“คุณคะ...ขอบคุณมากค่ะ” นิตายกมือไหว้ชายหนุ่มชาวอเมริกันด้วยดวงตาแดงก่ำหลังจากที่เขาจ่ายเงินค่าอาหารให้แก่บริกร แม้มันจะเป็นเงินจำนวนไม่มากแต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ถือว่าผมได้ตอบแทนคุณที่เอากระเป๋าไปให้เมื่อกี๊ ดีนะครับที่ผมกลับเข้ามาที่นี่เพราะลืมของอีกอย่างเอาไว้”
เขาชูสมุดโน้ตเล่มเล็ก ๆ ให้เธอดูพร้อมรอยยิ้ม “ผมชื่อลอว์สัน เบอร์ลิน...เรียกผมว่าลอว์ก็ได้ครับ แล้วนี่คุณกำลังจะไปไหนหรือครับ?” นิตาเงียบไปชั่วครู่ แล้วหญิงสาวก็ไม่อาจห้ามน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลลงอาบแก้มได้
“ฉันชื่อนิตาค่ะ ฉันมาจากเมืองไทย...ฉันมาตามหาคนคนหนึ่ง”
“ตามหาคนอย่างนั้นหรือครับ?...แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ค่ะว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเขาอยู่อเมริกา อยู่ในนิวยอร์คซิตี้”
“โอ...แต่นิวยอร์คนี่มีคนมากมายเลยนะครับถึงแม้พื้นที่จะเล็ก ที่ที่คุณอยู่ตอนนี้คือเขตมิดทาวน์ คุณอาจตามหาคนที่คุณต้องการพบแต่ไม่รู้พิกัดว่าเขาอยู่ที่ไหนได้ลำบาก” ลอว์สันกล่าวขณะจ้องมองดวงหน้างดงามซูบซีด นิตาเป็นผู้หญิงชาวเอเชียร่างเล็กแต่เธอก็สวยมากในความรู้สึกของเขา
“แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อไป”
“ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ” เธอถอนใจเบา ๆ “ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเลย ในกระเป๋าใบนั้นที่หายไปมีเงิน บัตรเครดิต และที่สำคัญมีเอกสารการเดินทางของฉันอยู่ในนั้นด้วย ฉันยังไม่รู้เลยค่ะว่าคืนนี้ฉันจะพักที่ไหน”
“นิตา...ถ้าคุณจะให้ความไว้วางใจผมในฐานะที่เราพึ่งรู้จักกัน...ผมมีห้องพักของเพื่อนผมที่เขาซื้อทิ้งไว้อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ผมจะพาคุณไปพักที่นั่นก่อนชั่วคราว”
นิตารู้สึกดีใจที่ลอว์สันแสดงความมีน้ำใจต่อคนที่กำลังลำบากอย่างเธอ แต่อีกด้านหนึ่งหญิงสาวก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงหากจะรับไมตรีจากเขาง่าย ๆ
“เอ้อ...”
“ผมรู้นะว่าคุณอาจจะไม่ค่อยสบายใจนัก การที่คุณเดินทางมาจากประเทศไทย มาที่นี่เพียงคนเดียวและมาเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก มันอาจทำให้คุณรู้สึกว่ายังไม่อยากไว้วางใจใคร”
“ลอว์คะ...คือ...”
“แต่ผมก็อยากให้คุณรู้ว่าตอนนี้ผมอยากจะช่วยเหลือคุณจริง ๆ...ผมไม่ได้พักอยู่ที่นั่นหรอกนะครับ มันเป็นห้องชุดที่เพื่อนของผมซื้อทิ้งไว้และเราสนิทกันมาก ผมจะพาคุณไปพักที่นั่นก่อนพลาง ๆ ส่วนผมจะกลับไปที่คอนโดของผมอีกแห่งหนึ่ง”
นิตาทำท่าเหมือนเธอกำลังชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าลำบากอย่างแท้จริง กระเป๋าหาย ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่เหรียญเดียว และความหวังที่จะติดตามหา ใครคนนั้น ก็ดูเหมือนจะดับวูบลงในทันที เธอจะทำอย่างไรมากไปกว่านี้ได้ นอกเสียจาก...
