จวนแม่ทัพหลิง / เมืองซานตง / แคว้นฉิน
“คุณหนู ฮูหยินบอกว่าให้ท่านแต่งตัวเจ้าค่ะ”
“หึ อนุเหวินให้ข้าแต่งตัว เพื่อที่จะไปดูน้องสาวแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของข้างั้นหรือ”
“คุณหนู”
“เอาเถอะ ในเมื่อนางอยากให้ข้าแต่ง ก็จะแต่งไปร่วมอวยพรให้พวกเขาสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ผ่าง!”
ประตูหน้าห้องของคุณหนูใหญ่ “หลินหยุนซี” เปิดพร้อมกับสาวใช้สูงอายุอีกสองคนที่เดินเข้ามา แม้จะดูมีอำนาจจนสาวใช้ที่เหลือของนางกลัว แต่กลับมิได้ทำให้หลินหยุนซีรู้สึกกลัว นางหันมามองทั้งสองที่แม้จะกล้ากับสาวใช้ แต่ก็ไม่กล้ากับหยุนซี
“คุณหนูใหญ่ พวกข้ามาช่วยท่านแต่งตัวเจ้าค่ะ”
“คนของข้ามีมากมาย ไม่จำเป็นต้องรบกวนคนของอนุเหวินหรอก”
รอยยิ้มของสาวใช้กระตุกขึ้นเล็กน้อย เมื่อนางเอ่ยถึงผู้เป็นนายของทั้งสอง น้ำเสียงของพวกนางเริ่มแข็งขึ้น
“คุณหนูใหญ่ บัดนี้ฮูหยินมิได้เป็นเพียงอนุแล้ว บัดนี้ท่านแม่ทัพยกให้นางดูแลจวน อีกทั้ง…”
“อ๊ากกก!!!”
หญิงสาวหันมา ปิ่นปักผมประดับมุกแทงลงไปที่หัวไหล่ของสาวใช้สูงอายุที่กำลังพูดอยู่ สายตาบ่งบอกถึงความโกรธและการไม่ยอมรับ สาวใช้อีกคนกรีดร้องและล้มตึงไปข้าง ๆ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“เป็นแค่หญิงที่แย่งสามีชาวบ้าน แค่ก้าวขาย่องขึ้นเตียงบิดข้าจะให้ข้ายอมรับงั้นหรือ ฝันไปเถอะ”
“โอ๊ย! คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ได้โปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วยบ่าวปากไม่ดี บ่าวผิดเองเจ้าค่ะ”
ปิ่นแหลมถูกดึงขึ้นมา เลือดของสาวใช้พุ่งจนนางกรีดร้อง หยุนซีทิ้งปิ่นลงพื้น พร้อมกับหันไปเหยียบมือของสาวใช้อีกคนข้าง ๆ สายตาเหยียดใช้มองผู้ที่ต่ำต้อยกว่าอย่างไม่ปรานี
“พวกเจ้าไปบอกอนุเหวิน ว่าข้ามีปัญญาจัดการเรื่องชุดเอง ไม่ต้องสาระแนส่งใครมา ออกไป!”
“จะ เจ้าค่ะ ๆ ไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
สองสาวใช้สูงวัยรีบลุกขึ้น คนหนึ่งบาดเจ็บเพราะโดนแทงที่หัวไหล่ ส่วนอีกคนนิ้วมือเกือบหักเพราะถูกเหยียบ พวกนางรีบวิ่งไปปิดประตูไปทันที ความโหดเหี้ยมของคุณหนูใหญ่สกุลหลิน ไม่มีใครในจวนที่ไม่ทราบ
“คุณหนู”
“ยังไม่รีบเตรียมชุดให้ข้าอีกหรือ จินถาน เป้าเซี่ย พวกเจ้าเร่งมือเข้าเดี๋ยวข้าจะไปไม่ทันอวยพรคู่บ่าวสาว”
""เจ้าค่ะคุณหนู""
รอยหยักยิ้มร้ายกาจเผยออกมาบนใบหน้าของคุณหนูใหญ่ แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูใหญ่ แต่ก็ยังเป็นบุตรคนรองของแม่ทัพ “หลินฟ่าน” เนื่องจากผู้เป็นบิดามีบุตรนอกสมรสกับสตรีอื่นที่มิใช่ภริยาเอก ดังนั้นต่อให้เป็นคุณหนูใหญ่ แต่ก็เทียบไม่ได้กับบุตรที่มีมารดาอย่างคุณหนูรอง “หลินเสี่ยวถง”
ยี่สิบวันก่อน
“อะไรนะ… หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าให้ข้าถอนหมั้น!”
