ติดตัวมาด้วย เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะบอกลอว์สันว่าพรุ่งนี้จะต้องหาที่อยู่ใหม่เพราะถึงแม้เพื่อนของเขาจะมีน้ำใจแต่เธอคงไม่อาจพักอาศัยให้ห้องชุดที่มันหรูหราเกินฐานะของเธอได้อีกต่อไปแล้ว นิตาทิ้งร่างบอบบางของเธอลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ภายในห้องชุดสุดหรูหลังจากเก็บข้าวของลงกระเป๋าเดินทาง หญิงสา
เสียงของคลีฟเข้มขึ้นกว่าเดิม นิตาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวมองหน้าเขา วันนี้ที่ห้างเวสเนอร์เขาทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอ แต่ตอนนี้กลับจดจำสิ่งที่เกี่ยวกับเธอได้ อย่างน้อยก็คือชื่อเรียกที่เขาและเธอต่างคุ้นเคยระหว่างกันและกันดี“ท่านประธานคะ...ขอโทษนะคะ...ฉัน...” เสียงของนิตาขาดหายไปเมื่อร่างสูงใหญ่สืบเท้าเข้ามาหา เขาเว้นระยะห่างที่ยืนระหว่างเธอ ใบหน้าของเขาบึ้งตึง เขาไม่ยอมแม้แต่จะจับมือของเธอ บอกเธอว่าคิดถึงหลังจากที่หายหน้าไปจากชีวิตของเธอเป็นเวลาถึงสองปี“นีน่า...ผมไม่อนุญาตให้คุณออกไปเช่าที่อยู่ใหม่” / “เหตุผลล่ะคะ?” น้ำเสียงในคำถามนั้นเริ่มสั่นเครือ ทุกคำพูดของบุรุษตรงหน้าเหมือนเหล็กแหลมทิ่มแทงลงไปในความรู้สึกของหญิงสาว ตอนนี้เธอกับเขาเหมือนเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่ ทั้งที่เวลาเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่มันได้ผ่านพ้นไปกว่าสองปี แต่...เขาจะระลึกมันไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของความทรงจำเลยเชียวหรือ“เพราะ...ตอนนี้คุณอยู่ภายใต้สัญญาการเป็นลูกจ้าง...ของผม” เขากล่าวออกมาเสียงแผ่วต่ำ หญิงสาวเลิกคิ้ว“เหรอคะ...แล้วถ้าฉันไม่ใช่ลูกจ้างของคุณฉันก็คงออกไปหาที่เช่าอยู่ใหม่ได้
ใช่...เขายังเป็นคลีฟคนเดิม แต่เขาก็ไม่รู้จักเธออีกแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าระหว่างเธอและเขามีสายสัมพันธ์ร้อยรัดแน่นหนาเช่นไร หญิงสาวเริ่มร้องไห้ทว่าปราศจากเสียงสะอื้น นิตายังนึกถึงการสานสัมพันธ์ซึ่งเธอคิดว่ามันจะยืนยาว เขาร้อยรัดความรักของเธอไว้ทั้งร่างกายทั้งหัวใจและ...ใบทะเบียนสมรส นิตาหลับตาลงพร้อมน้ำตาหลายหยดที่ถั่งสายออกมา เธอจดทะเบียนกับเขา พันจ่าเอกคลีฟ เวสเนอร์หญิงสาวใช้นามสกุลของเขาต่อท้ายนามสกุลของเธอ นิตา รัตนะรัศมี เวสเนอร์ และมันปรากฏอยู่ในใบทะเบียนสมรสและบัตรประชาชนของเธอตราบถึงทุกวันนี้ เธอจดทะเบียนสมรสกับเขาได้แค่เดือนเดียวก่อนรับรู้ว่าคลีฟต้องกลับมายังสหรัฐเพื่อปฏิบัติภารกิจอันตรายนั่นคือการร่วมรบกับกองทัพในสงครามประเทศตะวันออกกลางและหญิงสาวยินดีที่จะรอเขาอยู่ที่เมืองไทย“นีน่า...เมื่อเสร็จภารกิจผมจะรีบกลับมารับคุณ...โอ...ที่รัก...ผมอยากหยุดเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุด หรือไม่ก็อยากให้มันหยุดอยู่แค่นี้ในช่วงชีวิตของเราสองคน” แต่เวลาก็ไม่เคยหยุดรอใครอย่างที่ใจของเขาปรารถนา คลีฟ เดินทางกลับประเทศของเขาและเธอก็เฝ้ารอวันเวลา จวบกระทั่งผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี และจากห
