แชร์

บทที่ 257 ไม่ใช่คนธรรมดา

ผู้เขียน: ฮวาฮวาน่งหยวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-01-31 17:00:00
ซูจื่อหังเป็นคนช่วยชีวิตเขามา ตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้ว ก็ควรจะบอกให้ซูจื่อหังรู้

ตอนที่ถูซินเยว่มา แม่เฒ่าตระกูลซูปิดประตูลงกลอนอยู่ในห้องด้วยอารมณ์โกรธ ไม่ยอมให้ใครเข้าไป

ซูฟาเสียงคุกเข่าอยู่กับพื้น ร้องห่มร้องไห้ยอมรับผิด ส่วนซูเฟิ่งอี๋นั่งตำหนิติว่าอีกฝ่ายอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ

ถูซินเยว่มองไปทีหนึ่งก็เดินเข้าไปหาซูจื่อหังที่ครัว

"ท่านแม่ ท่านพี่อยู่ไหนหรือ?"

"เจ้าหมายถึงจื่อหังสินะ จื่อหังออกไปดูว่าข้างนอกมีฟักทองหรือไม่" นางหยูยุ่งอยู่กับการทำอาหาร นางมองมาที่ถูซินเยว่ทีหนึ่ง แล้วใช้สายตาบ่งบอกทิศทาง

ถูซินเยว่มองตามไปสายตาของอีกฝ่ายก็เห็นคนที่อยู่ด้านหลังเตาไฟ จึงพยักหน้าเบาๆ ทีหนึ่ง ที่จริงถูซินเยว่เคยพบเหลยซีมาก่อน เพียงแต่ตอนที่พบกันคือเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนั้นเหลยซีเนื้อตัวขาวสะอาด เหมือนดั่งคุณหนู แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายในตอนนี้ก็ต้องตกใจที่อีกฝ่ายดูโทรมไปมาก

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเหลยซีถูกซูฟาเสียงทำร้ายมา ผู้ชายที่เชื่อถือไม่ได้อย่างซูฟาเสียง ต่อให้แต่งงานกับเหลยซี มีครอบครัวแล้ว เกรงว่าวันๆ ก็ยังคงพึ่งพาอะไรไม่ได้เช่นเดิม ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าตระกูลซูคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ แต่ถูก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 258 เถ้าแก่อยากพบเจ้า

    หลังจากที่ตอบรับข้อเสนอของซูจื่อหัง เฉินหวานก็พักอยู่ที่ตระูลซูอย่างเป็นทางการ เขาได้รับบาดเจ็บที่แขน บนร่างกายก็มีบาดแผลใหญ่น้อยอีกหลายจุด หลายวันก่อนได้แต่นอนพักฟื้นอยู่บนเตียงแต่ว่ายาของถูซินเยว่เห็นผลดีมาก หลายวันต่อมา เขาก็เริ่มขยับแขนได้ และสามารถลงจากเตียงมาเดินได้แล้วโชคดีที่กลุ่มคนชุดดำที่ไล่ฆ่าเฉินหวานก่อนหน้านี้ ราวกับกลัวว่าร่องรอยจะเล็ดลอดออกไป จึงไม่ได้ตามหาเฉินหวานอย่างเปิดเผยในหมู่บ้านต้าเย่ ดังนั้นความกังวลของถูซินเยว่และซูจื่อหังในตอนแรกจึงดูเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นอีกต่อไปอากาศในช่วงเดือนสิบเอ็ด ช่วงเช้าในตอนที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นอากาศมักจะหนาวเป็นพิเศษ แต่ช่วงนี้หิมะที่กองอยู่บนพื้นบางส่วนเริ่มละลายแล้ว มีเพียงยอดภูเขาที่ยังคงเป็นสีขาวโพลน กับมุมกำแพงที่แสงแดดส่องไม่ถึงที่ยังมีกองหิมะอยู่เพราะว่าหิมะที่ตกทำให้ถนนหนทางลื่น จึงไม่ได้ส่งเต้าหู้เข้าไปในอำเภอหลายวันแล้ว ถูซินเยว่คาดว่าคนของโรงเตี๊ยมเทียนเซียงคงร้อนใจไม่น้อย จึงสั่งให้โรงงานเต้าหู้เริ่มทำเต้าหู้อีกครั้ง เพื่อส่งไปในอำเภอเฉินหวานก็ตามถูซินเยว่มาด้วย ตั้งใจว่าจะเข้าไปดูในอำเภอกับเธอ หลายวันมานี้เขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 259 เปิดร้านเครื่องประดับด้วยกัน

