เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามากระชั้นชิดขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายและกำลังของ มิราวดีเริ่มตก เพราะไม่เคยต้องใช้แรงมากมายเท่านี้ พอเข้าตัวห้างสรรพสินค้าก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง มีผู้คนค่อนข้างเยอะทำให้วิ่งหลบหนีได้ง่าย แม้จะมีคนมองทุกครั้งที่วิ่งผ่านหรือชน แต่ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะเอ่ยคำขอโทษ ได้แต่กล่าวขอโทษในใจและวิ่งหนีต่อไป
“เฮ้ย อยู่ทางนั้น !” “ทำไมตาดีขนาดนี้เนี่ย !” เธอบ่นพลางหันมองทั้งสองคนที่กำลังวิ่งตามทางบันไดเลื่อน แม้จะอยู่ห่างมากพอแต่ความไวของอีกฝ่ายก็ทำให้ประมาทไม่ได้ “เป็นนักวิ่งระดับชาติหรือไง !” มิราวดีรู้ตัวดีว่าต้องหาสักที่หลบซ่อนไม่ให้หาเจอ แต่ถ้าเข้าห้องน้ำไปก็ไม่ปลอดภัย ถ้าหากไม่มีคนแล้วพวกนั้นบุกเข้ามา เหมือนไปติดกับเต็ม ๆ หญิงสาวรู้สึกกระวนกระวายจนเริ่มหาทางออกไม่ได้ แม้จะอยู่ใจกลางเมืองแต่ทว่าเธอก็ไม่มีโทรศัพท์หรือเงินติดตัวมาสักนิด ครั้นจะขอความช่วยเหลือคนที่เดินผ่านก็รีบเดินหนีเธอทันที ในตอนนี้ไม่มีเวลาคิดมาก ทำได้แต่วิ่งหนีไป กระทั่งหนีออกมาทางประตูของห้างที่เป็นลานรับส่งรถแล้ว ก็ยิ่งตัดสินใจลำบากว่าจะไปทางไหนต่อดี จะกลับเข้าไปใหม่ก็ไม่ทันเพราะพวกนั้นตามมาแล้ว “นั่น ! อยู่ทางนั้น” มิราวดีสะดุ้งลนลานเมื่อเห็นอีกฝ่ายห่างออกไปไม่ไกลมากนัก จึงรีบวิ่งหนีไปไม่คิดชีวิต ประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณการหลบหนีพอรับรู้ได้ว่าพวกนั้นกำลังตามมาประชิด พอมองหนทางข้างหน้ากลับมืดมิด หญิงสาวตั้งมั่นในใจว่าจะต้องหาที่หลบบังกายเพื่อให้พวกนั้นตามหาไม่เจอ แต่แทบไม่มีที่ให้หนีต่อไป ดวงตากลมมองเห็นรถคันหนึ่งผ่านมาและหยุดจอดอยู่ พอหันไปด้านหลังก็เห็นทั้งสองคนกำลังวิ่งมา หญิงสาวไม่มีเวลาคิดเยอะนอกจาก...เปิดได้ทีเถอะนะ ! มิราวดีภาวนาในใจและเปิดประตูกระโดดขึ้นรถทันที ไม่มองแม้แต่เจ้าของรถที่นั่งอยู่ด้วยซ้ำ หากจะแจ้งความจับก็ยิ่งดี พาเธอไปส่งตำรวจเลย ! พอเข้ามาแล้วก็ตั้งสติหันมองคนที่นั่งอยู่ในรถ จะให้ลงไปตอนนี้ก็ไม่ได้ มีแต่ต้องขออ้อนวอนเขา “ออกรถก่อนได้ไหมคะ !” เธอสบตามองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอย่างอ้อนวอน ไม่รู้ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่แต่ขอให้หลุดพ้นจากทั้งสองคนนี้ไปก่อน รชตมองหญิงสาวที่เปิดประตูขึ้นรถมาด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะมองคนด้านนอกอีกสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามา “ออกรถได้” เสียงที่พูดไม่ใช่เสียงของชายหนุ่ม แต่เป็นเสียงของไก่ตัวสีขาวที่อยู่ในกรงข้าง ๆ กับเธอ และคนขับรถก็ทำตามคำสั่ง มิราวดีอึ้งจนคิดว่าตนเองต้องเสียสติของไปแล้วแน่ “ไก่...พูดได้...” หญิงสาวมองเหมือนเป็นเรื่องประหลาดและตกใจจนเผลอลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ “จอดรถ” ชายหนุ่มสั่งและหันมองหญิงสาว “ลงไปได้แล้ว” “คะ” มิราวดีอึ้งขานรับอย่างงง ๆ แต่พอนึกได้ว่าต้องเดินทางกลับต่อเองจึงพูดขึ้นว่า “คุณพอมีเงินให้ฉันไหมคะ ฉันสัญญาว่าจะคืนคุณแน่นอนค่ะ นะคะ...