“สำนักที่นายท่านดูแลอยู่ชื่อสำนักเงาดารา ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของสำนักนักฆ่า และสำนักคุ้มกันภัยที่มีอยู่ทุกเมือง ที่เมืองของนายท่านอยู่ก็มีสำนักคุ้มกันของนายท่านอยู่เช่นกัน แต่ไม่มีคนจำหน้าของนายท่านได้หรอก เพราะนายท่านไม่เปิดเผยหน้าตาของท่านให้กับสำนักที่ไหนได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นสำนักของนายท่านเองก็ตาม จะมีแค่ป้ายหยก และรอยสักที่นายท่านมีก็เท่านั้น ที่เป็นสิ่งยืนยันตัวตนของนายท่านได้ มีแค่คนใกล้ชิดนายท่านไม่กี่คนที่เคยเห็นใบหน้าของนายท่าน ข้ายังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกกับนายท่าน นายท่านยังมีคู่หมั้นอยู่อีกหนึ่งคน ที่ข้าไม่ได้บอกกับนายท่านตอนที่นายท่านอยู่ที่เมืองสงบสุข ก็เพราะท่านดูมีความสุขกับหญิงสาวคนนั้นมาก หญิงสาวที่เป็นคู่หมั้นของนายท่านเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของนายท่านใหญ่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้ตกลงหมั้นหมายทั้งสองคนเอาไว้ ตอนนั้นนายท่านกำลังจะแต่งงานกับนาง แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเสียก่อน” หนิงหลงอธิบายสิ่งจำเป็นที่นายท่านต้องรู้เสียก่อนที่จะถึงสำนัก“แล้วหญิงสาวคนนั้น นางมีนามว่าอะไร และมีนิสัยเช่นไร” "คู่หมั้นของนายท่านชื่อ หนิ่งเซียน นางเป็นหญิงสาวที่ดี และก็รอนายท่านกลับไปที่ส
หนิ่งเซียนเห็นบ่าวคนสนิทรีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามา“เป็นอย่างไรบ้างใช่สิ่งที่พวกเราคิดหรือไม่” “ข้าเห็นท่านรองเจ้าสำนักเดินไปทางที่พักของท่านเจ้าสำนักด้วยความรีบร้อน ผิงผิงคิดว่าต้องใช่แน่ๆ เลยเจ้าคะ” “อย่างนั้นหรือ เขากลับมาแล้ว เขาปลอดภัยดีหรือไม่” หนิ่งเซียงมองไปทางที่พักของท่านเจ้าสำนักด้วยสายตาซับซ้อน เธออยากไปหาเขาเหลือเกิน เขาจะเป็นอย่างไรบ้างหรือไม่นะ“คุณหนูจะไปหาท่านเจ้าสำนักเลยหรือไม่” “ยังก่อน รอให้ทุกอย่างเข้าที่ ท่านเจ้าสำนักก็จะเปิดเผยเอง เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไปนัก การที่ท่านเจ้าสำนักกลับมาโดยที่ไม่บอกให้คนอื่นรู้ แสดงว่าท่านต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่” ในเมื่อเขาไม่อยากให้ใครรู้ เธอก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วยเช่นกันหวังป๋อเหวิงได้ฟังที่มือซ้ายของหลานชายของเขารายงาน เขาก็รีบเดินไปที่พักของท่านเจ้าสำนักด้วยความรีบร้อนเขาอยากเห็นกับตาว่าท่านเจ้าสำนักปลอดภัยดี “นายท่าน รองเจ้าสำนักมาหาขอรับ” เสียงรายงานของหนิงหลง“ให้ท่านเข้ามาได้” ป่อเหวินเข้าไปภายในห้อง เขาเห็นชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างที่ประจำของท่านเจ้าสำนัก หลังจากเขามองหน้าของชายผู้นั้น เขาก็เห็นว่าเป็นท่านเ
