สัตว์อสูรสีเพลิงกำลังหลับสบายอยู่ในมิติหลังจากทำงานมาทั้งคืน ต่างกับเจ้านายของมันที่ตอนนี้รอบดวงตาเริ่มจะเหมือนหมีกินไผ่เข้าไปทุกทีฉินหลิวซีกลับหลี่เจิ้นหัวเกาะอยู่บนช่องว่างใต้หลังคาร้านขายผ้าฝั่งตรงข้าม มองไปจะเห็นร้านน้ำชาที่กำลังก่อสร้างและตกแต่งใหม่จากมุมเยื้องด้านบนร้านของนางพังเละไม่มีชิ้นดีจนต้องให้คนงานหยุดทำอย่างไม่มีกำหนด แน่นอนว่านางจ่ายค่าทำขวัญให้คนที่เจอเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ไปด้วยตอนนี้คนของนางกำลังเก็บซากปรักหักพังออกพื้นที่ ฉินหลิวซีไม่อาจปรากฏตัวได้เพราะตอนนี้นางกลายเป็นนักโทษแหกคุกไปแล้วค่าเสียหายนั่นข้าจะเรียกคืนให้สาสมเลยนึกแล้วก็แค้นใจที่กิจการของนางถูกพังเสียย่อยยับ ไม่รู้กว่าจะซ่อมแซมและตกแต่งใหม่ต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่จากตอนนี้ ไม่ว่าคดีนี้จะปิดลงอย่างไรนางจะต้องเรียกค่าเสียหายอย่างแน่นอน แต่จะทำแบบนั้นได้นางก็ต้องหาหลักฐานว่าใครเป็นคนก่อเรื่องมาก่อนคิดแล้วก็กัดฟันกรอด ถ้าที่นี่มีกล้องวงจรปิดนางคงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้"เจ้าพวกนิสัยแย่ ถ้าเป็นแค่สามัญชนตัวเล็ก ๆ นะ รังแกกันเกินไปแล้ว""คงคิดข่มขู่หรือปิดปากเจ้านั่นแหละ" หลี่เจิ้นหัวยิ้มแห้ง คนรักของเขาโมโห
ทางองค์ชายรองกับเสียนเฟยไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้สักเท่าไร แต่หลี่เจิ้นหัวก็หวังว่าถ้าของพระองค์จะปลอดภัย เพราะถ้าพวกเขาถูกสังหารซิ่งก็จะไม่มีใครแก้ต่างให้สกุลหลี่กับฉินหลิวซีได้แล้วคนสองกลุ่มที่แทบไม่เคยปะหน้าหรือเกี่ยวข้องกันถูกบังคับให้ต้องร่วมมือเพราะความผิดที่ไม่ได้ก่อ ถึงจะยังไม่มีการพูดคุยต่อหน้าอย่างเป็นกิจลักษณะแต่พวกเขารู้ดีว่าตนต้องทำอะไรต่อไปในมิติลับที่พร่ำบอกน้องชายว่าเป็นสวรรค์นั้นตอนนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นยาและสมุนไพรฉุน ๆ ฉินหลิวซีจับนั่นผสมนี่จนแสบจมูกก่อนจะทำยาพิษต้องทำยาแก้พิษก่อน ตอนนี้มีขวดยามากมายเรียงอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งสีและกลิ่นต่างกันไป พอขลุกอยู่กับการปรุงยานานเข้าก็เริ่มเพลิดเพลินจนมียาแปลก ๆ ปนออกมาด้วยหลายชนิดฉินหลิวซียกขวดดูของเหลวต่างสีข้างใน มุมปากของนางยกสูงด้วยความพอใจถึงจะยังไม่ได้ทดสอบประสิทธิภาพแต่ให้พวกคนร้ายนั่นมาเป็นหนูทดลองก็แล้วกันจะมีเรื่องกับใครดันไม่มี มาออกที่ชื่อฉินหลิวซีเสียได้ ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถิด นางไม่มีความปรานีให้คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับนางก่อนหรอก"...ทำพิษเพิ่มอีกสักสองสามชนิดเผื่อไว้ดีกว่า"ว่าแล้วก็ไปสาละวนอย
