อี้เฉิงมองจางเหว่ยเดินออกไป ชายผู้นี้เป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ และดูมีความลับอะไรบางอย่าง เขาต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เวลาเดินผ่านไปสองเดือน เธอขาดการติดต่อกับอี้เฉิงเธอยังคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เธอไม่รู้ว่าจะติดต่อกับอี้เฉิงได้อย่างไร ตอนนี้เธอเปลี่ยนชั้นสองของร้านเครื่องหอม ให้เป็นสถานที่นั่งเล่นยามเย็นไปเสียแล้ว เธอทำทางเดินด้านนอกขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้รบกวนกับการขายเครื่องหอมที่ชั้นหนึ่งของร้าน เธอทำชั้นที่สองที่มีขนาดกว้าง สร้างให้เหมือนกับร้านคาเฟ่ในโลกที่เธอจากมา เธอหาช่างที่มีความสามารถทำกระจกขึ้นมาได้ แต่กระจกที่ทำออกมาไม่เหมือนกับโลกที่เธอจากมา เพราะยุคสมัยนี้ยังไม่พัฒนาอะไรอีกหลายอย่าง เธอจึงซื้อกระจกที่ขายในร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอ เพื่อให้ช่างจ่างเหว่ยนำมันมาติดตั้งให้เธอ เธอโกหกเขาว่าเอามาจากเมืองที่มีคนตาสีฟ้า ซึ่งมีราคาที่แพงมาก ร้านของเธอมีทั้งเค้ก เครื่องดื่มที่เธอฝึกทำเองทั้งหมด และยังมีกาแฟสด ที่เธอเอาเมล็ดพันธุ์ไปทดลองปลูก ยังมีเมล็ดโกโก้อีกด้วย เมื่อผลตอบรับดี เธอก็ทำผงโกโก้และก็ผงกาแฟขายแยกต่างหากเธอฝึกทำเค้กหลากหลายแบบ แต่ทำไม่เยอะเท่าไหร่นัก เธอจ้างช่างให้ทำเค
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะรักษาความสะอาดของตัวข้าให้อย่างดี” หลีชางตอบเธอแล้ว ก็เดินตามลี่กังเข้าไปในเรือนที่เขาต้องอาศัยอยู่ บ้านหลังนี้ใหญ่เสียจริง การค้าขายสามารถทำเงินได้มากขนาดนี้เลยหรือ เขาหวังว่าเขาจะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นถ้าเขาทำงานกับพี่เหมยฮวาเธอเดินเข้ามานั่งพักที่ร้านเครื่องหอม ซึ่งภายในร้านก็จะมีห้องไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะ ส่วนมากเธอจะเข้ามานั่งคิดบัญชีภายในร้าน เธอยังไม่ได้ไว้วางใจให้ใครทำ เพราะเธอยังว่างอยู่ เธอจึงคิดว่าตัวเธอทำเองจะดีกว่า และเธอจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องของอี้เฉิงด้วย เธอจะเปิดร้านขายของอีกหนึ่งเดือน เธอก็จะลองเข้าไปในเมืองหลวงดู เพื่อหาร้านค้าเอาไว้เปิดร้านเครื่องหอม เป็นร้านสาขาที่สองของเธอ ตอนนี้เธอก็มีเงินเก็บเกือบหนึ่งหมื่นทองแล้ว รวมกับเงินที่ได้จากพี่ซิ่วอิง และร้านของท่านจางเหว่ย จึงทำให้เธอมีเงินมากเช่นนี้ เธอวาดแบบ เครื่องเรือนอีกสองชิ้นเพื่อให้เขาไปทำขาย เธอไม่ห่วงอยู่แล้ว เพราะเธอมีโทรศัพท์เป็นตัวช่วย เธออยากรู้อะไรก็แค่กดค้นหาได้เลยตอนนี้เธออยู่คนเดียวเธอจึงมีเวลาสำรวจโทรศัพท์ที่เธอได้มา ไม่ว่าเธอจะค้นหาชื่อสิ่งใด ของในร้านค้าก็มีให้เธอแทบทุกอย่า
เธอออกเดินทางมาตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ขบวนที่เธอมาด้วยจึงหยุดพัก เธอให้หลีชางจุดไฟเพื่อที่จะทำอาหารกินกัน“วันนี้เราจะทำอะไรกินกันหรือพี่เหมยฮวา” หลีชางจุดไฟและต้มน้ำตามที่พี่เหมยฮวาบอก ตอนนี้เขาสนิทกับนางจนเรียกนางว่าพี่สาวตามลี่อันไปเสียแล้ว“ข้าจะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน” เธอจะทำอาหารแบบง่ายๆ ก็คือต้มมาม่า เธอซื้อมาเก็บไว้เพื่อทำอาหารกิน พอน้ำที่หลีชางต้มไว้เดือดจนได้ที่แล้ว เธอใส่หมูและผักลงไป หลังจากนั้นเธอใส่เส้นที่เตรียมไว้ พร้อมทั้งตอกไข่ใส่ลงไปสิบห้าฟอง เธอทำเยอะเพราะเธอทำเผื่อผู้คุ้มกันที่มาคุ้มกันให้เธอในวันนี้ด้วย ขั้นตอนสุดท้ายเธอใส่เครื่องปรุงรสของเครื่องมาม่าที่อยู่ในซอง กลิ่นหอมลอยออกไปไกลทำให้ผู้อยู่ในขบวนสูดกลิ่นนั้น จนน้ำลายไหล“กลิ่นหอมมาจากที่ไหนกัน ช่างชวนน้ำลายข้าไหลเสียจริง” หญิงสาวที่อยู่ในรถม้าที่ดูหรูหรา เธอถามกับบ่าวรับใช้“กลิ่นมาจากท้ายขบวนเจ้าค่ะคุณหนู ไม่รู้ชาวบ้านพวกนั้นทำอะไรกิน กลิ่นช่างหอมเสียจริง คุณหนูให้ข้าไปดูให้ไหมเจ้าคะ” “ของกินของผู้อื่นเจ้าจะไปถามได้หรือ เราก็กินของเราไปก็พอ” ถึงเธอจะอยากรู้เธอก็ไม่กล้าให้บ่าวเข้าไปซักถามหรอก บ้านของเธอก็
“ที่นี่มีห้องพักแบบสามห้องรายเดือนหรือไม่” “ถือว่าท่านมาถูกที่แล้ว เรามีห้องพักที่มีสามห้องรวมกัน และยังมีพื้นที่ให้นั่งเล่นอีกด้วย ท่านอยากลองเข้าไปดูก่อนหรือไม่ ราคาที่พักก็ไม่แพง ถ้าท่านจะเช่ารายปี ข้าก็จะลดราคาให้” “ข้าจะลองเข้าไปดูก่อน ถ้าถูกใจข้าจะเช่าที่นี่ ข้าอยากพักแค่สามเดือนก่อน” “ได้ขอรับ พวกท่านตามข้าเข้ามาเลย” วันนี้เขาได้ลูกค้าเข้าพักตั้งสามคน เจ้านายของเขาคงจะดีใจมาก กิจการโรงเตี๊ยมในเมืองหลวงเปิดแข่งกันหลายที่ เมื่อก่อนโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็มีคนเข้าพักเยอะ พอมีโรงเตี๊ยมใหม่ๆ ก่อตั้งขึ้นมา คนที่จะเข้าพักที่นี่ก็น้อยลงทุกที ทั้งที่เจ้านายของเขาก็ทำอาหารอร่อยและก็ห้องพักก็สะอาดมากด้วยเช่นกันเหมยฮวาเดินตามพนักงานของร้านเข้ามาดูห้องที่เธอจะเข้าพัก พอเธอเห็นห้องพักก็ถูกใจทันที เธอเปิดประตูห้องหนึ่งเข้าไป ก็ยังมีอีกสามห้องเชื่อมต่อกัน และยังมีพื้นที่ให้ทำกับข้าวกินเองได้ด้วย ที่นี่ดีมากทำไมร้านดีๆ แบบนี้ถึงมีลูกค้าน้อยกันนะ“ข้าขอเช่าที่นี่สามเดือนก่อน ถ้าข้าจะเช่าต่อข้าจะบอกกับเจ้าอีกที ที่นี่มีคนเข้าพักเยอะหรือไม่” “ข้าขอบอกกับพวกท่านตามตรง ที่นี่มีคนเข้าพักน้อยลงมา
“ถ้าแบบนั้นข้าจะพาไปดูบ้านทั้งสองหลัง หลังหนึ่งเป็นร้านสามชั้น แต่ไม่มีบ้านด้านบนของร้านมีห้องพักให้นอนพัก ข้าว่า ถ้าท่านจะเปิดร้านขายของที่นี่ก็ดีมากเลย” เธอพูดคุยกับนายหน้าไปเรื่อยๆ ก็เดินมาถึงหน้าร้านที่นายหน้าพูดถึงพอดี เธอมองเห็นเป็นร้านที่ยังดูดีอยู่มีทั้งหมดสามชั้น บริเวณโดยรอบเป็นร้านค้าอยู่อีกหลายร้าน ถึงว่าเป็นทำเลทอง แต่ทำไมถึงไม่มีคนซื้อที่นี่กัน“ร้านนี้หรือที่เจ้าพูด จากที่ข้าดูภายนอกก็ดูดี และก็อยู่ในที่ ที่ดีเลยเหมาะแก่การเปิดร้าน” “ร้านนี่เพิ่งจะมาประกาศขายตอนเย็นของเมื่อวาน พวกท่านมาดูเป็นคนแรก ข้าเลยพาท่านมาดูที่นี่ก่อน พวกท่านว่าร้านนี้ดีหรือไม่” “ข้าอยากเข้าไปดูด้านในร้าน” “ท่านลองเข้าไปดูด้านในก่อน