“โรงเตี๊ยมนั่นข้ารู้จัก ข้าเคยเข้าพักที่นั่นมาก่อน ถ้าข้าพบปัญหาตรงไหนของการปรับปรุงร้านค้า ข้าจะไปหาท่าน แต่ข้าคิดว่าคงไม่ได้ไปหาท่านเพราะทุกอย่างไม่ได้มีอะไรที่ข้าต้องทำมากนัก ข้าขอให้ท่านเดินทางอย่างปลอดภัย ข้าต้องไปก่อน เพราะข้ายังต้องไปดูงานอีกหลายที่” “ท่านจางเหว่ยคงยุ่งมาก ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” เธอบอกลานายช่างจางเหว่ย และเธอก็ให้หลีชางไปติดต่อที่สำนักคุ้มภัยในเมืองหลวง เธอจ้างคนมาแค่หกคนเท่านั้น เพราะตอนที่เธอไปก็ไม่ได้มีสินค้าอะไรมากนัก แถมเธอยังมีปืนที่เธอฝึกยิงอยู่ทุกวัน เธอเอาแต้มไปซื้อปืนมาอีกสองกระบอก เธออยากให้หลีชางและพี่ลี่หลินหัดยิงปืน เผื่อว่าต้องใช้ในสักวันหนึ่ง แต่เธอไม่ได้ให้พวกเขาพกติดตัวหรอก เพราะมันเป็นของอันตราย เธอกลัวว่าทั้งสองคนจะพลาดไปยิงใส่ใครเข้าโดยที่ไม่ตั้งใจผ่านไปอีกสองวัน เธอเตรียมของทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอก็เร่งเดินทางออกจากโรงเตี๊ยมทันที เธอไม่ได้คืนห้องที่โรงเตี๊ยมก้งเยว่ เธอคิดว่าถ้ากลับมาเธอจะได้มีที่พัก เพราะที่ร้านค้าของเธอคงไม่สะดวกเท่าไหร่นักทั้งหกคนที่เธอจ้างมาจากสำนักคุ้มภัย เป็นชายหนุ่มร่างใหญ่และดูแข็งแรง แต่ละคนก็ไม่ค่อยพูด เธอถามอะไ
การเดินทางในยุคนี้ช่างทำให้เธอรู้สึกปวดเมื่อยตัวเสียจริง ถ้าเธอซื้อรถมาขับได้ก็คงทำไปแล้ว ในร้านค้าของเธอมีรถขายหรือเปล่า เธอต้องลองดูเสียแล้ว แต่เธอก็ขับรถยนต์ไม่เป็น ขับได้แค่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ตอนนี้เธอไม่ได้มีแต้มในร้านค้ามากเท่าไหร่นัก ยิ่งเธอเลิกกับอี้เฉิงไปแล้ว เธอก็ไม่รู้จะหาแต้มมาจากใครได้อีก ถ้าแต้มในโทรศัพท์ที่เหลืออยู่ไม่กี่พันแต้มหมดลง เธอก็คงไม่มีโอกาสซื้อของที่ร้านค้าอีกแล้วก็เป็นได้“ถึงเสียที พวกเราหาโรงเตี๊ยมในเมืองพักกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยจ้างรถม้าไปส่งที่ท่าเรือ” “ให้ผู้คุ้มกันไปส่งเรา ที่โรงเตี๊ยมดีไหมเจ้าคะ” “แบบนั้นก็ดีพี่ลี่หลิน บอกให้เขาพาเราไปส่งที่พักเลยก็ได้” ลี่หลินเรียกผู้คุ้มกันภัยมาหา เธอบอกตามที่นายหญิงสั่ง คนขับรถม้าก็เปลี่ยนเส้นทางไปอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นแหล่งโรงเตี๊ยมที่มีห้องพักเปิดอยู่หลายร้านเหมยฮวาสังเกตเห็นว่าภายในเมืองหมิงเวย มีชายผิวสีหรือตาสีฟ้าอยู่หลายคน หรือก็คือคนต่างชาติ แต่คนที่เธอเห็นนั้นส่วนมากจะไม่ใช่คนต่างชาติแท้ทั้งหมด น่าจะเป็นลูกครึ่งเสียส่วนใหญ่ เพราะประเทศจีนสมัยนี้คงยังไม่เปิดรับคนต่างชาติเท่าไหร่นัก เมืองแต่ละเมืองก็มี