“ที่จริงเรื่องนี้ต้องโทษคนแซ่หลี่ ไม่ใช่ ๆ ต้องโทษถงเอ๋อร์ที่งดงามเกินไป ก็เลยเตะตาบุตรคหบดีของซานตงเข้า คุณหนูใหญ่เจ้าก็อย่าได้เสียใจไปเลย ข้ากับท่านพ่อของเจ้าเตรียมคู่หมั้นที่เหมาะสมให้กับเจ้าแล้ว”
หลินหยุนซีหันไปมอง “เหวินไห่ถาง” ที่จีบปากจีบคอพูด หลังจากที่มีข่าวว่าบุตรชายคหบดีเกิดถูกตาต้องใจหลินเสี่ยวถง แต่ที่จริงแล้วคือนางจัดแจงสลับยามตกฟากของทั้งสองคนไปที่สกุลหลี่
“ใครงั้นหรือ”
“ไม่ใช่ใครอื่น”
“อนุเหวินคงหลงลืมฐานะของตัวเองไปกระมัง ต่อให้เจ้าถูกเรียกเป็นฮูหยินของจวน แต่ก็ควรจะวางตัวกับข้าซึ่งเป็นบุตรีภรรยาเอกของท่านพ่อ เจ้าอยากถูกโบยหรือ!”
“ข้าน้อยมิกล้า คุณหนูใหญ่เชิญเจ้าค่ะ นี่คือเทียบหมั้นหมายที่ถูกกำหนดวันมาแล้ว”
หยุนซีหันไปหยิบขึ้นมามองและอ่านดูจนครบ นางหัวเราะออกมาดัง ๆ พร้อมกับพับเทียบนั้น โยนฟาดใส่หน้าผู้เป็นอนุของบิดาทันที
“กรี๊ด! คุณหนูใหญ่ ท่านจะทำเกินไปแล้วนะ”
“เทียบหมั้นหมาย พร้อมสินสอดมหาศาลของ “หวังจินสั่ว” ขุนนางกรมคลังที่แต่งงานมาแล้วหกครั้ง มีอนุมาแล้วสี่คน เหวินไห่ถาง ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้สินะ!”
“ไม่นะเจ้าคะ ข้าไม่รู้เรื่อง”
“ไม่รู้เรื่องงั้นหรือ แม้แต่ใส่บุตรสาวถวายพานให้กับชายที่กำลังจะหมั้นหมายอยู่แล้วเจ้ายังกล้าทำ วิธีเช่นนี้เจ้าคงจะถนัดสินะ ใครอยากแต่งก็แต่งไป ข้าไม่แต่ง!”
“แต่เจ้าต้องแต่ง!”