เจ้าของร้านคนเก่าขนของเอาออกไปหมดแล้ว ที่มีอยู่ก็เป็นบ้านโล่งๆ เท่านั้น ถ้าท่านอยากสร้างอะไรเพิ่มก็ทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่แต่ที่นี่ก็จะแพงเสียหน่อยเพราะอยู่ในทำเลที่ดี” พวกเธอเดินเข้ามาดูตั้งแต่ชั้นแรกไปจนถึงชั้นที่สาม เป็นแค่ห้องโล่งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย ส่วนด้านบนของร้านเป็นห้องพักหนึ่งห้อง ส่วนด้านนอกก็เป็นพื้นที่โล่ง เธอเห็นที่นี่ก็รู้สึกชอบ แต่เธอก็
เธอมองจนเขาเดินลับสายตาไป เธอหวังว่าเขาจะมีเหตุผลมาอธิบายให้เธอฟัง หรือถ้าเขาจะไปก็ควรบอกอะไรกับเธอบ้างก็ยังดี“นายหญิงท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ” ลี่หลินตัดสินใจถามออกไป เมื่อเธอเห็นสีหน้าที่ดูเศร้าหมองของนายหญิง“พี่เหมยฮวาเป็นอะไรหรือ” หลีชางที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วย ถามขึ้นมา“ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้ารีบกินข้าวเถอะ” เธอไม่อยากต้องให้ทุกคนมาเป็นกังวลในเรื่องของเธอเธอกินข้าวเสร็จแล้วก็มุ่งตรงไปที่ร้านสรรค์สร้างเพื่อติดต่อเรื่องการสร้างร้านแห่งที่สอง เธอตกลงนัดวันเข้ามาปรับปรุงร้านเมื่อตกลงทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็กลับมาที่โรงเตี๊ยมที่เธอพักอยู่ เธอนั่งเหม่อลอยตรงริมหน้าต่าง เธอยังคิดในเรื่องที่ดี ใจของเธอก็ยังเข้าข้างอี้เฉิง แต่อีกใจเธอก็เจ็บปวดเมื่อนึกถึงเขากับผู้หญิงคนอื่น เธอคิดถึงเรื่องนั้นวนไปวนมาจนตะวันตกดินไปตอนไหน เธอก็ยังไม่รู้ตัว“นายหญิงกินข้าวหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” ลี่หลินถามออกมาด้วยความเป็นห่วง“ข้าไม่หิว” เหมยฮวาตอบออกไป“พี่ลี่หลิน พี่เหมยฮวาเป็นอะไรหรือ ตั้งแต่กลับมาจากโรงเตี๊ยมที่เรากินข้าวกัน นางก็เงียบมาตลอด” หลีชางถามออกไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้สังเกตอาการของพี่เหมยฮ
เหมยฮวาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ยามเว่ยแล้ว เธอนอนหลับไปนานขนาดนี้เลยหรือ เธอยอมรับว่าเสียใจเรื่องอี้เฉิง เมื่อเธอเลือกที่จะตัดใจแล้ว เธอก็จะไม่พยายามคิดถึงเรื่องของเขาอีก เธอเตรียมตัวจะลุกขึ้น เธอก็รู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยของเธอ เธอนั่งลงจนอาการนั้นดีขึ้นแล้ว เธอก็เดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอทาแป้งปกปิดดวงตาที่บวมแดงของเธอ ในโลกของเธอนั้นการหย่าร้างเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเขาเลือกผู้หญิงคนนั้น เธอก็จะยอมเซ็นชื่อในใบหย่าให้เขาไม่เป็นไร เธอเก่งอยู่แล้วเหมยฮวา เธอให้กำลังใจตัวเอง ก่อนที่เธอจะออกไปพบเจอกับทุกคน“นายหญิง ท่านหิวข้าวหรือไม่” ลี่หลินที่รอนายหญิงออกมาจากห้อง เธอก็รีบเดินเข้าไปถามนางทันที“ข้าหิวมากเลยพี่ลี่หลิน ท่านมีอะไรให้ข้ากินบ้าง ข้าอยากกินข้าวต้มและผักดอง” เธอยังมีอาการมึนหัวหลังจากที่เธอกินไวน์ เกือบหมดขวด เธอไม่เคยกินพวกมันมาก่อนเลย เมื่อคืนเธอคงเสียใจมาก จนห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ไหวเธอคิดว่าเมื่อช่างเข้ามาปรับปรุงร้านค้าให้เธอ เธอก็จะเช่ารถม้าเดินทางไปทางใต้ก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการร้านค้าที่เมืองหลวงอีกครั้งตอนปรับปรุงร้านเสร็จแล้ว ที่จริงเธอกลัวที่จะเจอกับอี้เฉิง
