“เจ้ารอบคอบมาก เรารีบไปกันเถอะ” เขาขับเกวียนม้ามาทางหมู่บ้านป่าเขียว เขาขับเกวียนไปทางบ้านของผู้ใหญ่บ้านหลีอันก่อนอี้เฉิงเดินลงจากเกวียนม้า เขาเคาะไปที่ประตูหน้าบ้านและเรียกชื่อผู้ใหญ่บ้านเสียงดัง“ใครเรียกข้ากัน ข้ามาแล้ว” หลีอันเดินออกมาเปิดประตูหน้าบ้าน“นายพรานอี้เฉิงเองหรือ ท่านมาหาข้ามีธุระอันใด นั่นเกวียนม้าของท่านใช่หรือไม่ ถ้าแบบนั้นข่าวลือที่ชาวบ้านเขาพูดกันก็เป็นเรื่องจริง” “ชาวบ้านเขาพูดกันเรื่องอะไรหรือ” เหมยฮวาถามผู้ใหญ่บ้านออกไป“เขาบอกว่าเจ้าซื้อบ้านใหญ่โต และสร้างกิจการขายของอยู่ในเมือง พวกเจ้าเป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดกันหรือไม่” “พวกข้าไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็แค่เอาของที่เคยทำที่บ้านเดิมของข้ามาขาย บังเอิญว่าของนั้นขายได้ดี พวกข้าก็เลยพอมีเงินเก็บนิดหน่อย ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอก” “แล้ววันนี้พวกเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดล่ะ หรือจะมาบอกหนทางรวยให้พวกชาวบ้านบ้าง” เหมยฮวาฟังคำเหน็บแนมของผู้ใหญ่บ้าน เธอก็รู้สึกโมโหนิดหน่อย แต่ก็อย่างว่าถ้าใครได้ดีกว่าคนอื่นก็อิจฉาพวกเธอเป็นเรื่องธรรมดา เธอจึงคิดรับซื้อของจากคนในหมู่บ้านเพื่อไม่ให้คนอื่นพูดว่าเธอและอี้เฉิงได้“ที่พวกข้ามา
“เจ้าเป็นเด็กในหมู่บ้านนี้แห่งนี้หรือ ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องจะถามข้าหรือ ไม่ต้องกลัวข้าไม่ใช่คนใจร้าย” เธอพยายามพูดกับเด็กตรงหน้าเธอด้วยเสียงที่ดูใจดี ดูท่าทางเด็กคนนี้จะไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนัก เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน“ข้าถามท่านได้หรือไม่ ท่านบอกว่าจะรับซื้อดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทุกชนิดใช่หรือไม่” “ใช่แล้ว ถ้าบ้านของเจ้ามีดอกไม้ที่ตากแห้งแล้วก็นำมาขายให้ข้าได้ เจ้ารู้จักเม็ดของดอกบัวหรือไม่” “ข้ารู้ ข้าเคยเก็บพวกมันไปกินบ่อยๆ แต่กินมากก็จะท้องอืดได้” “เจ้าชื่ออะไรและตอนนี้อยู่บ้านกับใคร ข้าไม่คุ้นหน้าเด็กแบบเจ้ามาก่อนเลย” “ข้าชื่อหลีชาง ข้าอยู่คนเดียวไม่มีพ่อแม่” “การที่เจ้าเข้าไปเก็บดอกบัวจะเป็นอันตรายมาก เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือ” “ข้าว่ายน้ำเป็นข้าอายุสิบสองปีแล้ว ข้าอยู่คนเดียวมานานมาก” “ข้ารับซื้อรากของดอกบัวด้วย เจ้ารู้จักหรือไม่ ถ้าวันหนึ่งเจ้าไปเก็บเมล็ดบัวมาอีกเจ้าเก็บรากของดอกบัวมาให้ข้าดู ถ้าเจ้าเก็บรากบัวมาขายให้ข้า ข้าจะรับซื้อเจ้าจินละ2 กวน แต่การเก็บรากบัวจะอันตรายมาก ข้าว่าเจ้าเก็บดอกไม้เอามาขายให้ข้าเหมือนคนอื่นเถอะ” “รากบัวท่า