หลีชางที่เห็นว่าพี่เหมยฮวาเดินเข้าไปที่ห้องครัว เขาก็เดินตามเข้ามาโดยให้พี่ลี่หลินนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านนอก“เจ้ามาหาใคร” ลูกจ้างถามหลีชางที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องครัว“ข้ามาหาพี่สาวของข้า นางอยู่ในนั้น” เขาชี้ไปทางห้องครัว“พี่ของเจ้าชื่ออะไร” “นางชื่อเหมยฮวา ที่กำลังทำอาหารอยู่ตอนนี้ไงล่ะ” หลีชางร้องเรียกเหมยฮวา“เจ้าตามข้ามาทำไม ข้าให้เจ้านั่งรออยู่ที่โต๊ะ” “ข้าอยากมาช่วยท่านทำอาหาร ท่านติดไฟเป็นหรือ” หลีชางมาก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ให้เขาช่วยเธอย่างกุ้ง“ไหนๆ เจ้าก็มาแล้ว เข้ามาช่วยข้าด้านใน ข้าจะให้เจ้าช่วยย่างกุ้ง” “กุ้งคืออะไรหรือ หน้าตาเป็นแบบไหน” เขาลองก้มไปดูกุ้งที่อยู่ในตะกร้า สัตว์หน้าตาน่ากลัวแบบนี้กินได้ด้วยหรือ“พี่เหมยฮวา ท่านมั่นใจแน่นะว่าสิ่งนี้กินได้” “เจ้าลองกินพวกมันก่อน ถ้าเจ้าร้องกินอีกก็หากินยากแล้ว” หลีชางเชื่อพี่เหมยฮวา เพราะนางไม่เคยหลอกเขา เขาทำตามที่นางบอก และย่างสัตว์หน้าตาแปลกๆ ที่พี่เหมยฮวาเรียกพวกมันว่ากุ้ง พอกุ้งพวกนี้ใกล้สุก ก็เริ่มมีกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลเหมยฮวาหันไปขอยืมเตาที่ยังว่างอยู่ เธอจะทำต้มยำกุ้งรวมมิตร เธอเห็นว่ามีสัตว์ทะเล
เมื่อทุกคนกินข้าวเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปนอนพัก พรุ่งนี้เธอยังต้องเดินทางไปที่หมู่บ้านท่าเรือแต่เช้า หมู่บ้านที่นั่น มีเรือสินค้าเข้ามามากมาย และขนสินค้ามาจากต่างแดนหลายอย่าง ที่ไม่มีอยู่ในประเทศแห่งนี้ เธออยากเลือกซื้อหาของที่จะเอามาทำขนมที่ร้านของเธอ เธออยากได้ชีสสักก้อนก็ยังดี หรือเธอจะลองหัดทำชีสไว้กินเองบ้างดีหรือไม่ แต่เธอก็กลัวว่าคนที่กินอาจจะท้องเสียได้เช้าวันต่อมา เธอให้หลีชางไปเช่ารถเกวียนม้ามาหนึ่งคัน เธอให้หลีชางเป็นคนบังคับรถม้าคันนั้นไปที่หมู่บ้านท่าเรือ หมู่บ้านท่าเรือแห่งนี้ไปไม่ยากเท่าไหร่ เพราะตลอดเส้นทางจะมองเห็นรถเกวียนวัว และรถเกวียนม้า เข้าออกที่หมู่บ้านแห่งนั้นอยู่ตลอด เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับท่าเรือ ระยะห่างจากเมืองหลวงกับหมู่บ้านท่าเรือแห่งนี้ ก็จะห่างกันประมาณห้ากิโลได้ เธอชอบเที่ยวทะเลก็จริง แต่เธอก็ไม่ชอบแดดจ้า และอากาศแถวนี้มากนัก ถ้าให้เธอมาอยู่ เธอคงจะอยู่ไม่ได้ เธอรู้สึกเหนียวตัวอยู่ตลอดเวลา เธอยังเอาครีมกันแดดมาทาตามหน้าและตัวของเธออีกด้วย แต่ในวันที่เธออกหักเช่นนี้ การมาเที่ยวทะเลก็ทำให้เธอผ่อนคลายได้ดีพอหลีชางบังคับรถเกวียนม้าเข้ามาในหมู่บ้า
“ข้าเคยเห็นจากท่านตาของข้า ท่านไปท่องเที่ยวมาหลายที่ จึงได้รู้จักของพวกนี้” เธอโกหกเขาออกไป“ข้านับถือท่านตาของเจ้าเสียจริง ท่านคงจะชอบท่องเที่ยวมาก” น้อยคนนักที่จะท่องเที่ยวไปไกลถึงที่แห่งนั้น นางกำลังโกหกเขาอยู่ แต่นางคงจะมีเหตุผลของนาง เขาก็จะไม่ถามต่อ“เจ้าต้องการสิ่งนั้นเท่าไหร่ ข้าคงมีให้เจ้าไม่เยอะ เพราะคนที่นี่ก็ไม่ค่อยรู้จักของสิ่งนั้น ข้าจึงไม่ได้เอาพวกมันมาเยอะมากนัก” เขาเอามาไว้ให้แม่ของเขากินเท่านั้น และเอาติดไว้ที่ร้านค้าของเขาบ้างอีกเล็กน้อย ถ้าใครกินไม่เป็นก็อาจจะไม่ชอบได้“ท่านมีเท่าไหร่ ข้าซื้อของท่านทั้งหมด