แชร์

บทที่ 184 เป็ดกับเก้ง

ผู้เขียน: ฮวาฮวาน่งหยวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-01-08 17:40:20
ไม่นึกว่านางหยูจะมาอยู่ข้างนอก ถูซินเยว่รีบหันหน้ากลับ เห็นเพียงนางหยูจูงมือฉงเป่าเข้ามา ในมือยังหิ้วเป็ดมาตัวหนึ่ง

ขาและปีกของเป็ดถูกเชือกฟางมัดไว้อย่างแน่นหนา แต่เป็ดตัวนี้อาจจะเพิ่งถูกจับมา จึงยังมีเรี่ยวแรงโลดเต้น อยู่ในมือนางหยูก็พยายามขัดขืน จนมีขนเป็ดหลายเส้นร่วงลงสู่พื้น

ซูจื่อหังรีบยื่นมือมา รับเอาเป็ดไปทันที

"ในบ้านไม่มีเลี้ยงเป็ดนี่นา ไปเอามาจากไหนกัน" ซูจื่อหังสอบถามไป

นางหยูตบมือพลางและกล่าววา "ไม่ใช่ของบ้านเราหรอก แต่ย่าเจ้าให้มาน่ะ"

กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้านางหยูก็ปรากฏรอยยิ้มที่ออกจากใจ ใครจะให้เป็ดมา ก็ไม่สำคัญเท่าแม่เฒ่าตระกูลซูนำมาเอง ซึ่งทำให้นางดีใจนัก

นับแต่แยกบ้านกันอยู่ แม่เฒ่าตระกูลซูก็ไม่ใคร่จะมาใยดีนางนัก และไม่ยอมไปมาหาสู่ด้วย มีบางครั้งที่นางหยูไปเยี่ยมแม่เฒ่าบ้าง ถ้าไม่ถูกขับไล่ออกมา ก็จะชักสีหน้าใส่ เรียกว่าแทบไม่อยากสนใจนางก็ว่าได้

จนแม้แต่วันขึ้นปีใหม่คราวที่แล้ว นางเอาของไปฝาก แม่เฒ่าตระกูลซูก็แทบไม่เหลียวมองซักนิด

แต่พอแม่สื่อหวังมาคุยเรื่องแต่งงานของซูฟาเสียง ท่าทีของแม่เฒ่าตระกูลซูก็ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก เวลานางหยูไปเยี่ยม แม่เฒ่าจะไม่ทำปั้นปึ่งใส
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 185 ไปดำนากัน

    "เสี่ยวเป่าสนใจเรื่องการทำนาด้วยหรือ?" ซูจื่อหังมองอีกฝ่ายด้วยความฉงน เพราะดูไม่ออกจริง ๆ ปกติเจ้าฉงเป่าดูตัวเล็ก ๆ วัน ๆ ชอบนอนผึ่งแดดกลางลานบ้านอย่างเกียจคร้าน ในบ้านราวกับเลี้ยงแมวขี้เกียจไว้ตัวหนึ่ง จู่ ๆ กลับมาสนใจเรื่องการทำนาเสียนี่ว่าไปแล้ว ฉงเป่ามาอยู่บ้านนี้ก็ราวหนึ่งเดือนได้ แม้ว่าอายุจะเพียงสองสามขวบ แต่ดูจากลักษณะของเขาแล้ว แทบไม่เหมือนเด็กน้อยเลยซักนิด ถ้าไม่เพราะใบหน้ากลมปุ๊กของฉงเป่า ซูจื่อหังยังนึกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งด้วยซ้ำแม้ว่าเด็กจะมีความจำสั้น แต่หายากที่จะมีคนหนีออกจากบ้านมา เดินหลงแล้วกลับไม่มีความเสียใจ ยอมมาอยู่ตระกูลซูด้วยความยินดีซะอีกเพียงแต่ ไม่ว่าในใจจะสงสัยอย่างไร แต่เบื้องหน้าก็ยังเป็นฉงเป่าซึ่งเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก ซูจื่อหังจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจฉงเป่าเงยหน้าขึ้นมองดูถูซินเยว่ หาวเล็กน้อยและพยักหน้าอย่างงัวเงียจริง ๆ เมื่อกี้เขาจะถามถูซินเยว่ว่าเมื่อไหร่จะไปมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ปลูกข้าวต่างหาก เพราะพักนี้อีกฝ่ายยุ่งมาก จนแทบไม่มีเวลาไปดูแลแปลงนา ปล่อยให้ต้นข้าวเริ่มจะขึ้นสูงเกินไปแล้วถูซินเยว่เข้าใจความหมายของฉงเป่าดี สีหน้าปรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 186 ถอนต้นกล้า