ความจำเสื่อม เพราะนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากที่เขากลับมาอยู่ที่สำนัก แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดคุยกับคนในสำนักเลยสักคน มีแค่ท่านรองเจ้าสำนักเท่านั้นที่เขาได้ปรึกษา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าลุงรองของเขาเป็นฝ่ายเดียวกับเขา และเรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้นอกจากเขาและก็ลุงรองเท่านั้น เพื่อจับตัวคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในสำนักของเขา ตอนที่เขาถูกทำร้ายก็เกิดจากที่เขาไว้ใจคนอื่นมากไป เขายังไม่รู้ว่ามีผู้ใดบ้างที่คิดร้ายต่อเขา ตอนนี้เขาต้องทำตัวให้ปกติที่สุด เพื่อไม่ให้คนที่คิดร้ายกับเขาไหวตัวได้ทันเขาเดินกลับมาถึงเรือนก็เย็นมากแล้ว ตั้งแต่ที่เขากลับมาที่สำนัก เขาก็ทำงานจนถึงยามโหย่วทุกวัน เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ใส่ชุดสีขาวยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตู นางคงจะเป็นคู่หมั้นของเขา เขาสังเกตผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า นางเป็นหญิงสาวหน้าตาดีและมีท่าทางสงบนิ่ง แตกต่างกับเหมยฮวาที่มีชีวิตชีวามากกว่า เขาไม่มีความรู้สึกรักหรือชอบผู้หญิงคนนี้เลย แต่เขาก็ต้องทำให้เหมือนกับเขาคนเก่าที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กับนาง“ท่านเจ้าสำนัก ข้ามากวนท่านหรือไม่” “เจ้ามีธุระอันใด ถึงมาหาข้ายามเย็นเช่นนี้ ช่วงนี้ข้ามีงานที่ต้องทำจึงไม่มีเวลาท
อี้เฉิงมองจางเหว่ยเดินออกไป ชายผู้นี้เป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ และดูมีความลับอะไรบางอย่าง เขาต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เวลาเดินผ่านไปสองเดือน เธอขาดการติดต่อกับอี้เฉิงเธอยังคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เธอไม่รู้ว่าจะติดต่อกับอี้เฉิงได้อย่างไร ตอนนี้เธอเปลี่ยนชั้นสองของร้านเครื่องหอม ให้เป็นสถานที่นั่งเล่นยามเย็นไปเสียแล้ว เธอทำทางเดินด้านนอกขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้รบกวนกับการขายเครื่องหอมที่ชั้นหนึ่งของร้าน เธอทำชั้นที่สองที่มีขนาดกว้าง สร้างให้เหมือนกับร้านคาเฟ่ในโลกที่เธอจากมา เธอหาช่างที่มีความสามารถทำกระจกขึ้นมาได้ แต่กระจกที่ทำออกมาไม่เหมือนกับโลกที่เธอจากมา เพราะยุคสมัยนี้ยังไม่พัฒนาอะไรอีกหลายอย่าง เธอจึงซื้อกระจกที่ขายในร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอ เพื่อให้ช่างจ่างเหว่ยนำมันมาติดตั้งให้เธอ เธอโกหกเขาว่าเอามาจากเมืองที่มีคนตาสีฟ้า ซึ่งมีราคาที่แพงมาก ร้านของเธอมีทั้งเค้ก เครื่องดื่มที่เธอฝึกทำเองทั้งหมด และยังมีกาแฟสด ที่เธอเอาเมล็ดพันธุ์ไปทดลองปลูก ยังมีเมล็ดโกโก้อีกด้วย เมื่อผลตอบรับดี เธอก็ทำผงโกโก้และก็ผงกาแฟขายแยกต่างหากเธอฝึกทำเค้กหลากหลายแบบ แต่ทำไม่เยอะเท่าไหร่นัก เธอจ้างช่างให้ทำเค