“โรงเตี๊ยมนั่นข้ารู้จัก ข้าเคยเข้าพักที่นั่นมาก่อน ถ้าข้าพบปัญหาตรงไหนของการปรับปรุงร้านค้า ข้าจะไปหาท่าน แต่ข้าคิดว่าคงไม่ได้ไปหาท่านเพราะทุกอย่างไม่ได้มีอะไรที่ข้าต้องทำมากนัก ข้าขอให้ท่านเดินทางอย่างปลอดภัย ข้าต้องไปก่อน เพราะข้ายังต้องไปดูงานอีกหลายที่” “ท่านจางเหว่ยคงยุ่งมาก ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” เธอบอกลานายช่างจางเหว่ย และเธอก็ให้หลีชางไปติดต่อที่สำนักคุ้มภัยในเมืองหลวง เธอจ้างคนมาแค่หกคนเท่านั้น เพราะตอนที่เธอไปก็ไม่ได้มีสินค้าอะไรมากนัก แถมเธอยังมีปืนที่เธอฝึกยิงอยู่ทุกวัน เธอเอาแต้มไปซื้อปืนมาอีกสองกระบอก เธออยากให้หลีชางและพี่ลี่หลินหัดยิงปืน เผื่อว่าต้องใช้ในสักวันหนึ่ง แต่เธอไม่ได้ให้พวกเขาพกติดตัวหรอก เพราะมันเป็นของอันตราย เธอกลัวว่าทั้งสองคนจะพลาดไปยิงใส่ใครเข้าโดยที่ไม่ตั้งใจผ่านไปอีกสองวัน เธอเตรียมของทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอก็เร่งเดินทางออกจากโรงเตี๊ยมทันที เธอไม่ได้คืนห้องที่โรงเตี๊ยมก้งเยว่ เธอคิดว่าถ้ากลับมาเธอจะได้มีที่พัก เพราะที่ร้านค้าของเธอคงไม่สะดวกเท่าไหร่นักทั้งหกคนที่เธอจ้างมาจากสำนักคุ้มภัย เป็นชายหนุ่มร่างใหญ่และดูแข็งแรง แต่ละคนก็ไม่ค่อยพูด เธอถามอะไ
เวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า
“ท่านตื่นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่” เธอถือถ้วยข้าวต้มที่พี่ลี่หลินทำเอาไว้ก่อนที่จะออกไปขายของที่ร้านเครื่องหอม นำมาให้เขาได้กิน“ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ” “โกรธสิ ข้าโกรธที่ท่านไม่หลบข้าเมื่อคืนนี้ ท่านอยากตายหรือไร ใยท่านต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” “ใครกันจะอยากตาย แต่เจ้าก็ไม่ฟังเหตุผลของข้าเลย ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ ลูกของเราก็กำลังจะเกิดมาแล้ว เขาจำเป็นต้องมีพ่อ” เขาพูดขอโทษกับนางอีกครั้ง เขาไม่คิดว่านางจะใจแข็งเช่นนี้“ข้าให้อภัยท่านก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะพาลูกหนีท่านไม่ให้ท่านหาพวกข้าเจอได้อีก” เขาได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก เขาดีใจจนลืมไปว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่ “โอ้ย! เจ็บ” “ท่านทำไมต้องดีใจขนาดนั้น เป็นอย่างไรบาดแผลของท่านเลือดออกเลย เห็นหรือไม่ ท่านต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ทุกวัน ท่านหมอบอกมา” “ข้าบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ข้าได้หรือไม่” เขาอยากอ้อนนาง เขาดีใจมาก ถือว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของเขาไม่เสียเปล่าแล้ว“ก็ได้ ข้าเห็นว่าท่านบาดเจ็บมาก ข้าจะทำแผลและพันแผลให้ท่านใหม่เอง แต่ท่านต้องกินข้า
