แชร์

บทที่ 2

ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันนอนอยู่บนโซฟาในบ้านด้วยท่าทีสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เซี่ยหลินยกเค้กออกมาจากห้องครัวก้อนหนึ่ง ทำเอาฉันตกใจจนสะดุ้งโหยง

ฉันตกพบว่าแผลที่ถูกแทงบนร่างกายของฉันหายไปเป็นปลิดทิ้ง แม้แต่ความรู้สึกเจ็บปวดก็ไม่มีอีกต่อไปราวกับเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แววตาของเซี่ยหลินยังคงอ่อนโยนเหมือนก่อน “เซอร์ไพรส์ใช่ไหมล่ะ เร็วเข้า รีบมาทานเค้กเร็ว ก่อนหน้านี้คุณบ่นอยากกินเค้กร้านนี้ไม่ใช่เหรอ ผมออกไปต่อแถวตั้งแต่ตีห้าแหนะ”

“สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณหนูเหยาคนสวย ขอให้มีความสุขมากๆ สมปรารถนานะ”

มีความสุขมากๆ สมปรารถนา!

ฉันมองไปที่แขนข้างซ้ายที่ปกติดีของเซี่ยหลิน แล้วตกใจจนเหงื่อท่วมตัว

ฉันเกิดใหม่ เกิดใหม่ในวันที่เซี่ยหลินเกิดอุบัติเหตุ เหตุการณ์นองเลือดเมื่อชาติก่อนยังคงติดตา ฉันอยากหนีไปอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนว่าตัวจะร้อนแค่ไหน เพียงแค่อยากหนีไปจากฝันร้ายนี้

เซี่ยหลินสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ คิดว่าทำอะไรให้ฉันไม่พอใจ เขาถือเค้กไว้ในมือ แล้วเดินตามหลังฉันไปจนออกจากหมู่บ้านไป

ฉันยิ่งวิ่งยิ่งเร็ว ยิ่งวิ่งยิ่งได้สติ จากนั้นถึงจะค่อยๆ หยุดลง

ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน และเป็นวันที่เกิดโศกนาฏกรรมนั่นด้วย เดิมทีเราตกลงกันไว้ว่าจะทำของ DIY ด้วยกันตอนเย็น ขอแค่ระหว่างนั้นฉันไม่ดื่มชานมแก้วนั้น ไม่ปล่อยให้เขาหลุดจากสายตาของฉัน ขอแค่เหตุการณ์เลวร้ายนั่นไม่เกิดขึ้น เช่นนั้นพวกเราก็ยังเป็นพวกเรา!

ช่วงเวลาดีๆ แสนหวานชื่นปรากฏขึ้นในความทรงจำไม่หยุด ฉันยังคงรักเขาอยู่

ฉันตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะเปลี่ยนโชคชะตานี้!

ฉันหันกลับไปมองเขาที่วิ่งตามออกมาจนเหงื่อชุ่มไปหมดทั้งตัว แล้วยิ้มฝืนออกไป “เป็นไง ฉันก็เตรียมเซอร์ไพรส์ให้คุณเหมือนกันนะ คิดไม่ถึงน่ะสิ?”

เขาใช้มือดีดจมูกของฉันอย่างอ่อนโยน “โตขนาดนี้แล้วยังดื้ออีก เป็นเด็กดื้อของผมจริงๆ ถ้าทำให้ผมตกใจอีกล่ะก็ ผมจะ…ผมจะไม่ให้คุณทานเค้กที่ผมทำเล่า”

เขาตักเค้กป้อนให้ฉันคำหนึ่ง เค้กหวานมาก หวานจนฉันรู้สึกเปรี้ยวในใจ

ดีจัง เขาในตอนนี้ยังเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบของฉัน ยังเป็นผู้ชายที่มีชีวิตชีวาคนนั้น

หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ ฉันอธิษฐานขอให้เขาอยู่กับฉันดีๆ และดึงเขาไว้ไม่ให้ออกไปไหน เราทั้งสองนอนดูหนังอยู่บนโซฟา เวลาค่อยๆ ผ่านไปเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูใหญ่ ในที่สุด เข็มนาฬิกาก็เดินผ่านช่วงเวลาหกโมงเย็นไป ฉันถึงจะโล่งอกไปเฮือกใหญ่

เซี่ยหลินมองฉันด้วยสายตาแปลกประหลาด “ทำไมผมรู้สึกว่าคุณเหมือนอยู่ในสนามรบครั้งใหญ่อย่างนั้นแหละ กังวลขนาดนั้นทำไม? เพราะใกล้จะถึงช่วงตอบคำถามวิทยานิพนธ์แล้วหรือเปล่า คุณก็เลยรู้สึกเหนื่อย? วางใจเถอะน่า มีผมอยู่ด้วย ไม่มีทางที่องค์หญิงของเราจะไม่ผ่านหรอก”

ฉันส่งยิ้มวางใจให้กับเขา

“จริงสิ คุณอยากดื่มชานมไหม คราวก่อนคุณบอกว่าอยากดื่มชานมรสเผือกเมนูใหม่ของร้านชาแพนด้าไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวผมไปซื้อให้”

เพิ่งโล่งใจไปได้ไม่นาน ความรู้สึกกังวลนั่นก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง ฉันดึงเขาไว้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ไม่ต้อง ฉันไม่อยากดื่ม วันนี้ฉันไม่อยากดื่มชา”

เมื่อเห็นเขาจ้องฉันด้วยสายตาที่สงสัยว่าฉันไม่สบายแล้ว ฉันจึงดึงแขนของเขาแล้วพูดจาออดอ้อนว่า “วันนี้ได้หยุดทั้งที ฉันแค่อยากอยู่กับคุณนานๆ นี่นา ทำไมล่ะ คุณไม่อยากอยู่กับฉันเหรอ?”