คือฉัน...” “ลงไปได้แล้ว” “ถ้างั้นไปส่งฉันที่สถานีตำรวจทีนะคะ !” หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทางนี้ “ขอร้องเถอะนะคะ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา มองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง ครั้นจะพูดต่อแต่ก็โดนแทรกขึ้นเสียก่อน “อยู่ที่ไหนล่ะ” แน่นอนไม่ใช่เสียงของคนขับรถหรือชายหนุ่ม แต่เป็นเสียงของไก่ตัวสีขาวที่อยู่ในกรงขนาดกลาง “เร็วสิ ! จะให้ไปส่งที่ไหน” เจ้าไก่ตัวสีขาวเอียงคอพูด “อยู่ที่คอนโด...” หญิงสาวตอบแบบงง ๆ เมื่อได้คำตอบ รถก็เคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง รชตส่งสายตามองไก่ตัวผู้ที่อยู่ในกรงด้วยความขุ่นเคืองเป็นเชิงบอกว่า อยากเป็นไก่ต้มหรือไง ! ยี่สิบนาทีต่อมารถยนต์คันหรูสีดำหยุดจอดลงที่หน้าคอนโดฯ ของ มิราวดี เธอหันมองด้วยความโล่งใจและยกมือขึ้นขอบคุณชายหนุ่ม “ขอบคุณมากนะคะ ฉันสัญญาว่าจะตอบแทนบุญคุณคุณแน่นอน” “หนีหนี้มาสินะ” เจ้าไก่เอ่ยขึ้น “เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว ถึงจะบอกว่าใช่ก็ไม่ถูกเพราะไม่ใช่หนี้ของเธอสักหน่อย หญิงสาวผ่อนลมหายใจหันไปมองชายหนุ่มแล้วเอ่ยขึ้น “แต่ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” กล่าวขอบคุณก่อนที่จะรีบลงจากรถ เพราะเห็นสีหน้าของชายหนุ่มดูไม่พอใจเท่าไหร่ ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ บ้างที่อาศัยรถเขามาส่งแต่ความโล่งใจที่เกิดขึ้นและอิสระที่หนีมาได้ ทำให้รู้สึกว่าสวรรค์ยังเมตตา แน่นอนว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกไม่ได้ หากพวกนั้นถามถึงที่อยู่จากแฟนและตามมาละก็ทุกอย่างคงจบกันแน่นอน “อะไร มองฉันแบบนั้นหมายความว่ายังไง” เจ้าไก่ตัวสีขาว หรือนามว่า ‘อาโป’ เอ่ยถาม รชตมองด้วยสายตาขุ่นเคือง “นายอยากเป็นยาบำรุงให้ฉันหรือไง” “นายต้องขอบคุณฉันสิ ! ฉันเป็นเทพนะ เทพเจ้าน่ะ” อาโปขยับปีกดิ้นอยู่ในกรงจนเกือบตกจากที่นั่ง มองชายหนุ่มที่ส่งสายตาประมาณว่า ‘อ้อ งั้นเหรอ’ พอเห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ทั้งที่เขาเป็นเทพรูปหล่อที่ต้องมาซวยอยู่ในร่างไก่สีขาวที่หมดอายุขัยแล้ว ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็กลับไปร่างเดิมไม่ได้สักที “ถ้านายไม่ได้ช่วย ฉันคงไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้คือคนที่นายกำลังตามหาอยู่” “หมายความว่ายังไง” สีหน้าของรชตดูเปลี่ยนไป อาโปขยับปีกวางท่า “ฉันสัมผัสได้ว่าดวงวิญญาณของเธอเหมือนกับของผู้หญิงคนนั้น...อาจจะเป็นสิ่งที่ฉันรอคอยคือการกลับไปเป็นเทพเจ้ารูปหล่ออีกครั้งหนึ่ง !” “ถ้านายพูดผิดอาจจะได้อยู่ร่างนี้ไปกับฉันอีกสักร้อยปี” “ไม่มีทางหรอกน่า!” อาโปขยับปีกหมายบินเข้าหาชายหนุ่ม เป็นเพราะพิธีกรรมโบราณนั่น ทำให้เขาต้องเผลอซวยมาเป็นผู้พิทักษ์จำเป็นเพื่อช่วยชายผู้นี้จนกว่าจะแก้คำสาปได้ “ฉันไม่อยากอยู่ร่างนี้ไปถึงหนึ่งพันปีหรอกนะ ให้ตายสิ !” ชายหนุ่มมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่รู้สึกถึงตัวตนหรือวิญญาณของหญิงสาวเลยแม้แต่นิดเดียว หลายร้อยปีมานี้เดินทางไปทั่ว ย้ายถิ่นไปเรื่อย และตามหาเธอ ทุกครั้งที่เข้าใกล้หรือรู้สึกว่าต้องเป็นคนเดียวกันกลับมาเกิดใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ “ถ้าใช่ก็จะแก้คำสาปนี้ได้ใช่ไหม” “อืม” อาโปทำท่าทางนึกคิด “ตอนที่ทำพิธีนี้ ผู้หญิงคนนี้เต็มใจมอบด้วยความรัก ฉันคิดว่าถ้านายทำให้เธอรักได้ ก็อาจจะ” มันยากลำบากเหลือเกินที่จะทำใจแสร้งเล่นละครอีกครั้งหนึ่งเพื่อหลอกล่อให้เธอช่วยแก้คำสาป ทว่าการมีชีวิตอายุยืนนั้นไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแม้แต่น้อย “แค่นายทำให้เธอรักนายก่อน ส่วนที่เหลือฉันจะลองหาวิธีดู” อาโปพูดด้วยสีหน้าคิดหนัก แม้จะเป็นเทพก็ไม่ได้รู้อะไรมากขนาดนั้น ซ้ำพิธีนี้สร้างขึ้นจากความเชื่อของมนุษย์จนเกิดเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่เทพองค์หนึ่งประทานพรให้ ในอดีตกาลหลายพันปีที่ถูกสืบทอดมา แต่ไม่มีใครได้ใช้มันแม้สักครั้งเดียว จวบจนเวลาก็ผ่านมานานจนความเชื่อเหล่านี้ถูกลบเลือนไปเกือบสิ้น รชตส่งสายตานิ่ง ๆ ก่อนหันหน้าออกไปทางหน้าต่างรถ มองวิวกลางคืนพลางคิดเพียงลำพัง ถ้าหากง่ายขนาดนั้นคงจะดีไม่น้อย เขาจะได้หยุดความอมตะที่ทรมานนี้สักที “แล้วนายอยากให้ฉันช่วยไหมล่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้า “มีแผนเหรอ” เจ้าไก่สีขาวส่งสายตามีเลศนัย ยิ้มหัวเราะอย่างมีชัย “ระดับท่านเทพซะอย่าง”มิราวดีไม่มีเวลาให้ทำใจหรือเสียใจกับความรักที่มอบให้แฟนหนุ่มมาหลายปีมากนัก เพราะต้องตั้งสติเอาชีวิตรอดจากนรกบนดินนี้เสียก่อน หญิงสาวรีบจัดเก็บของลงกระเป๋าเท่าที่ทำได้ โชคดีที่ไม่มีของเยอะ หลังจากเก็บของใช้เวลาร่วมหลายชั่วโมงจนข้ามวันใหม่ เธอจึงใช้โทรศัพท์เครื่องสำรองรีบโทร.บอกเจ้าของห้องไม่ต่อสัญญาและย้ายออกทันทีเมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วจึงรีบโทร.แจ้งธนาคารอายัดธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดไว้ ถึงแม้ใจอยากจะแจ้งความมาก แต่หากแจ้งไปต่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นคงไม่เจอเพราะพวกนั้นคงไหวตัวทันในเวลานี้มิราวดีไม่ไว้ใจเพื่อนสนิทหรือใครที่รู้จักเลย เพราะอาจจะบอกที่อยู่ให้แฟนหนุ่มรู้ได้ จึงทำได้เพียงเก็บและขนของทั้งหมดที่ใส่ได้ลงรถ และขับออกจากคอนโดฯ ไปอย่างรวดเร็วหญิงสาวขับรถออกจากสถานที่เดิมมาหาห้องพักเพื่ออยู่ชั่วคราวไปก่อน แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่จะทำให้รู้สึกปลอดภัยกระทั่งรถขับผ่านบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไกลออกจากใจกลางเมือง ซ้ำยังประกาศติดว่า “แชร์เฮ้าส์”ดวงตากลมมองด้วยความลังเลเพราะไม่ชินกับการอยู่ร่วมคนแปลกหน้า แต่นี่อาจจะเป็นความปลอดภัยแบบหนึ่งก็ได้ มิราวดีตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทาง และกำลังจะกดก
“ผมจะรอคำตอบจากคุณ”มิราวดีเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ชั่วครู่ พอรู้สึกตัวก็รีบขยับตัวถอยห่างทันที “เอ่อ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อพูดจบหญิงสาวก็รีบเดินออกจากห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็วรชตมองคนตัวเล็กเดินจากไปจนลับสายตา จึงเดินออกจากห้องรับแขกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือ ไม่นานนักอาโปก็เดินเข้ามา“ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปจะดีเหรอ ฉันเองก็ไม่อยากใช้พลังเยอะนะ รู้ไหมว่าฉันต้องอ่านความทรงจำของเธอ และสร้างภาพลวงตาขึ้นมาให้หล่อนขับมาทางนี้ได้ลำบากแค่ไหน...” อาโปเดินเข้ามาพลางบ่น พลังของเทพก็มีขีดจำกัดในการรับรู้เรื่องราว เพราะฉะนั้นถึงรับรู้เพียงเหตุการณ์ช่วงสั้น ๆ ว่าหญิงสาวต้องการย้ายที่ใหม่อย่างเร่งด่วนเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ไม่อาจรับรู้ได้เจ้าไก่สีขาวกระโดดขึ้นนั่งประจำที่เก้าอี้เล็ก“วันนี้อาหารว่างไม่ได้เรื่องเลยนะ”“ถ้าเรื่องมากก็ไปทำกินเองสิ” รชตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่...“หน็อย !” อาโปมองด้วยแววตาขุ่นเคือง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยปีนิสัยและวาจาก็ยังคงไม่เปลี่ยน เฮ้อ...แต่ก็นะ “แล้วจะทำอย่างไรต่อไป”ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ยังไงเธอก็ต้องกลับมา”อาโปหันมองแววตามั่นใจและรอยยิ้มที่