“คลีฟ...นั่นคุณจะทำอะไร?” / “ผมแค่อยากแน่ใจว่าคุณจะไม่ไปไหนจริง ๆ” / “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ”นิตาฉวยกระเป๋าและเสื้อผ้าที่เขารื้อออกมาจากมือของชายหนุ่ม ร่างบางเอามันไปกอดไว้แนบอกและคิดว่าทำไมเธอต้องมาทนอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งที่เขาเป็นสามีของเธอแต่กลับแสดงท่าทีเหมือนอยู่คนละโลก มันช่างกดดันและกำลังทำให้เธอหายใจได้ลำบากขึ้นทุกที“ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเก็บเงินได้สักก้อนเป็นค่าเครื่องบินกลับเมืองไทย”“และผมก็มีกุญแจห้องของคุณ...ผมสามารถที่จะเข้าหรือออกห้องนี้ได้ตลอดเวลา” เขาชูกุญแจขึ้น นิตามองมันราวกับเป็นสิ่งประหลาด จริงซีนะ ทำไมเขาจะเข้าออกห้องนี้ไม่ได้ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของห้องชุดสุดหรูนี้ ลอว์สันบอกเธอไว้แต่แรกแล้ว“ฉันแค่มาขออาศัยนอนสักระยะเท่านั้นล่ะค่ะ จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้อยากรบกวนคุณด้วยซ้ำเพราะห้องนี้มันหรูหรามากเกินกว่าที่ฉันจะอยู่ได้ ฉันไม่เคยนอนห้องกว้างขวางขนาดนี้ ตอนอยู่เมืองไทยห้องของฉันก็เล็กกว่านี้มาก”นิตาไม่ได้ตั้งใจที่จะจี้จุดหรือเตือนสติชายหนุ่มด้วยการขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาเพราะหญิงสาวไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหลงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไ
“เอากองนี้ไปเก็บในห้องข้างหลังนะจ๊ะ ส่วนกองนี้ฉันต้องตรวจสอบความเรียบร้อยอีกนิดหนึ่งก่อนจะเก็บสินค้าเข้าสต๊อค”“ค่ะ...คริสตัล” / “นิต้า” คริสตัลเรียกหญิงสาวอีกครั้ง นิตาซึ่งทำท่าจะก้มลงเก็บกล่องรองเท้าขึ้นมาหยุดชะงัก เธอยืดตัวขึ้นยืนหลังตรงและมองหน้าผู้จัดการร้านท่ามองมายังเธออย่างพินิจพิเคราะห์“นิต้า...ฉันสังเกตเห็นว่า...ตาสวย ๆ ของเธอดูบวม ๆ นะจ๊ะ” / “คะ?”นิตาทำสีหน้าเหมือนตกใจต่อสิ่งที่เขาบอก เธอไม่ได้สังเกตตัวเองก่อนออกจากห้องชุดมาเมื่อเช้านี้ รู้แต่เพียงเมื่อคืนเธอนอนร้องไห้นานนับชั่วโมงจนหลับไป หญิงสาวยกมือขึ้นลูบแก้มเบา ๆ“มันดูน่าเกลียดมากหรือคะคริสตัล”“โอ...ไม่ๆๆๆ” คริสตัลรีบบอกปัด “เพียงแต่มันจะทำให้ผู้หญิงหน้าสวย ๆ อย่างเธอดูไม่สดใสเท่านั้นเอง เอากล่องรองเท้าไปเก็บนะจ๊ะ แล้วเดี๋ยวฉันจะสอนให้เธอแต่งหน้าสวยอย่างนางงาม โอเคมั้ย” คริสตัลส่งสายตาเป็นประกายระยิบระยับให้นิตา หญิงสาวคลี่ยิ้มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย แม้คริสตัลจะเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีรูปร่างสมชายชาตรีอยู่ภายใต้ชุดสูทแต่เขากลับเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน เรียบร้อยประณีตและกรีดกรายอย่างกุลสตรี ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ดูมีเมตตาสำ
รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นที่มุมปากอิ่มสวยโดยไม่รู้ตัว สักครู่หญิงสาวจึงดึงความคิดกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอเป็นแค่พนักงานในร้านรองเท้าเท่านั้น เธอควรสังวรตัวเองไว้“ค่ะ...ฉันจะลองไปหาดูนะคะ” นิตาหายเข้าไปในห้องเก็บสินค้าสักครู่ก่อนที่เธอจะกลับออกมาพร้อมด้วยกล่องรองเท้ากล่องหนึ่ง ร่างบอบบางเดินกลับมาหยุดที่ตรงหน้าของชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยขึ้น“รองเท้าหนังกุชชี่สีน้ำตาลค่ะ...ท่านประธานลองดูนะคะว่าถูกใจหรือเปล่า?”หญิงสาวทำท่ายื่นกล่องใบนั้นให้คลีฟแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเขาเอ่ยขึ้น“ผมอยากให้คุณลองสวมให้ผม” เขาเอนหลังพิงเก้าอี้และดูเหมือนปล่อยตัวตามสบาย แม้จะประหลาดใจมากแค่ไหนหากแต่นิตาก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของลูกค้าได้ในทุกกรณี“ค่ะ...