สำหรับพ่อรูปหล่อคนนี้แต่เขาไม่เคยมีเรื่องเพื่อนผู้หญิงมาแผ้วกวนใจศรีบังอรทำให้ศรีบังอรหนักใจเพราะน้องชายของหล่อนยังไม่มีเรื่องความรักเข้ามาปะปนในชีวิต
นั่นเพราะศรีบังอรเลี้ยงน้องมากับมือจึงรู้ว่าอุปนิสัยของกัลย์ ณพเป็นอย่างไร และโชคดีที่เขาไม่ทำตัวให้เหนื่อยหน่ายใจเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่มักชอบออกนอกลู่นอกเสมอทำให้พ่อแม่ปวดหัวไม่จบสิ้นในแนวทางเสเพลรักเที่ยวเป็นอันธพาลไปโน่น
แต่สำหรับกัลย์แล้วไม่มีเลยหล่อนถึงสบายใจอุ่นใจและสุขใจส่วนที่เป็นเค้าโครงดวงหน้าบนใบหน้าของกัลย์เขาได้รับส่วนนี้มาจากพ่อและแม่เพราะแม่เป็นคนตาสวยส่วนพ่อก็เป็นคนคิ้วเข้มและคิ้วดก ดังนั้นคิ้วของเขาจึงดกดำยิ่งนักสีดำสนิทเหมือนขนกาน้ำและพาดเฉียงขอบเหมือนกับปีกนก
ในปัจจุบันนี้ เพราะศรีบังอรแก่ไปมาก ดังนั้นความสวยของเธอจึงดูลดหย่อนลงไปบ้างไม่เหมือนสมัยสาวๆที่หล่อนเป็นคนสวยน่าจับตาคนหนึ่งสวยผุดผาดและอ่อนหวานเนื่องจากตอนนี้เป็นสาวใหญ่ใกล้วันทึนทึกเข้าแล้ว
สำหรับกัลย์ที่จมูกโด่งเป็นสันตรง ตัวเขาช่างเอนเอียงไปทางแม่และพ่อ ส่วนศรีบังอรนั้นแม่บอกหล่อนว่าค่อนไปทางยายและอีกนานทีเดียวที่หล่อนเอ่ยเรียกอีกครั้งเป็นเชิงตำหนิดุเบาๆ
“โทรศัพท์ที่บ้านก็มีนี่นาแต่ก็ทำไมเธอถึงไม่โทรมาบอกพี่ไว้ก่อนล่วงหน้าล่ะสักครึ่งชั่วโมงก็ได้นี่ทำให้พี่เป็นห่วงอย่างมากเอาล่ะ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวพี่จะรอ”
ชายหนุ่มบอกพี่สาว
“กัลย์ขอโทษพี่อรด้วยครับเพราะว่าผมกำลังคุยมือถือเรื่องเรียนไงครับกับเพื่อนเลยเพลินไปหน่อยเลยลืมๆเรื่องนี้ไปเสีย”
จากนั้นเขาจึงออกมาทานข้าวร่วมกับพี่สาวในห้องครัวที่จัดเตรียมตั้งอาหารบนโต๊ะไว้รอ
หลังจากอิ่มอาหารเย็นแล้วเขาช่วยนำจานชามไปล้างคว่ำเก็บกับพี่สาว ก่อนออกมาเดินเล่นอยู่รอบบ้านที่สนามหญ้าและดงดอกไม้ แล้วก็ครุ่นคิดเพราะต่อไปเขานั้นจะได้เป็นครูแล้วในไม่ช้านี้ เพราะเมื่อเรียนจบแล้วต้องไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่เรียนและอ่านเขียนค่อนข้างยากหากเขาจะต้องกัดฟันและอดทนมานะกับความพยายาม เรียนด้วยความขยันหมั่นเพียรและที่สำคัญต้องเรียนให้จบ เพื่อไม่ให้พี่สาวผิดหวังเพราะพี่สาวให้กำลังใจตลอดมาและในที่สุดเขาก็สามารถทำได้แล้วในเวลานี้
และเขานั้นหลังจากที่นั่งครุ่นคิดอยู่ตั้งนานที่บริเวณหน้าระเบียงเทอเรซในที่ตรงนั้นจะมีไม้เถาพวงครามกับช่อของพวงชมพูที่เบ่งบานสีชมพูหวานผลิช่อสะพรั่งกลุ่มดอกไม้เหล่านี้มีการปลูกมาจากรุ่นคุณยายจนมาถึงคุณแม่ที่ท่านไม่ทิ้งขว้างตัดทิ้งแล้วก็รุ่นหลานอย่างเขาอีกอย่างก็เป็นเพราะพี่ศรีบังอรเป็นนักอนุรักษ์ต้นไม้เก่าแก่ตัวยงด้วยคนหนึ่งจึงทำให้สมบัติของบรรพบุรุษยังอยู่