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะรักษาความสะอาดของตัวข้าให้อย่างดี” หลีชางตอบเธอแล้ว ก็เดินตามลี่กังเข้าไปในเรือนที่เขาต้องอาศัยอยู่ บ้านหลังนี้ใหญ่เสียจริง การค้าขายสามารถทำเงินได้มากขนาดนี้เลยหรือ เขาหวังว่าเขาจะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นถ้าเขาทำงานกับพี่เหมยฮวาเธอเดินเข้ามานั่งพักที่ร้านเครื่องหอม ซึ่งภายในร้านก็จะมีห้องไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะ ส่วนมากเธอจะเข้ามานั่งคิดบัญชีภายในร้าน เธอยังไม่ได้ไว้วางใจให้ใครทำ เพราะเธอยังว่างอยู่ เธอจึงคิดว่าตัวเธอทำเองจะดีกว่า และเธอจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องของอี้เฉิงด้วย เธอจะเปิดร้านขายของอีกหนึ่งเดือน เธอก็จะลองเข้าไปในเมืองหลวงดู เพื่อหาร้านค้าเอาไว้เปิดร้านเครื่องหอม เป็นร้านสาขาที่สองของเธอ ตอนนี้เธอก็มีเงินเก็บเกือบหนึ่งหมื่นทองแล้ว รวมกับเงินที่ได้จากพี่ซิ่วอิง และร้านของท่านจางเหว่ย จึงทำให้เธอมีเงินมากเช่นนี้ เธอวาดแบบ เครื่องเรือนอีกสองชิ้นเพื่อให้เขาไปทำขาย เธอไม่ห่วงอยู่แล้ว เพราะเธอมีโทรศัพท์เป็นตัวช่วย เธออยากรู้อะไรก็แค่กดค้นหาได้เลยตอนนี้เธออยู่คนเดียวเธอจึงมีเวลาสำรวจโทรศัพท์ที่เธอได้มา ไม่ว่าเธอจะค้นหาชื่อสิ่งใด ของในร้านค้าก็มีให้เธอแทบทุกอย่า
เธอออกเดินทางมาตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ขบวนที่เธอมาด้วยจึงหยุดพัก เธอให้หลีชางจุดไฟเพื่อที่จะทำอาหารกินกัน“วันนี้เราจะทำอะไรกินกันหรือพี่เหมยฮวา” หลีชางจุดไฟและต้มน้ำตามที่พี่เหมยฮวาบอก ตอนนี้เขาสนิทกับนางจนเรียกนางว่าพี่สาวตามลี่อันไปเสียแล้ว“ข้าจะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน” เธอจะทำอาหารแบบง่ายๆ ก็คือต้มมาม่า เธอซื้อมาเก็บไว้เพื่อทำอาหารกิน พอน้ำที่หลีชางต้มไว้เดือดจนได้ที่แล้ว เธอใส่หมูและผักลงไป หลังจากนั้นเธอใส่เส้นที่เตรียมไว้ พร้อมทั้งตอกไข่ใส่ลงไปสิบห้าฟอง เธอทำเยอะเพราะเธอทำเผื่อผู้คุ้มกันที่มาคุ้มกันให้เธอในวันนี้ด้วย ขั้นตอนสุดท้ายเธอใส่เครื่องปรุงรสของเครื่องมาม่าที่อยู่ในซอง กลิ่นหอมลอยออกไปไกลทำให้ผู้อยู่ในขบวนสูดกลิ่นนั้น จนน้ำลายไหล“กลิ่นหอมมาจากที่ไหนกัน ช่างชวนน้ำลายข้าไหลเสียจริง” หญิงสาวที่อยู่ในรถม้าที่ดูหรูหรา เธอถามกับบ่าวรับใช้“กลิ่นมาจากท้ายขบวนเจ้าค่ะคุณหนู ไม่รู้ชาวบ้านพวกนั้นทำอะไรกิน กลิ่นช่างหอมเสียจริง คุณหนูให้ข้าไปดูให้ไหมเจ้าคะ” “ของกินของผู้อื่นเจ้าจะไปถามได้หรือ เราก็กินของเราไปก็พอ” ถึงเธอจะอยากรู้เธอก็ไม่กล้าให้บ่าวเข้าไปซักถามหรอก บ้านของเธอก็
