ซึ่งก็ยังไม่เข้า"ตั้งสติไว้ อย่าใจร้อน" หานซือหลี่เตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ยิ้มให้หานซือหลี่รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของกู้ว่างเชินรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวรั้งแต่ไม่นานเขาก็กลับมาสงบเช่นเคยตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาเริ่มสนใจการกระทำของฉู่เหมียน...ตอนนี้เขาไม่ควรจะมุ่งความสนใจไปที่ลู่เจียวหรอกเหรอลู่เจียวตีลูกลงหลุมอย่างรวดเร็ว ท่าทางดูคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดเจนว่าเธอเป็นคนที่เล่นกอล์ฟเป็นประจำกู้ว่างเชินฝืนข่มใจตัวเองให้หันกลับไปสนใจลู่เจียวแล้วปรบมือให้เธอ "เก่งมากเลยเจียวเจียว"ลู่เจียวส่งจูบให้กู้ว่างเชิน หัวเราะคิกคักเสียงหวานแหวว "รักนะ พี่อาเชิน"ฉู่เหมียนจดจ่ออยู่กับเกม แต่คำพูดของลู่เจียวยังลอยเข้าหูเธอทำให้เธอรู้สึกอยากอาเจียนจนกระทั่งจบเกม ฉู่เหมียนตีลูกลงหลุมได้แค่สองลูกลู่เจียวโยนไม้กอล์ฟไปด้านข้าง ก่อนดื่มน้ำทำท่าเหมือนเป็นราชินีผู้หยิ่งผยอง "เธอแพ้แล้ว""เดิมพันต้องเป็นเดิมพัน" ฉู่เหมียนใช้หลังมือปาดเหงื่อ น้ำเสียงสงบกู้ว่างเชินเฝ้ามองฉู่เหมียนเดินออกไปเธอจะไปจูบผู้ชายคนอื่นตามที่ลู่เจียวบอกจริง ๆ เหรอ?ลู่เจียวจับมือกู้ว่างเชินแล้
"ยังไงเธอก็ยังเป็นคุณผู้หญิงตระกูลกู้ เธออาจหน้าไม่อายแต่ฉันอาย!" เขาขมวดคิ้ว พูดประโยคนี้พร้อมกับขบฟันแน่นอีกอย่างถ้าเรื่องนี้ลอยไปถึงหูคุณย่าของเขา เรื่องที่พวกเขาหย่ากันจะปกปิดไว้ไม่มิดอีกต่อไปดังนั้นกู้ว่างเชินจึงไม่ยอมให้เรื่องขายหน้าแบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าเขาเด็ดขาด!ตราบใดที่พวกเขายังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากัน ฉู่เหมียนจะต้องอยู่ในกรอบที่เขาขีดไว้"ทีคุณกู้ยังพาว่าที่คู่หมั้นใหม่มาพลอดรักกันต่อหน้าคนอื่นอย่างไม่รู้จักละอาย แค่ฉันจูบคนอื่นถึงกับทำให้คุณอับอายขายหน้าขนาดนั้นเลยเหรอ" ฉู่เหมียนย้อนถามกู้ว่างเชินอย่างแข็งกร้าวกู้ว่างเชินคอแห้งผาก เขาจ้องเขม็งมองฉู่เหมียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม มือของเขากำแน่นขึ้นเรื่อย ๆแล้วใช้เสียงต่ำเตือนฉู่เหมียน "ฉู่เหมียน ฉันกำลังให้โอกาสเธออยู่ อย่าหัวรั้นให้มาก!"เธอคิดจะจูบผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เหรอ?เมื่อเห็นกู้ว่างเชินโกรธเป็นฟืนไฟ ฉู่เหมียนก็ยิ้มเย้ายวน"นี่คือการให้โอกาส หรือคุณแค่กังวลเรื่องอื่น" มุมปากของฉู่เหมียนยกขึ้น ดวงตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของกู้ว่างเชินอย่างพิจารณากู้ว่างเชินขมวดคิ้ว รู้สึกหงุดหงิดที่เธอเดาใจเขาออกเขากลื