ท่านประธาน” ร่างน้อยย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าชายหนุ่ม เธอบรรจงถอดรองเท้าให้เขาขณะที่คลีฟนั่งมองมือเรียวบางคู่นั้นที่กำลังปฏิบัติต่อเขาในฐานะลูกค้าของร้านรองเท้าหรู ทุกการกระทำและทุกอิริยาบถของหญิงสาวราวกับริ้วคลื่นกระทบหินผา มันทำให้หัวใจของเขาประหวัดไปถึงเวลาเก่า ๆ ที่ล่วงผ่านมาแล้ว นิตาก้มหน้าอยู่แทบเท้าของเขา เธอค่อย ๆ สวมรองเท้าหนังคู่ใหม่ให้คลีฟที่จ้องม
“คลีฟ...” น้ำเสียงแหบโหยลอดออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ค่อย ๆ เผยอออกด้วยแรงบีบเบา ๆ จากมือหนาใหญ่ที่โอบไปตามสันกรามเล็กของหญิงสาว นัยน์ตาของเธอพร่าพรายด้วยหยาดน้ำรื้น ใบหน้าของเธออยู่ห่างจากเขาเพียงคืบ คลีฟโน้มจมูกโด่งลงมาจนมันชนกับปลายจมูกเล็ก เขาหายใจแรงขึ้นทุกขณะและแรงบีบที่กรามของหญิงสาวก็หนักขึ้น“คลีฟ...อย่าค่ะ...อย่า...” นิตาเห็นความเจ็บปวดฉายออกมาจากสีหน้าและแววตาของชายหนุ่ม เธอหลับตาลงเมื่อริมฝีปากของเขาโน้มลงมาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ บดบี้ลงบนกลีบปากของหญิงสาว มันนุ่มนวลจนเธอเคลิ้มสั่น ร่างเล็กอ่อนระทวยลงแทบจะในทันทีทันใดลิ้นหนานั้นแทรกลึกและกวาดไล้ไปทั่วในอุ้งปากของหญิงสาว ความเร่งเร้ารัญจวนทำให้นิตาปั่นป่วนและโอบรัดวงแขนบนแผ่นหลังของเขาในที่สุด ปลดปล่อยตัวเองไปกับจูบแสนหวานที่เธอเฝ้าคิดถึงมันตลอดระยะเวลาสองปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจูบเธอหลังจากหายหน้าไปและทิ้งความหวานฉ่ำไว้ให้เธอคะนึงหาในความฝัน แต่แล้วความหวั่นหวามกลับเริ่มมลายหายไปพร้อมกับนิ้วแกร่งที่กดลงบนคางเรียวแน่นขึ้น ปากของเขาบดขยี้ลงบนปากของเธอรุนแรงกว่าเดิม ร่างเล็กถูกดันเข้าไปจนชิดผนังห้องและเบียดกับฝาผนังจนเธอเ
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม
คริสตัลก้าวห่างจากหญิงสาวและโน้มใบหน้าต่ำเพื่อพิศดูความงามบนใบหน้าแสนสวยใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลที่ถูกมวยไว้ด้านหลัง นิตาเหมือนเทพธิดาผู้งดงามอย่างแท้จริง เขาไล้ปลายนิ้วไปตามสันกรามเล็กของหญิงสาว“บอกแล้วยังไงว่าโครงหน้าของเธอน่ะเป็นโครงหน้าที่ธรรมชาติมากและฉันก็ชอบผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ด้วย อยากรู้จังว่าถ้าเธอสวมชุดแต่งงานจะสวยขนาดไหน” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะลมหายใจ นิตายิ้มกลบเกลื่อนให้กับความคิดอันแท้จริง...จะไม่มีวันนั้น ไม่มีวันที่เธอจะได้สวมชุดแต่งงานเพื่อเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์ หญิงสาวรู้ดีว่ามันจะเป็นเพียงภาพฝัน เธอจะเก็บมันไว้ การรอคอยในสิ่งที่ไม่มีวันมาถึงชั่วชีวิต“อืม...ดูเหมือนใกล้ถึงเวลาที่ท่านประธานจะมาถึงแล้วนะ เมื่อกี๊ตอนออกไปฉันเห็นนักข่าวกับพวกคนดังในแวดวงธุรกิจและสังคมนิวยอร์คมากันเยอะเลยล่ะ ฉันคิดว่านี่เป็นงานที่สำคัญมากสำหรับท่านประธาน แต่...ถามอะไรหน่อยเถอะนิต้า ทำไมเธอไม่มาพร้อมท่านล่ะ”“คุณก็รู้นะคะคริสตัลว่าฉันน่ะ ไม่ชินกับการที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนมาก ๆ...ฉันบอกคลีฟแล้วค่ะว่าอยากดูเขาอยู่ห่าง ๆ อาจจะมุมไหนสักมุมหนึ่งในงาน”“โอเค...
