Share

บทที่ 16 ฝันร้ายของเหมยลี่

last update Last Updated: 2025-04-17 22:30:03

สายลมเย็นพัดโชยยามราตรี หญิงอัปลักษณ์ได้ซุกกายอยู่ในโรงฟืน ก่อนหน้านั้นนางได้จัดระเบียบท่อนฟืนเพื่อแบ่งพื้นที่ว่างให้กายของนางได้พักพิง ร่างอรชรแม้จักได้ดื่มยาสมุนไพรจากฮุ่ยชิวไปแล้ว แต่จิตใจที่อ่อนแอยังไม่ได้รับการบรรเทาสักนิด กว่าจะผ่านวันแรกไปได้ช่างทรมานเสียจนดวงตามีหยดน้ำตาไหล แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้ให้รู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถช่วยได้ นางไม่กล้าเผาฟืนจุดไฟเพราะความทรงจำเลวร้ายในเยาว์วัยทำให้หวาดกลัว นางยังจำได้ดีถึงความร้อนที่แผดเผาและสีของเปลวเพลิงอันน่ากลัว รอบกายเต็มไปด้วยสีแดงสาดโหมกระหน่ำ และไหม้ใบหน้าของนางจนดิ้นทุรนทุราย

“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ไม่ ไม่นะ ข้าร้อน ร้อนไปหมดแล้ว” เหมยลี่ร้องละเมอทั้งยังหลับตา กายของนางแทบร้อนดั่งไฟเผา เหงื่อออกจนแตกพลั่ก แม้อากาศตอนนี้จะหนาวเหน็บเพียงไรก็ตาม

ความทรมานจากพิษไข้ กำลังกัดกินนางไปถึงกระดูกทั้งปวดและทรมานหนักหนา หากยังขืนปล่อยไว้เช่นนี้นางคงได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเป็นแน่

ภายในห้องทำงานของมู่หยาง บุรุษร่างสูงสวมใส่ด้วยชุดแสนสบาย แต่ใบหน้าคมคายกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เหตุมิใช่เพราะงานที่กองตรงหน้า แต่กลับเ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 17 หยุดทรมานข้าสักที

    ร่างอรชรนอนอยู่บนเตียงด้วยความทรมานจากพิษไข้ ดวงใบหน้าซีดของนางยังเต็มไปด้วยเหงื่อและยังคงละเมอเพ้อพบ นางรู้สึกถึงความร้อนจากกายซึ่งกำลังส่งผลให้คลั่นเนื้อคลั่นตัวอยู่ไม่หาย แต่ไม่นานมากนักไอร้อนที่แผ่กระจายออกมากลับถูกความเย็นชโลมกาย โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ฝันร้ายจากห้วงนิทราทำให้กลายเป็นฝันดีได้อย่างน่าประหลาด นางจักรับรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพกำลังเช็ดร่างที่มีแต่พิษไข้ โดยที่ปากบ่นอุบอิบไปด้วย สายตาคมมองสมบัติไร้ค่าที่นอนสบายอยู่บนเตียงของเขา แต่ถึงจักบ่นเพียงใดสายตาคมคู่นี้ก็ยังแอบโลมเลียร่างอรชรที่มีความงามเทียบเท่าผู้อื่นได้ มู่หยางได้เห็นผิวกายขาวสะอาดเรียบเนียนอย่างเต็มตาอีกหน จักบอกว่าเขาแอบล่วงเกินก็เป็นได้ บุรุษผู้นี้หลงใหลในรูปของสตรีอัปลักษณ์มากเสียจน เอื้อมมือที่จับแต่ดาบมาลูบผิวเนียนนุ่มอย่างแผ่วเบา เขาไม่มองใบหน้าอัปลักษณ์เลยด้วยซ้ำ ใครอยากมองให้เสียสายตากันเล่า “อะ อื้อ”คนหลับใหลส่งเสียงครวญแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกคล้ายกำลังมีผีเสื้อมาตอมกายให้จั๊กจี้และวูบวาบ นางรู้สึกหนาวจนตัวแทบสั่นสะท้านคล้ายกำลังเปลือยเป

    Last Updated : 2025-04-18
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 18 ข้าผิดอันใด