“ที่นี่มีห้องพักแบบสามห้องรายเดือนหรือไม่” “ถือว่าท่านมาถูกที่แล้ว เรามีห้องพักที่มีสามห้องรวมกัน และยังมีพื้นที่ให้นั่งเล่นอีกด้วย ท่านอยากลองเข้าไปดูก่อนหรือไม่ ราคาที่พักก็ไม่แพง ถ้าท่านจะเช่ารายปี ข้าก็จะลดราคาให้” “ข้าจะลองเข้าไปดูก่อน ถ้าถูกใจข้าจะเช่าที่นี่ ข้าอยากพักแค่สามเดือนก่อน” “ได้ขอรับ พวกท่านตามข้าเข้ามาเลย” วันนี้เขาได้ลูกค้าเข้าพักตั้งสามคน เจ้านายของเขาคงจะดีใจมาก กิจการโรงเตี๊ยมในเมืองหลวงเปิดแข่งกันหลายที่ เมื่อก่อนโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็มีคนเข้าพักเยอะ พอมีโรงเตี๊ยมใหม่ๆ ก่อตั้งขึ้นมา คนที่จะเข้าพักที่นี่ก็น้อยลงทุกที ทั้งที่เจ้านายของเขาก็ทำอาหารอร่อยและก็ห้องพักก็สะอาดมากด้วยเช่นกันเหมยฮวาเดินตามพนักงานของร้านเข้ามาดูห้องที่เธอจะเข้าพัก พอเธอเห็นห้องพักก็ถูกใจทันที เธอเปิดประตูห้องหนึ่งเข้าไป ก็ยังมีอีกสามห้องเชื่อมต่อกัน และยังมีพื้นที่ให้ทำกับข้าวกินเองได้ด้วย ที่นี่ดีมากทำไมร้านดีๆ แบบนี้ถึงมีลูกค้าน้อยกันนะ“ข้าขอเช่าที่นี่สามเดือนก่อน ถ้าข้าจะเช่าต่อข้าจะบอกกับเจ้าอีกที ที่นี่มีคนเข้าพักเยอะหรือไม่” “ข้าขอบอกกับพวกท่านตามตรง ที่นี่มีคนเข้าพักน้อยลงมา
“ถ้าแบบนั้นข้าจะพาไปดูบ้านทั้งสองหลัง หลังหนึ่งเป็นร้านสามชั้น แต่ไม่มีบ้านด้านบนของร้านมีห้องพักให้นอนพัก ข้าว่า ถ้าท่านจะเปิดร้านขายของที่นี่ก็ดีมากเลย” เธอพูดคุยกับนายหน้าไปเรื่อยๆ ก็เดินมาถึงหน้าร้านที่นายหน้าพูดถึงพอดี เธอมองเห็นเป็นร้านที่ยังดูดีอยู่มีทั้งหมดสามชั้น บริเวณโดยรอบเป็นร้านค้าอยู่อีกหลายร้าน ถึงว่าเป็นทำเลทอง แต่ทำไมถึงไม่มีคนซื้อที่นี่กัน“ร้านนี้หรือที่เจ้าพูด จากที่ข้าดูภายนอกก็ดูดี และก็อยู่ในที่ ที่ดีเลยเหมาะแก่การเปิดร้าน” “ร้านนี่เพิ่งจะมาประกาศขายตอนเย็นของเมื่อวาน พวกท่านมาดูเป็นคนแรก ข้าเลยพาท่านมาดูที่นี่ก่อน พวกท่านว่าร้านนี้ดีหรือไม่” “ข้าอยากเข้าไปดูด้านในร้าน” “ท่านลองเข้าไปดูด้านในก่อน เจ้าของร้านคนเก่าขนของเอาออกไปหมดแล้ว ที่มีอยู่ก็เป็นบ้านโล่งๆ เท่านั้น ถ้าท่านอยากสร้างอะไรเพิ่มก็ทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่แต่ที่นี่ก็จะแพงเสียหน่อยเพราะอยู่ในทำเลที่ดี” พวกเธอเดินเข้ามาดูตั้งแต่ชั้นแรกไปจนถึงชั้นที่สาม เป็นแค่ห้องโล่งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย ส่วนด้านบนของร้านเป็นห้องพักหนึ่งห้อง ส่วนด้านนอกก็เป็นพื้นที่โล่ง เธอเห็นที่นี่ก็รู้สึกชอบ แต่เธอก็
เหมยฮวากลับมาที่โรงเตี๊ยม หลังจากที่เธอกินข้าวกันเสร็จแล้ว เธอคิดว่าเธอจะลองค้นหาเค้ก หรือขนมรูปแบบใหม่ๆ มาทำตอนเปิดร้านของเธอเสียหน่อย และวันที่เธอเปิดร้าน เธอก็จะทำเค้กกล้วยหอมแบบง่ายเพื่อแจกให้ผู้คน เพื่อทำให้ร้านค้าของเธอเป็นที่รู้จักเธอเปิดดูวิดีโอในโทรศัพท์ เกี่ยวกับคุณแม่ท้องแรก เธอเปิดเพลงให้ลูกน้อยของเธอฟัง เธอเอามือลูบท้องที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด นี่เธอกำลังจะเป็นแม่คนครั้งแรก เธอจะดูแลเด็กคนนี้ให้ดี ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ เธอตกลงสร้างร้านและตบแต่งของภายในร้านของเธอ ตอนนี้ช่างได้ทำการสร้างร้านค้าบนชั้นสามของเธอมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลืออีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ร้านค้าของเธอก็จะเสร็จเสียที ในระหว่างที่รอให้ร้านทำเสร็จอยู่นั้น เธอก็มองหาสิ่งของใหม่ๆ มาขายภายในร้านของเธอ ตอนนี้ร้านเครื่องหอมที่เธอทำอยู่ มีสบู่ ครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว และยังมีน้ำหอม เธอทำลิปบำรุงริมฝีปาก แต่เธอยังไม่ได้ทำลิปทาปากสีสวยๆ มาขายเลย เธอคิดว่าจะเริ่มทำลิปที่ทาแล้วให้ริมฝีปากดูน่าดึงดูด ขึ้นมาเธอมองดูแต้มในโทรศัพท์ที่เหลืออยู่แค่สองพันแต้มเท่านั้น เธอค้นหาวิธีทำลิปแบบแท่งซึ่งไม่มีขายในยุคนี้ เธอ
“ที่จริงข้าอยากได้ แค่สองสามคน ตอนนี้ข้าอยากได้ หญิงสาม ชายอีกสองคน ข้ามาคิดดูแล้ว ข้าอยากไปดูทาสตอนที่สร้างบ้านเสร็จเสียก่อนดีกว่า ข้าไม่รู้ว่าซื้อมาแล้วจะให้พวกเขาไปอยู่ที่ไหน พวกเราสามคน รวมทั้งป้าลี่ซื้อที่กำลังจะตามมาอีกคนก็คงจะพอแล้ว เอาไว้เมื่อทุกอย่างทำเสร็จทั้งหมดแล้ว ข้าค่อยไปหาซื้อทาสก็แล้วกัน” “เป็นความคิดที่ดีเจ้าคะนายหญิง ข้าไม่อยากให้ท่านทำอะไรกระชั้นชิดมากเกินไปนัก” เธอพูดคุยปรึกษากับพี่ลี่หลินมาตลอดทาง จนมาถึงร้านขายเครื่องเรือนพอดี“พี่เหมยฮวา ถึงร้านขายเครื่องเรือนแล้วขอรับ” หลังจากที่เสียงของหลีชางดังขึ้น เธอก็เดินเข้าไปดูภายในร้าน ที่มีโต๊ะหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ใช่แบบที่เธอต้องการอยู่ดี“ร้านของท่านมีของเท่านี้หรือ มีแบบโต๊ะและเก้าอี้อีกหรือไม่” “ร้านของข้ามีเท่านี้ ท่านอยากได้แบบไหนหรือ ข้าจะได้ดูว่ามีหรือไม่” เป็นชายอายุหกสิบหน้าตาใจดี พูดตอบเธอกลับมา เธอจึงรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับเขา“ข้าต้องการเก้าอี้แบบนี้ มีหรือไม่” ดีที่เธอวาดแบบเก้าอี้และแบบโต๊ะเอาไว้แล้ว“ข้าไม่เคยเห็นของแบบนี้ที่ไหนเลย แต่ถ้าท่านอยากได้แบบนี้ ข้าก็สามารถทำให้ท่านได้ แต่ข้าต
“หลีชางเจ้าบังคับม้าช้าๆ หน่อย นายหญิงกำลังท้องอ่อนๆ เจ้าต้องระวังให้มาก” “ข้าเข้าใจแล้วขอรับพี่ลี่หลิน ข้าจะบังคับรถม้าให้ช้า และเบาที่สุดเลย” ลี่หลินได้ยินแบบนั้น เธอก็สบายใจ“ข้าบอกนายหญิงแล้ว ว่านายหญิงไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงสบายใจหรือยังเจ้าคะ” “ข้าคงคิดมากไปจริงๆ นั่นแหละ ขอบคุณพี่ลี่หลินมากที่มาหาหมอเป็นเพื่อนข้า” “ข้ามีหน้าที่ดูแลนายหญิงอยู่แล้วเจ้าคะ นายหญิงเรียกใช้ข้าได้ตลอดเวลาเลย” เธอพลาดโอกาสมีลูกไปแล้ว เธอจะต้องดูแลนายน้อยที่กำลังจะเกิดมาให้ดี เสียดายก็แต่ว่า นายหญิงเลิกกับนายท่านไปเสียแล้ว ทำให้นายหญิงต้องเป็นหญิงม่ายลูกติด ซึ่งคนอื่นอาจจะมองนายหญิงไม่ดีได้ เธอหันไปมองนายหญิง ช่างน่าสงสารเสียจริง นายหญิงของเธอช่างอาภัพนัก“ถ้าข้าท้องแบบนี้ การเดินทางกลับเมืองสงบสุขก็คงต้องเลื่อนออกไปเสียแล้ว ข้าไม่อยากให้ลูกของข้าต้องเป็นอะไรระหว่างการเดินทาง” “ดีแล้วเจ้าคะ ให้แม่ของข้ามา ท่านจะได้ดูแลนายหญิงได้ นายหญิงจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล และเราต้องหาหมอทำคลอดเอาไว้ก่อนด้วย” “มีหลายอย่างที่ข้าต้องเตรียมพร้อมมากเลยสินะ ถ้าอย่างนั้น บ้านของข้าต้องทำห้องเตรียมไว
