กู้ว่างเชินลืมตา กลืนน้ำลายและหายใจหนัก “ผม…”“อาเชิน...”ทันใดนั้นเสียงของลู่เจียวก็ดังมาจากประตูห้องผู้ป่วยฉู่เหมียนผลักกู้ว่างเชินออกอัตโนมัติ จากนั้นก็ยืนตัวตรงและมองไปที่ประตูทันทีลู่เจียวกัดริมฝีปากล่าง ในมือขวาของเธอถือกล่องอาหารเอาไว้พลางมองไปที่ฉู่เหมียนด้วยแววตาอาฆาตอย่างเห็นได้ชัดฉู่เหมียนถอยหลังไปสองก้าวแล้วพูดเนิบ ๆ “ลู่เจียว อย่าเข้าใจฉันผิดนะ กู้ว่างเชินคิดว่าฉันเป็นคุณน่ะ”“เหรอ?” ลู่เจียวมองไปที่ฉู่เหมียนทายดูสิว่าเธอเชื่อคำพูดของฉู่เหมียนไหม?ลู่เจียวมองไปยังกู้ว่างเชินที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วคลี่ยิ้ม “อาเชิน ดูเหมือนว่าฉันจะมาผิดเวลาสินะ?”“เลิกล้อเล่นได้แล้ว โรคกระเพาะของเขากำเริบ ฉันบังเอิญเจอเขาก็เลยพามาส่ง” ฉู่เหมียนไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง เธอจึงโกหกไปลู่เจียวมองทั้งสองคนอย่างโกรธเคืองฉู่เหมียนยังจะโกหกเธออยู่อีกทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครไปแจ้ง แต่เธอกลับมาถึงที่นี่ได้ ขนาดนี้แล้วฉู่เหมียนยังไม่รู้อีกหรือ?เพราะเธอส่งคนมาจับตาดูกู้ว่างเชินตลอดเวลายังไงล่ะ!คนแรกที่กู้ว่างเชินไปหาหลังจากดื่มจนเมามายไม่ใช่เธอ แต่ไปบ้านตระกูลฉู่เนี่ยนะ! กู้ว่างเชินท
“ฉันอยากมาดูสถานการณ์ของบัวหิมะพันปีในตลาดมืดสักหน่อย ว่ามีการเก็งราคาไปถึงไหนแล้ว?”โม่อี้พูดอ้อรับคำแล้วเดินตามฉู่เหมียนไปที่ห้องข้อมูลหน้าจอขนาดใหญ่ในห้องข้อมูลกำลังแสดงผล ซึ่งเกี่ยวกับบัวหิมะพันปีในตลาดมืดที่มีการพูดคุยกันมากกว่าสองแสนหัวข้อ โดยมียอดเข้าชมถึงสองพันล้านครั้งนี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะประเด็นหลักจริง ๆ ก็คือราคาของมันได้เพิ่มขึ้นทวีคูณอย่างไม่หยุดหย่อน!โดยป้ายราคาที่อยู่ทางด้านบนขวาโชว์ตัวเลขกว่าห้าพันล้านบาท!“ตอนนี้ยังไม่มีใครได้บัวหิมะพันปีไป” โม่อี้กล่าวฉู่เหมียนกอดอกและขมวดคิ้ว“หัวหน้า บัวหิมะนั่นไม่ได้อยู่ที่เธอจริง ๆ เหรอ?” โม่อี้มองไปที่ฉู่เหมียนฉู่เหมียนไม่เคยพลาด ตอนนี้เขาจึงสับสนเล็กน้อยฉู่เหมียนมองโม่อี้แล้วเลิกคิ้ว “เมื่อกี้ฉันเจอลู่เจียว เธอบอกว่าบัวหิมะพันปีอยู่ที่เธอ”“ล้อเล่นน่า บัวหิมะพันปีไม่เคยปรากฎออกมาเลย ได้ของปลอมไปหรือเปล่า? หรือว่า...อาจจะไม่มีจริงก็ได้ ฝ่ายนั้นคงแค่หลอกเธอ” โม่อี้ลูบคางของตัวเอง“ปิดดีลการขายบัวหิมะพันปีในตลาดมืดได้เลย” ฉู่เหมียนหันหลังแล้วเดินออกไปโม่อี้เบิกตากว้าง หมายความว่าอะไร?!ที่บอกให้วางขายได้หม