    เสียงนกกระจิบร้องดังเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ หญิงอัปลักษณ์กับชายร่างกำยำนอนกอดกันอยู่ใต้ผ้าห่ม ซึ่งไร้ผ้าปิดบังกายอย่างน่าอายเหมยลี่หายจากพิษไข้ขยับเปลือกตาปรือขึ้น แล้วต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของท่านแม่ทัพอยู่ตรงหน้า ทั้งยังถูกวงแขนโอบรัดเอวกิ่วของนางไว้ สติที่เลือนรางเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวพลันหน้าแดงระเรื่อและร้อนผ่าว เมื่อจดจำเรื่องราวเมื่อคืนได้อย่างชัดเจนร่างกายของนางยังระบมไม่หายท่านแม่ทัพไม่ถนอมน้ำใจกันเลยสักนิดถึงได้ทำให้ตัวนางมีแต่รอยจ้ำแดง เหมยลี่ขยับตัวอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้คนบนเตียงตื่นลืมตา แล้วรีบสวมเสื้อผ้าและคลุมศีรษะให้เรียบร้อยเพื่อหนีออกไปจากห้องให้เร็วที่สุดร่างอรชรวิ่งไปเปิดประตูทั้งสองฝั่ง แต่เมื่อบานประตูได้แง้มออกนางกลับพบท่านฮูหยินชิงชิงยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้นางตกใจจนตาเบิกโพลงเพี้ยะ! เพี้ยะ!เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านวลถึงสองข้าง หญิงอัปลักษณ์ถูกฮูหยินชิงชิงตบหน้าเสียเต็มแรงจนนางล้มลงกองพื้น ความเจ็บบนใบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ดวงตาคู่นี้มีหยดน้ำตาไหลออกมา และกุมหน้าตัวเองไว้“เจ้ากล้าดียังไงถึงได้เข้ามาในห้องของบุตรชายข้า” ฮูหยินชี้หน้าด่าด้วยใ

    Last Updated : 2025-04-20
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 19 ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก

    ร่างอรชรถูกจับให้นั่งคุกเข่าในที่โล่งแจ้งเพื่อเตรียมรับโทษ โทษของนางแม้จะถูกลดทอนให้เหลือน้อยนิดด้วยการถูกโบยด้วยลำไม้ไผ่ที่มีท่อนเล็กไม่ถึงขนาดไม้พาย แต่ก็ยังหนักหนาเกินกว่าที่สตรีตัวเล็ก ๆ จะรับได้ไหวนางกำกระโปรงที่หน้าเข่าไว้แน่นและหลับตาทั้งที่หยดน้ำตายังไหล เพื่อไม่ให้มองเห็นการลงโทษนี้เพี้ยะ เพี้ยะเสียงลำไม้ไผ่กระทบแผ่นหลังดังจนนกบนต้นไม้แตกรัง ด้วยแรงจากบุรุษที่มีอยู่มากทำให้เหมยลี่ล้มคะมำด้วยความเจ็บและแสบไปทั้งหลังจนเหมือนกระดูกร้าว นางร้องไห้เสียใจกับการถูกลงโทษที่ไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย แต่มิอาจทำการอันใดได้ ในเมื่อนางมิมีสิทธิ์ในเรือนนี้“การทำโทษของเจ้ายังไม่หมด เจ้ารีบไปตัดฟืนเสีย” บุรุษที่เป็นคนรับใช้เช่นกันพูดขึ้นใบหน้าเปียกปอนของหญิงอัปลักษณ์มองอีกฝ่ายด้วยความโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย นางไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นแล้วจักให้รีบไปได้เยี่ยงไร“เหมยลี่มาข้าช่วย”ฮุ่ยชิวที่มายืนมุงอย่างไม่รู้เรื่องราว เมื่อเห็นสตรีผู้น่าสงสารถูกลงโทษเยี่ยงนี้จึงรีบมาประคอง“เจ้าจักไปช่วยนางทำไม” หญิงนางหนึ่งพูด พลางมองหญิงอัปลักษณ์ราวกับเป็นสิ่งชั่วร้าย“หากเจ้ามิมีน้ำใจก็หุบปากเสีย” ฮุ่ยชิวหันไปต

    Last Updated : 2025-04-22
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 20 บ้านแสนอบอุ่นของฟู่ฟู่

    ทางด้านฟู่ฟู่หลังจากนางได้ตัดสินใจไปกับบุรุษนามว่าจางเหว่ยที่พึ่งพบเจอได้ไม่นาน นางยินดีไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าต้องกลับไปยังที่จากมา แม้บุรุษผู้นี้จักดูไม่เป็นพิษเป็นภัยแต่ขึ้นชื่อว่าบุรุษก็ยังมิอาจเบาใจได้ว่าเขาจักไม่เป็นภัยต่อนางร่างอรชรนั่งอยู่บนเกวียนแต่ในครั้งนี้นางได้แหวกม่านและมองข้างทางไปตลอดทาง เพราะหากจางเหว่ยคิดร้ายต่อนางจริงนางจักได้หาลู่ทางหนีได้อย่างทันท่วงที“เรือนของแม่ท่านอยู่ที่ใด” ด้วยความอยากรู้นางจึงตะโกนถาม สายตาของนางเห็นบุรุษเบื้องหน้าผ่านผืนม่านบางที่พอเห็นราง ๆ เท่านั้น“หมู่บ้านตรงหุบเขาเหลียงซาน”“อยู่บนหุบเขาเชียวรึ”“มิใช่ดอก อยู่ตรงคุ้งน้ำตรงหุบเขา เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ทำการเกษตร”ฟู่ฟู่พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่คิดว่าจักได้เดินทางไปไกลถึงที่แห่งนั้นด้วย ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เส้นทางเกวียนก็ลำบากแสนเข็นเสียจนนางนั่งไม่ติดพื้นจนก้นพลันระบมจนชาไปหมด นางมิรู้ว่านั่งไปได้นานเพียงใด แต่ตอนนี้นางได้ปวดท้องจนอยากลงไปเด็ดดอกไม้สักครู่“ท่านจางเหว่ย ท่านหยุดพักสักประเดี๋ยวได้รึไม่ คือข้า...” ฟู่ฟู่อ้ำอึ้งมิกล้าเ