“ฉัน...เอ้อ...”“ผมอยากให้คุณอยู่ที่นั่น นีน่า” คลีฟประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในอุ้งมือทั้งสอง “ผมอยากให้คุณมองเห็นความสำเร็จของผมหลังจากที่ผมสามารถพาเวสเนอร์ กรุ๊ปข้ามผ่านเวลาที่ยากลำบากมาได้ตอนที่คุณพ่อบุญธรรมของผมจากไป...นี่เป็นลมหายใจสุดท้ายของท่าน และผมจะสร้างมันใหม่ให้ยิ่งใหญ่มากกว่าในยุคสมัยที่ท่านทำไว้”“จะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เข้าใจ ทุกคนจะต้องคิดว่าเขาผิดปกติ เป็นคนโรคจิตเพราะเคยผ่านวิกฤติเลวร้ายในสงครามมาก่อน ทุกคนจะรังเกียจเขา ไม่อยากอยู่ใกล้ เวสเนอร์ กรุ๊ปต้องย่อยยับเพราะภูมิหลังที่ไม่โสภาของเขา ฉันไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้...”เสียงของไดแอนดราก้องขึ้นมาในหูของหญิงสาว มันยังอื้ออึงและกระชากความรู้สึกของนิตาให้ดิ่งลงต่ำ เสียงนั้นราวคมมีดกรีดหัวใจของเธอออกเป็นล้านชิ้น คลีฟกำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานโดยปราศจากสิ่งใดขวางกั้น แล้วเธอยังจะเห็นแก่ตัวเหนี่ยวรั้งความรุ่งโรจน์ของเขาไว้ในโลกอันน่าเศร้าของตัวเองอย่างนั้นหรือ“คลีฟ...”“ผมรู้ที่รัก...ผมรู้ว่าคุณต้องอยู่ที่นั่น อยู่เคียงข้างผม เพราะคุณสัญญาแล้วว่าคุณจะไม่จากผมไปไหนอีก อย่า
“นี่เป็นตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยพร้อมด้วยเงินสดหนึ่งแสนเหรียญ เป็นเงินส่วนตัวของฉันที่คิดว่าเธอจะเก็บมันไว้ใช้ได้อย่างเหลือเฟือที่เมืองไทย ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเครื่องจะออกจากสนามบินนิวยอร์คคืนพรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ฉันคิดว่าเธอทำถูกแล้วกับการแลกชีวิตของเธอเพื่ออนาคตของคนที่เธอรักด้วยการ...เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ...นิต้า” ไดแอนดราหยิบกระเป๋าคลัชต์ของเธอก่อนลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั้นปล่อยให้นิตานั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงันหากทว่าข้างในของเธอกลับอึงอนไปด้วยเสียงแห่งความเจ็บช้ำซึ่งไม่มีวันที่ใครจะได้ยิน ไปจากเขา...เพื่อให้คลีฟมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ในสังคม...ไดแอนดราบีบบังคับเธอเป็นครั้งที่สอง หากแต่ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นได้ยื่นข้อเสนอที่เธออาจปฏิเสธได้ยากยิ่ง หาใช่จำนวนเงินในเช็คใบนี้ แต่เป็นชีวิตของผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด นิตารู้สึกหนักอึ้งราวแบกโลกไว้ทั้งโลกบนบ่าเล็ก ๆ ...หรือนี่คือสิ่งที่เธอควรตัดสินใจ ไปจากชีวิตของคลีฟแลกกับการที่เขาจะได้มีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป มันอาจทำให้เขามีความสุขจริง ๆ อย่างที่ไดแอนดราพูดก็เป็นได้ นิตาหยิบซองกระดาษสีขาวบนโต๊ะขึ้นมากุมไว้ เธอ