ฉิ่นจางหย่งจำต้องเดินตามนางขึ้นไปที่ชั้นสองของร้าน เขามองเห็นครอบครัวของท่านเจ้าเมืองด้วยเช่นกัน“นั่นท่านฉิ่นจางหย่งไม่ใช่หรือ ท่านรู้จักเจ้าของร้านแห่งนี้ด้วยหรือ” “ข้าก็ไม่คิดว่าท่านเจ้าเมืองจะรู้จักเจ้าของร้านแห่งนี้ด้วย” “ข้าก็ไม่ได้รู้จักอะไรเป็นการส่วนตัวหรอก นางเป็นเพื่อนกับลูกสาวของข้าน่ะ” ฉิ่งจางหย่งหันไปยิ้มให้หลีซูมี่เล็กน้อยและทักทายครอบครัวของท่านเจ้าเมือง เขาเดินมานั่งโต๊ะที่ร้านเตรียมไว้ให้เขา เขารินน้ำชาที่มีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร เขาชิมดูมันช่างรสชาติดีเสียจริง เขาไม่เคยดื่มชาที่ไหนที่มีรสชาติเช่นนี้เลยหลีซูมี่มองไปทางหลีจางหย่งด้วยความเขินอาย เขายิ้มให้เธอด้วย เธอนั่งแอบมองเขาอยู่นาน แต่สายตาของเขาก็ไม่ได้มองกลับมาที่เธออีก เรื่องนี้ทำให้เธอเศร้าใจอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ชินชากับความเย็นชาของเขาเสียแล้ว“เจ้าไม่ไปนั่งกับท่านฉิ่นจางหย่งหรือ ข้าเห็นเจ้ามองไม่หลบสายตาเช่นนี้” หลีช่างชุนพูดแซวน้องสาวของเขา เขารู้ว่าน้องสาวของเขาแอบชอบฉิ่นจางหย่งมานานมากแล้ว และท่านพ่อของเขาก็คิดที่จะให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน“ท่านพูดอะไรข้าไม่ได้มองเขาเสียหน่อย” เธอหันกลับไปสนใจขนม
“ท่านจองห้องพักที่นี่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ข้าได้ข่าวว่าถ้าจองที่แห่งนี้ได้ จำเป็นต้องใช้เงินเยอะมาก” “ข้าจองไว้นานแล้ว ข้าอยากจะพาเจ้ามาเที่ยวงานในวันนี้ ข้าก็ไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะเปิดร้านวันนี้ด้วย” ที่จริงเขาใช้เส้นสายนิดหน่อยเท่านั้นเอง เขาอยากทำให้นางมีความสุข เพราะนางเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดหลายวัน“ท่านก็โรแมนติกเหมือนกันนะ” เธอเผลอพูดคำที่อยู่ในโลกเก่าของเธอ“โร อะไรของเจ้า มันหมายความว่าอย่างไร” “เป็นคำเรียกในที่ ที่ข้าจากมา มันหมายความว่าท่านก็ลึกซึ้งในความรักเหมือนกัน ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำอะไรแบบนี้ได้” “เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไรกัน ข้าก็อยากเห็นเจ้ามีความสุข ที่ข้าจองที่ตรงนี้ก็เพราะว่าจะมองเห็นทุกอย่างได้ดีที่สุด ข้าว่าเจ้าต้องชอบแน่ แล้วเจ้าชอบหรือไม่” “ข้าชอบมันมาก ขอบคุณนะสามีของข้า” เธอพูดเองก็เขินเขาเองเสียแล้วปัง! ปัง! เสียงดังของพลุที่จุดขึ้นมา เธอมองไปตามเสียงพลุก็เห็นพลุที่มีขนาดใหญ่มีหลากหลายสีสันที่จุดอยู่บนท้องฟ้าอย่างสวยงาม เธอเพิ่งเคยเห็นพลุของโลกใบนี้เป็นครั้งแรก มันสวยงามมาก เธอหันไปมองที่อี้เฉิงเขาก็มองพลุเหมือนกันกับเธอด้วยเช่นกัน เขาหันหน้ามาม