    Last Updated : 2025-04-24
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 1 ลี่หลินเชฟฝึกหัดแห่งหางโจว

    เมืองหางโจวภายในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองหางโจว มีกลุ่มนักศึกษาต่างพากันปั่นจักรยานไปเรียนในตอนเช้าซึ่งเป็นฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ข้างทางจึงพากันผลัดเปลี่ยนสีของใบจากเขียวกลายเป็นส้มบ้างแดงบ้างลมหนาวเริ่มมาเยือนปะทะใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาววัยยี่สิบปีนักศึกษาคณะคหกรรม ซึ่งวันนี้เธอแต่งกายด้วยเสื้อไหมพรมพร้อมพับผ้าพันคอไว้โดยสวมกางเกงขายาวเพื่อให้ร่างกายได้อุ่นขึ้นลี่หลินกำลังปั่นจักรยานไปยังอาคารเรียนที่อยู่ไกลจากหอพัก ด้วยความมีนักศึกษาเป็นจำนวนมากจึงต้องแย่งกันในทุกย่างก้าวเพื่อจะได้ไปให้ถึงตามเวลา เพราะการเป็นเชฟต้องรักษาเวลาให้เป็นอย่างดี ช้าเพียงเสี้ยววินาทีเดียวอาหารเลิศรสอาจเปลี่ยนรสชาติไปได้สาวผมยาวทรงสละสลวยยามโต้ลมทำให้พลิ้วไหวและดูสวยงามราวกับเส้นของขนมไหมฟ้า ลี่หลินโดดเด่นด้วยหน้าตาและคำพูดคำจาที่ดูฉลาดเฉลียว ทว่าเธอยังไม่เคยต้องมือชายเลยสักครั้ง ซึ่งใคร ๆ ก็ว่าเธออาภัพ แต่ลี่หลินไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น“มาเร็วลี่หลิน” เสียงเรียกของเพื่อนตาเฉี่ยวชั้นเดียวสวมแว่นสายตาผมสั้นประบ่ากำลังโบกมือเรียกเธอจากใต้อาคารเรียนสูงหลายชั้นลี่หลินจึงเร่งถีบจักรยานไปให้ถึงที่จอด แล้ววิ่งไปหาเพ

    Last Updated : 2025-04-03
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 2 นิยายของหญิงอัปลักษณ์

    หน้าเตาที่มีเหล่าเชฟฝึกหัดยืนอยู่เรียงราย กำลังขะมักเขม้นตั้งใจทำปลาต้มผักกาดดองให้เสร็จและมีรสชาติใกล้เคียงกับของอาจารย์ ซึ่งลี่หลินมีสีหน้าเป็นกังวลด้วยความตั้งใจเกินร้อยจึงทำให้กดดันตัวเอง เธอถกแขนเสื้อขึ้นอย่างทะมัดทะแมงจัดการต้มน้ำไว้รอเดือด แล้วจับปลาที่ถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งมาชำแหละเป็นชิ้น ปลายมีดแหลมคมเฉือนเนื้อปลาไปถึงก้างเพื่อเลาะเอาเนื้อปลาชิ้นสวยออกมาวางเรียง ก่อนละมือไปเตรียมอย่างอื่นต่อ“เก่งจังเลยลี่หลิน” ปิงปิงเอ่ยชม เมื่อเห็นว่าเพื่อนทำได้คล่อง ซึ่งต่างจากเธอที่ยังเงอะงะเรียงลำดับก่อนหลังไม่ถูก จนต้องแอบชำเลืองมองเพื่อน“เมนูนี้ฉันทำให้แม่กินบ่อยน่ะ”“เมื่อไหร่อาจารย์จะสอนทำอาหารอย่างอื่นบ้าง อาหารไทยก็น่าสนใจนะ” ปิงปิงบ่นพร้อมทำหน้ามุ่ย“เราเรียนทำอาหารจีนไม่ใช่”“ฮ่า ๆ จริงด้วย คงต้องไปหาเรียนหลักสูตรสั้น ๆ แทน”“นี่ลี่หลิน”“...?”“ฉันได้หนังสือนิยายมาใหม่แหละ อยากอ่านไหม”“มีกี่เล่มจบ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างด้วยกลัวเอาไปอ่านนาน”“แค่ไม่กี่เล่มหรอก อ่านแป๊บ ๆ ก็จบแล้ว”ลี่หลินชั่งใจ “งั้นฉันยืมเธออ่านก็แล้วกัน”“ได้เลยเพื่อนรัก ว้าย!” มัวแต่คุยกันน้ำในหม้อที่ปิงปิงตั้ง

    Last Updated : 2025-04-03
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 3 แม่ทัพตระกูลกู้

    เรือนตระกูลกู้ซึ่งใหญ่โตโอ่อ่าสมกับตำแหน่งท่านแม่ทัพฝ่ายหน้า ซึ่งมีผู้คนมากมายทั้งบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้และเจ้าของเรือนที่อาศัยอยู่ในเรือนแห่งนี้ พวกเขาเหล่านี้กำลังนั่งคุกเข่าและก้มหน้าจนแทบติดพื้นเพื่อเคารพแด่ขุนนางที่ถือราชโองการพร้อมตราหยกมู่หยางท่านแม่ทัพฝ่ายหน้าบุรุษร่างกำยำสมชายชาตรี เขาคือบุตรชายเพียงคนเดียวของแม่นางชิงชิงกับท่านขุนนางตงหยาง โดยมีหญิงงามคอยอยู่ข้างหลังอีกสองสามนางซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพพวกเขาเหล่านี้ตั้งใจฟังสิ่งที่ขุนนางผู้นี้พูด“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงมีพระราชบัญชาให้ยกบุตรสาวแห่งแคว้นอัน พร้อมผ้าแพร เครื่องสังคโลกและเงินอีกพันเฟื้องเป็นเครื่องบรรณาการชนะศึกในครั้งนี้ ให้แด่ท่านแม่ทัพแห่งตระกูลกู้”เสียงดังก้องกังวาลของขุนนางฝ่ายขวาพูดขึ้นพร้อมอ่านพระราชโองการให้แม่ทัพผู้ชนะศึกในการสลายแคว้นน้อยใหญ่ให้เป็นบึกแผ่นมาได้ แม่ทัพมู่หยางแห่งตระกูลกู้นั่งคุกเข่าพร้อมรับราชโองการที่ขัดเสียมิได้“น้อมรับพระบัญชา ขอพระองค์ทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”ครั้นเคารพต่อฮ่องเต้เสร็จสิ้นจึงรับสารแห่งพระราชโองการนี้ พร้อมยืนขึ้นเพื่อก้มโค้งลาท่านขุนนาง คน

    Last Updated : 2025-04-03
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 4 หนทางหนี

    “ข้าจะไปบวชอยู่ที่วัดหลินจิง” ฟู่ฟู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้นางจะอายุยังน้อยแต่ก็หนักแน่นเสียจนเหมยลี่มองดูนางพลันตกใจอยู่ไม่น้อย“คุณหนูฟู่ฟู่แน่ใจแล้วรึ”“แน่ใจ ข้าจะไปอยู่ที่นั่น อย่างน้อยก็ปลอดภัยสำหรับข้า”“ถ้าอย่างนั้นเราทั้งสองต้องรีบหนีไปก่อนจะไม่ทันการ” เหมยลี่ลุกขึ้น“เดี๋ยว หากไปเช่นนี้ต้องมีคนจับได้แน่” ฟู่ฟู่รั้งมือไว้“จริงด้วย ข้านี่โง่เขลานัก” เหมยลี่ยิ้มให้เล็กน้อย พลางหลุบตามมองเสื้อผ้าตัวเองสลับกับของบุตรสาวแห่งแคว้นอัน หากต้องการหลบหนีจำเป็นต้องพรางตัว“หากคุณหนูฟู่ฟู่ไม่ว่าอะไร ท่านลองสลับอาภรณ์พวกนี้กับข้าไหม?”“ได้สิ”เมื่อตกลงกันได้ ทั้งสองจึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ซึ่งกันและกันจนดูแปลกตา คุณหนูฟู่ฟู่สวมใส่ชุดคนรับใช้ซึ่งเป็นผ้าเก่าสีซีดทั้งยังมีรอยขาดรอยปะจากการเย็บจนดูเป็นสตรีธรรมดา ส่วนเหมยลี่ที่สวมชุดสีชมพูด้วยผ้าที่ตัดอย่างดี ทำให้ดูดีอยู่ไม่น้อย หากใบหน้านี้ไม่ได้มีรอยแผลจนอัปลักษณ์นางย่อมเป็นสตรีที่งดงามดุจนางบนชั้นสวรรค์ถึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เหมยลี่จำเป็นต้องคลุมไว้ นั่นคือผ้าคลุมปิดบังใบหน้าของนางนั่นเอง แล้วมาจัดการเก็บ