นางลากทุกคนมาไว้ลานกว้างกลางหมู่บ้าน ให้เสี่ยวฮั่วคาบเชือกที่ถักทอกันจนเป็นเส้นใหญ่เอาไว้เส้นหนึ่ง ถ้าพวกนั้นคิดขัดขืนหรือตอบโต้แม้แต่นิดเดียวนางจะพาตัวประกันไปด้วยทันทีหญิงสาวนั่งลงบนถังไม้รอเวลา ในที่สุดก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายมุ่งมาทางนี้ เมื่อเห็นนางทุกคนต่างผงะและถอยไปตั้งหลักทันที แต่ละคนเอาอาวุธของตนออกมา"เจ้าเป็นใคร!""ต้องการอะไร ตอบมา!"พวกนั้นมองเห็นตัวประกันแล้วจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม คนที่หลับอยู่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย สถานการณ์ชวนหวั่นใจเป็นอย่างมาก"ตอนนี้คนที่มีสิทธิ์ถามคือข้าต่างหาก" ฉินหลิวซีแกว่งมีดสั้นในมือเล่น ไม่มีท่าทีกลัวเกรงแม้แต่นิด"ข้าจะบอกสิ่งที่ข้าต้องการก็ต่อเมื่อพวกเจ้าตอบคำถาม" นางดึงคอเสื้อสตรีผู้หนึ่งมาหมอบแทบเท้าตน ใช้มือจีบผมให้เงยหน้าโดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้สติ เอามีดจ่อไปที่เส้นเลือดใหญ่ได้อย่างแม่นยำเพียงเท่านั้นพวกมันก็กลืนน้ำลายอึก"งานยังไม่เสร็จแต่ลอยชายได้ถึงขนาดนี้คงย่ามใจมากสินะ"คำพูดของนางสื่อความหมายชัดเจนว่าผู้ว่าจ้างเป็นคนส่งมา แต่ผู้ว่าจ้างคนไหนกันล่ะ"รับเงินไปตั้งมากก็ควรทำงานให้เสร็จสิ" นางกดใบมีดเข้าไปลึกขึ้น"เดี๋ยวก่อน!" หนึ่
"หม่อมฉันต้องการให้พระองค์ยืนยันกิจวัตรและพฤติกรรมประจำของตนเองกับข้อแตกต่างในวันนั้นเพคะ"องค์ชายใคร่ครวญเพียงไม่นานก็รู้สิ่งที่นางต้องการบอก"ตกลง"เซียนโอสถน้อยกลับมาที่กระโจมก็พบว่าทุกคนกำลังวุ่นวายกับการตามหานาง ฉินหลิวซีสั่งเสี่ยวฮั่วให้ร่อนลง หลี่เจิ้นหัวเห็นนางก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา"ไปไหนมา บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่""ข้าสบายดี ขอโทษที่ไปไม่บอก ข้ารีบร้อนไปหน่อย""นี่เจ้าไปทำอะไรมากันแน่""ทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ น่ะสิ เรื่องอะไรข้าต้องทำงานล่วงเวลา"แต่ละคำที่นางพูดออกมาหลี่เจิ้นหัวไม่เข้าใจแม้แต่นิด แค่นางปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว"เมื่อคืนปรุงยาทั้งคืนเลยหรือ" ยืนอยู่ตรงนี้เขายังได้กลิ่นสมุนไพรจากตัวนางโชยมา"ทำนองนั้น เอาล่ะ เจ้าบอกพ่อแม่เจ้ากับพี่สาวเตรียมตัวเถอะ""เตรียมตัว? ไปไหน?""เราจะไปศาลกัน""หา! ไปทำไม?" หลี่เจิ้นหัวตกใจตาแทบถลน พวกเขาพึ่งหนีจากโทษประหารมายังไม่ทันข้ามวันที่สามเลย อยู่ ๆ จะให้กลับไปโดนมีดพาดคออีกแล้วหรือ"เชื่อข้าเถอะ อย่างน้อยเราก็จะไม่ใช่คนผิดแล้ว ส่วนเรื่องหลังจากนั้นค่อยว่ากัน"หลี่เจิ้นหัวพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าลับหลังเขานางไปทำอะไรมา ฉินหลิวซีไม่ใช่คนช่างพ