วันนี้เธอมีนัดกับช่างจางเหว่ เพื่อมาทำการประปรุงบ้านที่เธอเพิ่งซื้อมา เธอนัดกับช่างจางเหว่ยไว้ที่ร้านค้าของเธอ ช่วงนี้เธอรู้สึกแปลกกับร่างกายของเธอ เพราะเธอกินข้าวได้เยอะขึ้น แถมอยากกินของที่มีรสจัด และตอนนี้เธอมีหน้าท้องที่ป่องออกมา ประจำเดือนของเธอก็ไม่มานานมากแล้ว ตอนที่ประจำเดือนของเธอไม่มาครั้งแรก เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะร่างกายของเธอก็ไม่ได้แข็งแรงมากนัก ประจำเดือนจะมาบ้างไม่มาบ้างเป็นปกติ แต่ครั้งนี้ไม่มาติดต่อกันหลายเดือนแล้วหรือว่าเธอจะท้อง เพราะเธอมีอะไรกับอี้เฉิงครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไปก็เป็นเวลาสี่เดือนกว่าแล้ว เธอจะท้องหรือ เธอก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน เพราะเธอก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก ถ้าเธอท้องแล้วทำไมเธอถึงไม่มีอาการอะไรเลย เธอจะปรึกษาใครได้บ้าง พี่ลี่หลินน่าจะพอรู้ เพราะพี่ลี่หลินเคยแต่งงานมาก่อน แถมพี่ลี่หลินก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับเธอ นางก็น่าจะเข้าใจเธอที่สุดเธอเดินออกมาจากนอกห้องนอน เธอเดินไปหาพี่ลี่หลินในครัว เธอเห็นพี่ลี่หลินกำลังทำอาหารอยู่ เธอรอจนกว่าพี่ลี่หลินทำอาหารจนเสร็จแล้ว จึงเรียกพี่ลี่หลินออกมาคุย“พี่ลี่หลินท่านว่างหรือยัง” “นายหญิงม
“ทุกคนไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นกังวลเลย ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย การบังคับเกวียนม้าก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นัก ข้าทำได้อยู่แล้ว” ทำไมพวกเขาทุกคนที่รู้ว่าเธอบังคับเกวียนม้าเอง ต้องมีอาการตกใจเช่นนี้กันด้วย ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่เลย“นายหญิงถ้าท่านเป็นอะไรไปพวกข้าก็จะลำบากเช่นกันนะเจ้าคะ เห็นแก่พวกข้าเถอะนะ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ท่านบังคับเกวียนม้าได้หรือไม่ได้เจ้าคะ แต่วันนี้ท่านเพิ่งซื้อม้ามาใหม่ ม้าตัวนั้นยังไม่คุ้นชินกับท่าน มันอาจจะทำร้ายท่านได้” “ข้ายอมพวกเจ้าแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว พอใจพวกเจ้าแล้วหรือยัง” เธอก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ม้าตัวนี้เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ ดีที่มันไม่ดุร้าย เธอก็ทำอะไรใจร้อนเสียจริง“พอใจแล้วเจ้าคะ” “พอใจแล้วพี่เหมยฮวา” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน“เลิกคุยเรื่องนี้เสียที ข้าได้บ้านที่ถูกใจแล้ว ข้าจะให้ช่างจางเหว่ย เข้าไปปรับปรุง และเราค่อยเข้าไปอยู่ที่นั่นกัน ข้ายังต้องหาทาสมาเรียนรู้การทำงาน และสอนงานอีก” ที่เธอไม่จ้างคนงานมาทำงาน ก็เพราะว่าเธอจะไม่ต้องกังวลว่าทาสเหล่านั้นจะหักหลังเธอหรือไม่ หรือจะเอาสูตรการทำสบู่หรือของใช้ของเธอไปเผยแพร่ที่ไหน ถ้า