    ท้องฟ้าสีคราม ตัดกับความเขียวขจีของขุนเขาและสายน้ำ ช่างงดงามยิ่งนักถูซินเยว่ตามอยู่ข้าง ๆ ซูจื่อหัง ยืนอยู่บนคันนา นางบิดเอวเล็กน้อย พลางสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าลึก กล่าวอย่างดีใจว่า "แถวนี้อากาศช่างดีจริง"เพราะโลกสมัยใหม่มีแต่ตึกสูงระฟ้า อุตสาหรรมที่สร้างมลภาวะอย่างหนักหน่วง อากาศในเมืองใหญ่มีแต่ฝุ่นมัวซัว ต่อให้เป็นชนบทก็ยากจะเห็นท้องฟ้าที่ไร้ฝุ่นควันปกคลุมเช่นนี้ได้ก่อนหน้านี้ นางหยูได้หว่านเมล็ดพันธุ์ุลงในนาข้าวแล้ว บัดนี้ขึ้นมาเป็นต้นกล้าสูงเจ็ดแปดเซนติเมตร พอที่จะปักชำได้ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเริ่มหว่านข้าวในช่วงฤดูกาลกู่หยี่ และหลังฤดูกาลเสี่ยวหม่าน ก็จะย้ายต้นกล้าไปปักชำในนาข้าวต่อภาคใต้มีฝนตกบ่อย ถ้าไม่ปักชำแต่หวานเมล็ดพันธ์ุไปทั่ว จะทำให้ต้นข้าวขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ ดูแลัวแออัดยัดเยียด ไม่เพียงแต่เท่านี้ ในระหว่างต้นข้าวยังอาจมีวัชพืชเกิดตามมา ซึ่งทำให้ดูแลลำบากแต่ถ้าปักชำด้วยแรงงานคนจะไม่เหมือนกัน เพราะในระหว่างต้นข้าวจะมีช่องว่างที่พอเหมาะพอเจาะ ให้คนเดินผ่านได้ง่าย จะดูแลถอนหญ้าต่าง ๆ ก็ทำได้สะดวกเพียงแต่ว่า การดำนาต้องใช้แรงงานอย่างมหาศาล เพียงแค่ที่นาผืนเดียว สาม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 187 มาเป็นลูกชายข้าเถอะ

    พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ขึ้นสูง ผู้คนต่างมาดำนามากยิ่งขึ้น ชาวบ้านต่างก็รีบเร่งออกจากบ้าน มาช่วยกันดำนาเป็นการใหญ่ในจำนวนนี้ ยังมีซูเฟิ่งอี๋กับหม่าโหวด้วยว่าไปแล้ว ซูเฟิ่งอี๋ก็เป็นผู้หญิงที่น่าเห็นใจไม่น้อย เพราะนางมีนิสัยแข็งกร้าว จึงทำให้สามีไม่ค่อยอยากกลับบ้าน ขนาดวันปีใหม่ที่ผ่านมา สามีของซูเฟิ่งอี๋ก็แทบไม่เห็นหน้าจนวันนี้ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิต้องมีการทำนา นางก็เหนื่อยยากลำบากกายอยู่เพียงผู้เดียว แต่ก่อนมีนางหยูกับซูจื่อหังอยู่ด้วยยังพอว่า ซูเฟิ่งอี๋พอจะอู้ได้บ้าง งานหนักงานเบาก็โยนให้นางหยูรับไป แต่ตอนนี้เห็นจะไม่ได้แล้วที่นาของตระกูลซูมีอยู่ไม่ใช่น้อย ซูเฟิ่งอี๋ทำคนเดียวย่อมจะไม่ไหวอยู่แล้ว จึงต้องให้หม่าโหวกับภรรยามาช่วยอีกแรงขณะที่ทุกคนเดินผ่านที่นาของบ้านซูจื่อหัง เจิ้งหมานหม่านหันหน้าไป สายตาก็ไปอยู่ที่ฉงเป่าซึ่งนั่งอยู่บนคันนา เห็นเด็กน้อยตัวกลมก้มหน้าก้มตาผูกหญ้าฟางที่อยู่ในมือ จึงกล่าวด้วยความแปลกใจ "เด็กคนนี้ทำไมเก่งจริง รู้จักช่วยทำงานด้วย""ก็ถึงว่า" ซูเฟิ่งอี๋เหลือบมองฉงเป่าไปที พลางพูดเสียงต่ำ "ได้ข่าวว่าเด็กคนนี้เคยตามนางหยูไปขึ้นเขา แล้วจู่ ๆ ก็ไปเจอเห็ดหลินจือเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 188 แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้