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปมิราวดีไปทำงานตามปกติ ก่อนหน้าที่ลาหยุดก็เขียนจดหมายลาส่งให้เจ้านายโดยบอกว่าเพื่อนสนิทที่รู้จักกันป่วยต้องเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะขาดงานไปนานหลายวันแต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียเรื่องงาน เมื่อกลับมาจึงจำเป็นต้องตั้งสติและทำงานตามเดิมหญิงสาวพนักงานขายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งที่อายุงานน้อย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นพนักงานขายดีเด่นประจำแผนกด้วย เธอทำงานให้กับบริษัทจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมนำเข้าจากต่างประเทศ และยังมีแบรนด์ที่ผลิตขึ้นเองเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกด้วยเช่นกัน ในส่วนของเธอรับผิดชอบสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ“พี่คะ ลูกค้าขอเราลดราคาค่ะ”มิราวดีที่กำลังติดสายอยู่ยกมือขึ้นและคุยกับลูกค้าให้เสร็จก่อนจะหันมาคุยด้วย “ว่าไงจ๊ะ”“ลูกค้าขอลดราคาสินค้าที่จะนำเข้ามาค่ะ คือมินเองก็ต่อราคาไปที่ต่างประเทศแล้ว แต่เขาบอกว่าลดไม่ได้แล้ว เอ่อ...ถ้าไม่ลดงานนี้อาจจะโดนคู่แข่งแย่งไปก็ได้ค่ะ” ศิตราพูดบอกรายละเอียดที่ได้คุยให้กับหัวหน้าฟัง“คู่แข่งที่ลูกค้านำมาเทียบราคากั
กลิ่นหอมคล้ายเครื่องสมุนไพรในสปาลอยคุ้งไปทั่ว หญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกตัวขยับตอบสนอง ความผ่อนคลายและสบายใจจนไม่อยากจะลุกลืมตาตื่นขึ้นมา กระทั่งสติดึงให้กลับเข้ามาสู่ความจริงจึงลืมตาโพล่งขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แม้จะรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้างแต่ก็พยุงร่างกายให้ลุกขึ้นนั่ง มองภายในห้องและที่เตียงใหญ่ซึ่งเธอนั่งอยู่“ถ้าวันนี้คุณไม่ตื่นผมคงต้องส่งคุณที่โรงพยาบาลแล้วละ”เสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณโซฟาริมระเบียงเอ่ยขึ้นทำให้มิราวดีรีบหันไปมองด้วยความตกใจ“คุณเข้าห้องฉันมาได้ยังไงคะ”รชตปิดหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง“ห้องคุณ”“ก็...ใช่ ไม่ใช่หรือคะ” เธอตอบเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจมากนักแม้ภายในจะไม่ต่างกันแต่ก็มีความรู้สึกว่าอาจไม่ใช่ห้องที่เธอจองไว้ และในใจก็มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ จำได้ว่าตอนนั้นถูกจับตัวไปแล้ว หรือว่า... “คุณช่วยฉันไว้ใช่ไหมคะ”“คุณควรพูดขอบคุณผมก่อนนะ”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางขยับตัวลุกขึ้นเดินเข
มิราวดีทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียง คราวนี้เป็นอีกครั้งที่รอดมาได้เพราะเขาช่วยไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตาอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าก็ไม่ซะทีเดียวเพราะคำพูดของชายหนุ่มยังคงดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา“แค่ช่วยเรา ทำไมต้องขอแต่งงานด้วย” นี่เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจตั้งแต่กลับมาถึงห้อง เขามีพร้อมทุกอย่าง เงินและหน้าที่การงาน แล้วทำไมจึงต้องขอผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันเพียงสองครั้งแต่งงาน เธอไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกนี้จะมีรักแรกพบแล้วเป็นคู่แท้กันจริง ๆมิราวดีมีคิดไปไกลแต่สุดท้ายก็สลัดทุกอย่างออกจากหัวสมอง เธอเชื่อว่าวันข้างหน้าต้องพบเจอกันอีก และถึงตอนนั้นอาจมีเรื่องที่จะตอบแทนเขาได้แน่นอน ทว่าตอนนี้สิ่งที่ต้องใส่ใจมากที่สุดคือพวกนั้นยังคงตามล่าเธอและไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะต้องทำอย่างไรคนเลว ๆ จึงจะออกไปจากชีวิตของเธอได้ความรู้สึกเสียใจจากการกระทำของแฟนหนุ่มหรือความผูกพันนั้นได้ลดจางลงไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดจากคนเลว มิราวดีไม่เจ็บปวดไม่รู้สึกอาวรณ์อะไรมากมาย หรือเป็นเพราะไม่มีเวลาสนใจ เพราะต้องหาทางออกให้ชีวิตที่แทบไม่
หลังจากที่ย้ายมา มิราวดีต้องตื่นเช้าไปทำงานเร็วกว่าปกติ เพราะระยะทางจากคอนโดฯ ที่นี่ห่างจากบริษัทมากพอตัว อีกทั้งเส้นทางจราจรที่ไปก็มีรถติดจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่นั่งลงที่เก้าอี้ทำงานก็หยิบแท่งสี่เหลี่ยมขนาดพอดีมือวางต่อกับไฟ ไม่ถึงหนึ่งนาทีภาพทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นส่องเป็นแสงและภาพสะท้อนในสายตา เธอเข้าอ่านอีเมลที่ยังไม่ได้ตอบกลับหลายฉบับหญิงสาวที่เร่งตอบอีเมลฉบับอื่นจนเสร็จ เมื่อเห็นเมลใหม่จึงเปิดอ่าน ดวงตากลมกลอกมองและหันมองเวลาก่อนอ่านอีเมลอีกรอบ“เปลี่ยนผู้บริหารใหม่งั้นเหรอ”การที่ผู้บริหารใหม่ที่จะเข้ามาดูแลแผนกขาย แสดงว่าเรื่องที่พยามปิดบังไว้ได้ถึงหูของซีอีโอแล้ว“ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าจะถูกลวนลามตอนไหน”มิราวดีถอนหายใจออกมา นับว่าเป็นโชคที่เธอทำผลงานได้ดีจึงไม่มีข้ออ้างมาให้ตาแก่หัวงูนั่นลวนลาม หรือแสดงท่าทีน่ารังเกียจใส่ แต่ทว่าพนักงานหญิงคนอื่นคงจะไม่ใช่ แน่นอนว่าคราวนี้ก็ต้องรอดูว่าผู้บริหารใหม่จะเป็นใคร แต่จะเป็นใครก็ช่างเพราะเธอแค่ทำงานให้ตามเป้าหมายก็พอเวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอสมควร หญิงสาวที่นั่ง
ช่วงตอนบ่ายของวัน มิราวดีออกพบลูกค้าตอนบ่ายพร้อมกับลูกน้องที่รับผิดชอบดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อประชุมขอบเขตงานที่เป็นโครงการใหญ่และเงินทุนสูง แต่ทว่าก็ไม่ง่ายมากนักเพราะมีบริษัทคู่แข่งหลายที่พยายามจะแย่งงานนี้ให้ได้เหมือนกัน นอกจากความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้แก่ผลิตภัณฑ์แล้วยังต้องมีบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ความต้องการด้วยมันยากและน่าลำบากใจกับเงื่อนไข ทว่ายอดเงินที่ได้มานั้นเรียกว่าปิดยอดควอเตอร์หน้าได้อย่างสวยงาม กระทั่งการประชุมสิ้นสุดลงทุกคนก็ต่างทยอยเดินออกไป หญิงสาวมีแค่เพียงความหวังเล็กน้อยเพราะดูท่าแล้วคู่แข่งหลายบริษัทก็ต้องตัดราคาให้ได้งานนี้แน่นอน“พี่ไม่เข้าออฟฟิศแล้วนะ” มิราวดีหันมาบอกลูกน้อง“ให้มินไปส่งที่คอนโดฯ ไหมคะ”หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ต้องจ้ะ แยกกันตรงนี้เลยดีกว่า”“ค่ะ ถ้างั้นเดินทางดี ๆ นะคะ”“จ้ะ” มิราวดีขานรับก่อนจะแยกออกมารออยู่ที่ป้ายรอรถไฟฟ้าในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีกำลังเฟื่องฟู สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ยังไม่มีรถไฟฟ้าบนดินที่ขับเคลื่อนตามเส้นทางแทนป้ายรถเมล์ทุกป้าย สะด