    Last Updated : 2025-04-03

Latest chapter

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 20 บ้านแสนอบอุ่นของฟู่ฟู่

    ทางด้านฟู่ฟู่หลังจากนางได้ตัดสินใจไปกับบุรุษนามว่าจางเหว่ยที่พึ่งพบเจอได้ไม่นาน นางยินดีไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าต้องกลับไปยังที่จากมา แม้บุรุษผู้นี้จักดูไม่เป็นพิษเป็นภัยแต่ขึ้นชื่อว่าบุรุษก็ยังมิอาจเบาใจได้ว่าเขาจักไม่เป็นภัยต่อนางร่างอรชรนั่งอยู่บนเกวียนแต่ในครั้งนี้นางได้แหวกม่านและมองข้างทางไปตลอดทาง เพราะหากจางเหว่ยคิดร้ายต่อนางจริงนางจักได้หาลู่ทางหนีได้อย่างทันท่วงที“เรือนของแม่ท่านอยู่ที่ใด” ด้วยความอยากรู้นางจึงตะโกนถาม สายตาของนางเห็นบุรุษเบื้องหน้าผ่านผืนม่านบางที่พอเห็นราง ๆ เท่านั้น“หมู่บ้านตรงหุบเขาเหลียงซาน”“อยู่บนหุบเขาเชียวรึ”“มิใช่ดอก อยู่ตรงคุ้งน้ำตรงหุบเขา เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ทำการเกษตร”ฟู่ฟู่พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่คิดว่าจักได้เดินทางไปไกลถึงที่แห่งนั้นด้วย ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เส้นทางเกวียนก็ลำบากแสนเข็นเสียจนนางนั่งไม่ติดพื้นจนก้นพลันระบมจนชาไปหมด นางมิรู้ว่านั่งไปได้นานเพียงใด แต่ตอนนี้นางได้ปวดท้องจนอยากลงไปเด็ดดอกไม้สักครู่“ท่านจางเหว่ย ท่านหยุดพักสักประเดี๋ยวได้รึไม่ คือข้า...” ฟู่ฟู่อ้ำอึ้งมิกล้าเ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 19 ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก

    ร่างอรชรถูกจับให้นั่งคุกเข่าในที่โล่งแจ้งเพื่อเตรียมรับโทษ โทษของนางแม้จะถูกลดทอนให้เหลือน้อยนิดด้วยการถูกโบยด้วยลำไม้ไผ่ที่มีท่อนเล็กไม่ถึงขนาดไม้พาย แต่ก็ยังหนักหนาเกินกว่าที่สตรีตัวเล็ก ๆ จะรับได้ไหวนางกำกระโปรงที่หน้าเข่าไว้แน่นและหลับตาทั้งที่หยดน้ำตายังไหล เพื่อไม่ให้มองเห็นการลงโทษนี้เพี้ยะ เพี้ยะเสียงลำไม้ไผ่กระทบแผ่นหลังดังจนนกบนต้นไม้แตกรัง ด้วยแรงจากบุรุษที่มีอยู่มากทำให้เหมยลี่ล้มคะมำด้วยความเจ็บและแสบไปทั้งหลังจนเหมือนกระดูกร้าว นางร้องไห้เสียใจกับการถูกลงโทษที่ไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย แต่มิอาจทำการอันใดได้ ในเมื่อนางมิมีสิทธิ์ในเรือนนี้“การทำโทษของเจ้ายังไม่หมด เจ้ารีบไปตัดฟืนเสีย” บุรุษที่เป็นคนรับใช้เช่นกันพูดขึ้นใบหน้าเปียกปอนของหญิงอัปลักษณ์มองอีกฝ่ายด้วยความโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย นางไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นแล้วจักให้รีบไปได้เยี่ยงไร“เหมยลี่มาข้าช่วย”ฮุ่ยชิวที่มายืนมุงอย่างไม่รู้เรื่องราว เมื่อเห็นสตรีผู้น่าสงสารถูกลงโทษเยี่ยงนี้จึงรีบมาประคอง“เจ้าจักไปช่วยนางทำไม” หญิงนางหนึ่งพูด พลางมองหญิงอัปลักษณ์ราวกับเป็นสิ่งชั่วร้าย“หากเจ้ามิมีน้ำใจก็หุบปากเสีย” ฮุ่ยชิวหันไปต