    เจิ้งหมานหม่านโกรธจนแทบเต้นนางอุตส่าห์ลดตัวเข้าหาแล้ว เด็กคนนี้ยังไม่รับไมตรีอีกตามหลักด้วยสติปัญญาของเด็กวัยเพียงสามขวบ ตนใช้ลูกอมแค่อันเดียวก็สามารถหลอกล่อได้แล้ว ถึงตอนนั้นถ้าเสี่ยวเป่าคิดอยู่กับตนเอง ถูซินเยว่ก็คงห้ามไม่ได้แต่ก็ไม่นึกว่า เด็กเสี่ยวเป่าคนนี้จะหลอกได้ยากนักวันนี้ฉงเป่าสวมใส่เสื้อหนาวสีแดง ยิ่งทำให้เห็นถึงใบหน้าขาวนวลกลมแป้น บวกกับกินอยู่ในบ้านตระกูลซูอย่างดี ซ้ำมีพลังรัศมีจากมิติคอยหล่อเลี้ยงอีก จึงทำให้รูปลักษณ์เปี่ยมด้วยความใสแจ๋วน่าเอ็นดู ไหนจะดวงตากลมโตนั่นอีก ใครเห็นก็อดรักไม่ได้เดิมทีเจิ้งหมานหม่านก็คิดจะถอดใจ แต่พอเห็นหน้าตาของฉงเป่า นางก็อดนึกเสียดายไม่ได้เห็นท่านแม่บอกว่า เด็กคนนี้รู้จักหาเห็ดหลินจือได้ด้วยเด็กดีขนาดนี้ เรื่องอะไรจะให้พวกถูซินเยว่เอาไปเปล่า ๆ ถ้ามาอยู่กับตนมิยิ่งดีหรอกหรือ ไหน ๆ ตนกับหม่าโหวก็พยายามมาหลายปี ยังไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์ซักนิดก่อนหน้านี้นางเคยแอบไปหาหมอดูมา บอกว่านางเป็นคนอับโชค จะไม่มีทายาทเป็นของตัวเองเจิ้งหมานหม่านแอบไปดูดวงเงียบ ๆ หลังจากนั้นก็ไม่กล้าบอกหม่าโหวให้รู้ เพราะถ้าเขาไปบอกซูเฟิ่งอี๋อีกคน นางคงต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 189 ที่รักเก่งจริงๆ