“ค่ะ...ฉันจะไปพักที่ห้องของคุณค่ะลอว์ เพราะตอนนี้ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
ลอว์สันยิ้มกับหญิงสาว ใบหน้าของนิตาแช่มชื่นขึ้นเล็กน้อยแม้ในส่วนลึกเธอเองยังสับสนกับการรับไมตรีของหนุ่มชาวต่างชาติที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน แต่มันก็คงดีกว่าการที่เธอต้องนอนอยู่ข้างถนนในเมืองใหญ่อย่างมหานครนิวยอร์คไม่ใช่หรือ
“คืนนี้คุณนอนที่นี่ไปก่อนนะครับ นิตา...ห้องนี้เพื่อนผมซื้อทิ้งไว้นานแล้ว แต่เขาก็ยังให้แม่บ้านมาทำความสะอาดจัดแต่งอยู่ตลอด”
ลอว์สันกล่าวขณะหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวชาวไทยที่รับไมตรีจากเขาด้วยการตามมาที่ห้องชุดบนชั้นที่สามสิบของตึกสูงใจกลางเมือง มันไม่ใช่ห้องพักเล็ก ๆ อย่างที่นิตาเข้าใจ ตรงข้ามเป็นห้องชุดขนาดใหญ่โตโอ่โถงจนทำให้เธอเริ่มนึกสงสัยว่าเพื่อนของลอว์สันอาจไม่ใช่คนที่มีฐานะธรรมดาเป็นแน่ เมื่อลอว์สันวางกระเป๋าของเธอลงบนเก้าอี้นวมบุหนังอย่างดีภายในห้องรับแขกหญิงสาวจึงกล่าวขึ้นว่า
“ขอบคุณมากนะคะลอว์...เอ้อ...ฉันรู้สึกว่าฉันรบกวนคุณมากเกินไปแล้ว มากกว่าที่ฉันช่วยเหลือคุณเสียอีก”
“ทำไมล่ะนิตา...ทำไมคุณคิดอย่างนั้น”
“ก็...” หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง “ห้องนี้มันใหญ่มาก เหมือนโรงแรมเลยล่ะคะ แล้วเพื่อนของคุณเขาจะว่ายังไงบ้างถ้ารู้ว่าคุณพาคนแปลกหน้าเข้ามาพัก”
“เพื่อนของผมไม่ใช่คนใจแคบหรอกนะครับ...เราสนิทกัน แต่อย่าเข้าใจว่าเรามีความสัมพันธ์มากเกินกว่าเพื่อนชาย อันนี้คงต้องบอกกันไว้ก่อน กลัวคุณจะเข้าใจผิดที่ผมกับเพื่อนใช้ห้องร่วมกันได้ ผมแค่มีกุญแจของเขา เราจะมาแฮงค์เอาท์กันนาน ๆ ครั้งน่ะครับ”นิตาปรายยิ้มน้อย ๆ เธอไม่รู้ว่าเพื่อนของลอว์สันเป็นใคร แต่ก็อาจถือได้ว่าเขาก็มีส่วนมีบุญคุณกับเธอเช่นกัน“คุณคิดหรือยังครับว่าหลังจากนี้จะทำยังไงต่อไป?”ลอว์สันตั้งคำถาม นิตาถอนใจเบา ๆ ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาและยิ้มขื่น ๆ“ฉันไม่รู้ค่ะ...รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันแทบไม่เหลืออะไรเลย ฉันไม่มีเงินติดตัวแม้สักเหรียญเดียว”“และมันก็ทำให้คุณตามหาคนที่คุณต้องการพบได้ลำบากด้วย”เขาเสริมและหญิงสาวก็จำนนด้วยการก้มหน้าราวกับคิดไม่ตก“คุณมีแพลนอะไรบ้างหรือเปล่าตอนมาถึงอเมริกา นอกจากตามหาคนที่คุณอยากพบ...บอกผมได้มั้ย นิตา”“แทบไม่มีค่ะ” นิตาเงยหน้าขึ้นมาแต่ดวงตาคู่งามก็ยังหรุบต่ำมองที่เท้าของตัวเอง มือทั้งสองประสานกันบนตักดูราวกับว่าเธอเป็นเด็กที่กำลังอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่กระนั้น ความคิดของเธอกำลังโลดแล่นออกไปอีกครั้ง ล่องลอยไปหาใครคนหนึ่งที่มักทำให้เธอเสียน้ำตายามคิดถึงเขา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะลอว์” นิตากล่าวขณะกุมเอกสารในมือไว้มั่น “แค่นี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณยังไงแล้ว คุณช่วยให้ฉันมีเอกสารอยู่ที่นี่ได้ตามกฎหมาย แล้วยังจะหางานให้ฉันทำอีก” “นิต้า...ขอให้คิดว่าเราเป็นเพื่อนกันเถอะนะ ผมว่ามันไม่ได้เลวร้ายหรอกกับการที่เราช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง อย่างน้อยคุณก็จะได้มีกำลังใจหาคนที่คุณต้องการหาต่อไปยังไงล่ะ” “ฉันไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ค่ะลอว์” เขายักไหล่ “แต่อย่างน้อยคุณก็มีเงิน คุณอยู่ที่นี่ได้ ถึงจะไม่นานมากก็เถอะ อืม...