ดูเหมือนพี่สาวช่างพูดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงตัวเขาเลยแต่ก็ไม่อยากจะเถียงเพราะพี่สาวของเขาก็คิดแบบคนที่กำลังจะรู้ตัวเองว่าเริ่มแก่เข้าไปทุกทีเลยแทบไม่คิดเรื่องมีคู่ครองเสียที กัลย์นิ่งฟังพี่สาวพูดอย่างเดียวสิ่งที่พี่สาวแนะนำเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะควรด้วย
ทุกครั้งกัลย์ณพในฐานะน้องชายจะรับฟังด้วยดีและเห็นคล้อยตามด้วย ศรีบังอรพูดต่อไปอีก
“เธอเรียนจบแล้วพี่ก็หมดห่วงเสียทีต่อไปมีงานทำมีเงินเก็บ ภาระของพี่จะได้เบาบางลงเรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นเองส่งเธอให้ไปได้ถึงฝั่งแค่นี้พี่ก็พอใจแล้วต่อไปสุดแท้แต่ชีวิตของเธอจะตัดสินใจพี่ขอเอาใจช่วยคิดว่าเธอน่าจะทำได้ทำให้พี่ได้ภาคภูมิใจสักครั้ง”
เขาให้คำมั่นสัญญาแก่พี่สาวด้วยการรับปากหล่อน
“ครับพี่อร”
“เอาล่ะนี่ก็ดึกแล้วเธอควรไปนอนพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือ พี่เองก็ต้องตื่นเช้า”
“ไม่ครับพรุ่งนี้ผมตื่นสายก็ได้แค่แวะไปมหาวิทยาลัยสอบถามอาจารย์ไม่ได้ไปฝึกสอนเขาไม่ฝึกสอนทุกวันหรอกครับแล้วแต่อาจารย์จะนัดไปพรุ่งนี้ผมค่อนข้างว่างถ้าผมไม่ขลุกอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ขลุกอยู่ที่บ้านแทน” กัลย์ณพชี้แจงให้พี่สาวเข้าใจ
“ตามใจเธอแต่ว่าพี่ขอตัวเข้านอนก่อนนะรู้สึกจะง่วงแล้ว”
และพีรธาน คือเพื่อนสนิทของกัลย์ณพอีกคนโทร.มาหา
“นายหาโรงเรียนได้แล้วหรือยังที่จะไปสอนเด็กเอางี้ไหมฉันขอเสนอแนะโรงเรียนนานาชาติของพี่เขยฉันกำลังเปิดรับสมัครอยู่ที่หนองจอก นายสนใจไหม?”
อยากสิ เขาอยากได้งานทำเร็วที่สุด
“นำใบทรานสคริปไปสมัครก่อนก็ได้ให้ทางมหาวิทยาลัยเซ็นรับรองให้อีกอย่างนายกับเราก็จบการศึกษาแล้ว”
เป็นคำแนะนำของพีรธาน
“แล้วนายล่ะพีจบแล้วนายจะไปทำงานที่ไหนเหรอเพื่อน”
กัลย์ณพถามเพื่อนบ้าง
เสียงของพีรธานตอบว่า
“สบายง่ายมากเรื่องทำงานของเรา เรามีญาติเป็นเจ้าของโรงเรียน เรื่องที่เราอยากมีงานทำนะมันจิ๊บจ๊อย พอจบแล้วเราเข้าไปทำเลยก็ได้”
“ญาติเราต้อนรับเสมอเขาอยากให้เรามาสอนที่โรงเรียนเขาจะตายแต่นายสิกัลย์ ยังไม่มีงานทำเราก็นึกห่วงเพราะเราจะไปนอกเลยอยากแนะนำให้ว่าไงสนใจไหม?”