เสียงขึงขังของแม่ทัพหลินเดินเข้ามาในห้องโถง แม้ว่าจะเอาแต่ใจและทำตัวร้ายกาจ แต่หยุนซีก็ให้ความเคารพหลินฟ่านในฐานะบิดาผู้ให้กำเนิดอยู่เสมอ แม้เขาจะไม่เคยใส่ใจนางในฐานะบุตรสาวเลยก็ตาม
“ท่านพ่อ”
“ซีเอ๋อร์ ข้าเห็นแก่แม่ของเจ้าจึงได้จัดหาคนดี ๆ ที่เหมาะสมให้แต่งงานกับเจ้า เหตุใดจึงไม่พอใจอีก”
“แต่คนผู้นี้มักมากในกาม เขาทรมานสตรีและบังคับขืนใจพวกนาง ท่านจะให้ข้า…”
“ใช่! บัดนี้เขากำลังจะรั้งตำแหน่งเจ้ากรมคลังคนใหม่ ฐานะและหน้าตาเหมาะสมกับจวนสกุลหลินของเรา เจ้าได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวคนโตสกุลหลิน เรื่องนี้ทำเพื่อตระกูลหลินไม่ได้หรือ”
เหวินไห่ถางแอบหัวเราะอยู่ด้านหลัง หยุนซีรู้ดีว่าสักวันต้องมีวันนี้ วันที่นางและบิดาต้องมีปัญหากันเพราะอนุของเขา
“ลูกไม่แต่ง”
“นี่เจ้าจะขัดคำสั่งข้างั้นหรือ!”
“ท่านพี่ใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ”
“หุบปาก! มีสิทธิ์อันใดมาเรียกข้าเช่นนั้น”
“นะ นายท่าน ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”
แม้ว่าจะยกนางให้เป็นฮูหยิน เพียงเพราะบุตรคนรองต้องแต่งกับบุตรชายคหบดีหลี่ซุน ซึ่งร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของซานตง เขาจึงต้องยกฐานะให้นางจากอนุเป็นฮูหยินรองเพื่อจะได้ไม่น้อยหน้าคู่สมรส
“ซีเอ๋อร์ ทุกอย่างถูกเตรียมการแล้ว อีกสิบวันถิงเอ๋อร์ก็จะแต่งงาน เจ้าเองก็รีบเตรียมตัวเถอะ”
“ที่แท้ท่านพ่อก็เห็นแก่หน้าวงศ์ตระกูล มากกว่าความสุขของลูก ถึงกับยอมให้ลูกอนุแย่งคู่หมั้นของลูกไป แล้วให้ข้าแต่งงานกับคนสารเลวบ้ากามแห่งซานตง”
“เพี๊ยะ!”
ฝ่ามือหนาพาดไปที่ใบหน้าของหญิงสาวในวัยยี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่บิดาลงมือกับนางเช่นนี้ หลินหยุนซีได้แต่หันไปมองบิดาที่ให้กำเนิดด้วยสายตาที่เจ็บปวดที่สุด แต่ผู้เป็นบิดาราวกับมิได้ใส่ใจความรู้สึกนางเลยแม้แต่น้อย ส่วนอนุเหวินได้แต่ยิ้มด้วยความสะใจอยู่ด้านหลัง
“ท่านพ่อ… นี่ท่าน...”
แม่ทัพหลินรู้สึกผิด ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยแม้แต่จะตีนางด้วยซ้ำ
“ท่านไม่เคยตีข้าเลย มาวันนี้แค่เรื่องนี้ถึงกับลงมือกับข้า”
“เจ้ามันดื้อรั้นเอาแต่ใจจนเคยตัว แม้ว่าจะไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียแต่… เจ้ารีบกลับไปที่ห้อง จากนี้อีกสิบวันกักบริเวณห้ามออกจากจวน จนกว่าจะถึงงานแต่งของถิงเอ๋อร์ พาตัวนางไป”
กลับมาที่ห้อง
“คุณหนู เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“ขอบใจพวกเจ้ามาก รีบไปเตรียมตัวเถอะ”
""เจ้าค่ะ""
รอยยิ้มหยักบนใบหน้ากรีดออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สวมปิ่นอันสุดท้ายที่ศีรษะ
“ได้เวลาอวยพรคู่บ่าวสาวแล้ว”
สาวใช้เดินไปเปิดประตู คุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพเดินอย่างผ่าเผยเพื่อไปยังห้องโถงพิธีเพื่อรอคู่บ่าวสาวเดินเข้ามาทำพิธีด้านใน เมื่อเดินเข้าไปถึง คหบดีหลี่และฮูหยินก็หลบสายตานางทันทีเพราะความละอายใจ ที่บุตรชายของเขาทำเรื่องที่ผิดกับนาง
“คู่บ่าวสาว เข้าสู่พิธีได้”
เมื่อเสียงประกาศดังขึ้น คู่บ่าวสาวในชุดสีแดงก็เดินเข้ามาในห้องโถง
“สาม…”
ทั้งคู่รับโบมงคลสีแดงและถือเอาไว้คนละข้าง ผ่านกระถางไฟและธรณีประตูเข้ามาในห้องโถง
“สอง….”