ท่านยังกลับไปที่ต่างแดนอีกหรือไม่” “คงอีกนานกว่าที่ข้าจะกลับไป เพราะข้าเพิ่งจะกลับมาจากที่นั้นวันนี้ เจ้าเดินขึ้นมาดูว่าของสิ่งนี้ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรือไม่” เธอเดินตามเขาขึ้นไปดูของบนเรือ บนเรือลำนี้มีพื้นที่กว้างมาก เธอคิดว่าเขาต้องเดินทางขนสินค้าไปหลายที่ การเดินเรือสมัยนี้ ถ้าเดินทางไปหลายที่ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่เลย เขาพาเธอเดินไปดูสิ่งที่เธอต้องการ “นี่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรือไม่ แต่ข้านำมันมาแค่อย่างละสองตะกร้าเท่านั้น” เธอมองของที่เขาบอก มีแค่อย่
เหมยฮวาเดินไปดูตรงที่พี่ลี่หลินบอก เธอเห็นว่าเป็นหอยมุก ที่นอนอ้าปากของมันอยู่ตรงโขดหิน ตรงบริเวณนี้ไม่มีคนมาเดินเท่าไหร่นัก จึงไม่มีใครมาพบกับหอยมุกที่อยู่บริเวณนี้“นี่คือหอยมุก เราเก็บกันเถอะ หอยมุกจะมีมุกอยู่ด้านใน เราสามารถเอาไปขายทำเครื่องประดับได้” เธอกับพี่ลี่หลินช่วยกันเก็บหอยมุกจนหมด ด้านข้างของหอยมุก เธอยังเจอหอยเป๋าฮื้ออีกสามตัว วันนี้เธอโชคดีเสียจริง“นี่คือหอยอะไรเจ้าคะ ทำไมหน้าตาถึงไม่ค่อยน่ากินเลย” “พี่ลี่หลินตาไม่ดีเสียแล้ว นี่เขาเรียกว่าหอยเป๋าฮื้อ เป็นหอยที่ราคาแพงมาก เอาไปทำยาหรือเอาไปกินก็ได้เหมือนกัน เอาไว้ข้าจะทำหอยเป๋าฮื้อตุ๋นน้ำแดงให้พี่ลี่หลินกิน” “ของแพงเช่นนี้เราเอาไปขายกันดีกว่าเจ้าคะ” เธอรู้ว่ามันแพงมาก ก็ไม่อยากเอาพวกมันไปกิน เธออยากเอาไปขายมากกว่า“อะไรที่เราไม่เคยกินก็ต้องลองกินนะพี่ลี่หลิน เราจะได้ไปบอกกับคนอื่นได้ เงินหาเมื่อไหร่ข้าก็หาได้ แต่หอยตัวนี้ไม่รู้พวกเราจะเจอมันอีกเมื่อไหร่ ท่านไม่อยากลองกินมันหรือ” “ข้าแล้วแต่นายหญิงเจ้าคะ ท่านให้ข้ากินข้าก็จะกิน” “ดีแล้ว เราเดินไปดูหลีชางกันดีกว่า เราเดินออกมาไกลมากแล้ว” เธอเดินย้อนกลับไปที
“ข้าจะขายสูตรให้ท่านหนึ่งร้อยตำลึงทอง สูตรนี้ข้าจะไม่ไปเผยแพร่ที่ไหน แต่ข้าจะขอทำกินเฉพาะในบ้านของข้าเท่านั้น และข้ายังแถมสูตรน้ำจิ้มรสเด็ดของข้าให้ท่านอีกด้วย ข้าขอบอกไว้ก่อน สูตรน้ำจิ้มนี้ใครก็ทำกินได้ทั้งนั้น ไม่ใช่สิทธิ์ของร้านท่านผู้เดียว” หญิงสาวผู้นี้พูดง่ายเสียจริง แบบนี้น่าซื้อขายด้วยกันหน่อย แถมเขายังได้สูตรน้ำจิ้มมาฟรีอีกด้วย ไม่เป็นอะไร แค่เขาได้ของมาก็พอแล้ว เขาค่อยเอาไปให้แม่ครัวปรับใช้ดู“ขอบคุณท่านมาก หวังว่าครั้งหน้าพวกเราจะได้ซื้อขายสูตรอาหารกันอีก ถ้าท่านมีสูตรอาหารใหม่ๆ มาขายที่ข้าได้เสมอ ข้ารับซื้อสูตรของท่านทุกอย่าง” เธอยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเขา เธอยืมกระดาษเขา แต่เธอใช้ดินสอที่เธอพบมาเองเขียนสูตรอาหารแทน เธอไม่ถนัดใช้พู่กันเสียเท่าไหร่นัก“นี่สูตรที่ท่านต้องการ ยามโหย่วข้าจะเข้าไปทำอาหารให้แม่ครัวของท่านดูเป็นตัวอย่าง ขอแค่ท่านเตรียมของให้พร้อมตามที่ข้าเขียนก็พอ” “ได้ขอรับข้าจะเตรียมของให้พร้อม รอท่านมาทำอาหาร” เขาพูดเสร็จก็เอาเงินจ่ายให้นางไปหนึ่งร้อยตำลึงทอง และเซ็นสัญญากันเรียบร้อยเธอพูดคุยทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ออกมาจากห้อง เธอกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอ
อี้เฉิงเขาได้ยินแบบนั้นก็โกรธมาก นี่นางเป็นคนฆ่าท่านแม่ของเขาหรือ เสียดายที่ท่านแม่เคยรักและเอ็นดูนางยิ่งนัก ตอนแรกเขาก็นึกสงสารนางอยู่บ้าง ตอนนี้จากความสงสารที่เขามี มีแต่ความแค้นเท่านั้น!“พวกเจ้าทะเลาะกันเสร็จหรือยัง จะได้ไปทะเลาะกันต่อในนรก จะพูดกันทำไมให้มากความพวกเจ้ามันก็เลวเหมือนกันทั้งคู่” หนิ่งเซียนมองไปทางอี้เฉิง เธอวางยาอี้เฉิงก่อนที่เขาจะมาที่นี่แล้ว ปานนี้ทำไมยายังไม่ออกฤทธิ์อีก เธอนิ่งคิดทำหน้าสงสัยอี้เฉิงสังเกตเห็นอาการของหนิ่งเซียนพอดี เขาก็หัวเราะออกมา “เจ้าคงสงสัยว่าทำไมยาที่เจ้าวางใส่อาหารให้ข้ากินอยู่ทุกวัน ถึงไม่ออกฤทธิ์เสียที เจ้ามันโง่อย่างที่สามีของเจ้าบอกนั่นแหละ ใช้วิธีเหมือนกันเป็นครั้งที่สอง เจ้าคิดว่าข้ายังจะไว้ใจเจ้าได้อีกหรือ” “เจ้าแกล้งโกหกข้า เจ้าแกล้งทำเป็นรักข้า เจ้าลงทุนถึงขนาดทำให้ข้าตายใจด้วยการไปบอกเลิกคนรักของเจ้า” “ถ้าข้าไม่ทำแบบนั้นเจ้าจะเชื่อข้าหรือไร ข้าก็ต้องเล่นละครให้มันสมจริงหน่อย เหมือนกับที่พวกเจ้าทำ” อี้เฉิงมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา เขายิ้มมุมปากสมเพชทั้งสองคนตรงหน้า“เจ้าไม่ตายด้วยพิษแล้วอย่างไร เจ้าก็ต้องตายด้วยดาบของข้าอย
เวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า
“ท่านตื่นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่” เธอถือถ้วยข้าวต้มที่พี่ลี่หลินทำเอาไว้ก่อนที่จะออกไปขายของที่ร้านเครื่องหอม นำมาให้เขาได้กิน“ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ” “โกรธสิ ข้าโกรธที่ท่านไม่หลบข้าเมื่อคืนนี้ ท่านอยากตายหรือไร ใยท่านต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” “ใครกันจะอยากตาย แต่เจ้าก็ไม่ฟังเหตุผลของข้าเลย ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ ลูกของเราก็กำลังจะเกิดมาแล้ว เขาจำเป็นต้องมีพ่อ” เขาพูดขอโทษกับนางอีกครั้ง เขาไม่คิดว่านางจะใจแข็งเช่นนี้“ข้าให้อภัยท่านก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะพาลูกหนีท่านไม่ให้ท่านหาพวกข้าเจอได้อีก” เขาได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก เขาดีใจจนลืมไปว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่ “โอ้ย! เจ็บ” “ท่านทำไมต้องดีใจขนาดนั้น เป็นอย่างไรบาดแผลของท่านเลือดออกเลย เห็นหรือไม่ ท่านต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ทุกวัน ท่านหมอบอกมา” “ข้าบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ข้าได้หรือไม่” เขาอยากอ้อนนาง เขาดีใจมาก ถือว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของเขาไม่เสียเปล่าแล้ว“ก็ได้ ข้าเห็นว่าท่านบาดเจ็บมาก ข้าจะทำแผลและพันแผลให้ท่านใหม่เอง แต่ท่านต้องกินข้า