“ข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีโอกาสนั้น ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ที่จริงข้าอยากบอกกับเจ้าหลายอย่าง ผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าเห็น ข้าไม่เคยรักนาง นางเป็นคนที่ทำร้ายข้า ข้ากลัวว่านางจะมาทำร้ายเจ้า ข้าจึงได้ทำเช่นนั้นลงไป ข้ามันโง่เสียจริง หวังว่าเจ้าคงไม่โกรธข้า เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่” “ข้ารู้แล้ว ข้าไม่โกรธท่านแล้ว ท่านอย่าพูดอีกเลย เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” “ข้าง่วงเหลือเกิน ข้าขอนอนสักพักได้หรือไม่” “ไม่ได้! ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ถ้าท่านหลับข้าจะไม่ให้อภัยท่าน ลูกก็จะโกรธท่านเช่นกัน” เธอพูดตอบเขาเสียงสั่น เธอไม่น่าเลย ถ้าเธอยอมที่จะพูดคุยกับเขา เขาก็คงไม่เจอเรื่องเช่นนี้“นายหญิงท่านหมอมาแล้วเจ้าคะ” ลี่หลินรีบวิ่งเข้ามาบอกนายหญิง ที่นั่งร้องไห้กอดนายท่านอยู่ภายในห้องนอน“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะดูแลคนเจ็บเอง พวกเจ้าเตรียมน้ำอุ่นเอามาให้ข้าด้วย” “ข้าเตรียมน้ำอุ่นมาแล้วท่านหมอ” ลี่ซือเอาน้ำอุ่นที่เตรียมไว้พร้อมผ้าสะอาด นำไปวางไว้ภายในห้องของท่านหมอ“ข้าจะอยู่กับเขา ให้ข้าอยู่กับเขาได้หรือไม่” “เจ้าอยู่กับเขา ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้หรอก เจ้าออกไปอยู่ด้านนอกนั่นแหละ ข้ารักษาเข
เธอส่งไซมอนกลับไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอช่วยทุกคนเก็บร้านและเตรียมของเอาไว้ขายในวันพรุ่งนี้ กว่าที่เธอจะได้กลับไปพักที่โรงเตี๊ยมก็เป็นยามซวี ท้องของเธอก็แข็งเป็นพักๆ ลูกของเธอคงจะเหนื่อยมากในวันนี้ เธอให้หลีชางไปส่งพวกเธอที่โรงเตี๊ยม และให้เขากลับมานอนเฝ้าที่ร้านเครื่องหอม เธอจึงกลับไปพักกับพี่ลี่หลิน และป้าลี่ซือ ซึ่งสองแม่ลูกก็นอนพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนกินข้าวมาจากที่ร้านเครื่องหอมจนอิ่มแล้ว ก่อนที่จะมาพักในโรงเตี๊ยม จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน“นายหญิงหิวไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าต้มข้าวต้มและทำกับข้าวไว้ให้ท่านทานยามดึก เผื่อว่าท่านจะหิว” ลี่ซือกลัวว่าถ้านายหญิงหิวตอนกลางดึกจะไม่มีอะไรกิน“ก็ดีเหมือนกัน ท่านไม่ต้องทำไว้เยอะมากก็ได้” เธอตอบป้าลี่ซือกลับไป ที่จริงถ้าเธอหิว เธอก็แค่ซื้อของจากร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอมากินก็ได้หลังจากที่ป้าลี่ซือเตรียมอาหารไว้ให้เธอจนเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกันเข้าไปนอนตามห้องของตัวเอง เธออาบน้ำจนสบายตัว และเตรียมตัวจะเข้าไปพักผ่อน แต่ก็แปลกที่วันนี้อี้เฉิงไม่ได้มากวนใจเธอเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาคงถอดใจไปแล้วก็ได้เธอเปิดเข้ามาในห้องนอ