ขณะนั้นดูเหมือนเขาอยากจะอธิบายอะไรสักอย่างหานซือหลี่ที่อยู่ด้านนอกถามว่า “เหมียนเหมียน หาโทรศัพท์เจอแล้วหรือยัง?”กู้ว่างเชินชักมือกลับ เขาหลุบตาลงและเห็นลู่เจียวที่กำลังมองเขาด้วยความงุนงงเขากำลังทำอะไร?พอเห็นฉู่เหมียนเข้ามาเขาก็รีบปล่อยเธองั้นเหรอ?“เจอแล้ว ไปกันเถอะ” ฉู่เหมียนคลี่ยิ้มและตามหานซือหลี่ไปลู่เจียวเห็นว่ากู้ว่างเชินเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเธอก็คร้านจะตีกอล์ฟต่อ“ไปกันเถอะ” ลู่เจียวลุกเดินออกไปพร้อมสีหน้าไม่สบอารมณ์กู้ว่างเชินที่สังเกตเห็นอารมณ์ของลู่เจียวจึงเดินตามเธอไป “เจียวเจียว”ลู่เจียวผลักเขาออกอย่างฉุนเฉียวด้วยสายตาขุ่นเคืองอยู่ดี ๆ บรรยากาศดี ๆ ระหว่างคู่รักก็เริ่มแย่ลงนับตั้งแต่ที่ได้พบกับฉู่เหมียน สายตาของกู้ว่างเชินก็เอาแต่จับจ้องอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น แถมเมื่อเห็นฉู่เหมียนเข้ามา เขาก็รีบปล่อยมือจากเธอทันทีบางครั้งการกระทำบางอย่างที่ทำโดยไม่รู้ตัวมักจะมาจากจิตใต้สำนึกแม้ลู่เจียวจะชอบกู้ว่างเชินและเต็มใจที่จะยอมรับเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่โกรธ!เมื่อเห็นว่าลู่เจียวไม่อยากคุยกับเขา กู้ว่างเชินจึง
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่รู้ ต้วนจิ่นเหนียนก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาทันทีเขาเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้จึงบันทึกรูปหน้าจอเอาไว้เขาเปิดรูปหน้าจอนั้นแล้วอ่านให้กู้ว่างเชินฟัง “หานซือหลี่พาบิดาไปเยี่ยมตระกูลฉู่ ลือกระหึ่มสงสัยว่ากู้ว่างเชินและฉู่เหมียนอาจหย่ากันนานแล้ว!”กู้ว่างเชินขมวดคิ้วพลางจ้องมองไปที่ใบหน้าของต้วนจิ่นเหนียนต้วนจิ่นเหนียนกระแอมไอและอ่านหัวข้อข่าวต่อ “หานซือหลี่กับหานเฉิงไปเยี่ยมตระกูลฉู่ งานแต่งงานของหานซือหลี่และฉู่เหมียนกำลังจะมาถึง!”เมื่ออ่านหัวข้อข่าวนี้ ต้วนจิ่นเหนียนก็รู้สึกผิดเล็กน้อยสื่อสำนักนี้ก็ช่างกล้าเขียน เปิดรูปมาแค่รูปเดียวแล้วก็เขียนอะไรเป็นตุเป็นตะอย่างนี้เลยเหรอ งานแต่งงานกำลังจะมาถึงเนี่ยนะ? เป็นไปได้เหรอ?เขามองไปที่กู้ว่างเชินอย่างเงียบ ๆ ไฟสลัวตรงห้องส่วนตัวนี้รวมกับบุคลิกที่แสนเย็นชา ยิ่งทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะมองมาหลังจากฟังข่าวทั้งสองเรื่องแล้ว บรรยากาศที่อึดอัดอยู่แล้วก็ดูเหมือนจะแย่ยิ่งกว่าเดิม“หัวข้อข่าวอันที่สาม อะแฮ่ม…” ต้วนจิ่นเหนียนแตะปลายจมูกของตัวเองพลางมองกู้ว่างเชินด้วยสายตาที่เหมือนต้องการถามว่า ‘จะให้พูดต่อไหม?’กู้