“ข้าไม่เคยเห็น หรือบางทีข้าอาจจะไม่ได้สนใจพวกมัน เพราะมันก็แค่ดอกไม้ธรรมดา ข้าเข้าป่าก็เพื่อล่าสัตว์เท่านั้น” “ท่านนี่ไม่มีความนุ่มนวลเหมือนผู้หญิงเลย” “ก็ข้าเป็นผู้ชายจะให้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงได้อย่างไร แต่บนเตียงข้าก็นุ่มนวลกับเจ้าอยู่นะ เจ้าว่าจริงหรือไม่” “ท่านนี่มันเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเลย” เธอตีไปที่อกของอี้เฉิงเบาๆ“ถ้าไม่ให้ข้านุ่มนวลกับภรรยา เจ้าจะให้ข้านุ่มนวลกับคนอื่นหรือ” “ถ้าท่านกล้าทำก็ลองดู ข้าจะตอนส่วนล่างของท่านเสีย” อี้เฉิงแกล้งเอามือปิดตรงส่วนล่างของเขา “ข้ากลัวแล้ว แม่เสื่อตัวนี้ดุมาก” “ท่านยังทำเป็นเล่นอยู่อีก ถ้าท่านมองสาวอื่นข้าจะจะโกรธท่าน และข้าขอบอกกับท่านไว้เลยว่า ข้าไม่ขอใช้สามีร่วมกับใครทั้งนั้น” “ใจของข้ามีแค่เจ้าเท่านั้น เจ้าเชื่อใจข้าได้” “ใครจะรู้ ท่านอาจจะมีภรรยาอยู่ที่บ้านท่านแล้วก็ได้” “ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ข้าไม่อยากทำให้เจ้าโกรธ เรามาคุยเรื่องวันเปิดร้านกันดีหรือไม่” เธอเห็นว่าคุยกันไป คุยกันมาจะกลายเป็นว่าทะเลาะกันเสียแล้ว เธอจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นตามที่อี้เฉิงบอก ถ้าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เธอจะทำอย่างไร เธอจะเสียใจมากแค่ไหน
“ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว” “เจ้ากลับบ้านมา แต่เจ้ามาหาแม่เป็นคนสุดท้ายเนี่ยนะ อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้ว่าเจ้าไปไหนมาก่อนหน้านี้” “ข้าแค่ไปดูสินค้าแบบใหม่ที่ร้านซิ่วอิง และข้าก็เพิ่งรู้ว่าร้านเครื่องหอมของเพื่อนที่ข้าเคยเล่าให้ท่านแม่ฟัง มาเปิดอยู่ที่ข้างบ้านของเรานี่เอง ข้าจึงไปพบกับนางมา นางยังชวนข้ามางานเปิดร้านในวันพรุ่งนี้อีกด้วย วันพรุ่งนี้นางจะออกสินค้าชนิดใหม่ แต่ข้าได้ของชนิดใหม่นั้นมาเป็นคนแรก ถ้าให้รอพรุ่งนี้ข้ากลัวว่าสินค้าจะหมดเสียก่อน” “นางให้อะไรลูกมาหรือ” “เป็นน้ำหอมสองกลิ่น กลิ่นหนึ่งเป็นกลิ่นกุหลาบ ส่วนอีกกลิ่นเป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดใหม่ที่ข้าไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ท่านแม่ลองดมกลิ่นน้ำหอมชนิดนี้ดูสิเจ้าค่ะ หอมมากเลย” หลีหนิงเซียนดมน้ำหอมที่อยู่ในมือ กลิ่นหอมที่แปลกใหม่ เธอชอบเป็นอย่างมาก เธอได้กลิ่นนี้ออกมาจากตัวของลูกสาว เธออยากจะถามลูกสาวอยู่พอดีว่าเปลี่ยนเครื่องหอมใหม่หรือไม่“กลิ่นหอมแปลกใหม่มาก แม่ไม่เคยได้กลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดนี้มาก่อน และแม่ก็เพิ่งเคยเห็นเครื่องหอมแบบนี้เป็นครั้งแรก แล้วมันใช้แบบไหนกัน” “สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม แค่เปิดออกมาและเทน้ำที่อยู่ด้านในออกม
“ข้ายกมันให้เจ้าแล้ว เจ้าก็ตั้งชื่อมันเองเถิด” “ตัวของมันมีสีขาว ข้าจะตั้งชื่อให้มันว่าฮวาน้อย เจ้าชอบชื่อนี้ใช่หรือไม่” เธอยกเจ้าฮวาตัวน้อยขึ้นมาหอมและพูดกับมัน“ชื่อมันน่ารักเหมือนกับเจ้า” อี้เฉิงมองเหมยฮวาเล่นกับฮวาน้อย ตอนนี้เขาช่างมีความสุขเสียจริง“ข้าน่ารักอยู่แล้ว ท่านเพิ่งรู้หรือไร” “ข้ารู้ว่าเจ้าน่ารักมาก เจ้าเตรียมของเสร็จแล้วใช่หรือไม่” “ข้าเตรียมของไว้หมดแล้ว ตบแต่งร้านก็เสร็จแล้ว ดีที่พวกเรามีคนช่วย ถ้าไม่อย่างนั้นข้าคงเหนื่อยมาก พรุ่งนี้ข้าจะให้ป้าหลีซือกับพี่ลี่หลินไปขายของในร้านค้าก่อน