มิราวดีพาชายหนุ่มมาเลี้ยงขอบคุณที่ร้านอาหารโปรดริมทาง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดฯ ที่เคยอาศัยอยู่ก่อนหน้า เธอชอบมากินหลังเลิกงานเป็นประจำ บรรยากาศร้านไม่อาจเทียบกับร้านหรู ๆ ราคาแพงได้ แต่รสชาติของอาหารนั้นอร่อยไม่แพ้กันเลย ผู้คนและพนักงานเงินเดือนก็นิยมมากินที่นี่หลังเลิกงานหรือซื้อกลับบ้านกันทั้งนั้น“อาหารที่สั่งได้แล้วจ้า”“ขอบคุณค่ะป้า”“แม่หนูเปลี่ยนแฟนใหม่แล้วเหรอ คนนี้หล่อนะเนี่ย”มิราวดีรีบส่ายหน้าและกำลังอ้าปากพูดปฏิเสธแต่ว่า...“ครับ ผมกับเธอเราเพิ่งจะคบกันน่ะครับ”“พ่อหนุ่มดูเป็นคนดี งั้นเดี๋ยวป้าแถมข้าวให้เยอะ ๆ เลยนะ”รชตยิ้มรับและไม่นานอาหารจานใหญ่ก็วางอยู่ตรงหน้า เขามีท่าทางทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยออกมารับประทานอาหารข้างทางเลยสักครั้ง“เป็นอะไรไปคะ?” มิราวดีเอ่ยถามพลางอมยิ้มกับท่าทางของเขา ดูท่าแล้วคงจะไม่เคยมากินอาหารร้านข้างทาง “คุณให้ฉันเป็นเจ้ามือเองนะคะ”ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ มือเอื้อมหยิบช้อนและส้อมวางที่จาน พลางจานอาหารตรงหน้า&ldq
เช้าวันทำงานเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่มิราวดีรีบอาบน้ำตื่นแต่เช้าเพราะว่ามีประชุมที่สำนักงานใหญ่ของลูกค้า สองมือหยิบกระเป๋า รองเท้าเเละรีบเดินออกจากห้องด้วยความรีบเร่งกลัวว่าจะไปสายหลังจากนั่งประชุมสัมมนาไปเกือบครึ่งวัน ก็ต่างแยกย้ายกัน มิราวดีเลือกที่จะไปทักทายลูกค้าและแนะนำร้านอาหารเลี้ยงช่วงมื้อกลางวันก่อนกลับเข้ามาที่ออฟฟิศช่วงเย็น เพื่อสรุปรายงานที่ลูกค้าอีกร้านต้องการรวมถึงเซ็นเอกสารอนุมัติบางอย่างเเทนเจ้านายตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย“พี่คะ เจ้านายเรียกเข้าไปพบค่ะ” ศิตราพูดขณะวางเอกสารให้ “เอกสารนี้ส่งอีเมลให้แล้วนะคะ แต่ลูกค้าต้องการแฟ้มกระดาษที่มีลายเซ็นเจ้านายค่ะ ถ้าพี่ไปหาเจ้านายฝากไปด้วยนะคะ ลูกค้าขอวันพรุ่งนี้ค่ะ เดี๋ยวมินจะเข้าไปช่วงบ่ายไปพบเเละนำไปให้เลยทีเดียว”มิราวดีพยักหน้ารับพลางหยิบเอกสารเเละขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนหันไปพูดกับมิตรา“งาน XC0 - 024 สินค้าเข้าจากเมืองนอกแล้วใช่ไหม”“ยังค่ะ เห็นแจ้งว่าสินค้าจะถึงโกดังเราบ่ายวันพรุ่งนี้ค่ะ”“ถ้ามาถึงแล้วรีบจัดการส่งของให้ลูกค้าเลยน
มิราวดีพาชายหนุ่มมาเลี้ยงขอบคุณที่ร้านอาหารโปรดริมทาง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดฯ ที่เคยอาศัยอยู่ก่อนหน้า เธอชอบมากินหลังเลิกงานเป็นประจำ บรรยากาศร้านไม่อาจเทียบกับร้านหรู ๆ ราคาแพงได้ แต่รสชาติของอาหารนั้นอร่อยไม่แพ้กันเลย ผู้คนและพนักงานเงินเดือนก็นิยมมากินที่นี่หลังเลิกงานหรือซื้อกลับบ้านกันทั้งนั้น“อาหารที่สั่งได้แล้วจ้า”“ขอบคุณค่ะป้า”“แม่หนูเปลี่ยนแฟนใหม่แล้วเหรอ คนนี้หล่อนะเนี่ย”มิราวดีรีบส่ายหน้าและกำลังอ้าปากพูดปฏิเสธแต่ว่า...“ครับ ผมกับเธอเราเพิ่งจะคบกันน่ะครับ”“พ่อหนุ่มดูเป็นคนดี งั้นเดี๋ยวป้าแถมข้าวให้เยอะ ๆ เลยนะ”รชตยิ้มรับและไม่นานอาหารจานใหญ่ก็วางอยู่ตรงหน้า เขามีท่าทางทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยออกมารับประทานอาหารข้างทางเลยสักครั้ง“เป็นอะไรไปคะ?” มิราวดีเอ่ยถามพลางอมยิ้มกับท่าทางของเขา ดูท่าแล้วคงจะไม่เคยมากินอาหารร้านข้างทาง “คุณให้ฉันเป็นเจ้ามือเองนะคะ”ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ มือเอื้อมหยิบช้อนและส้อมวางที่จาน พลางจานอาหารตรงหน้า&ldq