“สำนักที่นายท่านดูแลอยู่ชื่อสำนักเงาดารา ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของสำนักนักฆ่า และสำนักคุ้มกันภัยที่มีอยู่ทุกเมือง ที่เมืองของนายท่านอยู่ก็มีสำนักคุ้มกันของนายท่านอยู่เช่นกัน แต่ไม่มีคนจำหน้าของนายท่านได้หรอก เพราะนายท่านไม่เปิดเผยหน้าตาของท่านให้กับสำนักที่ไหนได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นสำนักของนายท่านเองก็ตาม จะมีแค่ป้ายหยก และรอยสักที่นายท่านมีก็เท่านั้น ที่เป็นสิ่งยืนยันตัวตนของนายท่านได้ มีแค่คนใกล้ชิดนายท่านไม่กี่คนที่เคยเห็นใบหน้าของนายท่าน ข้ายังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกกับนายท่าน นายท่านยังมีคู่หมั้นอยู่อีกหนึ่งคน ที่ข้าไม่ได้บอกกับนายท่านตอนที่นายท่านอยู่ที่เมืองสงบสุข ก็เพราะท่านดูมีความสุขกับหญิงสาวคนนั้นมาก หญิงสาวที่เป็นคู่หมั้นของนายท่านเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของนายท่านใหญ่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้ตกลงหมั้นหมายทั้งสองคนเอาไว้ ตอนนั้นนายท่านกำลังจะแต่งงานกับนาง แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเสียก่อน” หนิงหลงอธิบายสิ่งจำเป็นที่นายท่านต้องรู้เสียก่อนที่จะถึงสำนัก“แล้วหญิงสาวคนนั้น นางมีนามว่าอะไร และมีนิสัยเช่นไร” "คู่หมั้นของนายท่านชื่อ หนิ่งเซียน นางเป็นหญิงสาวที่ดี และก็รอนายท่านกลับไปที่ส
หนิ่งเซียนเห็นบ่าวคนสนิทรีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามา“เป็นอย่างไรบ้างใช่สิ่งที่พวกเราคิดหรือไม่” “ข้าเห็นท่านรองเจ้าสำนักเดินไปทางที่พักของท่านเจ้าสำนักด้วยความรีบร้อน ผิงผิงคิดว่าต้องใช่แน่ๆ เลยเจ้าคะ” “อย่างนั้นหรือ เขากลับมาแล้ว เขาปลอดภัยดีหรือไม่” หนิ่งเซียงมองไปทางที่พักของท่านเจ้าสำนักด้วยสายตาซับซ้อน เธออยากไปหาเขาเหลือเกิน เขาจะเป็นอย่างไรบ้างหรือไม่นะ“คุณหนูจะไปหาท่านเจ้าสำนักเลยหรือไม่” “ยังก่อน รอให้ทุกอย่างเข้าที่ ท่านเจ้าสำนักก็จะเปิดเผยเอง เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไปนัก การที่ท่านเจ้าสำนักกลับมาโดยที่ไม่บอกให้คนอื่นรู้ แสดงว่าท่านต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่” ในเมื่อเขาไม่อยากให้ใครรู้ เธอก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วยเช่นกันหวังป๋อเหวิงได้ฟังที่มือซ้ายของหลานชายของเขารายงาน เขาก็รีบเดินไปที่พักของท่านเจ้าสำนักด้วยความรีบร้อนเขาอยากเห็นกับตาว่าท่านเจ้าสำนักปลอดภัยดี “นายท่าน รองเจ้าสำนักมาหาขอรับ” เสียงรายงานของหนิงหลง“ให้ท่านเข้ามาได้” ป่อเหวินเข้าไปภายในห้อง เขาเห็นชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างที่ประจำของท่านเจ้าสำนัก หลังจากเขามองหน้าของชายผู้นั้น เขาก็เห็นว่าเป็นท่านเ
ความจำเสื่อม เพราะนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากที่เขากลับมาอยู่ที่สำนัก แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดคุยกับคนในสำนักเลยสักคน มีแค่ท่านรองเจ้าสำนักเท่านั้นที่เขาได้ปรึกษา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าลุงรองของเขาเป็นฝ่ายเดียวกับเขา และเรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้นอกจากเขาและก็ลุงรองเท่านั้น เพื่อจับตัวคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในสำนักของเขา ตอนที่เขาถูกทำร้ายก็เกิดจากที่เขาไว้ใจคนอื่นมากไป เขายังไม่รู้ว่ามีผู้ใดบ้างที่คิดร้ายต่อเขา