Share

บทที่ 192 มีลูกไม่ได้

Penulis: ฮวาฮวาน่งหยวี่
ซูเฟิ่งอี๋นั่งอยู่กลางลานบ้าน มือข้างหนึ่งถือไม้กวาด ส่วนอีกข้างกำลังแบ่งเมล็ดผักใส่ถุง และปากก็บ่นไปว่า "ข้าฝันว่าตระกูลหม่าของเราถึงคราวไร้ผู้สืบทอดสกุลแล้ว เจ้าคลอดลูกคนหนึ่งก็ไม่รอดคนหนึ่ง โอ้โห ทำข้าตกใจแทบแย่เลยล่ะ"

เพื่อให้ดูโอเวอร์ ซูเฟิ่งอี๋พูดไปพร้อมกับตบหน้าอกของตนเองไปด้วย

เดิมทีเจิ้งหมานหม่านยังแกะเมล็ดข้าวโพดอย่างดีอกดีใจอยู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของซูเฟิ่งอี๋ ฝักข้าวโพดในมือก็ร่วงหล่นทันที

"โธ่เอ้ย ไม่ได้เรื่องเลย ให้เจ้าทำงานนิดๆ หน่อยๆ แล้วดูเจ้าทำเข้าสิ!" ข้าวโพดนี้นางเพิ่งจะเอาไปล้างที่ลำธารมาเมื่อเช้านี้ ตั้งใจจะเอามาผัดกินตอนเที่ยง

ปกติเจิ้งหมานหม่านอยู่บ้านก็ขี้เกียจอยู่แล้ว ตอนนี้แกะแค่เมล็ดข้าวโพดก็ยังทำได้ไม่ดี ซูเฟิ่งอี๋จึงโมโหอีกฝ่ายขึ้นมาทันที

บวกกับเมื่อวาถ้านางไม่ไปหาเรื่องเสี่ยวเป่า ทำให้ต้องอับอายต่อหน้าทุกคนแล้วละก็ เมื่อคืนตนเองก็คงไม่ฝันอะไรที่น่ากลัวเช่นนี้

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูเฟิ่งอี๋ก็ราวกับได้สติคืนมา เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก จึงถามไปด้วยความสงสัยว่า "เดี๋ยวก่อนนะ หลิวชุนฮวาไม่พูดข้าก็ยังไม่รู้สึก เจิ้งหมานหม่านเจ้าสารภาพกับข้ามาตามตรง เจ้าแต
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 193 เข้าเมือง

    หลังจากเรื่องทะเลาะกันเมื่อเช้า เจิ้งหมานหม่านก็คิดอยากออกจากตระกูลซูกลับบ้านแม่ไปเสียเดี๋ยวนั้นแต่เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาที่หม่าโหวมีต่อนางตอนที่ทานมื้อเที่ยง เจิ้งหมานหม่านก็พอจะเดาได้ว่า ถ้าตนเองกลับไปทั้งแบบนี้จริงๆ หม่าโหวคงไม่ไปรับนางจากบ้านแม่ในเร็วๆ นี้แน่นอนเจิ้งหมานหม่านคิดไปคิดมาจึงฝืนกล้ำกลืนความโกรธเอาไว้กลับเป็นหม่าโหวที่ราวกับมีเสี้ยนหนามปักคาอยู่ในใจ เพียงเขาเห็นเจิ้งหมานหม่าน เขาก็อดที่จะมองไปที่ท้องของอีกฝ่ายไม่ได้ ตอนบ่าย ตอนที่เจิ้งหมานหม่านออกไปหว่านเมล็ดผัก หม่าโหวก็กระซิบคุยกับซูเฟิ่งอี๋ว่า "ท่านแม่ หรือจะหาเวลาสักวันหนึ่ง ท่านลองพาเจิ้งหมานหม่านไปสักหน่อยไหม""ไปไหน?" ซูเฟิ่งอี๋ไม่ทันตั้งตัว"ไปหาหมอน่ะสิ! ข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจ ท่านว่าทำไมท้องไส้ของภรรยาข้าถึงไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด? จะเป็นเพราะ..." หม่าโหวอยากพูดว่าเพราะเจิ้งหมานหม่านไม่สามารถมีลูกได้ใช่หรือไม่?ในหมู่บ้านมีผู้หญิงบางคนก็เป็นเช่นนี้ ประจำเดือนมาปกติ ร่างกายก็ดูแข็งแรง เหมือนคนทั่วๆ ไป แต่ไม่ว่าอย่างำไร ท้องไส้ก็เงียบกริบ ไม่ท้องเสียทีซึ่งมักจะเรียกกันว่าชีวิตไม่มีบุญ ไม่มีบุญเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 194 ปากเจนจัด