นี่ไง บริษัทที่เพื่อนของผมบอกว่าเขาจะให้คุณมาทำงานที่นี่” ลอว์สันกล่าวขณะหักพวงมาลัยเพื่อรถของเขาเข้าไปใต้ตึกที่หญิงสาวเงยหน้ามองป้ายด้านบนของตึกสูงสิบชั้น มันเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่...Westner’s (เวสเนอร์ ) ชื่อของห้างสรรพสิค้านั้นทำให้เธอฉุกคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาจับใจ แต่...ชื่อและนามสกุลของคนอเมริกันหรือแม้แต่สถานที่ซ้ำกันก็มีมากมายในประเทศนี้ นิตาคิดอย่างหดหู่ คงอีกนานกระมังกว่าที่เธอจะได้พบ ใครคนนั้น แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตามที“นิต้า...เดี๋
นิตา รัตนะรัศมี เพราะหัวใจที่ร้อยรัดความรักไว้กับ เขา อย่างแนบแน่นแม้ต้องแลกกับความเจ็บปวดทรมานสาหัสแม้ความฝันจะถูกทำลายจนย่อยยับหากแต่เธอก็ยินดี นิตา เฝ้ารอคอยการกลับมาของ คลีฟ เวสเนอร์ นาวิกโยธินหนุ่มชาวอเมริกันที่จดทะเบียนสมรสกับเธอก่อนกลับไปร่วมปฏิบัติการทางการทหารในอาฟกานิสถาน หลังจากนั้นเขาไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเธอเป็นเวลาเกือบสองปี หญิงสาวตัดสินใจไปตามหาสามีที่อเมริกา จนกระทั่งได้พบกับเขา ทว่า คลีฟ เวสเนอร์ที่เธอเคยรู้จักกลับไม่ใช่นายทหารนาวิกโยธินคนนั้นอีกต่อไป ...แต่ เขา คือประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เวสเนอร์ เรียล เอสเตท กรุ๊ป ที่ทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน นิตาไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิด เขาถึงลงทัณฑ์เธอให้เจ็บปวดทรมานทั้งด้วยสายตาและคำพูด กรีดหัวใจของเธอให้เป็นแผลบาดลึกและผลักไสเธอลงสู่หุบเหวแห่งความเศร้าอย่างไร้ปราณีบทที่ 1 The destiny ติดตาม ความรัก ล็อคเก็ตเงินทรงรีขนาดเล็กถูกกำไว้ในมือเรียวและบอบบางแน่น หลายครั้งมันถูกเปิดออกเพื่อที่เจ้าของซึ่งนั่งอยู่บนเบาะด้านหลังของรถแท็กซี่ซึ่งติดอยู่ท่ามกลางการจราจรแออัดใจกลางมหานครนิวยอร์คจะได้พินิจดูด้วยดวงตาที่
เสียงห้าวทุ้มลึกทว่าทรงพลังยังดังก้องในความนึกคิดของหญิงสาวพร้อม ๆ กับภาพใบหน้าคมเข้มคมคายของ เขา คนนั้นยังแจ่มชัดในมโนนึกเสมอ นิตาเกือบจะทำน้ำตาร่วงลงในจานสเต็กหากก็เก็บกลั้นมันไว้ได้เสียก่อน“เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน...ถึงวันนั้นผมอยากมีลูกสาวกับลูกชายกับคุณสักห้าคน”เธอยังคิดถึงประโยคนี้เสมอและมันทำให้นิตาอดไม่ได้ที่จะดึงล็อคเก็ตที่ห้อยคอขึ้นมาเปิดดู“คลีฟ...” เสียงแผ่วเบาลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เธอเกือบต้องเสียน้ำตาอีกแล้วหากไม่มีสิ่งที่เข้ามาขัดจังหวะความคิดนั้นเสียก่อน นั่นคือภาพที่ผู้ชายชาวอเมริกันสวมชุดสูทดูภูมิฐานคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้กันลุกขึ้นเดินออกไปทั้งที่กระเป๋าเอกสารของเขายังวางอยู่บนเก้าอี้“คะ...คุณ...คุณคะ!” เร็วกว่าความคิด นิตารีบวางส้อมในมือลงและปรี่เข้าไปหยิบกระเป๋าเอกสารใบนั้นก่อนวิ่งออกไปหน้าร้านและตะโกนเรียก“คุณคะ!...คุณ...คุณลืมกระเป๋าค่ะ!” ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาและทำสีหน้าประหลาดใจ สักครู่เขาก็มีสีหน้าเหมือนนึกอะไรได้เมื่อนิตาวิ่งเข้าไปหยุดตรงหน้าและยื่นกระเป๋าให้“คุณคะ...คุณลืมกระเป๋าไว้ในร้านน่ะค่ะ นี่ไงคะ”“โอ!...พระเจ้า...ขอบคุณมาก