“สนใจสิ”กัลย์ณพตอบทันทีเรื่องงานใครจะไม่สนใจ
“ถ้างั้นเตรียมหลักฐานเอาไว้เลยช่วงเช้าๆวันพุธเราจะแวะไปเยี่ยมน้าสาวกับหลานๆที่โน่นพอดีจะให้ติดรถไปด้วย”
และเมื่อเก้าโมงเช้านั้น พีรธานขับรถมารับเขาถึงบ้านจากนั้นมุ่งไปที่โรงเรียนนานาชาติย่านหนองจอกมีนบุรีดังว่าเพื่อไปสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในตำแหน่งครูอัตราจ้างบ้านพักเขาอยู่แถวลาดพร้าวและเดินทางมาที่มีนบุรีหนองจอกถือว่าไม่ไกลนัก
กัลย์ณพไปกลับคงสะดวก เพราะมีรถประจำทางผ่าน สู่ตัวเมือง และมีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโรงเรียนนานนาชาติแห่งนั้นที่ผุดอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของเรือกไร่นาและบ้านจัดสรรและเนื้อที่กว้างขวาง ความเขียวชอุ่มของแมกไม้สีเขียวเต็มไปสองข้างทางสงบเงียบดีจริง
พีรธานพาเขาขึ้นไปยังอาคารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นตึกที่ทำการผู้อำนวยการสถาบันหลังจากที่ผ่านการสัมภาษณ์และให้เริ่มงานในวันจันทร์หน้าที่จะถึง
แค่นี้ก็เป็นความดีใจยิ่งนักที่โอกาสเปิดให้แก่เขาเป็นเพราะ
พีรธานเป็นญาติกับเจ้าของโรงเรียนเลยได้อาศัยเส้นสายด้วยแต่แล้ว ก็มีเรื่องเกิดขึ้นจนได้ เพราะว่าศรีบังอรนั้นประสบอุบัติเหตุจากการลื่นล้มในห้องน้ำที่ทำงานและหล่อนต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน
เมื่อหมอที่เข้าทำการรักษาเมื่อตรวจเช็คอาการแล้วบอกว่าข้อเท้าข้างซ้ายของหล่อนพลิกและเคล็ดนั่นทำให้ศรีบังอรรู้สึกเจ็บมาก เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหล ถ้าไปแตะส่วนปลายเท้าและบริเวณโคนขาของหล่อน
หมอบอกว่าประมาณอีกสี่ห้าวันถึงอาทิตย์จะหายเป็นปกติ เผลออาจจะมากกว่านั้นอีกเพราะคุณหมอให้รอดูอาการรวมทั้งเธอได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาในการลาหยุดงานไปถึงห้าวันลาป่วย ใช้ใบรับรองแพทย์ และมันถือว่านานจนน่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่เคยหยุดงานทำให้ศรีบังอรนึกตำหนิตัวเองที่หล่อนไม่ควรซุ่มซ่ามอย่างนี้เลย
กัลย์น้องชายของหล่อนยังไม่กลับเขาบอกว่าไปสมัครงานและสัมภาษณ์เป็นครูสอนภาษาในวันนี้ ทำไมหนอช่างเป็นวันเดียวกันกับวันแรกที่น้องชายจะได้งานทำหนอ
แทนที่หล่อนจะดีใจตัวเองกลับมานอนป่วยเพราะอุบัติเหตุ หมอให้ยานวดมาทาก็แล้วรู้สึกว่ายังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่หล่อนรู้สึกเกรงใจภุมมินทร์เหลือเกินห่วงว่าเขาจะต้องกลับไปทำงาน
อุตส่าห์ขับรถพาหล่อนมาส่งถึงบ้านและจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนหล่อน ในยามที่หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แต่สามารถเบิกจากประกันสังคมได้เพิ่งมารู้เมื่อตอนที่เขายื่นใบเสร็จรับยามาให้หายดีเมื่อไหร่หล่อนจะใช้เขาคืน