โทษกบฏยังไม่ทันตัดสินใหม่ในศาลต้าซานก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเสียแล้ว ผู้ทำหน้าที่ตัดสินคนอื่นไม่มีกำหนดการเข้าวันนี้ทำให้กงกงต้องรีบส่งคนไปตามตัว เนื่องจากฝ่าบาทอนุญาตให้ไม่ต้องสวมเครื่องราชสำหรับพิธีการ ผู้รับคำสั่งจึงรีบร้อนมาทั้งแบบนั้นการแต่งกายไม่ถูกหลักกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับการไม่ให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วเพราะรอนานเจียงฟางกระแอมไอก็เริ่มการพิพากษาต่อโดยท่าทีลุกลน พระพักตร์ฮ่องเต้เห็นได้ชัดว่ากำลังมีโทสะแต่ไม่มีใครรู้ว่าทรงกริ้วเรื่องอะไร ทำเอาทุกคนหายใจไม่ทั่วท้องไปหมด"ฉินหลิวซี เจ้าต้องการโต้แย้งข้อกล่าวหาที่ว่าตนเป็นกบฏใช่หรือไม่""เจ้าค่ะใต้เท้า""เจ้ามีสิ่งใดมายืนยัน""จากข้อกล่าวหาที่ว่าหม่อมฉันร่วมมือกับองค์ชายรองส่งคนไปลอบสังหารรัชทายาท ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่เป็นความจริงเจ้าค่ะ นี่คือสัญญาว่าจ้างที่องค์ชายรัชทายาททำขึ้นระหว่างตนเองกับกลุ่มมือสังหารกลุ่มหนึ่งในเมือง"กงกงเป็นคนกลางรับมอบอีกเช่นเคย "แล้วหม่อมฉันขอเบิกตัวพยานเพคะฝ่าบาท""อนุญาต"เมื่อฮ่องเต้ดำริเช่นนั้นแล้วพยานที่นางพามาก็เดินเข้ามาในห้อง ทุกคนต่างงุนงงเพราะแม้แต่องค์รัชทายาทก็ไม่เคยเห็นหน้าของคน
หลังจากเข้าออกจวนหลี่ได้อย่างสบายใจ ฉินหลิวซีก็มาที่นี่บ่อยกว่าหอกระจายข่าวเสียอีก นางบอกว่าอยากมาดูแลพี่หญิงที่สภาพจิตใจยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้หลี่เจิ้นหัวต้องวิ่งจากหอชิงขุยมาที่นี่ทุกวันตอนเที่ยง เขากินมื้อเที่ยงที่คนครัวเตรียมไว้ให้แต่มาแย่งของว่างจากนางฉินหลิวซีตีมือดังเพี้ยะก่อนท่านชายจะหยิบขนมในจานไป"อะไรเล่า" เขาลูบหลังมือตัวเองป้อย ๆ"ไปล้างมือ ข้าไม่ใช่แม่เจ้านะ จะให้บอกทุกครั้งเลยหรือไง""ไม่ทุกครั้งสักหน่อย ข้าแค่ตื่นเต้นที่ได้เจอเจ้าจนลืมเท่านั้นเอง อย่าดุข้าเลย" ว่าแล้วก็ยิ้มหวานไปหนึ่งที"เลี่ยน""ทำตัวให้คุ้นเคยเข้าไว้น่า เจ้าจะได้ฟังอีกตลอดชีวิตที่เหลือเลย"ฉินหลิวซีทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนควรเขินอายหรือเอือมระอาดี"กินเสร็จแล้วก็รีบกลับไปทำงานด้วยล่ะ""เข้าใจแล้ว"กรี๊ดดดด!เสียงหวีดแหลมของหญิงสาวทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ผู้มีประสบการณ์ต่อสู้จับอาวุธของตนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณทันที"เกิดอะไรขึ้น"ฉินหลิวซีกับหลี่เจิ้นหัววิ่งไปทางต้นเสียง มีสาวใช้หลายคนวิ่งสวนทางมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก เมื่อมาถึงก็ไม่ต้องการคำอธิบายแล้วเพราะภาพตรงหน้าได้บอกหมดแล้วกลุ่มคนปิดบังใบหน้าในช