    ตลอดทางที่เกวียนวัววิ่งจากหมู่บ้านต้าเย่ไปชิงเฉิง เพราะกังวลร่างกายของแม่เฒ่าตระกูลซู ซูจื่อหังได้ลดความเร็วลงโดยเฉพาะ และพยายามเลือกทางที่ราบเรียบวิ่ง เพื่อป้องกันถนนที่ขรุขระมากจะกระแทกกระเทือนแม่เฒ่าตระกูลซูเพราะไม่ว่าอย่างไรท่านก็อายุมากแล้ว คงทนความรุนแรงมากไม่ไหวในที่สุดก็มาถึงประตูในอำเภอ ซูจื่อหังจอดเกวียนวัวแล้วหันกลับหลังถามว่า "ท่านย่า ท่านจะไปที่ไหน ข้ากับซินเยว่ไปส่งท่านก่อน"อีกเดี๋ยวเขากับถูซินเยว่คงต้องไปที่จวนนายอำเภอ ไม่สามารถที่จะดูแลแม่เฒ่าตระกูลซูได้ตลอดแม่เฒ่าตระกูลซูจับไม้เท้าตนเองแน่น นางไม่ได้เข้ามาในอำเภอนานมากแล้ว สายตาพร่ามัวมองดูคนที่ผ่านไปมาอย่างช้าๆ จากนั้นก็ส่ายหน้าพูดว่า "ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าจะทำอะไรก็ไปทำ ข้าเดินไปเอง""ท่านย่า ท่านไม่ค่อยได้เข้ามาในอำเภอบ่อยนัก...""เหลวไหล ใครว่าข้าไม่เคยเข้ามาในอำเภอ พวกเจ้ารีบไปเถอะ!" แม่เฒ่าตระกูลซูเปลี่ยนท่าทีไปจากตอนก่อนขึ้นเกวียนวัว และใช้ไม้เท้ากระแทกหินใหญ่บนพื้นด้วยความหงุดหงิด"ซูจื่อหังจนปัญญา จึงได้แต่พูดว่า "เช่นนั้นหากท่านทำธุระเสร็จแล้ว ก็มารอพวกข้าที่หน้าประตูอำเภอ""เออ เข้าใจแล้ว" แม่เฒ่าต