ช่วงตอนบ่ายของวัน มิราวดีออกพบลูกค้าตอนบ่ายพร้อมกับลูกน้องที่รับผิดชอบดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อประชุมขอบเขตงานที่เป็นโครงการใหญ่และเงินทุนสูง แต่ทว่าก็ไม่ง่ายมากนักเพราะมีบริษัทคู่แข่งหลายที่พยายามจะแย่งงานนี้ให้ได้เหมือนกัน นอกจากความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้แก่ผลิตภัณฑ์แล้วยังต้องมีบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ความต้องการด้วยมันยากและน่าลำบากใจกับเงื่อนไข ทว่ายอดเงินที่ได้มานั้นเรียกว่าปิดยอดควอเตอร์หน้าได้อย่างสวยงาม กระทั่งการประชุมสิ้นสุดลงทุกคนก็ต่างทยอยเดินออกไป หญิงสาวมีแค่เพียงความหวังเล็กน้อยเพราะดูท่าแล้วคู่แข่งหลายบริษัทก็ต้องตัดราคาให้ได้งานนี้แน่นอน“พี่ไม่เข้าออฟฟิศแล้วนะ” มิราวดีหันมาบอกลูกน้อง“ให้มินไปส่งที่คอนโดฯ ไหมคะ”หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ต้องจ้ะ แยกกันตรงนี้เลยดีกว่า”“ค่ะ ถ้างั้นเดินทางดี ๆ นะคะ”“จ้ะ” มิราวดีขานรับก่อนจะแยกออกมารออยู่ที่ป้ายรอรถไฟฟ้าในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีกำลังเฟื่องฟู สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ยังไม่มีรถไฟฟ้าบนดินที่ขับเคลื่อนตามเส้นทางแทนป้ายรถเมล์ทุกป้าย สะด
หลังจากที่ย้ายมา มิราวดีต้องตื่นเช้าไปทำงานเร็วกว่าปกติ เพราะระยะทางจากคอนโดฯ ที่นี่ห่างจากบริษัทมากพอตัว อีกทั้งเส้นทางจราจรที่ไปก็มีรถติดจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่นั่งลงที่เก้าอี้ทำงานก็หยิบแท่งสี่เหลี่ยมขนาดพอดีมือวางต่อกับไฟ ไม่ถึงหนึ่งนาทีภาพทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นส่องเป็นแสงและภาพสะท้อนในสายตา เธอเข้าอ่านอีเมลที่ยังไม่ได้ตอบกลับหลายฉบับหญิงสาวที่เร่งตอบอีเมลฉบับอื่นจนเสร็จ เมื่อเห็นเมลใหม่จึงเปิดอ่าน ดวงตากลมกลอกมองและหันมองเวลาก่อนอ่านอีเมลอีกรอบ“เปลี่ยนผู้บริหารใหม่งั้นเหรอ”การที่ผู้บริหารใหม่ที่จะเข้ามาดูแลแผนกขาย แสดงว่าเรื่องที่พยามปิดบังไว้ได้ถึงหูของซีอีโอแล้ว“ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าจะถูกลวนลามตอนไหน”มิราวดีถอนหายใจออกมา นับว่าเป็นโชคที่เธอทำผลงานได้ดีจึงไม่มีข้ออ้างมาให้ตาแก่หัวงูนั่นลวนลาม หรือแสดงท่าทีน่ารังเกียจใส่ แต่ทว่าพนักงานหญิงคนอื่นคงจะไม่ใช่ แน่นอนว่าคราวนี้ก็ต้องรอดูว่าผู้บริหารใหม่จะเป็นใคร แต่จะเป็นใครก็ช่างเพราะเธอแค่ทำงานให้ตามเป้าหมายก็พอเวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอสมควร หญิงสาวที่นั่ง
มิราวดีทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียง คราวนี้เป็นอีกครั้งที่รอดมาได้เพราะเขาช่วยไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตาอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าก็ไม่ซะทีเดียวเพราะคำพูดของชายหนุ่มยังคงดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา“แค่ช่วยเรา ทำไมต้องขอแต่งงานด้วย” นี่เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจตั้งแต่กลับมาถึงห้อง เขามีพร้อมทุกอย่าง เงินและหน้าที่การงาน แล้วทำไมจึงต้องขอผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันเพียงสองครั้งแต่งงาน เธอไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกนี้จะมีรักแรกพบแล้วเป็นคู่แท้กันจริง