ฉู่เหมียนนำบัวหิมะพันปีไปที่ห้องโถงหุ่นยนต์รีบเคลื่อนตัวมาหาเพื่อทำการสแกนบัวหิมะพันปีและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ว้าว นี่คือบัวหิมะพันปีที่ทุกคนในตลาดมืดกำลังมองหา!”ฉู่เหมียนปรบมือและกอดอกหุ่นยนต์ถามอีกครั้ง “นายท่านเอ็ม ได้บัวหิมะพันปีมาจากไหนเหรอ?”โม่อี้ยิ้มอ่อน “อยู่ในกองขยะที่รอการทำลาย”หุ่นยนต์ “...”โม่อี้จ้องมองที่หุ่นยนต์และเห็นว่าหน้าจอของหุ่นยนต์กลายเป็นรูปดาววิ้ง ๆ ที่ดูยุ่งเหยิง ตามมาด้วยภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจเกิดอะไรขึ้น?เครื่องค้างเหรอ?ให้ตายเถอะ อยู่ฐานเอ็มมาตั้งหลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหุ่นยนต์ค้างแบบนี้มันคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?หลังจากหุ่นยนต์รีสตาร์ตระบบใหม่ มันทำตาโตแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ผมเป็นลมและฟื้นขึ้นมาแล้ว! ที่แท้บัวหิมะพันปีก็อยู่กับนายท่านเอ็มนี่เอง!”โม่อี้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พังหุ่นยนต์ทิ้งซะเลยดีไหม“หัวหน้า เธอคิดจะจัดการยังไง?” โม่อี้ถามฉู่เหมียนฉู่เหมียนมองโม่อี้พร้อมรอยยิ้มโม่อี้หรี่ตาเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าฉู่เหมียนหมายถึงอะไรจะเอาไปขายเหรอ?“รวย รวยแล้ว!” โม่อี้เริ่มหมุนรอบตัวเองห้าพันล้าน! เงินห้าพันล้
“ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนผมหรอก เชื่อผม กลับบ้านเถอะ” กู้ว่างเชินพูดอย่างอ่อนโยนลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าตอบรับเธอจะรีบไปหาพี่ชายเพื่อคิดหาวิธีที่จะได้บัวหิมะพันปีมาครอบครองเร็ว ๆเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของคุณหญิงแล้ว!หลังจากที่ลู่เจียวกลับไป บรรยากาศในห้องผู้ป่วยก็เงียบสงบลงกู้ว่างเชินค่อย ๆ ลุกนั่งและเอนตัวพิงหัวเตียงพลางมองไปยังที่ที่ฉู่เหมียนเคยนั่งที่ด้านนอกประตู อี้เซินโผล่หัวเข้าไปแล้วกระซิบว่า “ประธานกู้ ผมเข้าไปได้ไหมครับ?”กู้ว่างเชินเงยหน้าเห็นอี้เซินหัวเราะแหะ ๆ ด้วยความขี้เล่นนิด ๆ“วันนี้ทำได้ดีมาก” จู่ ๆ กู้ว่างเชินก็เอ่ยขึ้นอี้เซินหรี่ตาลง “แน่นอนสิครับ เพราะผมได้รับการชี้แนะจากประธานกู้!”กู้ว่างเชินเหลือบมองเขา นี่เขาจะสื่อว่าเรียนรู้ความใจแคบและคิดเล็กคิดน้อยมาจากตนเหรอ?อี้เซินกระแอมไอพลางยื่นโทรศัพท์ให้กู้ว่างเชินแล้วพูดว่า “ประธานกู้ หลังจากที่คุณนายน้อยกลับไปเธอส่งข้อความมาให้ผมด้วยครับ กำชับผมซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าต่อไปต้องให้คุณดูแลสุขภาพให้ดี”เมื่อกู้ว่างเชินอ่านข้อความจากฉู่เหมียนบนโทรศัพท์ของอีกฝ่าย ดวงตาของเขาก็หม่นลง…คุณชอบเขา