สักครู่หนึ่งภุมมินทร์เดินเข้าไปหาคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงในห้องรับแขกใกล้ๆ ซึ่งศรีบังอรร้องขอแต่คราวแรกหล่อนอับอายที่จะพาเขาเข้าไปถึงห้องนอนของตนเองอีกอย่างหล่อนเป็นหญิง
ไว้ให้น้องชายกลับมากัลย์จะเป็นคนพาหล่อนไปเองร่างสูงโปร่งสง่าดูภูมิฐานและผึ่งผายของภุมมินทร์เข้ามาหยุดใกล้ร่างของศรีบังอรที่ทรุดนอนบนเตียง
แม้เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าหล่อนรู้ทั้งฐานะของตนเอง และภาระที่รับผิดชอบอยู่จึงไม่อยากจะสนใจใคร และหล่อนก็ไม่อยากให้ความหวังกับเขามากมายเท่าใดนักแม้ภุมมินทร์มีท่าทางจะชอบหล่อนหล่อนสังเกตหลายครั้งที่เขาพยายามเอาอกเอาใจช่วยเหลือเทกแคร์หล่อน
ถึงอย่างไรศรีบังอรยังไม่ยอมใจอ่อนเพราะหล่อนรู้ดีว่าภาระของหล่อนหนักอึ้งหล่อนไม่ควรให้เขามาร่วมรับผิดชอบและร่วมลำบากกับครอบครัวหล่อนเลยอีกอย่างหล่อนไม่มีอะไรนอกจากสมบัติพัสถานที่หลงเหลืออยู่นอกจากบ้านเก่าหลังนี้เท่านั้น
“เป็นยังไงบ้างครับ อรรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”
เขาชะโงกหน้ามาถามหล่อนด้วยอาการห่วง มองไปที่ข้อเท้าที่ บวมเป่งขึ้นมา และนี่คือสาเหตุทำให้ศรีบังอรรู้สึกเจ็บมากหล่อนส่ายหน้า พยายามกัดฟันพูดว่า
“เจ็บค่ะยังเจ็บที่ข้อเท้าอยู่เลยเจ็บมาก”
“งั้น ผมจะช่วยนวดให้นะจะได้รู้สึกดีขึ้น”
หล่อนอายเขาเรื่องแตะเนื้อแตะตัวหล่อนไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ชิดตัวเองมาก่อนยกเว้นนอกจากน้องชาย“ไม่ต้องค่ะรบกวนคุณนั่งพักก่อนเถอะอรพอไหว”“เอแต่คุณเจ็บอยู่นะยังทำหน้านิ่วอย่างนี้อีกผมรู้ว่าคุณเจ็บ ทนอีกหน่อยผมอาจมีส่วนช่วยคลายอาการเจ็บของคุณให้ดีขึ้น” เขาแย้งและเถียงจนศรีบังอรไม่รู้ที่จะพูดอะไรในเมื่อเขาดื้ออย่างนี้เลยปล่อยให้หยิบยานวดคลายกล้ามเนื้อที่หมอให้มานวดคลึงเบาๆนุ่มนวลที่บริเวณข้อเท้าซึ่งเจ็บอาการปวดหนึบๆเกิดและรุนแรงขึ้น “พอแล้วค่ะภุมมินทร์อรรู้สึกเจ็บ” “ถ้ามันไม่เจ็บก็ไม่หายนะสิสักพักก็ค่อยยังชั่วล่ะต้องหมั่นนวดบ่อยเส้นจะได้คลายยืด”ภุมมินทร์ปฏิบัติให้แก่หล่อนอย่างไม่นึกรังเกียจสักนิดชั่วครู่เขาจึงละตัวออกจากข้อเท้าของหล่อนเมื่อนวดจนเขาเห็นว่าพอสมควรแล้วแต่เขาก็ยังไม่กลับบ้านยังเดินวนเวียนอยู่แถวระเบียงที่มีเถาดอกไม้หลากสีพาดพันทั้งมะลิวัลย์กุหลาบมอญ“คุณพักอยู่กับน้องชายของคุณไม่ใช่หรือป่านนี้ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกผมไม่กล้าทิ้งคุณไว้คนเดียวหรอกอร”เขาบอกหล่อน และพูดต่อไปว่า “ให้ผมอยู่ก่อนเถอะนะ จนถึงเวลาที่น้องชายคุณกลับมา ถึงค่อยกลับ เพราะคุณอยู่ในสภาพที่ช่วยเ