    "ร้องอะไรนักหนา? เจ้าร้องไห้ให้ใครดูกัน? ยังไม่รีบปักดำกล้าข้าวให้เสร็จอีก!" อากาศในช่วงวันกู่อวี่*นั้นไม่แน่ไม่นอน บางทีวันนี้ฟ้าโปร่งแดดจัด พรุ่งนี้ก็อาจจะฝนตก ถึงตอนนั้นต้นกล้าจะอยู่ไม่รอดและเฉาตายเสียก่อน (*ฤดูกาลสุดท้ายของฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้น เหมาะกับการทำการเกษตรอย่างมาก)เจิ้งหมานหม่านเช็ดน้ำตา และพยักหน้าอย่างน้อยอกน้อยใจถ้าเป็นตามปกติ ในเวลาแบบนี้นางกับซูเฟิ่งอี๋คงโต้ฝีปากกันไปแล้ว แต่วันนี้เมื่อโดนหลิวชุนฮวากล่าวว่าเช่นนั้น เจิ้งหมานหม่านก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และตอนที่เผชิญหน้ากับซูเฟิ่งอี๋ก็รู้สึกผิดด้วย จึงไม่กล้าเถียงกลับหญิงสาวรับบุ้งกี๋มา และปักดำกล้าข้าวไปอย่างยอมจำนน หม่าโหวที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็กระพริบตาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขารู้สึกว่าวันนี้ภรรยาของตนเองแปลกไปแต่เพราะว่าแม่กำลังโกรธอยู่ หม่าโหวจึงไม่ได้ถามอะไรมากหลังจากที่ถูกเจิ้งหมานหม่านรังควาน ฉงเป่าก็ไม่อยากไปนั่งที่กองฟางอีก จึงคอยช่วยล้างต้นกล้ากับนางหยูแทนหลังจากที่ล้างต้นกล้าเสร็จ ก็ประจวบเหมาะกับที่ถูซินเยว่และซูจื่อหังนำอาหารมาพอดี"ในหม้อมีมันเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 190 อาบน้ำ

    หลังจากปักดำกล้าข้าวมาทั้งวัน ทั้งสามคนช่วยกัน บวกกับฉงเป่าที่คอยช่วยเหมือนกำลังเล่นสนุกก็เพิ่งปักไปได้เพียงสองไร่เท่านั้น เหลืออีกหนึ่งไร่ต้องรอถึงพรุ่งนี้และรอดูว่าอากาศจะเหมาะกับการปักดำกล้าข้าวหรือไม่ตอนค่ำขณะที่กำลังกลับบ้าน ถูซินเยว่ก็ไม่สามารถยืดตัวตรงได้ เธอนั่งอยู่บนหินใหญ่ในลานบ้าน มือหนึ่งตบไปที่แผ่นหลัง ส่วนอีกมือก็แยกไม้ฟืนท่อนใหญ่จากกองไม้ฟืน เพื่อนำไปต้มน้ำให้ทุกคนได้อาบน้ำในตอนกลางคืน"ท่านแม่ ท่านก็อย่าเอาแต่ยุ่งเลย ทำอาหารง่ายๆ สองอย่างก็พอแล้ว"นางหยูพยักหน้า แต่ปากกลับพูดว่า "ในหม้อยังมีน่องเป็นอีกสองชิ้น ข้าจะทำไข่ผัดพริก บนพื้นมีผักโหยวมั่ยอยู่ เดี๋ยวเจ้าเอาไปล้างเสียหน่อย แล้วข้าจะผัดผักอีกสักจาน"วันนี้ทุกคนไปปักดำกล้าข้าวมา ต่างก็เหนื่อยกันแล้ว กลางวันออกเรี่ยวออกแรง กลางคืนก็ต้องหิวมากเป็นธรรมดา อาหารนิดเดียวจะเพียงพอได้อย่างไร ตอนที่ถูซินเยว่ไปล้างผักโหยวมั่ย นางหยูก็ตอกไข่สองฟองทำไข่ผัดพริกถูซินเยว่เดินไปถึงลานบ้าน ก็เห็นซูจื่อหังกำลังใช้ถังน้ำตักน้ำจากบ่อ เมื่อเห็นถูซินเยว่เดินมา เขาก็ตักน้ำขึ้นมาให้ถูซินเยว่ล้างผัก โดยที่ไม่ต้องรอให้เธอพูดสั่งชายห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 191 ชายหนุ่มที่เขินอาย