    "เถ้าแก่ของเราเคยพูดถึงเจ้าส่วนตัว ก่อนหน้าเรื่องของโรงเตี๊ยมชุนเฟิง เถ้าแก่ก็คอยสังเกตุเจ้าแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ท่านไปที่ผิงโจว จึงไม่มีเวลาพบกับเจ้า ตอนนี้ท่านกลับมาแล้ว"ถูซินเยว่พยักหน้า แม้ในความคิดของเธอจะรู้สึกว่าเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเทียนเซียงต้องการพบเธอไม่ได้แฝงเจตนาร้ายไว้ แต่อยู่ดีๆ บอกว่าอยากพบตนเอง ถูซินเยว่เองก็รู้สึกสงสัยเธอเลิกคิ้ว แล้วถามด้วยความสงสัยว่า "ลุงเฉียน ไม่ทราบว่าเถ้าแก่ของพวกท่านต้องการพบข้าเรื่องอันใดรึ ท่านบอกข้าก่อน ข้าจะได้เตรียมใจไว้ด้วย"ลุงเฉียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา และพูดอย่างเซ็งๆ ว่า "เถ้าแก่ของข้าเป็นคนที่เราคาดเดาอะไรไม่ได้เลย ปกติแล้วก็มักไม่เผยความคิดให้ใครรู้ง่ายๆ เถ้าแก่ไม่ได้พูด ข้าก็ไม่ใช่หนอนพยาธิในลำไส้ของท่าน ข้าจะรู้ได้อย่างไร เจ้ารีบตามข้าไปพบท่านเถอะ"เธอกับลุงเฉียนก็นับว่ารู้จักกันมาปีกว่าแล้ว ถูซินเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอเชื่อว่าลุงเฉียนไม่ทำร้ายตนเอง จึงลุกขึ้นและพยักหน้าว่า "ถ้าเช่นนั้น ไหนๆ วันนี้ข้าก็มาพอดี ก็พาข้าไปพบเถ้าแก่ของพวกท่านเถอะ"ลุงเฉียนต่าสว่างทันที เขากำลังกังวลว่าถูซินเยว่จะไม่ยอมไปด้วย แต่เมื่ออีกฝ่ายยอม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-01
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 260 เด็กบ้าผู้ชาย

    ลุงเฉียนใช้มือลูบคาง แล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า "ข้าก็ไม่เคยบอกว่าเถ้าแก่ของเราเป็นผู้ชายนี่ อีกอย่าง เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงสำคัญมากเลยหรือ?"เมื่อพูดถึงประโยคหลัง ลุงเฉียนก็หันไปทำท่าขมวดคิ้วให้กับถูซินเยว่ถูซินเยว่จนปัญญา จะเป็นชายหรือหญิงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก เพียงแต่แรกเธอคิดมาตลอดตั้งแต่แรกเริ่มว่าเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเทียนเซียงเป็นผู้ชาย ดังนั้นจึงตกใจมากเท่านั้นเองแต่หลังจากที่พบกับหลินเพียวเหมียว ถูซินเยว่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายอ่อนโยนมากๆ ดูไม่เหมือนเถ้าแก่ แต่เหมือนพี่สาวเสียมากกว่าส่วนที่เรื่องของร้านเครื่องประดับที่หลินเพียวเหมียวพูดถึง เธอเองก็ต้องกลับไปคิดทบทวนให้ดีที่จริงตอนแรกถูซินเยว่ไม่ได้สนใจในร้านเครื่องประดับเลย เป้าหมายของเธอก็เป็นอย่างที่ซูจื่อเคยพูดเอาไว้ คือกลายเป็นอันดับหนึ่งด้านธุรกิจอาหาร เพียงแต่ถ้าสามารถร่วมงานกับหลินเพียวเหมียว และอาศัยหลินเพียวเหมียวขยายกิจการของตนเองให้เร็วขึ้น ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวถูซินเยว่ใช้มือลูบคางและเริ่มครุ่นคิดเมื่อลุงเฉียนเห็นว่าหลังจากที่เธอออกมาจากลานบ้าน สีหน้าท่าทางดูเคร่งเครียด ก็อดพูดขำไม่ได้ว่า "ท่าทางเถ้าแก่ของเราคง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-01
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 261 พอใจเจ้า