"อืม ขอบใจ" ท่าทางของโจวเมิ่งอิ๋งนิ่งสงบแต่สายตาที่มองฉินหลิวซีอ่อนลงมาก เพราะมีกำแพงใจมาก่อนแต่เมื่อทลายลงก็เห็นคนคนหนึ่งในมุมที่ต่างไป ถ้าว่าการลดช่องว่างระหว่างกันยังต้องใช้เวลาเหมือนเดิม ฉินหลิวซีเข้าใจเรื่องนั้นดีอีกทั้งเท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้วทั้งสองคนยืนส่งนางขึ้นรถม้าจนกระทั่งพาหนะเทียมสัตว์คันนั้นลับสายตาไปสถานะคู่หมั้นรัชทายาทหลี่เมิ่งเหยาสิ้นสุดลง สกุลหลี่พ้นผิดแต่ท่านหญิงก็มีตราบาปติดตัวเป็นมลทิน ไม่รู้ว่าจะมีบุรุษใดใจกว้างพออยากรับนางเป็นภรรยาอีกหรือไม่ เกิดเป็นสตรีในที่แห่งนี้ไม่ว่าเก่งกาจหรือมีความสามารถอย่างไร ก็ถูกกดข่มไว้ใต้อำนาจของบุรุษท่านหญิงรู้สึกอิจฉาชีวิตอิสระของฉินหลิวซีเป็นอย่างมาก หากนางสามารถเลือกได้ก็อยากมีอิสระอย่างสามัญชนดูสักครั้งเช่นกันน่าเศร้าใจเหลือเกินที่เป็นได้เพียงความปรารถนา ไม่อาจสมหวัง…โรงน้ำชาปรับปรุงไปได้หลายส่วนแล้ว ฉินหลิวซีส่งจดหมายเรียกตัวไปถึงบ้านเกิดในคนงานที่เตรียมตัวกันอยู่เดินทางมาได้ทันที ที่พักสำหรับพวกเขานางก็หาซื้อไว้แล้วไม่กี่วันก็ได้จดหมายตอบกลับจากทางบ้านเพราะคนของนา
เมื่อผ่านเรื่องเลวร้ายมาอย่างต่อเนื่องฉินหลิวซีก็หวังว่าตนจะได้พักผ่อน แต่นางก็ได้แค่หวังเพราะยังมีเรื่องร้านน้ำชาที่ต้องจัดการบริหาร"แล้วทำไมข้าถึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้พักเล่า!" ถ้ามีคนมาบอกว่าฉินหลิวซีพ่นไฟได้ร้อยคนร้อยหูคงยอมเชื่อโดยง่าย"ยอดรัก เจ้าใจเย็น หยา! แจกันนั้นมันแพงนะ!" หลี่เจิ้นหัวร้องห้ามเมื่อเห็นนางยกแจกันยักษ์อันนึงขึ้นมา"ข้าไม่ขว้างใส่เจ้าหรอกน่า"ใครจะเชื่อ ไม่ขว้างใส่ข้าก็ปาลงพื้นแน่ ๆ ถึงจะซื้อใหม่ได้แต่เงินก็คือเงิน ต้องตระหนี่เผื่อเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานในอนาคตบ้างสิ!"เจ้าโมโหอะไรกัน หิวข้าวหรือ ข้าทำอะไรให้กินเอาไหม"ใครสักคนบอกว่าถ้าโมโหให้ลองกินข้าวดูก่อน ถ้าอิ่มแล้วยังโมโหอยู่ค่อยว่ากันใหม่"ได้""งั้นเจ้ารอข้าสักเดี๋ยวนะ ไม่นาน ไม่นานจริง ๆ" ว่าแล้วบุรุษแซ่หลี่ก็วิ่งหายออกไป ขอยืมครัวของร้านที่พึ่งตกแต่งเสร็จเมื่อสัปดาห์ก่อนทำอาหารให้คนรักกินข้าวของมากมายทยอยถูกขนเข้ามาในร้านจากขบวนคนงานของสกุลฉินที่พึ่งมาถึงได้ไม่นาน บางส่วนก็ช่วยขนของไปที่คฤหาสน์ใหม่ ช่วงเตรียมการเปิดร้านคึกคักเป็นอย่างมาก แต่นั
"ท่านแม่ทำยา""อุ๊บ! ฮ่า ๆ ๆ ขอโทษด้วยนะ แต่แม่ไม่ได้เป็นกระต่ายหรอก" ฉินหลิวซีขำพรืดก่อนเอี้ยวตัวมาลูบศีรษะบุตรชายด้วยความเอ็นดู"ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เสี่ยวไป๋สามารถเป็นได้ทุกอย่างที่ลูกอยากเป็นเลย จะเป็นกระต่ายหรือดวงดาวก็ได้ แม้จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าได้ทิ้งสิ่งนี้ที่อยู่ในใจของลูกไปเลยนะ"เมื่อการเติบโตทำให้ความรับผิดชอบมากขึ้น ความสุขที่ไขว่คว้าได้ก็น้อยลง