“ข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีโอกาสนั้น ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ที่จริงข้าอยากบอกกับเจ้าหลายอย่าง ผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าเห็น ข้าไม่เคยรักนาง นางเป็นคนที่ทำร้ายข้า ข้ากลัวว่านางจะมาทำร้ายเจ้า ข้าจึงได้ทำเช่นนั้นลงไป ข้ามันโง่เสียจริง หวังว่าเจ้าคงไม่โกรธข้า เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่” “ข้ารู้แล้ว ข้าไม่โกรธท่านแล้ว ท่านอย่าพูดอีกเลย เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” “ข้าง่วงเหลือเกิน ข้าขอนอนสักพักได้หรือไม่” “ไม่ได้! ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ถ้าท่านหลับข้าจะไม่ให้อภัยท่าน ลูกก็จะโกรธท่านเช่นกัน” เธอพูดตอบเขาเสียงสั่น เธอไม่น่าเลย ถ้าเธอยอมที่จะพูดคุยกับเขา เขาก็คงไม่เจอเรื่องเช่นนี้“นายหญิงท่านหมอมาแล้วเจ้าคะ” ลี่หลินรีบวิ่งเข้ามาบอกนายหญิง ที่นั่งร้องไห้กอดนายท่านอยู่ภายในห้องนอน“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะดูแลคนเจ็บเอง พวกเจ้าเตรียมน้ำอุ่นเอามาให้ข้าด้วย” “ข้าเตรียมน้ำอุ่นมาแล้วท่านหมอ” ลี่ซือเอาน้ำอุ่นที่เตรียมไว้พร้อมผ้าสะอาด นำไปวางไว้ภายในห้องของท่านหมอ“ข้าจะอยู่กับเขา ให้ข้าอยู่กับเขาได้หรือไม่” “เจ้าอยู่กับเขา ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้หรอก เจ้าออกไปอยู่ด้านนอกนั่นแหละ ข้ารักษาเข
เธอส่งไซมอนกลับไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอช่วยทุกคนเก็บร้านและเตรียมของเอาไว้ขายในวันพรุ่งนี้ กว่าที่เธอจะได้กลับไปพักที่โรงเตี๊ยมก็เป็นยามซวี ท้องของเธอก็แข็งเป็นพักๆ ลูกของเธอคงจะเหนื่อยมากในวันนี้ เธอให้หลีชางไปส่งพวกเธอที่โรงเตี๊ยม และให้เขากลับมานอนเฝ้าที่ร้านเครื่องหอม เธอจึงกลับไปพักกับพี่ลี่หลิน และป้าลี่ซือ ซึ่งสองแม่ลูกก็นอนพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนกินข้าวมาจากที่ร้านเครื่องหอมจนอิ่มแล้ว ก่อนที่จะมาพักในโรงเตี๊ยม จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน“นายหญิงหิวไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าต้มข้าวต้มและทำกับข้าวไว้ให้ท่านทานยามดึก เผื่อว่าท่านจะหิว” ลี่ซือกลัวว่าถ้านายหญิงหิวตอนกลางดึกจะไม่มีอะไรกิน“ก็ดีเหมือนกัน ท่านไม่ต้องทำไว้เยอะมากก็ได้” เธอตอบป้าลี่ซือกลับไป ที่จริงถ้าเธอหิว เธอก็แค่ซื้อของจากร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอมากินก็ได้หลังจากที่ป้าลี่ซือเตรียมอาหารไว้ให้เธอจนเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกันเข้าไปนอนตามห้องของตัวเอง เธออาบน้ำจนสบายตัว และเตรียมตัวจะเข้าไปพักผ่อน แต่ก็แปลกที่วันนี้อี้เฉิงไม่ได้มากวนใจเธอเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาคงถอดใจไปแล้วก็ได้เธอเปิดเข้ามาในห้องนอ