นายหน้าพาเธอนั่งเกวียนม้าเข้ามาที่ถนนรื่นเริง รถม้าขับพาเธอเข้ามาตามถนน เธอยังผ่านร้านค้าของเธอ ตลอดทางที่ผ่านเข้ามา มีร้านค้าอยู่หลายร้าน แต่ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรก็จะเห็นว่าเป็นบ้านคนเสียมากกว่า นายหน้าขับเกวียนม้าพาเธอมาจนถึงบ้านหลังสุดท้าย เป็นบ้านชั้นเดียว มีหลายห้อง ด้านหลังของบ้าน มีพื้นที่โล่งและมีบ่อน้ำอยู่ บ้านหลังนี้ทำไมถึงว่าง เธอสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอถูกใจบ้านหลังนี้ เพราะมันเป็นทางเดียวกันกับร้านค้าของเธอ แถมยังมีหลายห้องนอนอีกด้วย เธอต้องให้ช่างจางเหว่ยมาสร้างที่ทำสบู่ และเตาอบขนม มีพื้นที่ว่างแบบนี้เธอชอบ ต้องเปลี่ยนห้องน้ำใหม่ทั้งหมด ยังคงต้องซ่อมแซมอีกเยอะ“บ้านหลังนี้ทำไมถึงว่างหรือ ไม่ใช่ว่าท่านบอกกับข้า ว่าหาบ้านแถวนี้ยากไม่ใช่หรือ” “บ้านหลังนี้ มีประวัติ เจ้ากลัวผีหรือไม่” “ท่านจะบอกว่ามีคนตายในบ้านหลังนี้” “ใช่แล้วบ้านหลังนี้ เป็นบ้านของบัณฑิตผู้หนึ่ง เขาสอบติด และได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่แม่ของเขาไม่ได้ตามไปอยู่ด้วย จนมาวันหนึ่ง หญิงชราผู้นั้นก็นอนตายไปเฉยๆ เจ้ายังจะซื้อบ้านหลังนี้อยู่อีกหรือไม่” ถ้ามีคนอยู่เยอะ เธอก็ไม่ได้กลัวเรื่องผีอยู่แล้ว และอีกอย่างก็ไ
เธอเดินทางถึงเมืองหลวงในอีกสิบห้าวัน เธอไปร้านสรรค์สร้างเพื่อเอากุญแจร้านค้าที่เธอฝากเอาไว้ และก็พากันกลับไปที่ร้านค้าเครื่องหอม เธอเดินดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ช่างจางเหว่ยไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลย ร้านที่เขาปรับปรุงตรงกับความต้องการของเธอทั้งหมด ไม่แตกต่างจากร้านที่อยู่เมืองสงบสุขมากนัก เธอวางแผนว่าจะอยู่จนกว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ถึงจะกลับไปที่เมืองสงบสุข เธอต้องหาซื้อบ้าน และหาทาสเพิ่มอีกสองคนเอาไว้เฝ้าร้านที่อยู่ทางนี้ เมื่อเธอตรวจดูความเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมก้งเยว่ที่เธอได้เช่าทิ้งเอาไว้ เธอต้องมีบ้านอยู่ที่นี่สักหลังหรือไม่ หรือเธอจะรับลูกจ้างมาขายของที่ร้านของเธอดี แบบไปเช้าเย็นกลับ เมื่อเธอได้บ้าน เธอค่อยหาซื้อทาสมาเพิ่มอีก เธอเก็บของทุกอย่างที่ซื้อมาเอาไว้ในห้องว่างในร้านค้าของเธอก่อน และของส่วนมากเธอเก็บไว้ในช่องเก็บของ รวมถึงอาหารสดด้วยตอนนี้เธอเดินทางมาโรงเตี๊ยมก้งเยว่ ที่เธอได้เช่าทิ้งเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินทางไปเมืองทางใต้ลูกจ้างของโรงเตี๊ยมมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาก็ออกไปต้อนรับ พอสังเกตคนกลุ่มนั้นดีๆ ก็เป็นกลุ่มคนที่เคยเช่าห