ต้องยอมปล่อยมือจากสิ่งที่รักและหวงแหน ต้องสละบางอย่างเพื่อสิ่งที่อาจไม่ปรารถนาแต่จำเป็นต้องมี วัฏจักรของมนุษย์ดำเนินไปเช่นนั้นฉินหลิวซีปรารถนาให้ลูกของตนไม่ถูกกลืนกินจากมัน แต่สุดท้ายก็คงไม่มีใครรอดพ้นอยู่ดี ดังนั้นก็จงทนุถนอมเอาไว้ให้ยาวนานเท่าที่ได้เถิดหลังจากบินเล่นจนพอใจแล้วหงส์แดงเพลิงก็ร่อนลงตรงที่กว้างสักแห่ง เจ้านายเปิดมิติให้ทุกคนก็เข้าไปพักผ่อน แต่เจ้าตัวสีทองนั่นยังบินเพลินไม่ยอมกลับเข้ามา เดือดร้อนคนรักของเจ้านายต้องออกไปตามอีกรอบมันเดินเตาะแตะมานอนซุกตัวข้างตัวบ้าน มิตินี้ไม่เคยถูกคนนอกรุกล้ำเข้ามาได้ แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผู้บุกรุกเหล่านั้นก็จะต้องรับมือมันก่อน
ทันทีที่มันลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้ มันก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าการต่อสู้คือความสามารถและวิถีของมันทุกครั้งที่ฟักออกจากไข่ ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายคนก่อนจะหายไป ไม่ว่าความผูกพันธ์นั้นจะมีหรือไม่มี ก็จะถูกลบหายไปอย่างเท่าเทียมตั้งแต่ครั้งที่สามหรือสี่ที่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น มันจึงใช้เวลากับเจ้านายใหม่เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อถูกปลุกขึ้นมา หลังถวายความภักดีให้ก็จะถูกใช้ไปสู้กับตัวอื่น ๆ บ้างก็แพ้บ้างก็ชนะ เคยถูกล่าม ถูกขัง และถูกเลี้ยงปล่อยเป็นอิสระด้วยเช่นกันการต้องจดจำเรื่องเหล่านั้นทุกครั้งที่ตื่นก็ดูเหนื่อยเกินไปจริง ๆ มันเริ่มรู้สึกเห็นด้วยที่ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายถูกลบหาย เห็นเป็นเพียงเงาร่างเลือนที่นึกไม่ออกทั้งชื่อและหน้าเจ้านายแต่ละคนปฏิบัติกับมันและมอบบทบาทให้มันไม่เหมือนกันคิดว่าครั้งต่อไปจะให้มันทำอะไรก็ไม่เกินความสามารถ แต่ก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าสัตว์อสูรในตำนานอย่างมันต้องมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กแกว้ก!"เสี่ยวฮั่วเล่นกับ ๆ อยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปรดน้ำแปลงสมุนไพร" วางทารกกับเด็กเล็กหนึ่งคนพิงตัวมันเสร็จก็เดินหนีไปยุคสมัยท
"เจ้าค่ะ!""เรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้" ซือหยวนจะตะครุบปากภรรยาเอาไว้ตอนนี้ก็ไม่ทันฉินหลิวซีประติดประต่อเรื่องราว ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปในใจตัวเอง เอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้มพลางปรายตามองน้องชายร่วมสายเลือด"อย่างนี้เอง ข้าเข้าใจแล้ว"อยากให้ยุคนี้มีกล้องจริง ๆ เลยเชียวเพราะเหยื่อล้วนไปที่หอนางโลมนั้น สาเหตุการตายมาจากพิษ คนร้ายต้องเป็นคนใน