เจ้าบ่าวที่หันมาเห็นหลินหยุนซีในชุดสีขาวประดับไข่มุก ทั้งตัวแลดูงดงามไร้ที่เปรียบ ยิ่งทำให้เขารู้สึกสำนึกผิดกับนาง แต่เมื่อมองสีหน้าของนางแล้ว เขากลับรู้สึกว่าบัดนี้หยุนซีกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักอีกต่อไป รอยยิ้มร้ายนั้นปรากฏก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น
“หนึ่ง!”
“กรี๊ด!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย! เร็วเข้ารีบเอาออกไปหมด!”
เสียงกรีดร้องของคนในงานดังขึ้น เมื่อกระดาษสำหรับเผาส่งวิญญาณให้คนตายลอยลงมาพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่เปื้อนอยู่ ด้านบนเพดานมีหัวของสุนัขสีดำตกลงมาตรงหน้าเจ้าสาวจนเปื้อนผ้าคลุม เจ้าสาวกรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับแขกเหรื่อที่รีบวิ่งหนีออกจากงาน เพราะเกรงว่าจะมีความอัปมงคลติดตัวกลับจวน“กรี๊ด!!!”“ยินดีด้วยนะ หลินเสี่ยวถง”“เร็วเข้า! รีบให้คนมาจัดการ”หยุนซีลุกและเดินออกจากห้องโถงไปในทันที ท่ามกลางความวุ่นวายที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ไม่นานนางก็กลับไปยังเรือนพักของตัวเอง และเริ่มดึงของที่เก็บไว้ออกมา สองสาวใช้มายืนตรงหน้าพร้อมกัน“คุณหนู ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ"“ไม่มีคนอยู่แถวนี้แล้วใช่หรือไม่”“ทุกคนมุ่งไปที่ห้องโถงหมดเลยเจ้าค่ะ รถม้าก็มาจอดรออยู่ประตูหลังแล้ว รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี ได้เวลาไปจากที่นี่แล้ว”""เจ้าค่ะ""หลินหยุนซีเดินออกมาจากเรือน และตรงไปยังประตูหลังซึ่งมีรถม้าที่นางจ้างมารอรับอยู่แล้ว สาวใช้ของนางรีบเก็บของที่เหลือขึ้นรถเพื่อรอนาง หยุนซีหันไปมองจวนสกุลหลินเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งแต่เกิดมาจนโตถึงตอนนี้ นางยังไม่เคยก้าวออกนอกเมืองซานตงเลยสักครั้ง“จบสิ้นกันเสียที จา
หรูเฟยกะพริบตาถี่ ๆ และยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อทหารยืนรายงานเขาอยู่ตรงหน้า นางเริ่มถอยและหลบหน้าเขาอีกครั้ง หากว่าเขาคือท่านอ๋องที่ควบคุมหน้าเมืองม่านโจวจริง ๆ แล้ว อาจจะเคยพบกับบิดาของนางซึ่งเป็นแม่ทัพเหมือนกัน“แม่นาง...”