ตอนนี้เขาต้องทำตัวให้ปกติที่สุด เพื่อไม่ให้คนที่คิดร้ายกับเขาไหวตัวได้ทันเขาเดินกลับมาถึงเรือนก็เย็นมากแล้ว ตั้งแต่ที่เขากลับมาที่สำนัก เขาก็ทำงานจนถึงยามโหย่วทุกวัน เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ใส่ชุดสีขาวยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตู นางคงจะเป็นคู่หมั้นของเขา เขาสังเกตผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า นางเป็นหญิงสาวหน้าตาดีและมีท่าทางสงบนิ่ง แตกต่างกับเหมยฮวาที่มีชีวิตชีวามากกว่า เขาไม่มีความรู้สึกรักหรือชอบผู้หญิงคนนี้เลย แต่เขาก็ต้องทำให้เหมือนกับเขาคนเก่าที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กับนาง“ท่านเจ้าสำนัก ข้ามากวนท่านหรือไม่” “เจ้ามีธุระอันใด ถึงมาหาข้ายามเย็นเช่นนี้ ช่วงนี้ข้ามีงานที่ต้องทำจึงไม่มีเวลาท
อี้เฉิงมองจางเหว่ยเดินออกไป ชายผู้นี้เป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ และดูมีความลับอะไรบางอย่าง เขาต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เวลาเดินผ่านไปสองเดือน เธอขาดการติดต่อกับอี้เฉิงเธอยังคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เธอไม่รู้ว่าจะติดต่อกับอี้เฉิงได้อย่างไร ตอนนี้เธอเปลี่ยนชั้นสองของร้านเครื่องหอม ให้เป็นสถานที่นั่งเล่นยามเย็นไปเสียแล้ว เธอทำทางเดินด้านนอกขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้รบกวนกับการขายเครื่องหอมที่ชั้นหนึ่งของร้าน เธอทำชั้นที่สองที่มีขนาดกว้าง สร้างให้เหมือนกับร้านคาเฟ่ในโลกที่เธอจากมา เธอหาช่างที่มีความสามารถทำกระจกขึ้นมาได้ แต่กระจกที่ทำออกมาไม่เหมือนกับโลกที่เธอจากมา เพราะยุคสมัยนี้ยังไม่พัฒนาอะไรอีกหลายอย่าง เธอจึงซื้อกระจกที่ขายในร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอ เพื่อให้ช่างจ่างเหว่ยนำมันมาติดตั้งให้เธอ เธอโกหกเขาว่าเอามาจากเมืองที่มีคนตาสีฟ้า ซึ่งมีราคาที่แพงมาก ร้านของเธอมีทั้งเค้ก เครื่องดื่มที่เธอฝึกทำเองทั้งหมด และยังมีกาแฟสด ที่เธอเอาเมล็ดพันธุ์ไปทดลองปลูก ยังมีเมล็ดโกโก้อีกด้วย เมื่อผลตอบรับดี เธอก็ทำผงโกโก้และก็ผงกาแฟขายแยกต่างหากเธอฝึกทำเค้กหลากหลายแบบ แต่ทำไม่เยอะเท่าไหร่นัก เธอจ้างช่างให้ทำเค
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะรักษาความสะอาดของตัวข้าให้อย่างดี” หลีชางตอบเธอแล้ว ก็เดินตามลี่กังเข้าไปในเรือนที่เขาต้องอาศัยอยู่ บ้านหลังนี้ใหญ่เสียจริง การค้าขายสามารถทำเงินได้มากขนาดนี้เลยหรือ เขาหวังว่าเขาจะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นถ้าเขาทำงานกับพี่เหมยฮวาเธอเดินเข้ามานั่งพักที่ร้านเครื่องหอม ซึ่งภายในร้านก็จะมีห้องไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะ ส่วนมากเธอจะเข้ามานั่งคิดบัญชีภายในร้าน เธอยังไม่ได้ไว้วางใจให้ใครทำ เพราะเธอยังว่างอยู่ เธอจึงคิดว่าตัวเธอทำเองจะดีกว่า และเธอจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องของอี้เฉิงด้วย เธอจะเปิดร้านขายของอีกหนึ่งเดือน เธอก็จะลองเข้าไปในเมืองหลวงดู เพื่อหาร้านค้าเอาไว้เปิดร้านเครื่องหอม