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 18 ข้าผิดอันใด

    เสียงนกกระจิบร้องดังเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ หญิงอัปลักษณ์กับชายร่างกำยำนอนกอดกันอยู่ใต้ผ้าห่ม ซึ่งไร้ผ้าปิดบังกายอย่างน่าอายเหมยลี่หายจากพิษไข้ขยับเปลือกตาปรือขึ้น แล้วต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของท่านแม่ทัพอยู่ตรงหน้า ทั้งยังถูกวงแขนโอบรัดเอวกิ่วของนางไว้ สติที่เลือนรางเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวพลันหน้าแดงระเรื่อและร้อนผ่าว เมื่อจดจำเรื่องราวเมื่อคืนได้อย่างชัดเจนร่างกายของนางยังระบมไม่หายท่านแม่ทัพไม่ถนอมน้ำใจกันเลยสักนิดถึงได้ทำให้ตัวนางมีแต่รอยจ้ำแดง เหมยลี่ขยับตัวอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้คนบนเตียงตื่นลืมตา แล้วรีบสวมเสื้อผ้าและคลุมศีรษะให้เรียบร้อยเพื่อหนีออกไปจากห้องให้เร็วที่สุดร่างอรชรวิ่งไปเปิดประตูทั้งสองฝั่ง แต่เมื่อบานประตูได้แง้มออกนางกลับพบท่านฮูหยินชิงชิงยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้นางตกใจจนตาเบิกโพลงเพี้ยะ! เพี้ยะ!เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านวลถึงสองข้าง หญิงอัปลักษณ์ถูกฮูหยินชิงชิงตบหน้าเสียเต็มแรงจนนางล้มลงกองพื้น ความเจ็บบนใบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ดวงตาคู่นี้มีหยดน้ำตาไหลออกมา และกุมหน้าตัวเองไว้“เจ้ากล้าดียังไงถึงได้เข้ามาในห้องของบุตรชายข้า” ฮูหยินชี้หน้าด่าด้วยใ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 17 หยุดทรมานข้าสักที

    ร่างอรชรนอนอยู่บนเตียงด้วยความทรมานจากพิษไข้ ดวงใบหน้าซีดของนางยังเต็มไปด้วยเหงื่อและยังคงละเมอเพ้อพบ นางรู้สึกถึงความร้อนจากกายซึ่งกำลังส่งผลให้คลั่นเนื้อคลั่นตัวอยู่ไม่หาย แต่ไม่นานมากนักไอร้อนที่แผ่กระจายออกมากลับถูกความเย็นชโลมกาย โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ฝันร้ายจากห้วงนิทราทำให้กลายเป็นฝันดีได้อย่างน่าประหลาด นางจักรับรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพกำลังเช็ดร่างที่มีแต่พิษไข้ โดยที่ปากบ่นอุบอิบไปด้วย สายตาคมมองสมบัติไร้ค่าที่นอนสบายอยู่บนเตียงของเขา แต่ถึงจักบ่นเพียงใดสายตาคมคู่นี้ก็ยังแอบโลมเลียร่างอรชรที่มีความงามเทียบเท่าผู้อื่นได้ มู่หยางได้เห็นผิวกายขาวสะอาดเรียบเนียนอย่างเต็มตาอีกหน จักบอกว่าเขาแอบล่วงเกินก็เป็นได้ บุรุษผู้นี้หลงใหลในรูปของสตรีอัปลักษณ์มากเสียจน เอื้อมมือที่จับแต่ดาบมาลูบผิวเนียนนุ่มอย่างแผ่วเบา เขาไม่มองใบหน้าอัปลักษณ์เลยด้วยซ้ำ ใครอยากมองให้เสียสายตากันเล่า “อะ อื้อ”คนหลับใหลส่งเสียงครวญแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกคล้ายกำลังมีผีเสื้อมาตอมกายให้จั๊กจี้และวูบวาบ นางรู้สึกหนาวจนตัวแทบสั่นสะท้านคล้ายกำลังเปลือยเป