แต่เมื่อเจอกันอีกครั้งเธอก็ยังคงทำตัวเหมือนปกติ และเรียกเขาอย่างยิ้มแย้มว่า “อาเชิน”เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับมีมดจำนวนนับไม่ถ้วนเดินไต่ไปมาทำให้เขากระวนกระวายใจ“ไม่รู้ว่าฉันจะได้รับเชิญไปงานหมั้นของคุณฉู่กับหานซือหลี่รึเปล่า” ต้วนจิ่นเหนียนลูบคางด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้“ตอนงานแต่งของนายกับฉู่เหมียน ฉันไม่ได้ไปร่วมงานด้วยซ้ำ! ฉู่เหมียนเธอน่าสงสารมาก เธอแต่งงานกับนายแต่นายไม่ยอมรับเธอรับ เรื่องนั้นก็หนักหนาพอแล้ว นี่แม้แต่งานแต่งก็ไม่ได้จัด!”หัวใจของกู้ว่างเชินที่เดิมก็ว้าวุ่นอยู่แล้ว เมื่อต้วนจิ่นเหนียนมาพูดเทศนาอยู่ข้าง ๆ เหมือนพระเฒ่า ก็ทำให้เขารู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้นกู้ว่างเชินหยิบเสื้อสูทของตัวเองแล้วลุกเดินออกไปต้วนจิ่นเหนียนหันมาตะโกนอย่างรีบร้อน “เหล่ากู้ จะไปไหน?”กู้ว่างเชินไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายขณะที่กู้ว่างเชินเดินออกมาจากผับ อี้เซินก็กำลังจัดการกับข่าวของฉู่เหมียนบนโซเชียล“ประธานกู้ เราควรจัดการกับข่าวของคุณฉู่และคุณหานยังไงดีครับ?” อี้เซินหันมาถามกู้ว่างเชินกู้ว่างเชินที่กำลังดึงเน็คไทออกเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินค
“ขอบคุณคุณหานมากสำหรับวันนี้นะคะ อาจจะมีข้อผิดพลาดไปบ้างต้องขออภัยด้วย!”ที่หน้าประตูบ้านของตระกูลฉู่ ฉู่เหมียนกำลังกล่าวขอโทษจากใจจริงหานซือหลี่ยืนพิงรถ พลางยักคิ้วด้วยสีหน้าสบาย ๆ “แค่มีความสุขก็พอแล้วครับ เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเลย”ฉู่เหมียนยิ้มแย้ม “ขอบคุณค่ะ”“ไม่เป็นไรครับ อย่าปล่อยให้คนนอกมามีผลต่ออารมณ์นะครับ!” หานซือหลี่กล่าวฉู่เหมียนพยักหน้า “อืม ไว้เจอกันใหม่ค่ะ”หานซือหลี่ฮัมเพลง พลางขึ้นรถแล้วขับออกไปฉู่เหมียนยืนอยู่ที่ประตูจนกระทั่งรถของหานซือหลี่หายไป จากนั้นเธอก็ปล่อยตัวตามสบายและคิดจะกลับเข้าบ้านผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้หายากน่าเสียดายที่เธอเป็นคนที่แย่เกินไปจึงไม่คู่ควรกับเขาขณะที่ฉู่เหมียนกำลังจะกลับเข้าบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง “ฉู่เหมียน”เสียงเรียกนั้นแหบแห้งเล็กน้อย แต่คล้ายจะเจือไปด้วยความอบอุ่นจนเผาใจของฉู่เหมียนไหม้เป็นรูฉู่เหมียนรีบหันกลับไปและเห็นรถมายบัคสีดำจอดอยู่ไม่ไกล กู้ว่างเชินกำลังยืนพิงหน้ารถ พลางมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งเมื่อครู่ที่ฉู่เหมียนบอกลาหานซือหลี่ เธอไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครอยู่ตรงนี้อีกเขามา