เป็นร้านสาขาที่สองของเธอ ตอนนี้เธอก็มีเงินเก็บเกือบหนึ่งหมื่นทองแล้ว รวมกับเงินที่ได้จากพี่ซิ่วอิง และร้านของท่านจางเหว่ย จึงทำให้เธอมีเงินมากเช่นนี้ เธอวาดแบบ เครื่องเรือนอีกสองชิ้นเพื่อให้เขาไปทำขาย เธอไม่ห่วงอยู่แล้ว เพราะเธอมีโทรศัพท์เป็นตัวช่วย เธออยากรู้อะไรก็แค่กดค้นหาได้เลยตอนนี้เธออยู่คนเดียวเธอจึงมีเวลาสำรวจโทรศัพท์ที่เธอได้มา ไม่ว่าเธอจะค้นหาชื่อสิ่งใด ของในร้านค้าก็มีให้เธอแทบทุกอย่า
เธอออกเดินทางมาตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ขบวนที่เธอมาด้วยจึงหยุดพัก เธอให้หลีชางจุดไฟเพื่อที่จะทำอาหารกินกัน“วันนี้เราจะทำอะไรกินกันหรือพี่เหมยฮวา” หลีชางจุดไฟและต้มน้ำตามที่พี่เหมยฮวาบอก ตอนนี้เขาสนิทกับนางจนเรียกนางว่าพี่สาวตามลี่อันไปเสียแล้ว“ข้าจะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน” เธอจะทำอาหารแบบง่ายๆ ก็คือต้มมาม่า เธอซื้อมาเก็บไว้เพื่อทำอาหารกิน พอน้ำที่หลีชางต้มไว้เดือดจนได้ที่แล้ว เธอใส่หมูและผักลงไป หลังจากนั้นเธอใส่เส้นที่เตรียมไว้ พร้อมทั้งตอกไข่ใส่ลงไปสิบห้าฟอง เธอทำเยอะเพราะเธอทำเผื่อผู้คุ้มกันที่มาคุ้มกันให้เธอในวันนี้ด้วย ขั้นตอนสุดท้ายเธอใส่เครื่องปรุงรสของเครื่องมาม่าที่อยู่ในซอง กลิ่นหอมลอยออกไปไกลทำให้ผู้อยู่ในขบวนสูดกลิ่นนั้น จนน้ำลายไหล“กลิ่นหอมมาจากที่ไหนกัน ช่างชวนน้ำลายข้าไหลเสียจริง” หญิงสาวที่อยู่ในรถม้าที่ดูหรูหรา เธอถามกับบ่าวรับใช้“กลิ่นมาจากท้ายขบวนเจ้าค่ะคุณหนู ไม่รู้ชาวบ้านพวกนั้นทำอะไรกิน กลิ่นช่างหอมเสียจริง คุณหนูให้ข้าไปดูให้ไหมเจ้าคะ” “ของกินของผู้อื่นเจ้าจะไปถามได้หรือ เราก็กินของเราไปก็พอ” ถึงเธอจะอยากรู้เธอก็ไม่กล้าให้บ่าวเข้าไปซักถามหรอก บ้านของเธอก็
เวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า
“ท่านตื่นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่” เธอถือถ้วยข้าวต้มที่พี่ลี่หลินทำเอาไว้ก่อนที่จะออกไปขายของที่ร้านเครื่องหอม นำมาให้เขาได้กิน“ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ” “โกรธสิ ข้าโกรธที่ท่านไม่หลบข้าเมื่อคืนนี้ ท่านอยากตายหรือไร ใยท่านต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” “ใครกันจะอยากตาย แต่เจ้าก็ไม่ฟังเหตุผลของข้าเลย ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ ลูกของเราก็กำลังจะเกิดมาแล้ว เขาจำเป็นต้องมีพ่อ” เขาพูดขอโทษกับนางอีกครั้ง เขาไม่คิดว่านางจะใจแข็งเช่นนี้“ข้าให้อภัยท่านก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะพาลูกหนีท่านไม่ให้ท่านหาพวกข้าเจอได้อีก” เขาได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก เขาดีใจจนลืมไปว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่ “โอ้ย! เจ็บ” “ท่านทำไมต้องดีใจขนาดนั้น เป็นอย่างไรบาดแผลของท่านเลือดออกเลย เห็นหรือไม่ ท่านต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ทุกวัน ท่านหมอบอกมา” “ข้าบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ข้าได้หรือไม่” เขาอยากอ้อนนาง เขาดีใจมาก ถือว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของเขาไม่เสียเปล่าแล้ว“ก็ได้ ข้าเห็นว่าท่านบาดเจ็บมาก ข้าจะทำแผลและพันแผลให้ท่านใหม่เอง แต่ท่านต้องกินข้า