    "ปล่อยนะ" เฉินหวานขมวดคิ้วมุ่น ปกติเขาเป็นคนมีความอดทนจำกัดอยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาถูกเนื้อต้องตัวเมื่อครู่ที่อดทนไม่ส่งเสียง เพราะเกรงว่าจะเผยฐานะของตนเท่านั้น แต่ถ้าเด็กสาวแปลกหน้าผู้นี้ยังมาทำเลยเถิดอีก เขาก็ไม่รู้จ้กคำว่าให้เกียรติผู้หญิงเหมือนกันเมื่อเห็นเด็กสาวยังไม่ยอมปล่อยแขนเสื้อของตน สายตาชายหนุ่มก็ฉายแววดุดัน กล่าวเสียงเย็นว่า "ข้าจะให้เวลาหนึ่งวินาที รีบปล่อยเสื้อข้าเดี๋ยวนี้" "พูดจาดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องดุด้วย" กู้เยว่หวากล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แต่มือยังคงจับที่แขนเสื้อของอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย พร้อมกับบ่นพึมพำเสียงเบา "ข้าชื่อกู้เยว่หวา ถ้าท่านยอมบอกข้าว่าชื่ออะไร ข้าก็จะปล่อยเสื้อของท่าน" และราวกับนึกอะไรขึ้นได้ กู้เยว่หวายื่นมืออีกข้างออกมา พลางชี้ไปทางถูซินเยว่อย่างไม่พอใจและกล่าวว่า "อีกอย่าง ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับท่าน ท่านต้องบอกมาด้วย""กู้เยว่หวา?" สายตาเฉินหวานลุ่มลึกลง ชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ เขาเหลือบมองถูซินเยว่หนึ่งที พลางกล่าวเนิบ ๆ ว่า "นางเป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้า"เมื่อกล่าวจบ ไม่รอให้กู้เยว่หวาตั้งสติกลับมา ก็รีบกระชากแขนเสื้อกลับคืนมาทันที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-01
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 262 อนุญาต

