แต่ฉันไม่ถือ เพราะฉันเชื่อว่าเขาสามารถสร้างอนาคตที่ดีให้กับเราได้เหตุการณ์ที่แตกคอกับชุยเหยาจริงๆ คือหลังจากวันเกิดเธอหนึ่งสัปดาห์ วันนั้นฉันไปส่งข้าวให้เซี่ยหลิน พวกเราเรียนจบมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ เพราะรอตอบคำถามวิทยานิพนธ์ เซี่ยหลินจึงเปิดสอนเด็กนักเรียนแถวบ้านฉันเห็นเองกับตาว่าชุยเหยาจูบเซี่ยหลินต่อหน้าต่อตาเด็กๆ และผู้ปกครองของเด็กพวกนั้น ทั้งยังประกาศว่าเป็นแฟนของเธอด้วยฉันรับไม่ได้ คนหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉัน อีกคนเป็นคนที่ฉันรัก พวกเขารวมหัวกันหักหลังฉันแบบนี้ได้ยังไงดังนั้น หลังจากกลับบ้าน ฉันเลยทะเลาะกับเซี่ยหลิน และขอเลิกกับเขาชุยเหยามาถึงบ้านฉัน ก็ขอโทษฉันบอกว่าเธอแค่ต้องการหาแรงบันดาลใจในการวาดภาพเท่านั้น ฉันโกรธเลยให้เธออยู่ข้างนอก แล้วถามเธอด้วยตาแดงก่ำว่าเธอชอบเซี่ยหลินจริงๆ ไหม ถ้าชอบจริง เราสองคนสามารถแข่งกันอย่างยุติธรรมได้เธอส่ายหน้า แล้วตอบว่า ไม่ได้ชอบจริงๆนับแต่นั้นมา ชุยเหยาก็หายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เธอปิดบังทุกคนไว้ได้ แต่ไม่อาจปิดบังฉันที่รู้รหัสผ่านของเธอทั้งหมดได้ ฉันหาตัวเธอพบที่สตูดิโอร้างของมหาวิทยาลัยในสตูดิโอ เป็น
ฉันกับเซี่ยหลินเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กตั้งแต่เด็ก เราต่างก็รู้ดีว่าเราเป็นของกันและกันเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่น พวกเราทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบที่สุดของกันและกันฉันทำกับข้าว ซักผ้าให้เขา ฤดูหนาวก็ถักถุงมือและผ้าพันคอให้ ส่วนเขาจะต้มน้ำตาลแดงยามปวดท้องให้ฉัน เตรียมของขวัญสำหรับวันสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เขาก็ละเอียดรอบคอบและใส่ใจอยู่เสมอเราทั้งสองเรียนคณะวิจิตรศิลป์เหมือนกัน เขาเรียนเกี่ยวกับการวาดภาพน้ำมัน ส่วนฉันเรียนเกี่ยวกับการเขียนภาพสเกตช์ เราต่างมีความฝันเหมือนกัน คือ การได้เป็นจิตรกรชื่อดังเหมือนปีกัสโซ และแวนโก๊ะ ความสัมพันธ์ระหว่างเราดีมาตลอด ซ้ำยังตั้งใจว่าจะแต่งงานกันเมื่อถึงอายุที่กฎหมายกำหนดจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง ทำให้เซี่ยหลินต้องสูญเสียมือข้างขวาไปฉันจำได้เพียงฉากที่รถคันนั้นเหยียบซ้ำที่แขนของเขาไปมาในตอนนั้น เหมือนกับเจ้าแห่งนรกมายึดพรสวรรค์ของอัจฉริยะไปอย่างไรอย่างนั้น นับแต่นั้นมา เซี่ยหลินก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนเงียบ ไม่ชอบพูดจา อารมณ์ร้ายถึงขนาดลงมือกับฉันเป็นบางครั้งแต่เขายังยืนหยัดในการวาดภาพต่อ โดยเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายแ
ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันนอนอยู่บนโซฟาในบ้านด้วยท่าทีสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เซี่ยหลินยกเค้กออกมาจากห้องครัวก้อนหนึ่ง ทำเอาฉันตกใจจนสะดุ้งโหยงฉันตกพบว่าแผลที่ถูกแทงบนร่างกายของฉันหายไปเป็นปลิดทิ้ง แม้แต่ความรู้สึกเจ็บปวดก็ไม่มีอีกต่อไปราวกับเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแววตาของเซี่ยหลินยังคงอ่อนโยนเหมือนก่อน “เซอร์ไพรส์ใช่ไหมล่ะ เร็วเข้า รีบมาทานเค้กเร็ว ก่อนหน้านี้คุณบ่นอยากกินเค้กร้านนี้ไม่ใช่เหรอ ผมออกไปต่อแถวตั้งแต่ตีห้าแหนะ”“สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณหนูเหยาคนสวย ขอให้มีความสุขมากๆ สมปรารถนานะ”มีความสุขมากๆ สมปรารถนา!ฉันมองไปที่แขนข้างซ้ายที่ปกติดีของเซี่ยหลิน แล้วตกใจจนเหงื่อท่วมตัวฉันเกิดใหม่ เกิดใหม่ในวันที่เซี่ยหลินเกิดอุบัติเหตุ เหตุการณ์นองเลือดเมื่อชาติก่อนยังคงติดตา ฉันอยากหนีไปอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนว่าตัวจะร้อนแค่ไหน เพียงแค่อยากหนีไปจากฝันร้ายนี้เซี่ยหลินสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ คิดว่าทำอะไรให้ฉันไม่พอใจ เขาถือเค้กไว้ในมือ แล้วเดินตามหลังฉันไปจนออกจากหมู่บ้านไปฉันยิ่งวิ่งยิ่งเร็ว ยิ่งวิ่งยิ่งได้สติ จากนั้นถึงจะค่อยๆ หยุดลงใช่แล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน
เซี่ยหลินนอนโรงพยาบาลอยู่สองเดือน วันที่ออกจากโรงพยาบาล ฉันเป็นคนมารับเขา ตอนที่เห็นหน้าครอบครัวคู่กรณี ฉันไม่ได้โกรธเหมือนตอนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยวิกฤต ซ้ำยังพยักหน้าทักทายพวกเขาอย่างใจเย็นสองเดือนผ่านไป เซี่ยหลินผอมลงมาก แววตาก็ไม่สดใสและมีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป แต่ปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศกที่พูดไม่ออก ผู้ชายที่มีชีวิตชีวาในตอนนั้นได้กลายมาเป็นคนไม่สบประกอบในตอนนี้หลังจากกลับไปถึงบ้าน ฉันก็เริ่มหลบหน้าเขา เพราะเหตุการณ์เมื่อชาติก่อนได้กลายเป็นฝันร้ายที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับไปแล้วเซี่ยหลินที่เดิมรู้สึกผิดอยู่แล้ว พอเห็นท่าทีของฉัน เขาก็ยิ่งมองโลกในแง่ร้าย และใช้อารมณ์กับฉันบ่อยๆ “คุณเห็นว่าผมเป็นไอ้พิการ ก็เลยอยากหนีไปจากผมใช่ไหมล่ะ? อ้อ ไม่สิ คุณอยากไปจากผมตั้งนานแล้ว อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคุณกับรุ่นพี่ที่แซ่หลินของคุณนั่นมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้พอดีเลยสิ ผมพิการ คุณก็สามารถไปหาเขาได้แล้ว!”รุ่นพี่คนนั้นที่เขาหมายถึงเป็นคนในชมรมที่มหาวิทยาลัย ชื่อหลินหยุนความจริงฉันกับเขาไม่ถือว่ามีความสัมพันธ์กันหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะนิทรรศการของชมรมครั้งนั้น พวกเราก็คงไม่เกี่ยวข้องกัน เพรา