“ขอประทานอภัย หม่อมฉันมิทราบว่าพระองค์คือท่านอ๋อง”“ไม่ต้องมากพิธี เงยหน้าขึ้นมาเถิด”“มิกล้าเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงสามัญชนต่ำต้อยมิอาจ…มองพระพักตร์ที่สูงส่งของพระองค์ได้ หากไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”หรูเฟยรีบย่อถวายบังคมตามความเคยชินของบุตรีขุนนาง ยิ่งทำให้ “จ้าวเฟิงหมิง” รู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม อีกทั้งท่าทางเร่งรีบของพวกนางเมื่อทราบฐานะของเขายิ่งน่าสงสัย“หยวนจื่อ”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“เจ้าเคยเห็นพวกนางมาก่อนหรือไม่ นางเป็นบุตรีของขุนนางจวนใดหรือเปล่า แต่ข้าคิดว่าไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน”“หากเป็นพวกนางทั้งสามเมื่อครู่นี้ กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยพ่ะย่ะค่ะ คิดว่าไม่น่าจะใช่บุตรีขุนนางในม่านโจวนะ เพราะว่าเหล่าสตรีสูงศักดิ์ในเมือง พระองค์ล้วนเคยพบมาหมดแล้ว…”ท่านอ๋องหันไปมององครักษ์ที่ตอบกลับพระองค์ด้วยท่าทางนิ่ง ๆ “ไม่ใช่บุตรขุนนางงั้นหรือ แต่กิริยามารยาทและว
ท่านอ๋องเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นมาดื่มหลังจากได้ลิ้มลองหมั่นโถวรสชาติแปลกใหม่ไปจนหมดจาน พระองค์เพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ และมิได้มีท่าทีตกใจกับคำถามนั้น“ทำไมเล่า เจ้าสงสัยในการมาเยือนของข้างั้นหรือ”“หม่อมฉัน… มิกล้าเพคะ”ยิ่งเห็นนางร้อนรนเขายิ่งนึกอยากจะแกล้งมากขึ้น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเช่นนี้กับสตรี เพราะส่วนมากสตรีที่เขาพบไม่เป็นบุตรีขุนนางชั้นสูง ก็จะเป็นเหล่าสตรีที่เอาแต่คุยเรื่องน่าเบื่อ แต่กับไป๋หรูเฟยผู้นี้ ท่าทางของนางแม้จะดูน่าสงสัยแต่ก็มิได้ดูรุนแรงจนเหมือนคนร้าย“คนร้ายที่ทำร้ายพวกเจ้า ถูกสั่งลงโทษให้เนรเทศไปทำงานหนักที่ชายแดน วันนั้นพวกเขาคว้าถุงเงินของสาวใช้เจ้าไปด้วย วันนี้ข้าจึงนำมาคืน”พระองค์วางถุงเงินสีขาวของจินถานเอาไว้บนโต๊ะ และลุกขึ้นยืนทันที“จะเสด็จกลับแล้วหรือเพคะ”“รีบไล่ข้าปานนั้นเชียว นี่เจ้าเป็นเถ้าแก่นะ ไล่ลูกค้าเช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง อีกอย่างวันนี้ที่ข้ามาก้เพื่อนำของมาคืนเจ้ามิใช่หรือ”แม้จะรู้สึกขอบคุณ แต่ไป๋หรูเฟยรู้สึกไม่ถูกชะตากับท่านอ๋องผู้นี้เอาเสียเลย นางโมโหจนอยากจะซัดเขาสักหมัด หากมิต้องเกรงอาญาคงทำไปนานแล้ว คนอะไรถึงได้ยั่วโมโหนางได้ตลอด“ทูลท่านอ๋อง อ
ท่านอ๋องเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นมาดื่มหลังจากได้ลิ้มลองหมั่นโถวรสชาติแปลกใหม่ไปจนหมดจาน พระองค์เพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ และมิได้มีท่าทีตกใจกับคำถามนั้น“ทำไมเล่า เจ้าสงสัยในการมาเยือนของข้างั้นหรือ”“หม่อมฉัน… มิกล้าเพคะ”ยิ่งเห็นนางร้อนรนเขายิ่งนึกอยากจะแกล้งมากขึ้น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเช่นนี้กับสตรี