แกพูดเรื่องอะไรของแก? ฉู่เหมียนต้องมาสิ!”กู้ว่างเชินเงยหน้ามองผนังอันว่างเปล่าที่อยู่ด้านหลังโซฟาพลางคิดถึงถึงสิ่งที่ฉู่เหมียนพูด …กู้ว่างเชิน ไม่ต้องมาหาฉันอีกกู้ว่างเชินหลุบตาลงและพูดจาทำร้ายจิตใจ “คุณย่า ผมกับฉู่เหมียนมีปัญหากันครับ”“จริง ๆ พวกเรากำลังเตรียมที่จะหย่ากัน!”คนปลายสายอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วก่นด่าขึ้นมา “แกมันเด็กกตัญญู แก แก…”กู้ว่างเชินตกตะลึง และจู่ ๆ เสียงปลายสายก็เงียบไปกู้ว่างเชินขมวดคิ้วพลางเอ่ยเรียก “คุณย่าครับ?”ทว่าเมื่อยังไม่มีเสียงปลายทางตอบกลับมา หัวใจของกู้ว่างเชินจึงตกไปอยู่ตาตุ่มในทันทีเขารีบลุกขึ้นโทรหาโจวซิ่วหยา “แม่ ช่วยไปดูให้หน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณย่ารึเปล่า!”……วันรุ่งขึ้น ณ โรงพยาบาลหลินไห่เม่ยนอนหน้าซีดอยู่ในห้องผู้ป่วยเดี่ยว หลังจากที่หมอตรวจร่างกายของเธอแล้ว ก็เตือนพวกเขาว่า “อาการของคุณหญิงไม่ได้ดีมากนัก พวกคุณที่เป็นคนในครอบครัวก็อย่าทำหรือพูดอะไรที่กระทบจิตใจท่านอีกนะครับ!”โจวซิ่วหยาผู้สวมกระโปรงสีเรียบท่าทางเศร้าสร้อย หลังจากได้ยินดังนั้น เธอก็จ้องมองไปที่กู้ว่างเชินอย่างหม่นหมอง“ดูแลคุณหญิงให้ดีนะครับ เดี๋ยวรอด
ดวงตาของโจวซิ่วหยาแดงก่ำ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเธอเข้าใจ เธอเข้าใจทุกอย่าง แต่…“อาเชิน แกทำให้เหมียนเหมียนผิดหวังแบบนี้ได้ยังไง…”กู้ว่างเชินก้มหน้ารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างอธิบายไม่ถูก เขาเอ่ยเสียงเรียบ “แม่ครับ เอาไว้ผมจะชดใช้ให้เธอนะ ถ้าเธอต้องการอะไรผมจะให้ทุกอย่างเลย”ทันทีที่เขาพูดจบ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักออกกู้ว่างเชินมองไปที่ประตูฉู่เหมียนสวมกระโปรงสีขาว ผมของเธอสยายไปด้านหลัง ในมือของเธอถือผลไม้และอาหารเสริมมาด้วยเมื่อสบตากัน หัวใจของกู้ว่างเชินก็เต้นรัวฉู่เหมียน…ฉู่เหมียนมองเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้“ได้ยินมาว่าคุณย่าเข้าโรงพยาบาล หนูมาเยี่ยมท่านค่ะ” ฉู่เหมียนพูดเนิบ ๆเมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว โจวซิ่วหยาก็ลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่เหมียน โจวซิ่วหยาจึงรีบทักทายเธออย่างอบอุ่นเป็นพิเศษราวกับได้เจอลูกสาวแท้ ๆ “เหมียนเหมียน!”“แม่คะ คุณย่าไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?” ฉู่เหมียนวางของไว้ข้าง ๆ โต๊ะน้ำชาแล้วถามโจวซิ่วหยาโจวซิ่วหยาส่ายหัว “ก็โรคเดิม ๆ นั่นแหละจ้ะ! นี่คุณหมอก็ให้นอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลไปก่อน!”“อืมค่ะ” ฉู่เหมียนมาที่ข