ถึงแม้ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาของเราตั้งแต่เกิด แต่เขาชอบ เพราะรู้สึกว่าแปลกใหม่ท้าทายตัวเองดีอีกอย่างกัลย์ณพมีพื้นฐานตั้งแต่เรียนชั้นประถมและมัธยมแล้วก็เลยผ่านจุดตรงนี้ได้ไอ้ที่ใครมองๆเห็นว่ามันยากเลยง่ายไปเสียสำหรับเขา
และเขาก็สอบผ่านทุกครั้งคะแนนเกรดค่อนข้างออกมาดีจนบรรดาอาจารย์ที่คณะและอาจารย์ประจำภาควิชาตะวันตกเอ่ยชมในตัวเขาซึ่งตัวกัลย์ณพถือว่าจะจบใหม่ในเทอมหน้านี้เอง
เพราะตอนนี้เขากับเพื่อนๆร่วมรุ่นร่วมห้องกำลังจะทำเรื่อง เพื่อขอจบกับอาจารย์ที่คณะเสร็จเรียบร้อยแล้วเพื่อให้ทางคณะสภามหาวิทยาลัยเซ็นรับรองอนุมัติหลังจากที่ฝึกสอนและเก็บได้ครบหน่วยกิตสุดท้ายพอดี
อีกอย่างหนึ่งกัลย์ณพหาลำไพ่พิเศษด้วยการสมัครเป็นครูสอนพิเศษเด็กตอนช่วงปิดเทอมที่อ่อนภาษาอังกฤษเขาไม่อยากรบกวนเงินของพี่สาวคิดว่าเขาควรจะหัดพึ่งพาตนเองได้แล้วไม่ควรที่จะแบมือขอเงินพี่สาวตลอดไป
ถ้าไม่หัดฝีกเริ่มวันนี้วันหน้าเขาจะพึ่งใคร เพราะวันหน้าเขาจะต้องเลี้ยงตัวเองและพี่สาวด้วยและครอบครัวของเขาอีกกัลย์คิดว่าเขาควรจะวางแผนให้กับอนาคตข้างหน้าเพราะเขาหนีไม่พ้นการมีครอบครัวแน่แต่ว่าใครหนอ ใครจะเป็นผู้หญิงที่เดินก้าวเคาะประตูเข้ามาสู่ห้วงใจของเขาในวันนั้น
“อ้าวมานั่งเงียบอยู่นี่เองพี่ไปดูที่ห้องเห็นปิดเงียบอยู่ก็เลยเดินมาที่นี่”ศรีบังอรเดินตามหาน้องชายจึงเอ่ยเสียงขึ้นที่นอกระเบียงตรงนี้มีแสงไฟเพียงแต่สลัวเพราะไม่เปิดไฟแต่อาศัยแสงจันทร์คืนนี้ที่มีดวงดาวทำให้ท้องฟ้านั้นสว่างไสว
ใบหน้าของกัลย์ณพหันมาทางพี่สาวพลางอุทานออกมาเบาๆ
“มีอะไรหรือครับพี่อร”
ชื่อเล่นของพี่สาวเพื่อนสนิทจะเรียกว่าอร ส่วนเขาก็เรียกพี่อรจนติดปาก หล่อนยืนอยู่ที่มุมเสาติดทางเดินออกมาทางระเบียงด้านนอก เป็นซุ้มดอกราชาวดีดอกและกลีบเล็กกว่ามะลิสดแต่มีกลิ่นหอมเย็นมากยิ่งช่วงกลางคืนหอมแรงจนเขาต้องเผลอจมูกสูดดม
“เรื่องสอนพิเศษของเธอเป็นยังไงบ้าง เขาจ่ายมาครบมั๊ย แล้วพอใช้ไหมล่ะตอนนี้พี่ก็พอจะมีอยู่บ้าง”
“ครบครับแล้วก็พอใช้ด้วยเดือนนี้ผม ไม่รบกวนเงินของพี่อร หรอก ไว้ผมจำเป็นเถอะครับผมจะขอ”
“ดีแล้วที่เธอรู้จักเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น”