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 195 อาละวาดตระกูลเหลย

    "นั่นเป็นเพราะว่าเดิมทีซินเยว่พูดถูกใจนายอำเภออยู่แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ใต้เท้าจะหาเอาความผิดไม่ได้" ซูจื่อหังนั่งอยู่ข้างๆ สายตาที่มองถูซินเยว่นั้นมีแต่ความรักใคร่เอ็นดูถูซินเยว่เองก็หันไปเงียบๆ และกระพริบตาให้ซูจื่อหังเมื่อเห็นความเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของสองสามีภรรยา นายอำเภอก็หัวเราะ ลูบคางพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า "ดี เช่นนั้นข้ารับปากเจ้า แต่เจ้าต้องดูแลมันให้ดี กระบองเพชรต้นนี้ข้าทุ่มเทให้มันมาสองเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย ถ้าเจ้าทำมันเสียละก็...""หากข้าทำมันเสียละก็ เชิญนายอำเภอลงโทษได้เลย!" ถูซินเยว่ก้มหน้า และพูดอย่างเด็ดขาดและตรงไปตรงมานายอำเภอมองไปที่ต้นกระบองเพชรที่ใกล้แห้งตายเต็มที แม้ว่าจิตสำนึกของเขาจะบอกว่ากระยองเพชรต้นนี้ไม่อาจรอดแล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางของถูซินเยว่ เขาก็อดที่จะอยากเชื่อในตัวอีกฝ่ายไม่ได้"ดี เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้งหนึ่ง" นายอำเภอโบกมือ และพูดกับคนรับใช้ที่ตรงประตูว่า "เอากระบองเพชรต้นนี้ใส่กล่องผ้าให้ฮูหยินซู""ขอรับ" คนรับใช้ตรงประตูรีบพยักหน้าหลังจากนั้นราวสิบนาที ถูซินเยว่ก็อุ้มกล่องผ้ากระบองเพชรออกจากจวนนายอำเภอเมื่อเดินออกจาก

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 196 ตายแล้ว

    แม่เฒ่าตระกูลซูถูกจับกดไว้ ก็หันหลังไปถุยเสมะหะใส่หน้าพ่อเฒ่าตระกูลเหลย และบังเอิญมันกระเด็นไปโดนเปลือกตาของอีกฝ่ายเข้าพอดี"อุ้ยตาย พ่อเฒ่า ตาของเจ้า..."ฮูหยินตระกูลเหลยมองไปที่พ่อเฒ่าตระกูลเหลยอย่างตะลึง แต่ก็ไม่กล้ายื่นมือไปเช็ดเสมะหะตรงเปลือกตาออกเพราะอย่างไรเสียเสมะหะก็สีเหลืองเข้ม น่ารังเกียจอย่างมาก...พ่อเฒ่าตระกูลเหลยไม่ใช่ชาวไร่สาวสวน แต่เป็นคนเมืองอย่างถ่องแท้ ชาติกำเนิดดี ปกติแล้วเป็นคนสุภาพและรักสะอาดที่สุด แต่เมื่อโดนกระทำน่ารังเกียจเช่นนี้ก็สั่นเทาไปทั้งตัวเหลยซีที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจไม่น้อย คิดจะเดินเข้าไปหา กลับเห็นพ่อเฒ่าตระกูลเหลยโมโหอย่างมาก ยกมือเช็ดเสมะหะบนเปลือกตาออก จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของแม่เฒ่าตระกูลซูแม่เฒ่าตระกูลซูจับไม้เท้าไว้ ถูกตบจนตัวหมุนไปสองรอบ แล้วล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง และมีอาการหน้ามืดทันทีนางไอสองครั้ง และชี้นิ้วไปที่อีกฝ่ายอย่างสั่นเทา หน้ามืดตามัว "ดีๆ ตระกูลเหลยพวกเจ้านำหายนะมาสู่ลูกชายข้าไม่พอ ตอนนี้ยังทำร้ายข้าอีก วันนี้ข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น พวกเจ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้า..."แม่เฒ่าตระกูลซูพูดไปพูดมา ก็โยนไม้เท้าทิ้ง แล้วเริ่มด