ความเงียบงันแทรกเข้ามาในทางเดินยาวเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไม่พูดอยู่นาน ฉู่เหมียนก็ค่อย ๆ ก้มหน้ากู้ว่างเชินมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่เขาได้ยินเธอถามด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณกลัวว่าฉันจะใช้คุณย่าเพื่อรั้งไว้คุณไว้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”กู้ว่างเชินหรี่ตา และขณะกำลังจะอธิบาย เขาก็ได้ยินเสียงขอคุณหญิงดังมาจากห้องผู้ป่วย “เหมียนเหมียน…”ฉู่เหมียนมองเข้าไปข้างในแล้วพูดว่า “คุณย่าฟื้นแล้วเหรอคะ?”พูดจบ ฉู่เหมียนก็เลี่ยงกู้ว่างเชินเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยโจวซิ่วหยาประคองคุณหญิงขึ้นมา ท่านนั่งเอนพิงหัวเตียงพลางมองฉู่เหมียนด้วยความรู้สึกเศร้าหมองกู้ว่างเชินเดินตามหลังฉู่เหมียนมาติด ๆหลังจากที่ทั้งสองปรากฏตัวพร้อมกัน หลินไห่เม่ยก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นสุดท้ายก็มาถึงจุดนี้เหรอ?จะหย่ากันแน่ ๆ ใช่ไหม?ฉู่เหมียนนั่งลงตรงขอบเตียง พลางช่วยจัดผมให้หลินไห่เหม่ยและพูดพร้อมส่งสายตาอ่อนโยน “คุณย่าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”หลินไห่เม่ยจับมือของฉู่เหมีย และถามอย่างน่าสงสารว่า “เหมียนเหมียน หนูลืมวันเกิดย่าแล้วเหรอ?”ฉู่เหมียนยิ้มทันที “คุณย่าพูดอะไรคะ หนูจะลืมวันเกิดคุณย่าได้ยังไง?”หลินไห่เม่ยมองตรง
เขาย้ำกับเธอและคนรอบตัวไปไม่รู้กี่ครั้งว่าเขาไม่ได้รักเธอแต่เธอก็ยังเอาแต่หันหน้าเข้ากำแพงไม่รับรู้สิ่งใดฉู่เหมียนก้มหน้าอย่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายทันใดนั้นเธอก็ได้ยินชายหนุ่มข้าง ๆ พูดว่า “ฉู่เหมียน ผมขอโทษสำหรับสามปีที่ผ่านมานะ”ฉู่เหมียนหันหน้าไปมองเขา ดวงตาทั้งสองสบกัน ฉู่เหมียนยิ้มและพูดอย่างเรียบเฉย “ขอโทษอะไรกัน ทุกอย่างมันเป็นเพราะความเอาแต่ใจของฉันทั้งนั้น”ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะโทษกู้ว่างเชิน ว่าทำไมเขาถึงไม่รักเธอและก็คงจะด่าลู่เจียว ว่าทำไมหล่อนถึงต้องเข้ามายุ่งกับผู้ชายของคนอื่นตอนนี้เธอทั้งล้ม ทั้งเจ็บมาแล้ว จึงได้รู้ปัญหาของตัวเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง“ผมจะชดเชยให้คุณ” เขากล่าวแววตาเย้ยหยันฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของฉู่เหมียนเธอไม่ต้องการการชดเชยจากกู้ว่างเชินเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ฉู่เหมียนก็เดินเข้าไปกู้ว่างเชินตั้งใจจะตามไปด้วย แต่เธอก็ขวางเขาให้อยู่ข้างนอกฉู่เหมียนเงยหน้าคลี่ยิ้ม พลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ต้องแล้ว คุณกู้หยุดแค่ตรงนี้เถอะ”กู้ว่างเชินมองเธอนิ่ง ๆ พร้อมก้าวถอยหลังฉู่เหมียนยิ้มเล็กน้อยและชักมือกลับด้ว