    ซูจื่อหังขมวดคิ้ว เดินออกมาจากห้องครัว และเดินไปที่หน้าประตูห้องนอน"ซินเยว่?" ชายหนุ่มเคาะประตู ก็พบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวจากข้างในเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลองใช้มือผลักประตูดู ประตูไม่ได้ลงกลอนจากข้างใน เมื่อถูกเขาผลักออกเบาๆ ก็เปิดออก"ซินเยว่?"ข้างในไม่มีความเคลื่อนไหว ทำให้ซูจื่อหังกังวลเล็กน้อย เขาจึงก้าวขาเดินเข้าไปแม้ว่าภายในห้องจะไม่ใหญ่มาก แต่ข้างหน้าถังไม้มีฉากม่านกั้นอยู่ ซูจื่อหังจึงมองไม่เห็นถูซินเยว่ที่อาบน้ำอยู่ในทันที ตอนแรกเขามองไปที่บนเตียงก่อน พบว่าบนเตียงไม่มีคน และเสื้อผ้าบนฉากม่านกั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ตามหลักแล้วซินเยว่น่าจะอาบน้ำเสร็จตั้งนานแล้วเมื่อคิดถึงบางอย่างที่ไม่ดี ซูจื่อหังก็รีบเดินอ้อมฉากม่านกั้นไป กลับเห็นหญิงสาวนอนอิงอยู่บนขอบถังไม้ แขนขาวเรียวยาวพาดอยู่ข้างนอก ดวงตาหลับสนิท ราวกับหมดสติไปชายหนุ่มตกใจ รีบก้มตัวลงอุ้มถูซินเยว่ขึ้นมาจากน้ำบนตัวหญิงสาวไม่มีสิ่งใดปกปิด ซูจื่อหังมองเห็นเพียงแว๊บหนึ่ง ในใจกังวลแต่ความปลอดภัยของถูซินเยว่ จึงไม่มีความคิดอย่างอื่นอยู่เลย เขารีบหยิบผ้าบนฉากม่านกั้นมาห่อตัวถูซินเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08
  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 192 มีลูกไม่ได้

    ซูเฟิ่งอี๋นั่งอยู่กลางลานบ้าน มือข้างหนึ่งถือไม้กวาด ส่วนอีกข้างกำลังแบ่งเมล็ดผักใส่ถุง และปากก็บ่นไปว่า "ข้าฝันว่าตระกูลหม่าของเราถึงคราวไร้ผู้สืบทอดสกุลแล้ว เจ้าคลอดลูกคนหนึ่งก็ไม่รอดคนหนึ่ง โอ้โห ทำข้าตกใจแทบแย่เลยล่ะ"เพื่อให้ดูโอเวอร์ ซูเฟิ่งอี๋พูดไปพร้อมกับตบหน้าอกของตนเองไปด้วยเดิมทีเจิ้งหมานหม่านยังแกะเมล็ดข้าวโพดอย่างดีอกดีใจอยู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของซูเฟิ่งอี๋ ฝักข้าวโพดในมือก็ร่วงหล่นทันที"โธ่เอ้ย ไม่ได้เรื่องเลย ให้เจ้าทำงานนิดๆ หน่อยๆ แล้วดูเจ้าทำเข้าสิ!" ข้าวโพดนี้นางเพิ่งจะเอาไปล้างที่ลำธารมาเมื่อเช้านี้ ตั้งใจจะเอามาผัดกินตอนเที่ยงปกติเจิ้งหมานหม่านอยู่บ้านก็ขี้เกียจอยู่แล้ว ตอนนี้แกะแค่เมล็ดข้าวโพดก็ยังทำได้ไม่ดี ซูเฟิ่งอี๋จึงโมโหอีกฝ่ายขึ้นมาทันทีบวกกับเมื่อวาถ้านางไม่ไปหาเรื่องเสี่ยวเป่า ทำให้ต้องอับอายต่อหน้าทุกคนแล้วละก็ เมื่อคืนตนเองก็คงไม่ฝันอะไรที่น่ากลัวเช่นนี้เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูเฟิ่งอี๋ก็ราวกับได้สติคืนมา เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก จึงถามไปด้วยความสงสัยว่า "เดี๋ยวก่อนนะ หลิวชุนฮวาไม่พูดข้าก็ยังไม่รู้สึก เจิ้งหมานหม่านเจ้าสารภาพกับข้ามาตามตรง เจ้าแต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-08

บทล่าสุด

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

DMCA.com Protection Status