“อ้อ เรื่องนั้นหรือครับไม่ต้องห่วงกัลย์หรอกพี่อรกัลย์รู้จักใช้เงินแล้วก็ประหยัดคิดว่าทุกวันนี้คนเราต้องทำงานเพื่อเงิน แล้วเงินก็หายากกัลย์จึงเก็บสะสมเอาไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นเช่นถึงคราวต้องเข้าโรงพยาบาล เรื่องพวกนี้เราไม่รู้นี่ครับปุบปับมันก็เกิดเราจะไปคาดการล่วงหน้าได้เสียเมื่อไหร่ ”
ฟังน้องชายพูดศรีบังอรคิดว่ากัลย์คิดดีสมแล้วกับที่แม่และเธอช่วยอบรมสั่งสอนเขา และมีเหตุผลที่ชาญฉลาดสมกับที่เขาจะต้องเป็นพ่อพิมพ์ของชาติศรีบังอรอยากจะเอ่ยคุยกับน้องชายไปเรื่อยๆมากกว่า
“พี่ดีใจที่เธอรู้จักเก็บเงินไว้ใช้แล้วก็คิดถึงอนาคตของตนเองไม่รู้สินะพี่รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วอยากจะเห็นเธอเติบโตในอนาคตแล้วก็มีเมียมีหลานให้พี่คลายเหงาอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำก็เล่นกับหลานไปเพลินๆ”
ดูเหมือนพี่สาวช่างพูดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงตัวเขาเลยแต่ก็ไม่อยากจะเถียงเพราะพี่สาวของเขาก็คิดแบบคนที่กำลังจะรู้ตัวเองว่าเริ่มแก่เข้าไปทุกทีเลยแทบไม่คิดเรื่องมีคู่ครองเสียที กัลย์นิ่งฟังพี่สาวพูดอย่างเดียวสิ่งที่พี่สาวแนะนำเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะควรด้วยทุกครั้งกัลย์ณพในฐานะน้องชายจะรับฟังด้วยดีและเห็นคล้อยตามด้วย ศรีบังอรพูดต่อไปอีก“เธอเรียนจบแล้วพี่ก็หมดห่วงเสียทีต่อไปมีงานทำมีเงินเก็บ ภาระของพี่จะได้เบาบางลงเรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นเองส่งเธอให้ไปได้ถึงฝั่งแค่นี้พี่ก็พอใจแล้วต่อไปสุดแท้แต่ชีวิตของเธอจะตัดสินใจพี่ขอเอาใจช่วยคิดว่าเธอน่าจะทำได้ทำให้พี่ได้ภาคภูมิใจสักครั้ง”เขาให้คำมั่นสัญญาแก่พี่สาวด้วยการรับปากหล่อน “ครับพี่อร”“เอาล่ะนี่ก็ดึกแล้วเธอควรไปนอนพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือ พี่เองก็ต้องตื่นเช้า”“ไม่ครับพรุ่งนี้ผมตื่นสายก็ได้แค่แวะไปมหาวิทยาลัยสอบถามอาจารย์ไม่ได้ไปฝึกสอนเขาไม่ฝึกสอนทุกวันหรอกครับแล้วแต่อาจารย์จะนัดไปพรุ่งนี้ผมค่อนข้างว่างถ้าผมไม่ขลุกอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ขลุกอยู่ที่บ้านแทน” กัลย์ณพชี้แจงให้พี่สาวเข้าใจ“ตามใจเธอแต่ว่าพี่ข
หล่อนอายเขาเรื่องแตะเนื้อแตะตัวหล่อนไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ชิดตัวเองมาก่อนยกเว้นนอกจากน้องชาย“ไม่ต้องค่ะรบกวนคุณนั่งพักก่อนเถอะอรพอไหว”“เอแต่คุณเจ็บอยู่นะยังทำหน้านิ่วอย่างนี้อีกผมรู้ว่าคุณเจ็บ ทนอีกหน่อยผมอาจมีส่วนช่วยคลายอาการเจ็บของคุณให้ดีขึ้น” เขาแย้งและเถียงจนศรีบังอรไม่รู้ที่จะพูดอะไรในเมื่อเขาดื้ออย่างนี้เลยปล่อยให้หยิบยานวดคลายกล้ามเนื้อที่หมอให้มานวดคลึงเบาๆนุ่มนวลที่บริเวณข้อเท้าซึ่งเจ็บอาการปวดหนึบๆเกิดและรุนแรงขึ้น “พอแล้วค่ะภุมมินทร์อรรู้สึกเจ็บ” “ถ้ามันไม่เจ็บก็ไม่หายนะสิสักพักก็ค่อยยังชั่วล่ะต้องหมั่นนวดบ่อยเส้นจะได้คลายยืด”ภุมมินทร์ปฏิบัติให้แก่หล่อนอย่างไม่นึกรังเกียจสักนิดชั่วครู่เขาจึงละตัวออกจากข้อเท้าของหล่อนเมื่อนวดจนเขาเห็นว่าพอสมควรแล้วแต่เขาก็ยังไม่กลับบ้านยังเดินวนเวียนอยู่แถวระเบียงที่มีเถาดอกไม้หลากสีพาดพันทั้งมะลิวัลย์กุหลาบมอญ“คุณพักอยู่กับน้องชายของคุณไม่ใช่หรือป่านนี้ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกผมไม่กล้าทิ้งคุณไว้คนเดียวหรอกอร”เขาบอกหล่อน และพูดต่อไปว่า “ให้ผมอยู่ก่อนเถอะนะ จนถึงเวลาที่น้องชายคุณกลับมา ถึงค่อยกลับ เพราะคุณอยู่ในสภาพที่ช่วยเ
เรือนไม้ครึ่งปูนทาด้วยสีขาวและสีน้ำเงินหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลหน้าบ้านประกอบด้วยไม้เถาพาดพันเลื้อยระไปตามโครงเหล็กดัด ดอกสีม่วงสีเหลืองแดงหากแต่ตรงกลางแบ่งเป็นถนนให้รถแล่นเข้ามาภายในโรงรถอยู่ชิดขวาติดกับกำแพงรั้วเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวชั้นกลางเมื่อหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของมารดาแล้ว ทั้งสองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนในละแวกนี้นอกจากลุงที่อยู่แถวธัญบุรีแต่ก็ขาดการติดต่อมานานหลายปี ศรีบังอรนั้นก็เพิ่งกลับมาจาก ที่ทำงาน และหล่อนรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าน้องชายที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายซึ่งกำลังจะจบการศึกษาสมดังที่เขาปรารถนาจะเพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน “แหม กลับเสียค่ำเชียวนะกัลย์ ”“เอ้อ มีธุระเรื่องเรียน ครับพี่อร”เด็กหนุ่มที่ตอบนั้นเขารีบก้มหน้าเพื่อจัดการถอดดึงสายรองเท้าผ้าใบแล้วนำไปวางบนชั้นตามเดิม “เอ้อแล้วนี่กัลย์หิวมั๊ยพี่จะเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้ทาน” เมื่อฟังแล้วทำให้กัลย์นพส่ายหน้าพลางตบเข้าที่ท้องเบาๆ“เอ้อไม่ต้องครับกัลย์ อิ่มมาจากข้างนอกแล้ววันนี้ มีเพื่อนเลี้ยงนะครับ”กัลย์ณพรู้ว่าพี่สาวนั้นห่วงใยเขายิ่งนักเปรียบเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเขาอีกคน แม้จะมีวัยห่