    ซูจื่อหังลูบศีรษะของนาง ที่จริงเขาก็รู้ดีแก่ใจ ภรรยาของตนนั้นเก่งที่สุด เริ่มสร้างตัวจากศูนย์จนมีฐานะอย่างวันนี้ แม้เขาจะเป็นผู้ชายก็ยังหาญเทียบนางไม่ได้เลย"ก่อนหน้านี้มีคนชุดมาไล่ฆ่าพี่เฉิน คงหนีไปหมดแล้วกระมัง?""ยังไม่แน่นัก" ซูจื่อหังส่ายหน้า กล่าวอย่างเนิบ ๆ "คนกลุ่มนั้นต้องการจะเอาชีวิตพี่เฉิน พี่เฉินเจ็บหนักจนหายไปในป่าลึก พวกมันอาจคิดว่าเขาถูกสัตว์ป่าจับกินไปแล้ว จึงกลับไปรายงาน หรือไม่เช่นนั้น ตอนนี้ก็ยังสืบหาเบาะแสของพี่เฉินอยู่อย่างลับ ๆ"สรุปคือ ซูจื่อหังคิดว่าตอนนี้อย่าเพิ่งเปิดเผยเบาะแสของเฉินหวานจะดีกว่า เกิดทำให้ตระกูลซูประสบหายนะขึ้นมา เขากับถูซินเยว่คงจะรับผิดชอบไม่ไหวทั้งคู่ต่างเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้ จึงได้เลี่ยงที่จะกล่าวถึงประวัติของเฉินหวาน"ตอนนี้ร่างกายเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่ข้ายังพบสารพิษที่ออกฤทธิ์ช้าในร่างกายเขา ซึ่งตรงนี้จะยากหน่อย" มองหน้าซีกหน้าของชายหนุ่ม ถูซินเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้พูดสิ่งที่ตนพบเห็นให้เขารู้"สารพิษหรือ?" ซูจื่อหังหยุดชะงัก ถามด้วยความประหลาดใจ "ตอนนั้นที่ยิงธนู ลูกธนูไม่ได้อาบยาพิษไม่ใช่หรือ?""ไม่ใช่" ถูซินเยว่ส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-02
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 263 พอกหน้าให้สามี

    "หลายวันนี้ เห็นเจ้าหมกมุ่นอยู่กับของเขลอะ ๆ เหล่านี้ มันคืออะไร?" ซูจื่อหังยื่นมือออกมาคิดจะไปแตะดู ที่ไหนได้ปกติถูซินเยว่ซึ่งเป็นคนอ่อนโยนกลับยื่นมือออกมา แล้วตีที่หลังมือเขาอย่างแรง ทำเอาหลังมือแดงเถือกขึ้นมาซูจื่อหังกุมหลังมือตัวเองอย่างชนิดทำหน้าไม่ถูก ในใจแอบคิด ซินเยว่ช่างมือหนักเสียจริง"ห้ามมาแตะ" ถูซินเยว่ขมวดคิ้ว และแสร้งกล่าวด้วยเสียงดุดัน "มือท่านสกปรกอยู่ ห้ามแตะต้อง"ซูจื่อหังเริ่มโอดครวญ "ข้าเพิ่งล้างมือมาเมื่อกี้""ถึงล้างมือก็ไม่ได้" ถูซินเยว่ส่ายหน้า พลางอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง "ต่อให้เราล้างมือมา ก็ยังมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นติดมืออยู่ โคลนพวกนี้เอาไว้พอกที่ใบหน้า ถ้าปนเปื้อนขึ้นมา จะใช้การไม่ได้อีก""โคลนพอกหน้า?" ซูจื่อหังเชื่อว่าตนอ่านหนังสือมาเยอะ ยังไม่เคยเจอโจทย์ยากเช่นนี้มาก่อน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สมองใช้ความคิดอยู่หลายตลบ พยายามทบทวนตำราที่ร่ำเรียนมา ก็ยังนึกไม่ออกว่าสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้ใช้ทำอะไรกัน?นึกตั้งนานก็หาเหตุผลรองรับไม่ได้ ซูจื่อหังจึงได้ยอมแพ้ "นี่มันคืออะไรกันแน่?""เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงที่ใช้กับใบหน้า" ถูซินเยว่ทำมือให้ดู อยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-02
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 264 ออกเดินทาง