เรือนไม้ครึ่งปูนทาด้วยสีขาวและสีน้ำเงินหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลหน้าบ้านประกอบด้วยไม้เถาพาดพันเลื้อยระไปตามโครงเหล็กดัด ดอกสีม่วงสีเหลืองแดงหากแต่ตรงกลางแบ่งเป็นถนนให้รถแล่นเข้ามาภายในโรงรถอยู่ชิดขวาติดกับกำแพงรั้วเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวชั้นกลางเมื่อหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของมารดาแล้ว ทั้งสองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนในละแวกนี้นอกจากลุงที่อยู่แถวธัญบุรีแต่ก็ขาดการติดต่อมานานหลายปี ศรีบังอรนั้นก็เพิ่งกลับมาจาก ที่ทำงาน และหล่อนรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าน้องชายที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายซึ่งกำลังจะจบการศึกษาสมดังที่เขาปรารถนาจะเพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน “แหม กลับเสียค่ำเชียวนะกัลย์ ”“เอ้อ มีธุระเรื่องเรียน ครับพี่อร”เด็กหนุ่มที่ตอบนั้นเขารีบก้มหน้าเพื่อจัดการถอดดึงสายรองเท้าผ้าใบแล้วนำไปวางบนชั้นตามเดิม “เอ้อแล้วนี่กัลย์หิวมั๊ยพี่จะเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้ทาน” เมื่อฟังแล้วทำให้กัลย์นพส่ายหน้าพลางตบเข้าที่ท้องเบาๆ“เอ้อไม่ต้องครับกัลย์ อิ่มมาจากข้างนอกแล้ววันนี้ มีเพื่อนเลี้ยงนะครับ”กัลย์ณพรู้ว่าพี่สาวนั้นห่วงใยเขายิ่งนักเปรียบเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเขาอีกคน แม้จะมีวัยห่
สำหรับพ่อรูปหล่อคนนี้แต่เขาไม่เคยมีเรื่องเพื่อนผู้หญิงมาแผ้วกวนใจศรีบังอรทำให้ศรีบังอรหนักใจเพราะน้องชายของหล่อนยังไม่มีเรื่องความรักเข้ามาปะปนในชีวิตนั่นเพราะศรีบังอรเลี้ยงน้องมากับมือจึงรู้ว่าอุปนิสัยของกัลย์ ณพเป็นอย่างไร และโชคดีที่เขาไม่ทำตัวให้เหนื่อยหน่ายใจเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่มักชอบออกนอกลู่นอกเสมอทำให้พ่อแม่ปวดหัวไม่จบสิ้นในแนวทางเสเพลรักเที่ยวเป็นอันธพาลไปโน่นแต่สำหรับกัลย์แล้วไม่มีเลยหล่อนถึงสบายใจอุ่นใจและสุขใจส่วนที่เป็นเค้าโครงดวงหน้าบนใบหน้าของกัลย์เขาได้รับส่วนนี้มาจากพ่อและแม่เพราะแม่เป็นคนตาสวยส่วนพ่อก็เป็นคนคิ้วเข้มและคิ้วดก ดังนั้นคิ้วของเขาจึงดกดำยิ่งนักสีดำสนิทเหมือนขนกาน้ำและพาดเฉียงขอบเหมือนกับปีกนก ในปัจจุบันนี้ เพราะศรีบังอรแก่ไปมาก ดังนั้นความสวยของเธอจึงดูลดหย่อนลงไปบ้างไม่เหมือนสมัยสาวๆที่หล่อนเป็นคนสวยน่าจับตาคนหนึ่งสวยผุดผาดและอ่อนหวานเนื่องจากตอนนี้เป็นสาวใหญ่ใกล้วันทึนทึกเข้าแล้วสำหรับกัลย์ที่จมูกโด่งเป็นสันตรง ตัวเขาช่างเอนเอียงไปทางแม่และพ่อ ส่วนศรีบังอรนั้นแม่บอกหล่อนว่าค่อนไปทางยายและอีกนานทีเดียวที่หล่อนเอ่ยเรียกอีกครั้งเป็นเชิงตำหนิดุเบาๆ