เซี่ยหลินลูบศีรษะฉันอย่างเอ็นดู “เด็กโง่ ตามใจคุณแล้วกัน”

เวลาผ่านไปจนถึงสองทุ่ม ฉันเห็นว่าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว จึงเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ จากนั้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเซี่ยหลินดังขึ้น ตามมาด้วย “โอเคครับอาจารย์ เดี๋ยวผมจะส่งไปให้ตอนนี้เลยครับ…”

ฉันถามเขาผ่านประตูกระจก “คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”

เขารีบสวมเสื้อคลุม และผ้าพันคอ “อาจารย์ที่ปรึกษาของสถาบันเราบอกว่า วันนี้มีคนใหญ่โตจากต่างประเทศมาเยี่ยม ให้เราเอาผลงานจบไป ไม่แน่อาจได้รับโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศก็ได้ งานของคุณล่ะ เดี๋ยวผมเอาไปให้ทีเดียวเลย”

ฉันรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก

ฉันพยายามพูดปลอบตัวเองว่าไม่เป็นไร ผ่านช่วงเวลานั้นไปแล้ว อีกอย่างทางไปสถาบันกับสถานที่เกิดเหตุของเซี่ยหลินเมื่อชาติก่อนก็เป็นคนละทางด้วย หลังจากที่เขาออกไป ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจจึงคอยโทรหาเขาทุกๆ สิบนาที และกำชับให้เขารีบกลับมา

จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง โทรศัพท์โทรไม่ติดอีกต่อไป ฉันรู้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ!

ฉันไม่มีเวลามาเป่าผมอีก เพียงแค่รีบสวมเสื้อผ้า แล้วออกไปทันที ฉันตรงมาที่สถาบัน แต่กลับได้รับแจ้งว่าเซี่ยหลินกลับไปตั้งแต่ชั่วโมงก่อนแล้ว ฉันเดินว่อนอยู่บนถนนอย่างบ้าคลั่ง และขอให้การปรากฏตัวของฉันสามารถหยุดโศกนาฏกรรมนี้ไว้ได้ทันเวลา แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็สายเกินไป

ท่ามกลางเสียงตกใจนับไม่ถ้วน ภายใต้แสงไฟยามค่ำคืน ฉันเห็นฉากที่รถคันนั้นเหยียบซ้ำไปมาที่แขนของเขาอีกครั้ง

ทั้งเลือด ทั้งความเจ็บปวด และความหนาวเหน็บ ทำให้ฉันแข็งทื่อไปทั้งตัว

“คนขับเป็นมือใหม่เพิ่งได้ใบขับขี่มา ไม่คิดว่าออกถนนวันแรกจะเจอเรื่องแบบนี้เลย ส่วนเรื่องแฟนของคุณ อีกฝ่ายเขาบอกว่าจะชดเชยให้ห้าล้าน เจรจาส่วนตัวให้มันจบๆ ไปเถอะ”

หน้าห้องผู้ป่วยอาการวิกฤต ตำรวจพูดกับฉันแบบนี้

ฉันเข้าไปตบหน้าเขาราวกับคนบ้า “เจรจาส่วนตัว จะให้เจรจายังไง เขาเป็นจิตรกร ไม่มีมือขวาแล้ว คุณจะให้เขาวาดรูปต่อไปยังไง พวกคุณไม่ใช่แค่ทำให้เขาเสียแขนไปข้างเดียวหรอก แต่เป็นชีวิตของเขา! และชีวิตของฉันด้วย!”

เพื่อนสนิทจี้เสวี่ยเข้ามาห้ามฉันไว้ “เหยาเหยา อย่าทำแบบนี้ ตอนนี้เซี่ยหลินต้องการค่ารักษา และพวกเราก็ต้องการเงินก้อนนั้นมาก ไม่มีแขนยังหาวิธีใหม่ได้ แต่ถ้าตายขึ้นมา แกจะเอาอะไรไปบอกพ่อแม่เซี่ยหลิน?”

อารมณ์ของฉันอยู่ในระดับใกล้จะระเบิด “ถ้างั้นก็เอาชีวิตของฉันไปแทน ฉันไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้ ฉันต้องการให้เขาหายดี ต้องการให้มือขวาของเขาหายดี!”

จี้เสวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตบหน้าฉันแรงๆ ทีหนึ่ง “ชุยเหยา มีสติ! เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วจะทำยังไงได้! ตอนนี้เซี่ยหลินจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ รอให้แกตัดสินใจช่วยชีวิตเขา แต่แกกลับมาโทษตัวเองอยู่แบบนี้ แล้วมันมีประโยชน์อะไร!”

ฉันทรุดตัวลงกับพื้น ความเย็นจากพื้นดูดซับความร้อนในร่างกายของฉันไป ทันใดนั้นเอง ฉันเหมือนเป็นศพร่างหนึ่งที่รอให้เจ้าแห่งนรกมาเอาตัวไป

ความรู้สึกหวาดกลัวครอบงำฉันไว้ จี้เสวี่ยบอกว่าอย่างน้อยก็ช่วยชีวิตไว้ได้ และยังมีหวัง ฉันซบไหล่เธอแล้วร้องห่มร้องไห้ออกมาจนฟ้ามืด เธอไม่เข้าใจหรอกว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ก็ไม่มีความหวังอีกแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status