จากปากของเซี่ยหลิน ฉันได้ยินเรื่องราวที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงในเรื่องราวนั้น ฉันและเซี่ยหลินยังคงเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่ง เขาฝันอยากจะเป็นจิตรกรเหมือนปีกัสโซ และแวนโก๊ะตั้งแต่เด็ก ใช้พู่กันของเขาวาดเขียนโลกสำหรับเราสองคนออกมาสิ่งที่ต่างไปจากเรื่องราวของฉัน คือ ในโลกของเขา สามเดือนก่อนที่เราจะแต่งงานกัน ฉันเห็นฉากอุบัติเหตุครั้งใหญ่เกิดขึ้น ตั้งแต่นั้นมา เซี่ยหลินก็เห็นว่าฉันผิดแปลกไปฉันมักจะจินตนาการว่าคนที่เกิดอุบัติเหตุนั้นคือเขา หรือไม่ก็ตัวเอง มักจะถือตุ๊กตาผ้าไปยืนอยู่ตรงระเบียง แล้วโยนมันลงมาจากชั้นบนแรงๆ แล้วบอกว่า นั่นเป็นตัวแทนของฉัน เป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบที่สุดเขากังวลมากจึงพาฉันไปหาหมอ หลังจากที่หมอทำการตรวจวินิจฉัยต่างๆ นานา ก็ยืนยันว่าฉันเป็นโรคจิตเภทฉันถูกบังคับให้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันเกิดของฉัน เซี่ยหลินอยากพาฉันกลับไปฉลองวันเกิดด้วยกัน แต่ฉันกลับหนีไปหาจี้เสวี่ย แล้วจินตนาการว่าตัวเองได้เกิดใหม่ แต่งเรื่องจินตนาการไร้สาระนี้ออกมา เพื่อปิดบังโรคของฉัน เขาจึงให้จี้เสวี่ยโกหกฉันว่า เขาถูกรถชนจริงๆ และให้จี้เสวี่ยแสร้งเหมือนปกป้องฉัน เพื
เซี่ยหลินตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่หยุดฉันหยิบแขนเทียมและตั๋วรถไฟถามเขา “พวกนี้หมายความว่ายังไง”เขากลับโยนภาพถ่ายปึกหนึ่งใส่หน้าฉัน ในภาพถ่ายมีทั้งรูปแนบชิดสนิทสนมของชายหญิง รูปสวีทกันริมทะเล รูปจูบกันในป่าลับ รูปชุดคู่รักหวานแหววในห้าง และรูปบนเตียงบาดตาบาดใจอีกบางส่วน รวมถึงร่างอนาถฉันจำผู้หญิงในรูปได้ทันที ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นเพื่อนสนิท และคุ้นเคยที่สุด จี้เสวี่ยฉากที่เต็มไปด้วยเลือดทำให้ตาของฉันพร่ามัว ฉันปิดปากไม่ให้ตัวเองอ้วกออกมา“คุณ…คุณฆ่าจี้เสวี่ยเหรอ?”“ฆ่า?”เซี่ยหลินยิ้มออกมา “ผมขอเรียกมันว่า การเก็บข้อมูลดีกว่า”มองดูสายตาที่ไร้ความอบอุ่นของเขาแล้ว ฉันก็รู้สึกตัวสั่นขึ้นมา“ทำไม?” ฉันตัวพิงพนัง พยายามระงับความสั่นเทาของตัวเอง “ถ้าคุณไม่รักฉัน คุณก็บอกฉันตรงๆ สิ ทำไมต้องปลอมใบรับรองแพทย์โรคจิตเภทของฉัน แล้วสร้างเรื่องมากมายขนาดนี้ด้วย?”เขาถอนแขนเทียมออกทันใด เผยให้เห็นแขนขวาของเขาที่เป็นแผลรอยเย็บอันน่าเกลียดน่ากลัว แลดูเหมือนถูกตัดไปทั้งแขน “เป็นเพราะคุณทั้งหมดเลย เพราะคุณเพอร์เฟคเกินไป ตอนที่คุณอยู่ คุณจะนำหน้าผมก้าวหนึ่งเสมอ ฐานะทา