หล่อนอายเขาเรื่องแตะเนื้อแตะตัวหล่อนไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ชิดตัวเองมาก่อนยกเว้นนอกจากน้องชาย“ไม่ต้องค่ะรบกวนคุณนั่งพักก่อนเถอะอรพอไหว”“เอแต่คุณเจ็บอยู่นะยังทำหน้านิ่วอย่างนี้อีกผมรู้ว่าคุณเจ็บ ทนอีกหน่อยผมอาจมีส่วนช่วยคลายอาการเจ็บของคุณให้ดีขึ้น” เขาแย้งและเถียงจนศรีบังอรไม่รู้ที่จะพูดอะไรในเมื่อเขาดื้ออย่างนี้เลยปล่อยให้หยิบยานวดคลายกล้ามเนื้อที่หมอให้มานวดคลึงเบาๆนุ่มนวลที่บริเวณข้อเท้าซึ่งเจ็บอาการปวดหนึบๆเกิดและรุนแรงขึ้น “พอแล้วค่ะภุมมินทร์อรรู้สึกเจ็บ” “ถ้ามันไม่เจ็บก็ไม่หายนะสิสักพักก็ค่อยยังชั่วล่ะต้องหมั่นนวดบ่อยเส้นจะได้คลายยืด”ภุมมินทร์ปฏิบัติให้แก่หล่อนอย่างไม่นึกรังเกียจสักนิดชั่วครู่เขาจึงละตัวออกจากข้อเท้าของหล่อนเมื่อนวดจนเขาเห็นว่าพอสมควรแล้วแต่เขาก็ยังไม่กลับบ้านยังเดินวนเวียนอยู่แถวระเบียงที่มีเถาดอกไม้หลากสีพาดพันทั้งมะลิวัลย์กุหลาบมอญ“คุณพักอยู่กับน้องชายของคุณไม่ใช่หรือป่านนี้ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกผมไม่กล้าทิ้งคุณไว้คนเดียวหรอกอร”เขาบอกหล่อน และพูดต่อไปว่า “ให้ผมอยู่ก่อนเถอะนะ จนถึงเวลาที่น้องชายคุณกลับมา ถึงค่อยกลับ เพราะคุณอยู่ในสภาพที่ช่วยเ
ดูเหมือนพี่สาวช่างพูดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงตัวเขาเลยแต่ก็ไม่อยากจะเถียงเพราะพี่สาวของเขาก็คิดแบบคนที่กำลังจะรู้ตัวเองว่าเริ่มแก่เข้าไปทุกทีเลยแทบไม่คิดเรื่องมีคู่ครองเสียที กัลย์นิ่งฟังพี่สาวพูดอย่างเดียวสิ่งที่พี่สาวแนะนำเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะควรด้วยทุกครั้งกัลย์ณพในฐานะน้องชายจะรับฟังด้วยดีและเห็นคล้อยตามด้วย ศรีบังอรพูดต่อไปอีก“เธอเรียนจบแล้วพี่ก็หมดห่วงเสียทีต่อไปมีงานทำมีเงินเก็บ ภาระของพี่จะได้เบาบางลงเรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นเองส่งเธอให้ไปได้ถึงฝั่งแค่นี้พี่ก็พอใจแล้วต่อไปสุดแท้แต่ชีวิตของเธอจะตัดสินใจพี่ขอเอาใจช่วยคิดว่าเธอน่าจะทำได้ทำให้พี่ได้ภาคภูมิใจสักครั้ง”เขาให้คำมั่นสัญญาแก่พี่สาวด้วยการรับปากหล่อน “ครับพี่อร”“เอาล่ะนี่ก็ดึกแล้วเธอควรไปนอนพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือ พี่เองก็ต้องตื่นเช้า”“ไม่ครับพรุ่งนี้ผมตื่นสายก็ได้แค่แวะไปมหาวิทยาลัยสอบถามอาจารย์ไม่ได้ไปฝึกสอนเขาไม่ฝึกสอนทุกวันหรอกครับแล้วแต่อาจารย์จะนัดไปพรุ่งนี้ผมค่อนข้างว่างถ้าผมไม่ขลุกอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ขลุกอยู่ที่บ้านแทน” กัลย์ณพชี้แจงให้พี่สาวเข้าใจ“ตามใจเธอแต่ว่าพี่ข