    ปัญหาที่ถูซินเยว่นึกกังวล ซูจื่อหังก็คิดอยู่เช่นกัน เขาจึงโอบร่างสาวน้อยเข้าในอ้อมแขน "เจ้าไปเมืองผิงโจวคนเดียว แม้ท่านแม่ปากจะไม่พูด แต่ในใจก็อดห่วงไม่ได้ อีกอย่าง เจ้าไม่เคยไปผิงโจวมาก่อน ข้าจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนทางด้านท่านแม่ ข้าจะให้ทางบ้านหยวนเป่ามาช่วยดูแลแทน"อย่างมากก็แค่จ่ายเงินให้ซูเฟิ่งอี๋หน่อย ให้นางมาช่วยดู ปกติแม้นางจะชอบก่อเรื่องก็จริง แต่เป็นคนเห็นเงินแล้วตาโต อย่างไรก็ไม่มีวันปฏิเสธเงินอยู่แล้ว"ท่านคิดดีแล้วหรือที่จะไปกับข้าน่ะ?" ถูซินเยว่ดึงมือซูจื่อหังและหันไปมองเขา ที่จริงพอได้ยินว่าเขาจะไปเมืองผิงโจวกับนาง ในใจก็แอบรู้สึกดีใจเหมือนกันเพราะไม่ว่าอย่างไร ใครก็ไม่ต้องการพลัดพรากกับสามีอยู่แล้ว"ถ้าไม่คิดทบทวน ข้าจะพูดกับเจ้าได้ยังไง?" ซูจื่อหังเลิกคิ้ว แกล้งย้อนถามนางลูกผู้ชายเอ่ยวาจาคำไหนคำนั้น ในเมื่อพูดแล้ว ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจอีก"ถึงเวลาถ้าการเดินทางลำบาก ท่านห้ามโอดครวญล่ะ และห้ามเหลี่ยนใจด้วย" เส้นทางไปเมืองผิงโจวยาวไกลนัก อาจต้องรอนแรมถึงสองสามวัน จึงจะถึงที่หมายและเท่าที่นางรู้ ซูจื่อหังก็เหมือนนาง ไม่เคยออกจากบ้านไปไกล ถึงเวลาอาจต้องเผชิญกับคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-02
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 265 พบกู้เยว่หวาอีกครั้ง

    ในยามนี้ ขบวนรถได้เริ่มออกเดินทางแล้วภายในรถม้าคันสีเขียว ถูซินเยว่กับพวกต่างมองตากันเมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งจู่ ๆ มุดเข้ามา และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เมื่อกู้เยว่หวาขึ้นมาแล้ว ก็โผเข้าสู่อ้อมอกของเฉินหวานทันทียังดีที่เฉินหวานเป็นคนมือไวและตาไว จึงรีบผลักไสกู้เยว่หวาออกไป หาไม่คงต้องถูกนางแต๊ะอั๋งเป็นแน่แท้กู้เยว่หวาเห็นท่าทีเย็นชาของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างน้อยใจ "คุณชาย ท่านลืมข้าไปแล้วหรือ? ข้าคือกู้เยว่หวาที่วันก่อนเดินเล่นกับท่านอยู่ตั้งนาน ท่านลืมไปแล้วหรือ?"เฉินหวานเหลียวมองดูนาง สีหน้าไม่ได้แปรเปลี่ยนใด ๆ ยังคงมีแต่ความเย็นชาดังเช่นเก่าก่อนถูซินเยว่กลับเป็นฝ่ายหันหลังให้ ด้วยคร้านจะยุ่งกับเรื่องเช่นนี้ นางกับซูจื่อหังแลกเปลี่ยนสายตากัน พร้อมพยักหน้าอย่างมั่นใจ ใช้กิริยาบอกกล่าวแก่ซูจื่อหัง ว่าเด็กสาวผู้นี้ก็คือกู้เยว่หวาที่ตนได้พูดถึงเมื่อวันก่อนนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเฉินหวาน ซูจื่อหังกับถูซินเยว่จึงไม่กล้าออกความเห็น ได้แต่พร้อมใจกันไม่ไปมองดูพวกเขามีเพียงฉงเป่าที่นั่งเหงาอยู่ด้านตรงข้าม มองดูความเย็นชาของเฉินหวานที่ถูกกู้เยว่หวาตอแย ด้านหนึ่งก็เคี้ยวเนื้อแห้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-03

บทล่าสุด

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

DMCA.com Protection Status