เพราะส่วนมากสตรีที่เขาพบไม่เป็นบุตรีขุนนางชั้นสูง ก็จะเป็นเหล่าสตรีที่เอาแต่คุยเรื่องน่าเบื่อ แต่กับไป๋หรูเฟยผู้นี้ ท่าทางของนางแม้จะดูน่าสงสัยแต่ก็มิได้ดูรุนแรงจนเหมือนคนร้าย“คนร้ายที่ทำร้ายพวกเจ้า ถูกสั่งลงโทษให้เนรเทศไปทำงานหนักที่ชายแดน วันนั้นพวกเขาคว้าถุงเงินของสาวใช้เจ้าไปด้วย วันนี้ข้าจึงนำมาคืน”พระองค์วางถุงเงินสีขาวของจินถานเอาไว้บนโต๊ะ และลุกขึ้นยืนทันที“จะเสด็จกลับแล้วหรือเพคะ”“รีบไล่ข้าปานนั้นเชียว นี่เจ้าเป็นเถ้าแก่นะ ไล่ลูกค้าเช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง อีกอย่างวันนี้ที่ข้ามาก้เพื่อนำของมาคืนเจ้ามิใช่หรือ”แม้จะรู้สึกขอบคุณ แต่ไป๋หรูเฟยรู้สึกไม่ถูกชะตากับท่านอ๋องผู้นี้เอาเสียเลย นางโมโหจนอยากจะซัดเขาสักหมัด หากมิต้องเกรงอาญาคงทำไปนานแล้ว คนอะไรถึงได้ยั่วโมโหนางได้ตลอด“ทูลท่านอ๋อง อ
หรูเฟยกะพริบตาถี่ ๆ และยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อทหารยืนรายงานเขาอยู่ตรงหน้า นางเริ่มถอยและหลบหน้าเขาอีกครั้ง หากว่าเขาคือท่านอ๋องที่ควบคุมหน้าเมืองม่านโจวจริง ๆ แล้ว อาจจะเคยพบกับบิดาของนางซึ่งเป็นแม่ทัพเหมือนกัน“แม่นาง...”“ขอประทานอภัย หม่อมฉันมิทราบว่าพระองค์คือท่านอ๋อง”“ไม่ต้องมากพิธี เงยหน้าขึ้นมาเถิด”“มิกล้าเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงสามัญชนต่ำต้อยมิอาจ…มองพระพักตร์ที่สูงส่งของพระองค์ได้ หากไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”หรูเฟยรีบย่อถวายบังคมตามความเคยชินของบุตรีขุนนาง ยิ่งทำให้ “จ้าวเฟิงหมิง” รู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม อีกทั้งท่าทางเร่งรีบของพวกนางเมื่อทราบฐานะของเขายิ่งน่าสงสัย“หยวนจื่อ”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“เจ้าเคยเห็นพวกนางมาก่อนหรือไม่ นางเป็นบุตรีของขุนนางจวนใดหรือเปล่า แต่ข้าคิดว่าไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน”“หากเป็นพวกนางทั้งสามเมื่อครู่นี้ กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยพ่ะย่ะค่ะ คิดว่าไม่น่าจะใช่บุตรีขุนนางในม่านโจวนะ เพราะว่าเหล่าสตรีสูงศักดิ์ในเมือง พระองค์ล้วนเคยพบมาหมดแล้ว…”ท่านอ๋องหันไปมององครักษ์ที่ตอบกลับพระองค์ด้วยท่าทางนิ่ง ๆ “ไม่ใช่บุตรขุนนางงั้นหรือ แต่กิริยามารยาทและว