สำหรับพ่อรูปหล่อคนนี้แต่เขาไม่เคยมีเรื่องเพื่อนผู้หญิงมาแผ้วกวนใจศรีบังอรทำให้ศรีบังอรหนักใจเพราะน้องชายของหล่อนยังไม่มีเรื่องความรักเข้ามาปะปนในชีวิตนั่นเพราะศรีบังอรเลี้ยงน้องมากับมือจึงรู้ว่าอุปนิสัยของกัลย์ ณพเป็นอย่างไร และโชคดีที่เขาไม่ทำตัวให้เหนื่อยหน่ายใจเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่มักชอบออกนอกลู่นอกเสมอทำให้พ่อแม่ปวดหัวไม่จบสิ้นในแนวทางเสเพลรักเที่ยวเป็นอันธพาลไปโน่นแต่สำหรับกัลย์แล้วไม่มีเลยหล่อนถึงสบายใจอุ่นใจและสุขใจส่วนที่เป็นเค้าโครงดวงหน้าบนใบหน้าของกัลย์เขาได้รับส่วนนี้มาจากพ่อและแม่เพราะแม่เป็นคนตาสวยส่วนพ่อก็เป็นคนคิ้วเข้มและคิ้วดก ดังนั้นคิ้วของเขาจึงดกดำยิ่งนักสีดำสนิทเหมือนขนกาน้ำและพาดเฉียงขอบเหมือนกับปีกนก ในปัจจุบันนี้ เพราะศรีบังอรแก่ไปมาก ดังนั้นความสวยของเธอจึงดูลดหย่อนลงไปบ้างไม่เหมือนสมัยสาวๆที่หล่อนเป็นคนสวยน่าจับตาคนหนึ่งสวยผุดผาดและอ่อนหวานเนื่องจากตอนนี้เป็นสาวใหญ่ใกล้วันทึนทึกเข้าแล้วสำหรับกัลย์ที่จมูกโด่งเป็นสันตรง ตัวเขาช่างเอนเอียงไปทางแม่และพ่อ ส่วนศรีบังอรนั้นแม่บอกหล่อนว่าค่อนไปทางยายและอีกนานทีเดียวที่หล่อนเอ่ยเรียกอีกครั้งเป็นเชิงตำหนิดุเบาๆ
เรือนไม้ครึ่งปูนทาด้วยสีขาวและสีน้ำเงินหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลหน้าบ้านประกอบด้วยไม้เถาพาดพันเลื้อยระไปตามโครงเหล็กดัด ดอกสีม่วงสีเหลืองแดงหากแต่ตรงกลางแบ่งเป็นถนนให้รถแล่นเข้ามาภายในโรงรถอยู่ชิดขวาติดกับกำแพงรั้วเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวชั้นกลางเมื่อหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของมารดาแล้ว ทั้งสองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนในละแวกนี้นอกจากลุงที่อยู่แถวธัญบุรีแต่ก็ขาดการติดต่อมานานหลายปี ศรีบังอรนั้นก็เพิ่งกลับมาจาก ที่ทำงาน และหล่อนรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าน้องชายที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายซึ่งกำลังจะจบการศึกษาสมดังที่เขาปรารถนาจะเพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน “แหม กลับเสียค่ำเชียวนะกัลย์ ”“เอ้อ มีธุระเรื่องเรียน ครับพี่อร”เด็กหนุ่มที่ตอบนั้นเขารีบก้มหน้าเพื่อจัดการถอดดึงสายรองเท้าผ้าใบแล้วนำไปวางบนชั้นตามเดิม “เอ้อแล้วนี่กัลย์หิวมั๊ยพี่จะเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้ทาน” เมื่อฟังแล้วทำให้กัลย์นพส่ายหน้าพลางตบเข้าที่ท้องเบาๆ“เอ้อไม่ต้องครับกัลย์ อิ่มมาจากข้างนอกแล้ววันนี้ มีเพื่อนเลี้ยงนะครับ”กัลย์ณพรู้ว่าพี่สาวนั้นห่วงใยเขายิ่งนักเปรียบเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเขาอีกคน แม้จะมีวัยห่