หล่อนอายเขาเรื่องแตะเนื้อแตะตัวหล่อนไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ชิดตัวเองมาก่อนยกเว้นนอกจากน้องชาย“ไม่ต้องค่ะรบกวนคุณนั่งพักก่อนเถอะอรพอไหว”“เอแต่คุณเจ็บอยู่นะยังทำหน้านิ่วอย่างนี้อีกผมรู้ว่าคุณเจ็บ ทนอีกหน่อยผมอาจมีส่วนช่วยคลายอาการเจ็บของคุณให้ดีขึ้น” เขาแย้งและเถียงจนศรีบังอรไม่รู้ที่จะพูดอะไรในเมื่อเขาดื้ออย่างนี้เลยปล่อยให้หยิบยานวดคลายกล้ามเนื้อที่หมอให้มานวดคลึงเบาๆนุ่มนวลที่บริเวณข้อเท้าซึ่งเจ็บอาการปวดหนึบๆเกิดและรุนแรงขึ้น “พอแล้วค่ะภุมมินทร์อรรู้สึกเจ็บ” “ถ้ามันไม่เจ็บก็ไม่หายนะสิสักพักก็ค่อยยังชั่วล่ะต้องหมั่นนวดบ่อยเส้นจะได้คลายยืด”ภุมมินทร์ปฏิบัติให้แก่หล่อนอย่างไม่นึกรังเกียจสักนิดชั่วครู่เขาจึงละตัวออกจากข้อเท้าของหล่อนเมื่อนวดจนเขาเห็นว่าพอสมควรแล้วแต่เขาก็ยังไม่กลับบ้านยังเดินวนเวียนอยู่แถวระเบียงที่มีเถาดอกไม้หลากสีพาดพันทั้งมะลิวัลย์กุหลาบมอญ“คุณพักอยู่กับน้องชายของคุณไม่ใช่หรือป่านนี้ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกผมไม่กล้าทิ้งคุณไว้คนเดียวหรอกอร”เขาบอกหล่อน และพูดต่อไปว่า “ให้ผมอยู่ก่อนเถอะนะ จนถึงเวลาที่น้องชายคุณกลับมา ถึงค่อยกลับ เพราะคุณอยู่ในสภาพที่ช่วยเ
ดูเหมือนพี่สาวช่างพูดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงตัวเขาเลยแต่ก็ไม่อยากจะเถียงเพราะพี่สาวของเขาก็คิดแบบคนที่กำลังจะรู้ตัวเองว่าเริ่มแก่เข้าไปทุกทีเลยแทบไม่คิดเรื่องมีคู่ครองเสียที กัลย์นิ่งฟังพี่สาวพูดอย่างเดียวสิ่งที่พี่สาวแนะนำเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะควรด้วยทุกครั้งกัลย์ณพในฐานะน้องชายจะรับฟังด้วยดีและเห็นคล้อยตามด้วย ศรีบังอรพูดต่อไปอีก“เธอเรียนจบแล้วพี่ก็หมดห่วงเสียทีต่อไปมีงานทำมีเงินเก็บ ภาระของพี่จะได้เบาบางลงเรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นเองส่งเธอให้ไปได้ถึงฝั่งแค่นี้พี่ก็พอใจแล้วต่อไปสุดแท้แต่ชีวิตของเธอจะตัดสินใจพี่ขอเอาใจช่วยคิดว่าเธอน่าจะทำได้ทำให้พี่ได้ภาคภูมิใจสักครั้ง”เขาให้คำมั่นสัญญาแก่พี่สาวด้วยการรับปากหล่อน “ครับพี่อร”“เอาล่ะนี่ก็ดึกแล้วเธอควรไปนอนพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือ พี่เองก็ต้องตื่นเช้า”“ไม่ครับพรุ่งนี้ผมตื่นสายก็ได้แค่แวะไปมหาวิทยาลัยสอบถามอาจารย์ไม่ได้ไปฝึกสอนเขาไม่ฝึกสอนทุกวันหรอกครับแล้วแต่อาจารย์จะนัดไปพรุ่งนี้ผมค่อนข้างว่างถ้าผมไม่ขลุกอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ขลุกอยู่ที่บ้านแทน” กัลย์ณพชี้แจงให้พี่สาวเข้าใจ“ตามใจเธอแต่ว่าพี่ข