ส่วนเด็กทั้งสองคน ข้าสอนพวกเขาเรียกลูกค้า พรุ่งนี้ข้าจะให้ทั้งสองแต่งชุดน่ารัก คอยเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน ท่านว่าดีหรือไม่” “ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะดีแล้ว ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เจ้าเข้าไปกินข้าวแล้วรีบเข้านอนเถอะ เรายังต้องตื่นแต่เช้า” “วันนี้ข้าต้องรีบนอน ท่านก็อย่ากวนข้า เข้าใจหรือไม่” “ได้อย่างไร แค่ครั้งเดียวก็ไม่ได้หรือ ข้าไม่ได้กอดเจ้ามาหลายวันแล้ว” “ท่านรอไปก่อน ข้าไม่อยากเหนื่อยมากในวันพรุ่งนี้ ท่านเข้าใจข้าหรือไม่” อี้เฉิงเสียดายเขาไม่น่าบอกให้นางพักผ่อนเลย เขาไม่ไ
“ลี่อิงกับพี่ชายจะช่วยพี่สาวเอง” เสียงของเด็กน้อยลี่อิงตอบเธอกลับมา“ดีมาก ถ้าวันนี้ทุกคนทำได้ดีข้าจะมีรางวัลให้” “เย่! ” เสียงของลี่อิงที่ร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ“ถ้าอย่างนั้นพี่ชายลี่คุนตีกลองได้เลย” ตึง! ตึง! ตึง!…. เสียงกลองดังไปทั่วบริเวณเรียกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หยุดยืนดู“เสียงอะไร สงสัยจะมีร้านเปิดใหม่” เสียงชาวบ้านผู้หนึ่งถามออกมา“ข้าได้ข่าวว่าวันนี้ร้านเครื่องหอมที่ดังมากในช่วงนี้ มาเปิดร้านขายเครื่องหอมอย่างเป็นทางการแล้ว” “จริงหรือ ข้าเคยได้ยินเขาพูดกันว่าเครื่องหอมนั้นมีกลิ่นหอมไม่เหมือนใครและใช้ดีเป็นอย่างมาก เสียดายก็แต่มีราคาแพงไปเสียหน่อย ข้าไม่มีปัญญาใช้หรอก มีแต่พวกคุณหนูและคนมีเงินเท่านั้นแหละที่ใช้ได้” เสียงของหญิงสาวชาวบ้านที่รักสวยรักงามเป็นอย่างมาก เธอสนใจในเครื่องหอมนี้อยู่เหมือนกัน หญิงสาวในหมู่บ้านที่รักสวยรักงามไม่มีใครไม่รู้จักเครื่องหอมที่ขายอยู่ในร้านผ้าซิ่วอิงหรอก“ดูโน้น ใช่ครอบครัวท่านเจ้าเมืองหรือเปล่า ถึงว่าร้านนี้ขายของแพง ที่แท้ก็มีท่านเจ้าเมืองอยู่เบื้องหลังนี้เอง” เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งดังขึ้นมาเหมยฮวาที่เห็นผู้คนมากมา
ฉิ่นจางหย่งจำต้องเดินตามนางขึ้นไปที่ชั้นสองของร้าน เขามองเห็นครอบครัวของท่านเจ้าเมืองด้วยเช่นกัน“นั่นท่านฉิ่นจางหย่งไม่ใช่หรือ ท่านรู้จักเจ้าของร้านแห่งนี้ด้วยหรือ” “ข้าก็ไม่คิดว่าท่านเจ้าเมืองจะรู้จักเจ้าของร้านแห่งนี้ด้วย” “ข้าก็ไม่ได้รู้จักอะไรเป็นการส่วนตัวหรอก นางเป็นเพื่อนกับลูกสาวของข้าน่ะ” ฉิ่งจางหย่งหันไปยิ้มให้หลีซูมี่เล็กน้อยและทักทายครอบครัวของท่านเจ้าเมือง เขาเดินมานั่งโต๊ะที่ร้านเตรียมไว้ให้เขา เขารินน้ำชาที่มีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร เขาชิมดูมันช่างรสชาติดีเสียจริง เขาไม่เคยดื่มชาที่ไหนที่มีรสชาติเช่นนี้เลยหลีซูมี่มองไปทางหลีจางหย่งด้วยความเขินอาย เขายิ้มให้เธอด้วย เธอนั่งแอบมองเขาอยู่นาน แต่สายตาของเขาก็ไม่ได้มองกลับมาที่เธออีก เรื่องนี้ทำให้เธอเศร้าใจอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ชินชากับความเย็นชาของเขาเสียแล้ว“เจ้าไม่ไปนั่งกับท่านฉิ่นจางหย่งหรือ ข้าเห็นเจ้ามองไม่หลบสายตาเช่นนี้” หลีช่างชุนพูดแซวน้องสาวของเขา เขารู้ว่าน้องสาวของเขาแอบชอบฉิ่นจางหย่งมานานมากแล้ว และท่านพ่อของเขาก็คิดที่จะให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน“ท่านพูดอะไรข้าไม่ได้มองเขาเสียหน่อย” เธอหันกลับไปสนใจขนม