นี่เขาเมาแล้วรุดมาที่นี่เพื่อทำตัวบ้าบอใส่เธอเหรอ?ฉู่เหมียนเม้มริมฝีปากเบา ๆ แล้วช้อนดวงตากลมโตดุจลูกกวางที่สะท้อนเงาสลัวขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันก็คงมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบใช่ไหม?”ฉู่เหมียนกำลังจะผลักเขาออกไป แต่เขาดันแขนของเธอแนบกับกำแพงเพื่อไม่ให้เธอหลุดไปได้“กู้ว่างเชิน ถ้าคุณทำแบบนี้อีกฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ!” ฉู่เหมียนขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว“อืม แจ้งสิ” เขามองเธอราวกับมีบางอย่างกำลังค่อย ๆ ลุกไหม้ในดวงตาของเขาอย่าว่าแต่พวกเขายังแต่งงานกันอยู่เลย นี่เขาไม่ได้ทำอะไรฉู่เหมียนด้วยซ้ำ เขาอยากรู้นักว่าตำรวจจะคิดยังไง!ฉู่เหมียนที่มองหน้าเขาก็รู้สึกเสียใจมากเธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอที่เขาบังคับให้เธอตอบคำถามครั้งแล้วครั้งเล่า อาจเพราะรับไม่ได้ที่เขากับเธอยังไม่ได้หย่าขาดกันแต่เธอกลับไปมีสัมพันธ์กับชายอื่นก็เท่านั้นสำหรับกู้ว่างเชิน นี่คงเป็นการหยามเกียรติของผู้ชายคนหนึ่งฉู่เหมียนสูดจมูก มองกู้ว่างเชินด้วยสายตายิ้มแย้ม พลางแสร้งทำเป็นไม่แยแสและพูดว่า “ใช่ ฉันชอบหานซือหลี่”ร่างกายของกู้ว่างเชินแข็งทื่อไปชั่วขณะ“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรหลัง
ตอนที่ฉู่เหมียนหันไป กู้ว่างเชินก็ล้มลงกับพื้นแล้วเขาเอามือกุมท้อง ใบหน้าซีดเซียวและดูอาการไม่ดีเลยหัวใจของฉู่เหมียนสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอรีบเดินเข้าไปนั่งยอง ๆ ดูเขา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “กู้ว่างเชิน!”แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้เธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับกู้ว่างเชินแล้ว เธอก็ชักมือที่กำลังยื่นออกไปกลับมามีอี้เซินอยู่นี่ อี้เซินคงไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับกู้ว่างเชินหรอกฉู่เหมียนหลุบตาลง ละทิ้งความกังวลแล้วยืนขึ้นจะเดินจากไป แต่อี้เซินก็รีบร้องเรียก “คุณนายน้อย!”ฉู่เหมียนพูดเนิบ ๆ “อี้เซิน เขาคงจะปวดท้องเพราะดื่มมากเกินไป พาเขาไปส่งโรงพยาบาลแล้วแจ้งให้ลู่เจียวทราบด้วยนะคะ”อี้เซินมองฉู่เหมียน พลางแปลกใจเล็กน้อยที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเธอเมื่อก่อนเวลาที่มีเรื่องเกิดขึ้นกับกู้ว่างเชิน ฉู่เหมียนจะเป็นคนแรกที่อยู่เคียงข้างเขาฉู่เหมียนกำลังจะจากไป แต่จู่ ๆ นิ้วของเธอก็ถูกปลายนิ้วเย็นเยือกของชายหนุ่มเกี่ยวไว้ “เหมียนเหมียน…”ฉู่เหมียนมองไปที่กู้ว่างเชินทันที เขากำลังขมวดคิ้วพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดในขณะนั้น หัวใจของฉู่เหมียนก็เต้นแรงฉู่เหมียนอ้าปากอยาก
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