หากจะหาเบาะแสก็ต้องแฝงตัวเข้าไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หอนางโลมนั้นผู้ชายจะเข้าไปได้ก็ในฐานะลูกค้า ไม่สามารถเป็นคนที่ทำงานในหอนั้นได้ ขอบเขตของเบาะที่หามาย่อมเจอทางตัน สุดท้ายก็ต้องปลอมตัวไปเป็นคนในเสียเองในฐานะสตรีผู้หนึ่ง ฉินหลิวซีทั้งรู้สึกแย่และรู้สึกดีกับเรื่องนี้ในคนละมุมมอง แต่มันเป็นที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว จะไปคิดมากก็ดูใช้พลังชีวิตเกินความจำเป็นดูจากตอนนี้ทั้งคู่ก็มีความสุขดี นางคงไม่ยื่นมือไปทำอะไรทั้งนั้น ตั้งใจว่าจะกลับมาเยี่ยมแต่โดนทำให้ตกใจเสียได้"พี่หญิงจะค้างที่นี่กี่วันหรือคะ ข้าจะให้คนจัดห้องให้""ไม่ต้องค้าง กลับไปเลย""พี่สาวเจ้ามาหาทำไมทำตัวแบบนี้ นางอุตส่าห์มาเยี่ยมเจ้า
เมื่อหลายปีก่อนมีสำนักคุ้มภัยเกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมืองที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงเช่นนี้มักไม่ค่อยมีขุนนางน้ำดีแวะเวียนมาเพราะหาประโยชน์กอบโกยไม่ได้แต่แล้วก็มีเซียนโอสถน้อยผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นที่นี่ นางกับน้องชายจากบ้านเกิดไปหลายปีเพื่อร่ำเรียนกับหมอเทวดา ครานั้นผู้คนในเมืองยังคิดกันอยู่เลยว่ามันไม่จริง เหมือนฝันอันห่างไกลที่เมืองแห่งนี้จะเจริญขึ้นได้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย เริ่มมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ในที่ดินใกล้ที่ว่าการซึ่งปล่อยทิ้งร้าง มีร้านโอสถที่ขายยาหายาก เครื่องประทินโฉมอันเลื่องชื่อที่โด่งดังไปถึงต่างแดน"และคนที่เป็นเจ้าของสามในสี่อย่างที่ว่ามานี้ก็คือ ข้าเอง!"เสียงวางไหเหล้ากระแทกโต๊ะดังโครม ทุกคนเงียบกริบ เบนสายตาจากคนที่กำลังอวดอ้างตนเองมายังคนพเนจรร่างผอมบาง ผู้ที่มองไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายเพราะสวมผ้าคลุมและหมวกสานปิดหน้าอาไว้"อะไร จะหาเรื่องกันรึ?" ผู้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องเล่ามองเขม็งไม่สบอารมณ์"ได้ข่าวว่าสามสถานที่นั้นเป็นของเจ้าเพียงหนึ่งมิใช่รึ จะอ้างของใครก็ให้มันน้อย ๆ หน่อยคุณชายฉิน" เสียง
หลี่ไป๋ได้ยินก็หูผึ่ง ต้องเป็นคนของบิดาเขาแน่ เวลาขนาดนี้ท่านแม่ก็น่าจะกลับมาจากออกล่าแล้วเช่นกัน แถมยังกำลังตามหาพวกเขาอยู่ หลี่ไป๋เริ่มมีความหวัง"ย้ายที่กันก่อน รีบพาสินค้าไปจุดรับของ" แม้จะร้อนใจจากเรื่องที่พึ่งได้ยินแต่หัวหน้าคนชั่วก็สั่งด้วยความใจเย็นหลี่ไป๋ขมวดคิ้ว พวกนั้นรีบร้อนแบบนี้ที่นี่คงอยู่ใกล้ ๆ เมือง เขาต้องหาทางถ่วงเวลา"เสี่ยวหนิง" เขากระซิบเรียกน้องสาวที่ยังนอนกลิ้งหนีความจริงไม่เลิก"หือ?" เชือกมัดปากก็ไม่ยอมแกะทำเป็นเล่นจริง ๆ ให้ตายสิแต่ก็ดีกว่านางร้องไห้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาได้หูแตกแน่ แถมเหมืองยังจะถล่มแน่นอนอีกด้วย"ช่วยพี่ชายหน่อยสิ เดี๋ยวซื้อเปาจื่อให้สามลูก"พอเอาของกินมาล่อนางก็พยักหน้าทันทีพวกมันขนสัมภาระขึ้นเกวียนอย่างรวดเร็วแล้วออกเดินทางจากเมือง ผ่านอุโมงค์ทอดยาวจนมาถึงด้านนอกในที่สุด ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้วท้องฟ้าจึงเริ่มเปลี่ยนเวลาที่ใช้ไปกว่าจะออกมาข้างนอกไม่นาน หมายความว่าเมืองแห่งนี้ไม่ได้ลึกอย่างที่คิดหลี่หวานหนิงมองหน้าพี่ชาย พออีกฝ่ายพยักหน้านางก็กรีดร้องเสียงดัง"กร
"สามีที่รัก…การกลับมาอย่างรีบร้อนของข้าเหมือนจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีเท่าไรเลยนะ"เหนืออาคารของหอกระจายข่าวคล้ายมีเมฆครึ้มทั้งที่ท้องฟ้าส่วนอื่นยังแจ่มใสถ้าไม่นับนายท่านที่พึ่งกลับมาได้จังหวะพอดิบพอดีคนอื่น ๆ ล้วนกำลังตามหาร่องรอยคนร้าย หัวหน้าหอแห่งอวิ๋นซีจึงเป็นผู้ร่วมชะตากรรมหนึ่งเดียวที่ต้องมานั่งคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าฮูหยินอยู่ตอนนี้แต่เป็นใครมาอยู่ตรงนี้เฟยหลางก็คิดว่ายอมศิโรราบกันหมดตั้งแต่นางเดินเข้ามาประตูมาอยู่ดี ลองเห็นภาพนางลากคอไก่ฟ้าตัวขนาดพอ ๆ หงส์แดงเพลิงเข้ามาใครจะไม่ผวาบ้างหลี่เจิ้นหัวหน้าซีดตัวหดเหลือสองชุ่น"ยะ ยอดรักจ๋า""ไม่เคยเห็นในเมืองวุ่นวายขนาดนี้ แถมยังเป็นคนของหอกระจายข่าวอีก คิดว่าจะปิดบังได้หรือไง""ก็…ไม่หรอก แต่ข้าอยากรีบหาตัวให้เจอก่อนเจ้ามา"ก่อนมาถึงอาคารนี้นางก็จับคนมาถามความแล้วจึงรู้เรื่อง ไม่ได้แปลกใจอะไร ปญหามันอยู่ต่อจากนี้ต่างหากฉินหลิวซีเอาอาวุธคู่กายทั้งสองออกมา โยนงานจิปาถะให้คนอื่นทำ"ไก่ฟ้านี่ฝากชำแหละหน่อย เดี๋ยวข้ากลับมา"ว่าแล้วก็โดดออกทางหน้าต่างข
"โฮ่ คุณหนูน้อยสองคนคุยเรื่องรูปสลักในร้านยายกันใหญ่เชียว ทำไมไม่เลือกมันเล่า""น้องข้ามีเยอะแล้ว ให้นางเท่านี้ก็พอขอรับ" หลี่ไป๋ตอบกลับอย่างสุภาพ หญิงชราเจ้าของร้านงึมงำอะไรบางอย่างที่เขาฟังไม่เข้าใจหลี่ไป๋เอาถุงเงินออกมาเตรียม แต่ลืมไปว่าฝากไว้ที่เฟยหลาง"พี่เฟย - ""ขอรับคุณชาย…คุณชาย?"เฟยหลางหันซ้ายหันขวา รอบตัวเขาไม่มีใครอยู่เลย แต่เมื่อครู่มั่นใจว่าคุณชายน้อยเรียกเขาแน่ ๆ ร้านแผงลอยก็ปราศจากเจ้าของ เฟยหลางหน้าซีด"ซวยแล้ว…"หลี่หวานหนิงร้องอู้อี้เพราะถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ที่ปากก็มีเชือกผูกไม่ให้ส่งเสียง เพียงพริบตาเดียวที่สายตาหลุดจากหญิงชราตรงหน้าไป พวกเขาก็ถูกพามาที่ไหนสักแห่งด้วยยันต์เคลื่อนย้าย ทันทีที่ร่วงกระแทกพื้นพวกมันก็กรูกันเข้ามาจับมัดทันที แต่เพราะเห็นเป็นเด็กจึงไม่ได้มัดแน่นหนาอะไรหลี่หวานหนิงกระดึ๊บซ้ายทีขวาทีราวกับหนอนยักษ์ นางค่อนจะ…ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกินไปสำหรับเด็กที่ถูกขโมยตัวมา แต่จะว่านางก็เหมือนถ่มน้ำลายใส่หน้าตัวเอง เพราะคนที่สงบนิ่งยิ่งกว่าใครก็คือหลี่ไป๋เองนอกจากพวกเ