“ท่านจองห้องพักที่นี่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ข้าได้ข่าวว่าถ้าจองที่แห่งนี้ได้ จำเป็นต้องใช้เงินเยอะมาก” “ข้าจองไว้นานแล้ว ข้าอยากจะพาเจ้ามาเที่ยวงานในวันนี้ ข้าก็ไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะเปิดร้านวันนี้ด้วย” ที่จริงเขาใช้เส้นสายนิดหน่อยเท่านั้นเอง เขาอยากทำให้นางมีความสุข เพราะนางเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดหลายวัน“ท่านก็โรแมนติกเหมือนกันนะ” เธอเผลอพูดคำที่อยู่ในโลกเก่าของเธอ“โร อะไรของเจ้า มันหมายความว่าอย่างไร” “เป็นคำเรียกในที่ ที่ข้าจากมา มันหมายความว่าท่านก็ลึกซึ้งในความรักเหมือนกัน ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำอะไรแบบนี้ได้” “เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไรกัน ข้าก็อยากเห็นเจ้ามีความสุข ที่ข้าจองที่ตรงนี้ก็เพราะว่าจะมองเห็นทุกอย่างได้ดีที่สุด ข้าว่าเจ้าต้องชอบแน่ แล้วเจ้าชอบหรือไม่” “ข้าชอบมันมาก ขอบคุณนะสามีของข้า” เธอพูดเองก็เขินเขาเองเสียแล้วปัง! ปัง! เสียงดังของพลุที่จุดขึ้นมา เธอมองไปตามเสียงพลุก็เห็นพลุที่มีขนาดใหญ่มีหลากหลายสีสันที่จุดอยู่บนท้องฟ้าอย่างสวยงาม เธอเพิ่งเคยเห็นพลุของโลกใบนี้เป็นครั้งแรก มันสวยงามมาก เธอหันไปมองที่อี้เฉิงเขาก็มองพลุเหมือนกันกับเธอด้วยเช่นกัน เขาหันหน้ามาม
เวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า
“ท่านตื่นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่” เธอถือถ้วยข้าวต้มที่พี่ลี่หลินทำเอาไว้ก่อนที่จะออกไปขายของที่ร้านเครื่องหอม นำมาให้เขาได้กิน“ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ” “โกรธสิ ข้าโกรธที่ท่านไม่หลบข้าเมื่อคืนนี้ ท่านอยากตายหรือไร ใยท่านต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” “ใครกันจะอยากตาย แต่เจ้าก็ไม่ฟังเหตุผลของข้าเลย ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ ลูกของเราก็กำลังจะเกิดมาแล้ว เขาจำเป็นต้องมีพ่อ” เขาพูดขอโทษกับนางอีกครั้ง เขาไม่คิดว่านางจะใจแข็งเช่นนี้“ข้าให้อภัยท่านก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะพาลูกหนีท่านไม่ให้ท่านหาพวกข้าเจอได้อีก” เขาได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก เขาดีใจจนลืมไปว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่ “โอ้ย! เจ็บ” “ท่านทำไมต้องดีใจขนาดนั้น เป็นอย่างไรบาดแผลของท่านเลือดออกเลย เห็นหรือไม่ ท่านต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ทุกวัน ท่านหมอบอกมา” “ข้าบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ข้าได้หรือไม่” เขาอยากอ้อนนาง เขาดีใจมาก ถือว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของเขาไม่เสียเปล่าแล้ว“ก็ได้ ข้าเห็นว่าท่านบาดเจ็บมาก ข้าจะทำแผลและพันแผลให้ท่านใหม่เอง แต่ท่านต้องกินข้า