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 16 ฝันร้ายของเหมยลี่

    สายลมเย็นพัดโชยยามราตรี หญิงอัปลักษณ์ได้ซุกกายอยู่ในโรงฟืน ก่อนหน้านั้นนางได้จัดระเบียบท่อนฟืนเพื่อแบ่งพื้นที่ว่างให้กายของนางได้พักพิง ร่างอรชรแม้จักได้ดื่มยาสมุนไพรจากฮุ่ยชิวไปแล้ว แต่จิตใจที่อ่อนแอยังไม่ได้รับการบรรเทาสักนิด กว่าจะผ่านวันแรกไปได้ช่างทรมานเสียจนดวงตามีหยดน้ำตาไหล แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้ให้รู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถช่วยได้ นางไม่กล้าเผาฟืนจุดไฟเพราะความทรงจำเลวร้ายในเยาว์วัยทำให้หวาดกลัว นางยังจำได้ดีถึงความร้อนที่แผดเผาและสีของเปลวเพลิงอันน่ากลัว รอบกายเต็มไปด้วยสีแดงสาดโหมกระหน่ำ และไหม้ใบหน้าของนางจนดิ้นทุรนทุราย“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ไม่ ไม่นะ ข้าร้อน ร้อนไปหมดแล้ว” เหมยลี่ร้องละเมอทั้งยังหลับตา กายของนางแทบร้อนดั่งไฟเผา เหงื่อออกจนแตกพลั่ก แม้อากาศตอนนี้จะหนาวเหน็บเพียงไรก็ตามความทรมานจากพิษไข้ กำลังกัดกินนางไปถึงกระดูกทั้งปวดและทรมานหนักหนา หากยังขืนปล่อยไว้เช่นนี้นางคงได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเป็นแน่ภายในห้องทำงานของมู่หยาง บุรุษร่างสูงสวมใส่ด้วยชุดแสนสบาย แต่ใบหน้าคมคายกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เหตุมิใช่เพราะงานที่กองตรงหน้า แต่กลับเ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 15 การเดินทางของฟู่ฟู่

    ในพื้นที่ห่างไกลของแคว้นอัน สตรีผู้น้อยนามว่าฟู่ฟู่ได้เดินทางมาถึงวัดอย่างที่นางตั้งใจไว้ ร่างอรชรเดินลงจากเกวียนและมองไปเบื้องหน้าซึ่งเป็นเขตวัดอันแสนสงบร่มเย็น ด้วยอยู่เป็นเชิงภูเขาสูงจึงมีเหล่าพืชพรรณต้นไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะไผ่ตรงที่อยู่เป็นกอและยืนต้นสูง“ให้ข้ารอรับกลับหรือไม่” บุรุษซึ่งพานางมาส่งเอ่ยถาม เขาเข้าใจว่านางคงจักแค่มาไหว้พระประเดี๋ยวเดียวก็กลับฟู่ฟู่ส่ายหน้าและยิ้มให้จาง ๆ “ข้าจักมาบวช” พร้อมตอบเสียงเบาแต่ใจหนักแน่นยิ่งนัก นางเบื่อโลกแสนวุ่นวายเต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจและมีคนต้องบาดเจ็บล้มตายจากสงครามมานับไม่ถ้วน นางอยากหลุดพ้นจากวิบากกรรมนี้สักที“เจ้าแน่ใจแล้วรึ การบวชมิใช่ผู้ใดจักมาพูดเล่น ๆ ได้” บุรุษตรงหน้ามองดูหญิงสาววัยละอ่อนที่มีความคิดสุดโต่งอย่างประหลาดใจ“ข้าคิดดีแล้ว ขอบคุณท่านมากที่มาส่งข้าถึงที่นี่” เมื่อพูดจบนางจึงเดินขึ้นบันไดหมายขึ้นไปสักการะท่านเจ้าอาวาส“เดี๋ยวแม่นาง ช้าก่อน” ทว่าบุรุษผู้นี้ดันไม่ยอมให้นางจากไปอย่างง่ายดาย เขารีบวิ่งมายืนขวางหน้าไว้“ท่านมีอันใด?”“ข้ามิอยากให้เจ้าบวช”“ท่านมาขวางทางข้าด้วยเหตุอันใด ไม่กลัวบาปบุญเลยรึ”“ข้าแค่เสียดา

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 14 ใจข้าว้าวุ่นยิ่งนัก

    มู่หยางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยความสงสัย ทั้งที่เขาสั่งไม่ให้นางออกมาเพ่นพ่านมิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่ฟังคำกัน ร่างสูงใหญ่ขยับเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คิดว่าจะหลบความผิดของตัวเองได้เป็นความคิดที่ผิดมหัน“ตอบข้ามา!”ตุบ!สิ้นเสียงตะคอกเหมยลี่ได้สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัวจนทำให้ถังน้ำหล่นลงพื้นและกลิ้งไปคนละทิศละทาง“ข้าตักน้ำมาใส่อ่างเท่านั้น มิได้มีเจตนาอื่น” เหมยลี่จึงตอบแต่โดยดี“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเจ้า”“ข้ารู้ หากมิใช่คำของอู๋ท่งสั่งข้าคงไม่ย่างกรายเข้ามาให้ท่านหงุดหงิดใจ” หญิงอัปลักษณ์แหงนหน้าไปเผชิญสายตาคมที่แสนดุและเยือกเย็นยิ่งกว่าในฤดูเหมันต์“รีบไปให้พ้นหน้าข้าเสีย” มู่หยางได้ทีไล่ใช่ว่านางอยากยืนอยู่ในที่แห่งนี้กับอีกฝ่ายสองต่อสองเสียเมื่อไหร่ หญิงอัปลักษณ์จึงรีบเก็บถังน้ำมาแบกหามแล้วรีบเดินออกไปทันที ปล่อยให้บุรุษหน้าขรึมได้อยู่เพียงลำพังตามใจปรารถนาสายตาคมมองร่างอรชรเดินออกมาโดยที่คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย เขาแค่นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายดูแข็งแรงดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร“ถึกเกินคน ยิ่งกว่าวัวกระทิงเสียอีก”มู่หยางกำลังดูแคลนอีกฝ่าย เขาไม่นึกสนใจอ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 13 หน้าที่หญิงอัปลักษณ์

    เสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลหญิงรับใช้นามว่าฮุ่ยชิวเดินกลับมาในครัว นางมองหาหญิงอัปลักษณ์ที่พึ่งได้เจอหน้ากันคราแรก แล้วพบว่าหญิงนางนั้นกำลังนั่งหลบมุมอยู่ในครัวเหมยลี่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นและมองสตรีอายุมากกว่าด้วยแววตามีคำถาม แต่นางไม่ได้ปริปากเปล่งวาจาออกมา“เจ้าหิวรึไม่” ฮุ่ยชิวเอ่ยถาม หญิงอัปลักษณ์พยักหน้าแทนคำตอบ“เดี๋ยวข้าจัดการให้” ฮุ่ยชิวพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นมิตร ก่อนเดินไปหาถ้วยมาตักข้าวสวยจนพูนและอาหารสองสามอย่างมายื่นให้กับหญิงอัปลักษณ์ที่น่าสงสาร“รับไปเสีย”“ขอบน้ำใจเจ้ายิ่งนัก” เหมยลี่พูดก่อนรับถ้วยไว้ในมือฮุ่ยชิวจึงหันกับไปตักข้าวของตัวเองบ้าง ก่อนหันมาหาหญิงอัปลักษณ์ที่ยืนเก้กังอยู่“ข้าว่าเจ้ากับข้าหลบไปกินข้าวที่โรงฟืนเถอะ”ว่าแล้วสหายใหม่ได้เดินนำทางไป เหมยลี่จึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย แล้วพากันมานั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ที่อยู่ใต้ต้นบ๊วย ซึ่งตอนนี้มีกิ่งก้านและใบเขียวขจีอยู่เต็มต้น พอให้ร่มเงากับนางทั้งสองได้“เจ้าชื่ออันใด ข้าชื่อฮุ่ยชิว” ฮุ่ยชิวเอ่ยถามพร้อมเคี้ยวอาหารไปด้วย“ข้ามีนามว่าเหมยลี่”“ชื่อเจ้าไพเราะยิ่งนัก” ฮุ่ยชิวยิ้มจาง ๆ ให้ “รีบกินเสียก่อนที่อู๋ท่งจักมาเห็น”

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 12 หน้าที่ภรรยาเอก

    “เจ้าจักไปที่ใด” หญิงรับใช้ของฮูหยินชิงชิงเอ่ยถามหญิงอัปลักษณ์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกสำรับผ่านหน้าประตูไป“ข้าจักช่วยยกสำรับ...”“ไม่ต้อง เจ้ามิมีสิทธิ์ไปเหยียบบนเรือนใหญ่ ลืมสิ้นแล้วหรือว่าเจ้าเป็นหญิงอัปมงคล มิมีผู้ใดอยากเห็นหน้าเจ้า เห็นก็คงกลืนข้าวไม่ลงกันพอดี”ยังไม่ทันพูดจบหญิงรับใช้คนสนิทรีบพูดโดยพลัน นางมองหญิงอัปลักษณ์อย่างหาเรื่องตามประสาคนดูแลเรือนแห่งนี้“ให้ข้าไปแทนเถิด” หญิงรับใช้อีกคนที่อยู่เป็นเพื่อนเหมยลี่รีบอาสา นางรับสำรับในมือมาถือไว้แทน“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปทำงานอย่างอื่นแทน” นางพูดแล้วเดินออกไปหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินปรายตามามองเหมยลี่พร้อมแบะปากใส่อย่างไร้ซึ่งการให้เกียรติกัน ก่อนเดินอ้อนแอ้นไปยังเรือนใหญ่เหมยลี่จึงเดินคอตกมานั่งหลบมุมในครัว นางทั้งหิวและไม่มีแรงคล้ายไม่สบาย แต่ถึงตอนนี้อาหารตรงหน้าจะส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย แต่นางมิอาจทานได้เพราะต้องรอให้นายในเรือนทานกันจนหมดก่อนซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหญิงรับใช้ที่นางรู้ดีหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าเหล่าผู้รับใช้ นางมีนามว่า อู๋ท่ง กำลังเดินนำหญิงรับใช้ทุกคนไปยังห้อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status