เสียงกรีดร้องของคนในงานดังขึ้น เมื่อกระดาษสำหรับเผาส่งวิญญาณให้คนตายลอยลงมาพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่เปื้อนอยู่ ด้านบนเพดานมีหัวของสุนัขสีดำตกลงมาตรงหน้าเจ้าสาวจนเปื้อนผ้าคลุม เจ้าสาวกรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับแขกเหรื่อที่รีบวิ่งหนีออกจากงาน เพราะเกรงว่าจะมีความอัปมงคลติดตัวกลับจวน“กรี๊ด!!!”“ยินดีด้วยนะ หลินเสี่ยวถง”“เร็วเข้า! รีบให้คนมาจัดการ”หยุนซีลุกและเดินออกจากห้องโถงไปในทันที ท่ามกลางความวุ่นวายที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ไม่นานนางก็กลับไปยังเรือนพักของตัวเอง และเริ่มดึงของที่เก็บไว้ออกมา สองสาวใช้มายืนตรงหน้าพร้อมกัน“คุณหนู ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ"“ไม่มีคนอยู่แถวนี้แล้วใช่หรือไม่”“ทุกคนมุ่งไปที่ห้องโถงหมดเลยเจ้าค่ะ รถม้าก็มาจอดรออยู่ประตูหลังแล้ว รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี ได้เวลาไปจากที่นี่แล้ว”""เจ้าค่ะ""หลินหยุนซีเดินออกมาจากเรือน และตรงไปยังประตูหลังซึ่งมีรถม้าที่นางจ้างมารอรับอยู่แล้ว สาวใช้ของนางรีบเก็บของที่เหลือขึ้นรถเพื่อรอนาง หยุนซีหันไปมองจวนสกุลหลินเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งแต่เกิดมาจนโตถึงตอนนี้ นางยังไม่เคยก้าวออกนอกเมืองซานตงเลยสักครั้ง“จบสิ้นกันเสียที จา
จวนแม่ทัพหลิง / เมืองซานตง / แคว้นฉิน“คุณหนู ฮูหยินบอกว่าให้ท่านแต่งตัวเจ้าค่ะ”“หึ อนุเหวินให้ข้าแต่งตัว เพื่อที่จะไปดูน้องสาวแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของข้างั้นหรือ”“คุณหนู”“เอาเถอะ ในเมื่อนางอยากให้ข้าแต่ง ก็จะแต่งไปร่วมอวยพรให้พวกเขาสักหน่อยก็แล้วกัน”“ผ่าง!”ประตูหน้าห้องของคุณหนูใหญ่ “หลินหยุนซี” เปิดพร้อมกับสาวใช้สูงอายุอีกสองคนที่เดินเข้ามา แม้จะดูมีอำนาจจนสาวใช้ที่เหลือของนางกลัว แต่กลับมิได้ทำให้หลินหยุนซีรู้สึกกลัว นางหันมามองทั้งสองที่แม้จะกล้ากับสาวใช้ แต่ก็ไม่กล้ากับหยุนซี“คุณหนูใหญ่ พวกข้ามาช่วยท่านแต่งตัวเจ้าค่ะ”“คนของข้ามีมากมาย ไม่จำเป็นต้องรบกวนคนของอนุเหวินหรอก”รอยยิ้มของสาวใช้กระตุกขึ้นเล็กน้อย เมื่อนางเอ่ยถึงผู้เป็นนายของทั้งสอง น้ำเสียงของพวกนางเริ่มแข็งขึ้น“คุณหนูใหญ่ บัดนี้ฮูหยินมิได้เป็นเพียงอนุแล้ว บัดนี้ท่านแม่ทัพยกให้นางดูแลจวน อีกทั้ง…”“อ๊ากกก!!!”หญิงสาวหันมา ปิ่นปักผมประดับมุกแทงลงไปที่หัวไหล่ของสาวใช้สูงอายุที่กำลังพูดอยู่ สายตาบ่งบอกถึงความโกรธและการไม่ยอมรับ สาวใช้อีกคนกรีดร้องและล้มตึงไปข้าง ๆ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น“เป็นแค่หญิงที่แย่งสามีชาว