สำหรับพ่อรูปหล่อคนนี้แต่เขาไม่เคยมีเรื่องเพื่อนผู้หญิงมาแผ้วกวนใจศรีบังอรทำให้ศรีบังอรหนักใจเพราะน้องชายของหล่อนยังไม่มีเรื่องความรักเข้ามาปะปนในชีวิตนั่นเพราะศรีบังอรเลี้ยงน้องมากับมือจึงรู้ว่าอุปนิสัยของกัลย์ ณพเป็นอย่างไร และโชคดีที่เขาไม่ทำตัวให้เหนื่อยหน่ายใจเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่มักชอบออกนอกลู่นอกเสมอทำให้พ่อแม่ปวดหัวไม่จบสิ้นในแนวทางเสเพลรักเที่ยวเป็นอันธพาลไปโน่นแต่สำหรับกัลย์แล้วไม่มีเลยหล่อนถึงสบายใจอุ่นใจและสุขใจส่วนที่เป็นเค้าโครงดวงหน้าบนใบหน้าของกัลย์เขาได้รับส่วนนี้มาจากพ่อและแม่เพราะแม่เป็นคนตาสวยส่วนพ่อก็เป็นคนคิ้วเข้มและคิ้วดก ดังนั้นคิ้วของเขาจึงดกดำยิ่งนักสีดำสนิทเหมือนขนกาน้ำและพาดเฉียงขอบเหมือนกับปีกนก ในปัจจุบันนี้ เพราะศรีบังอรแก่ไปมาก ดังนั้นความสวยของเธอจึงดูลดหย่อนลงไปบ้างไม่เหมือนสมัยสาวๆที่หล่อนเป็นคนสวยน่าจับตาคนหนึ่งสวยผุดผาดและอ่อนหวานเนื่องจากตอนนี้เป็นสาวใหญ่ใกล้วันทึนทึกเข้าแล้วสำหรับกัลย์ที่จมูกโด่งเป็นสันตรง ตัวเขาช่างเอนเอียงไปทางแม่และพ่อ ส่วนศรีบังอรนั้นแม่บอกหล่อนว่าค่อนไปทางยายและอีกนานทีเดียวที่หล่อนเอ่ยเรียกอีกครั้งเป็นเชิงตำหนิดุเบาๆ
เรือนไม้ครึ่งปูนทาด้วยสีขาวและสีน้ำเงินหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลหน้าบ้านประกอบด้วยไม้เถาพาดพันเลื้อยระไปตามโครงเหล็กดัด ดอกสีม่วงสีเหลืองแดงหากแต่ตรงกลางแบ่งเป็นถนนให้รถแล่นเข้ามาภายในโรงรถอยู่ชิดขวาติดกับกำแพงรั้วเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวชั้นกลางเมื่อหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของมารดาแล้ว ทั้งสองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนในละแวกนี้นอกจากลุงที่อยู่แถวธัญบุรีแต่ก็ขาดการติดต่อมานานหลายปี ศรีบังอรนั้นก็เพิ่งกลับมาจาก ที่ทำงาน และหล่อนรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าน้องชายที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายซึ่งกำลังจะจบการศึกษาสมดังที่เขาปรารถนาจะเพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน “แหม กลับเสียค่ำเชียวนะกัลย์ ”“เอ้อ มีธุระเรื่องเรียน ครับพี่อร”เด็กหนุ่มที่ตอบนั้นเขารีบก้มหน้าเพื่อจัดการถอดดึงสายรองเท้าผ้าใบแล้วนำไปวางบนชั้นตามเดิม “เอ้อแล้วนี่กัลย์หิวมั๊ยพี่จะเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้ทาน” เมื่อฟังแล้วทำให้กัลย์นพส่ายหน้าพลางตบเข้าที่ท้องเบาๆ“เอ้อไม่ต้องครับกัลย์ อิ่มมาจากข้างนอกแล้ววันนี้ มีเพื่อนเลี้ยงนะครับ”กัลย์ณพรู้ว่าพี่สาวนั้นห่วงใยเขายิ่งนักเปรียบเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเขาอีกคน แม้จะมีวัยห่