"หมายความว่าอย่างไรโดนลักพาตัว!""ขออภัยขอรับนายท่าน ข้าคลาดสายตาไปเพียงนิดเดียวพวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว"หลี่เจิ้นหัวตะโกนเสียงดัง "คิดว่าข้ออ้างแบบนั้นจะแก้ตัวขึ้นหรือไง รีบไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย!"คนของหอกระจายข่าวสาขาประจำเมืองกระจายกำลังกันไปอย่างรวดเร็ว จะมีอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนไปกว่าเรื่องที่บุตรทั้งสองของนายท่านหายตัวไป แถมยังเป็นความสะเพร่าซึ่งเกิดขึ้นตอนฮูหยินไม่อยู่ หากจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยไม่ได้ ไม่แน่ว่าสิ่งที่อยู่ในหม้อต้มยาจะไม่ใช่วัตถุดิบสมุนไพรแต่เป็นกระดูกพวกเขาต่างหากเด็กเก้าขวบกับห้าขวบตัวไม่ใช่เล็ก ๆ จะหายไปทันทีได้อย่างไร อีกทั้งดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เพียงการเล่นสนุกของเด็ก ๆ คนที่ทำเรื่องอย่างนี้ต้องมีมากกว่าสอง หรืออาจจะทำกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยก็ได้ ต้องรีบหาให้เจอภายใต้เงาของเมืองอันเงียบสงบคนของหอกระจายข่าวกำลังเคลื่อนไหว เกิดเรื่องที่ไหนไม่เกิดมาเกิดที่เมืองพวกเขาเสียได้ สาขาของหอกระจายข่าวมีตั้งมากดันเลือกมาเกิดที่เมืองที่สงบสุขที่สุดในแคว้นช่างน่าเวทนาผู้ไม่ประสงค์ดีกลุ่มนั้นเหลือเกิน…หลี่เจิ้นหั
นายท่านหอชิงขุยจัดการแยกงานที่ต้องทำด่วนจะทำทีหลังได้ออกจากกันเป็นสองกอง พอไม่ได้เข้ามาที่หอนานแบบนี้งานก็กองสุมการจนล้นมือไปหมด พอมีลูกสองคนแล้วเขาก็ยิ่งขยันทำงานมากขึ้นคงต้องเข้ามาที่หอชิงขุยบ่อยกว่านี้แล้วล่ะ"ฉินหลิวซีไม่อยู่แบบนี้คือช่วงเวลาพิสูจน์ฝีมือสินะ"เมื่อนางกลับมาจะต้องภูมิใจในตัวสามีร่วมงานคนนี้ ที่เขาเลี้ยงลูกได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง คิดแล้วก็เผลอยิ้มออกมา"ท่านพ่อ ทำหน้าตาพิลึกจัง""พิลึก!" พอโดนเด็กทักแบบนี้ทำเอาใจแป้วเลยทีเดียว นี่เขายิ้มแล้วหน้าตาพิลึกหรอกหรือ"หรือจริง ๆ แล้วข้าไม่ได้รูปงาม แต่หน้าตาแปลกพิสดาร?"ท่านแม่ รีบกลับมาทีขอรับ"เสี่ยวไป๋…ทำไมมองพ่อด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้นล่ะลูก"คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบ บุตรชายเอียงคอมองหน้างง ๆ คล้ายไม่เข้าใจ ทำให้ยิ่งเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าหรือจริง ๆ แล้วเขาเอง เป็นเขาเองที่แปลก"อ้ะ แต่ถ้านางชอบ แปลกก็ดีแล้วนี่นา"ท่านแม่…ไม่รู้ด้วยเหตุใดแต่บุตรคนแรกของเขาดูจะมีความคิดที่โตเกินวัยไปสักหน่อย รวมถึงคำพูดคำจาที่เด็กวัยเดียวกันไม่น่าคิด