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็น ผู้ใหญ่บ้านได้ขอตัวกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว พวกเธอเดินดูทะเลแถวนั้นอยู่อีกสักพัก ก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมที่เดิม เธอเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมก็ต้องแปลกใจ ที่มีคนเข้ามานั่งกินอาหารกันมากมายและทุกโต๊ะ เธอจะเห็นต้มยำกุ้งเป็นอาหารจานหลักของที่นี่ เธอเจอกับหลงจู๊ เขาทักทายด้วยการยิ้มให้เธอการเอาสูตรอาหารมาเผยแพร่ก็คงไม่เป็นอะไร เพราะประเทศจีนยุคนี้เป็นยุคที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ เธอจึงไม่กลัวที่จะเอาข้อมูลออกมาเผยแพร่ หรือเธอจะเขียนหนังสือสักเล่มดี เกี่ยวกับสัตว์น้ำทะเล ในเมื่อเธอก็มีข้อมูลจากโทรศัพท์อยู่แล้ว หรือบางทีเธออาจจะสั่งซื้อหนังสือสัตว์น้ำทะเลจากร้านค้าของเธอ เรื่องนี้เธอจะกลับไปลองคิดดูอีกครั้งเมื่อเธอว่าง“นายหญิงพรุ่งนี้ท่านจะกลับไปที่เมืองหลวงเลยไหมเจ้าคะ” ลี่หลินถามนายหญิง เธอจะได้จัดเตรียมของได้ถูกหมู่บ้านเธอก็เที่ยวดูมาหมดแล้ว เหลือแค่หมู่บ้านหาปลาที่เธอยังไม่ได้ไป เธอคิดว่าคงยังไม่กลับพรุ่งนี้ เพราะเธอต้องไปหาซื้อของก่อน พรุ่งนี้เธอจะไปที่หมู่บ้านหาปลาก่อนก็แล้วกัน“พรุ่งนี้ยังไม่กลับ พรุ่งนี้เราจะไปเช่ารถม้าที่สำนักคุ้มภัย และก็จ้างคนไว้ อีกวันเราถึงค่อ
“มีใครอยู่ไหมขอรับ” หลีชางตะโกนร้องเรียกอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง ที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก“มาแล้ว ใครกันมาเรียกข้า เสียงไม่คุ้นเลย” ผู้ใหญ่บ้านเปิดประตูออกมา ก็พบคนอยู่สามคน“พวกเจ้าเป็นใคร มาหาข้าเรื่องอะไร?” “ข้าชื่อเหมยฮวามาจากเมืองหลวง พอดีข้าไปเที่ยวริมทะเลของหมู่บ้านท่าน และข้าเกิดถูกใจที่ดินตรงนั้นไม่ทราบท่านพอขายให้ข้าได้หรือไม่” พวกเจ้าอยากมาซื้อที่ดินหรือ เข้ามานั่งคุยข้างในกันก่อน” หลายคนมาถามซื้อที่ดินกับเขาหลายครั้ง พอได้ฟังสาเหตุแล้ว ก็ไม่มีใครซื้อที่ดินตรงนั้นอีกเลย ทุกคนที่อยากซื้อก็หายกันไปเธอมานั่งตรงโต๊ะในบ้านของผู้ใหญ่ เธอมองดูไปรอบๆ ก็เห็นว่าบ้านของผู้ใหญ่เป็นบ้านไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก แต่พอดูดีกว่าบ้านหลังอื่นอยู่บ้าง หมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีบ้านหลังใหญ่เหมือนกับหมู่บ้านท่าเรือที่เธอไปมา“ข้าชื่อหวังตง เป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านน้ำเค็มแห่งนี้ เจ้าสนใจที่ดินติดทะเลตรงที่มีเนินสูงสวยๆ ตรงนั้นใช่หรือไม่ มีคนมาถามซื้อกับข้าหลายครั้งแล้ว แต่ก็ขายไม่ออกเสียทีเธอก็สงสัยที่ตรงนั้นสวยมาก จะต้องมีคนแย่งกันซื้อไม่ตกมาถึงมือของเธอแน่“ทำไมพวกเขาถึงไม่ซื้อกัน หรือที่ตรงนั้