“ข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีโอกาสนั้น ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ที่จริงข้าอยากบอกกับเจ้าหลายอย่าง ผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าเห็น ข้าไม่เคยรักนาง นางเป็นคนที่ทำร้ายข้า ข้ากลัวว่านางจะมาทำร้ายเจ้า ข้าจึงได้ทำเช่นนั้นลงไป ข้ามันโง่เสียจริง หวังว่าเจ้าคงไม่โกรธข้า เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่” “ข้ารู้แล้ว ข้าไม่โกรธท่านแล้ว ท่านอย่าพูดอีกเลย เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” “ข้าง่วงเหลือเกิน ข้าขอนอนสักพักได้หรือไม่” “ไม่ได้! ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ถ้าท่านหลับข้าจะไม่ให้อภัยท่าน ลูกก็จะโกรธท่านเช่นกัน” เธอพูดตอบเขาเสียงสั่น เธอไม่น่าเลย ถ้าเธอยอมที่จะพูดคุยกับเขา เขาก็คงไม่เจอเรื่องเช่นนี้“นายหญิงท่านหมอมาแล้วเจ้าคะ” ลี่หลินรีบวิ่งเข้ามาบอกนายหญิง ที่นั่งร้องไห้กอดนายท่านอยู่ภายในห้องนอน“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะดูแลคนเจ็บเอง พวกเจ้าเตรียมน้ำอุ่นเอามาให้ข้าด้วย” “ข้าเตรียมน้ำอุ่นมาแล้วท่านหมอ” ลี่ซือเอาน้ำอุ่นที่เตรียมไว้พร้อมผ้าสะอาด นำไปวางไว้ภายในห้องของท่านหมอ“ข้าจะอยู่กับเขา ให้ข้าอยู่กับเขาได้หรือไม่” “เจ้าอยู่กับเขา ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้หรอก เจ้าออกไปอยู่ด้านนอกนั่นแหละ ข้ารักษาเข
เธอส่งไซมอนกลับไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอช่วยทุกคนเก็บร้านและเตรียมของเอาไว้ขายในวันพรุ่งนี้ กว่าที่เธอจะได้กลับไปพักที่โรงเตี๊ยมก็เป็นยามซวี ท้องของเธอก็แข็งเป็นพักๆ ลูกของเธอคงจะเหนื่อยมากในวันนี้ เธอให้หลีชางไปส่งพวกเธอที่โรงเตี๊ยม และให้เขากลับมานอนเฝ้าที่ร้านเครื่องหอม เธอจึงกลับไปพักกับพี่ลี่หลิน และป้าลี่ซือ ซึ่งสองแม่ลูกก็นอนพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนกินข้าวมาจากที่ร้านเครื่องหอมจนอิ่มแล้ว ก่อนที่จะมาพักในโรงเตี๊ยม จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน“นายหญิงหิวไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าต้มข้าวต้มและทำกับข้าวไว้ให้ท่านทานยามดึก เผื่อว่าท่านจะหิว” ลี่ซือกลัวว่าถ้านายหญิงหิวตอนกลางดึกจะไม่มีอะไรกิน“ก็ดีเหมือนกัน ท่านไม่ต้องทำไว้เยอะมากก็ได้” เธอตอบป้าลี่ซือกลับไป ที่จริงถ้าเธอหิว เธอก็แค่ซื้อของจากร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอมากินก็ได้หลังจากที่ป้าลี่ซือเตรียมอาหารไว้ให้เธอจนเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกันเข้าไปนอนตามห้องของตัวเอง เธออาบน้ำจนสบายตัว และเตรียมตัวจะเข้าไปพักผ่อน แต่ก็แปลกที่วันนี้อี้เฉิงไม่ได้มากวนใจเธอเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาคงถอดใจไปแล้วก็ได้เธอเปิดเข้ามาในห้องนอ