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 197 โกรธจนเป็นลม

    ตายไปแล้ว?นางเนี่ยนะตายไปแล้ว?หนอยแน่ เจ้าซูฟาเสียงคนนี้!เลี้ยงดูเขามาตั้งยี่สิบกว่าปี ทำไมนางถึงไม่รู้เลยว่าตัวเองเลี้ยงลูกเนรคุณที่สาปแช่งตัวเองแบบนี้ออกมาได้?พอมองดูลูกชายคนเล็กที่หน้าตาคล้ายคลึงตัวเองตอนยังสาว ๆ อยู่นั้น แม่เฒ่าตระกูลซูก็ต้องหายใจเข้าลึก ๆ ไปครั้งหนึ่ง นางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหลือเกินซูฟาเสียงก็หวาดหวั่นขึ้นมา แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ? นั่นก็เป็นเพราะแม่เฒ่าตระกูลซูไม่อนุญาตให้เขาแต่งงานกับเหลยชีไม่ใช่หรือไง?ถ้านางไม่ห้ามตนเอง เขาจะไปพูดจาหยาบคายแบบนี้ออกมาได้ยังไงกันล่ะ?"ท่านแม่...""อย่ามาเรียกข้าว่าแม่!"เหลยชีเองก็โมโหจนแทบยืนไม่อยู่ แววตาที่มองไปยังซูฟาเสียงนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อน นางหวงเมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวตัวเองไม่ค่อยดีนักก็รีบดึงลูกสาวไปนั่งลงบนเก้าอี้หินที่อยู่ข้าง ๆ"ท่านแม่......นี่มันเรื่องอะไรกัน" ทันทีที่เหลยชีจับแขนของนางหวงได้ น้ำตานางก็ไหลพรากออกมาทันทีนางหวงรีบตบหลังของลกสาวตัวเองพลางพูดกล่อมเสียงเบา "ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าใจร้อน เรื่องนี้ปล่อยให้พ่อเจ้าไปจัดการ ดูสิว่าพวกเขาต้องการจะทำอย่างไรกันแน่"ในขณะที่พูด สายตาของนาง

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 198 ซูฟาเสียงที่ไม่ได้เรื่อง

    ซูจื่อหังจูงมือของถูซินเยว่เดินไปที่นอกห้องโถงใหญ่ แม่เฒ่าตระกูลซูดูเหมือนจะตื่นแล้ว แต่น้ําเสียงกลับไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนปกติ ตรงกันข้ามกลับอ่อนแอลงมาก"พวกเจ้าหยุดพูดพร่ำไร้สาระได้แล้ว ถึงคนอย่างข้าจะไม่มีทางสู้ก็เถอะ แต่ก็ไม่มีทางยอมรับหรอกว่าลูกชายตัวเองจะไปเป็นเขยแต่งเข้าบ้าน!""ท่านแม่เฒ่า นี่ท่านพูดอะไรของท่านน่ะ? เขยแต่งเข้าบ้านอะไรกันเล่า ท่านเป็นแม่ของลูกเขยข้า ก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว""ถุย ครอบครัวเดียวกันอะไร ถ้านังผู้หญิงต่ำทรามนี่เกิดท้องขึ้นมาจะให้ใช้สกุลเดียวกับตระกูลซูเราหรือไง?""อะไรกันแม่เฒ่า พวกข้าพูดคุยกับท่านดีๆ แต่ท่านคำสองคำก็ด่าลูกสาวข้า? ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายท่านตามวอแวลูกสาวพวกข้า พวกข้าจะให้เขาเป็นเขยแต่งเข้าบ้านไหมล่ะ?"เหมือนข้างในจะถกเถียงกันขึ้นมาแล้ว เสียงไออย่างรุนแรงของแม่เฒ่าตระกูลซูดังออกมา ซูจื่อหังและถูซินเยว่สบตากัน ก่อนที่ซูจื่อหังจะรีบผลักประตูเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แม่เฒ่าตระกูลซูกำลังนอนเอนกายบนเก้าอี้หวาย นางโกรธจนทั้งไอทั้งหอบตรงข้ามแม่เฒ่าตระกูลซูนั้นมีคนสองคนนั่งอยู่ คนหนึ่งคือเหลยเจ๋อหมิงซึ่งเป็นนายท่านแห่งตระกูลเหลย เ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 199 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