“ข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีโอกาสนั้น ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ที่จริงข้าอยากบอกกับเจ้าหลายอย่าง ผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าเห็น ข้าไม่เคยรักนาง นางเป็นคนที่ทำร้ายข้า ข้ากลัวว่านางจะมาทำร้ายเจ้า ข้าจึงได้ทำเช่นนั้นลงไป ข้ามันโง่เสียจริง หวังว่าเจ้าคงไม่โกรธข้า เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่” “ข้ารู้แล้ว ข้าไม่โกรธท่านแล้ว ท่านอย่าพูดอีกเลย เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” “ข้าง่วงเหลือเกิน ข้าขอนอนสักพักได้หรือไม่” “ไม่ได้! ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ถ้าท่านหลับข้าจะไม่ให้อภัยท่าน ลูกก็จะโกรธท่านเช่นกัน” เธอพูดตอบเขาเสียงสั่น เธอไม่น่าเลย ถ้าเธอยอมที่จะพูดคุยกับเขา เขาก็คงไม่เจอเรื่องเช่นนี้“นายหญิงท่านหมอมาแล้วเจ้าคะ” ลี่หลินรีบวิ่งเข้ามาบอกนายหญิง ที่นั่งร้องไห้กอดนายท่านอยู่ภายในห้องนอน“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะดูแลคนเจ็บเอง พวกเจ้าเตรียมน้ำอุ่นเอามาให้ข้าด้วย” “ข้าเตรียมน้ำอุ่นมาแล้วท่านหมอ” ลี่ซือเอาน้ำอุ่นที่เตรียมไว้พร้อมผ้าสะอาด นำไปวางไว้ภายในห้องของท่านหมอ“ข้าจะอยู่กับเขา ให้ข้าอยู่กับเขาได้หรือไม่” “เจ้าอยู่กับเขา ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้หรอก เจ้าออกไปอยู่ด้านนอกนั่นแหละ ข้ารักษาเข
เธอส่งไซมอนกลับไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอช่วยทุกคนเก็บร้านและเตรียมของเอาไว้ขายในวันพรุ่งนี้ กว่าที่เธอจะได้กลับไปพักที่โรงเตี๊ยมก็เป็นยามซวี ท้องของเธอก็แข็งเป็นพักๆ ลูกของเธอคงจะเหนื่อยมากในวันนี้ เธอให้หลีชางไปส่งพวกเธอที่โรงเตี๊ยม และให้เขากลับมานอนเฝ้าที่ร้านเครื่องหอม เธอจึงกลับไปพักกับพี่ลี่หลิน และป้าลี่ซือ ซึ่งสองแม่ลูกก็นอนพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนกินข้าวมาจากที่ร้านเครื่องหอมจนอิ่มแล้ว ก่อนที่จะมาพักในโรงเตี๊ยม จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน“นายหญิงหิวไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าต้มข้าวต้มและทำกับข้าวไว้ให้ท่านทานยามดึก เผื่อว่าท่านจะหิว” ลี่ซือกลัวว่าถ้านายหญิงหิวตอนกลางดึกจะไม่มีอะไรกิน“ก็ดีเหมือนกัน ท่านไม่ต้องทำไว้เยอะมากก็ได้” เธอตอบป้าลี่ซือกลับไป ที่จริงถ้าเธอหิว เธอก็แค่ซื้อของจากร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอมากินก็ได้หลังจากที่ป้าลี่ซือเตรียมอาหารไว้ให้เธอจนเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกันเข้าไปนอนตามห้องของตัวเอง เธออาบน้ำจนสบายตัว และเตรียมตัวจะเข้าไปพักผ่อน แต่ก็แปลกที่วันนี้อี้เฉิงไม่ได้มากวนใจเธอเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาคงถอดใจไปแล้วก็ได้เธอเปิดเข้ามาในห้องนอ