    ไม่ใช่ซะที่ไหนล่ะ!นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ถูซินเยว่ก็ไม่เห็นซูฟาเสียงมาหลายวันติดต่อกันแล้ว แถมตอนนี้เรื่องนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านจนทุกคนต่างรู้กันหมดฟังจากที่พวกเขาคุยเรื่อยเปื่อยกันนั้น ซูฟาเสียงไม่เพียงแต่ไม่ได้กลับมาที่หมู่บ้านต้าเย่ แม้แต่ที่ตระกูลเหลยก็ไม่ได้กลับไปด้วยเหมือนกันถึงแม้แม่เฒ่าตระกูลซูจะถูกโกรธจนลุกลงจากเตียงไม่ได้ก็จริง แต่หญิงสาวตระกูลเหลยคนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่น่าสงสารสักหน่อยซูฟาเสียงนี่มันเป็นสวะที่ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย!เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับถูซินเยว่เลย เธอแค่บ่นกับซูจื่อหังหลังกินอาหารเสร็จ จากนั้นก็ไปยุ่งเรื่องของตัวเองต่อแล้วนับตั้งแต่นําต้นกระบองเพชรกระถางนั้นกลับมาจากจวนนายอําเภอ ถูซินเยว่ก็ปรนนิบัติดูแลต้นกระบองเพชรนั้นราวกับดูแลบรรพบุรุษอย่างไหนอย่างนั้นในวันที่อากาศแจ่มใส ก็วางมันไว้กลางลานบ้านเพื่ออาบแดด แถมยังรดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ให้มันทุกวัน หวังว่ามันจะกลับมางอกงามได้อีกครั้งหนึ่งแต่นี่ก็ผ่านไปสามสี่วันแล้ว ถูซินเยว่ดู ๆ ไปแล้วเจ้าต้นกระบองเพชรต้นนี้ไม่ได้ดีขึ้นมาเลยเลยแม้แต่นิด"นี่มันอะไรกันเนี่ย?" ถูซินเย

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 200 มีใจให้กัน

    ซูจื่อหังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ราวกับเป็นภูเขาลูกหนึ่งปิดกั้นร่างกายของเธอไว้ เมื่อเห็นเธอถอยหลังอย่างลุกลี้ลุกลน พอเงยหน้าขึ้นใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นดวงตาเขาก็หม่นลงเมียเขาไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่นสักหน่อย ซินเยว่ไปเจออะไรมากันแน่ ถึงได้มีสีหน้าประหม่าเขินอายแบบนี้?และยังจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทําท่าทางเหมือนไปทําอะไรบางอย่างที่ไม่ดีเข้าอย่างไหนอย่างนั้น"เจ้าเป็นอะไรไป?" ซูจื่อหังยื่นมือออกมาถูแก้มของถูซินเยว่ใบหน้าของถูซินเยว่เดิมทีก็ร้อนมากอยู่แล้ว ส่วนซูจื่อหังนั้นเพิ่งทํางานในทุ่งนาเสร็จและล้างมือด้วยน้ำในคูน้ำมา ตอนนี้มือของเขาจึงเย็นมากแต่ถูซินเยว่กลับรู้สึกว่าแก้มของตนนั้นราวกับถูกลวกด้วยถ่านที่ร้อนระอุ ร่างทั้งร่างอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของเธอปรากฏร่องรอยของความตื่นตระหนก ในหัวนึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินอย่างควบคุมไม่ได้...ซูจื่อหังนั้นเดิมทีก็สังเกตเธอมาตลอดอยู่แล้ว เมื่อรู้สึกว่าเธอผิดปกติ และยิ่งเธอถอยหลังไปด้วยแล้ว ซูจื่อหังก็คว้าข้อมือเธอแล้วดึงเธอมาตรงหน้าเขาร่างของหญิงสาวชนกับหน้าอกที่แข็งเหมือนภูเขาของผู้ชาย

Bab terbaru

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status