ๆมิราวดีมีคิดไปไกลแต่สุดท้ายก็สลัดทุกอย่างออกจากหัวสมอง เธอเชื่อว่าวันข้างหน้าต้องพบเจอกันอีก และถึงตอนนั้นอาจมีเรื่องที่จะตอบแทนเขาได้แน่นอน ทว่าตอนนี้สิ่งที่ต้องใส่ใจมากที่สุดคือพวกนั้นยังคงตามล่าเธอและไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะต้องทำอย่างไรคนเลว ๆ จึงจะออกไปจากชีวิตของเธอได้ความรู้สึกเสียใจจากการกระทำของแฟนหนุ่มหรือความผูกพันนั้นได้ลดจางลงไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดจากคนเลว มิราวดีไม่เจ็บปวดไม่รู้สึกอาวรณ์อะไรมากมาย หรือเป็นเพราะไม่มีเวลาสนใจ เพราะต้องหาทางออกให้ชีวิตที่แทบไม่
กลิ่นหอมคล้ายเครื่องสมุนไพรในสปาลอยคุ้งไปทั่ว หญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกตัวขยับตอบสนอง ความผ่อนคลายและสบายใจจนไม่อยากจะลุกลืมตาตื่นขึ้นมา กระทั่งสติดึงให้กลับเข้ามาสู่ความจริงจึงลืมตาโพล่งขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แม้จะรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้างแต่ก็พยุงร่างกายให้ลุกขึ้นนั่ง มองภายในห้องและที่เตียงใหญ่ซึ่งเธอนั่งอยู่“ถ้าวันนี้คุณไม่ตื่นผมคงต้องส่งคุณที่โรงพยาบาลแล้วละ”เสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณโซฟาริมระเบียงเอ่ยขึ้นทำให้มิราวดีรีบหันไปมองด้วยความตกใจ“คุณเข้าห้องฉันมาได้ยังไงคะ”รชตปิดหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง“ห้องคุณ”“ก็...ใช่ ไม่ใช่หรือคะ” เธอตอบเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจมากนักแม้ภายในจะไม่ต่างกันแต่ก็มีความรู้สึกว่าอาจไม่ใช่ห้องที่เธอจองไว้ และในใจก็มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ จำได้ว่าตอนนั้นถูกจับตัวไปแล้ว หรือว่า... “คุณช่วยฉันไว้ใช่ไหมคะ”“คุณควรพูดขอบคุณผมก่อนนะ”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางขยับตัวลุกขึ้นเดินเข
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปมิราวดีไปทำงานตามปกติ ก่อนหน้าที่ลาหยุดก็เขียนจดหมายลาส่งให้เจ้านายโดยบอกว่าเพื่อนสนิทที่รู้จักกันป่วยต้องเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะขาดงานไปนานหลายวันแต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียเรื่องงาน เมื่อกลับมาจึงจำเป็นต้องตั้งสติและทำงานตามเดิมหญิงสาวพนักงานขายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งที่อายุงานน้อย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นพนักงานขายดีเด่นประจำแผนกด้วย เธอทำงานให้กับบริษัทจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมนำเข้าจากต่างประเทศ และยังมีแบรนด์ที่ผลิตขึ้นเองเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกด้วยเช่นกัน ในส่วนของเธอรับผิดชอบสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ“พี่คะ ลูกค้าขอเราลดราคาค่ะ”มิราวดีที่กำลังติดสายอยู่ยกมือขึ้นและคุยกับลูกค้าให้เสร็จก่อนจะหันมาคุยด้วย “ว่าไงจ๊ะ”“ลูกค้าขอลดราคาสินค้าที่จะนำเข้ามาค่ะ คือมินเองก็ต่อราคาไปที่ต่างประเทศแล้ว แต่เขาบอกว่าลดไม่ได้แล้ว เอ่อ...ถ้าไม่ลดงานนี้อาจจะโดนคู่แข่งแย่งไปก็ได้ค่ะ” ศิตราพูดบอกรายละเอียดที่ได้คุยให้กับหัวหน้าฟัง“คู่แข่งที่ลูกค้านำมาเทียบราคากั
“ผมจะรอคำตอบจากคุณ”มิราวดีเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ชั่วครู่ พอรู้สึกตัวก็รีบขยับตัวถอยห่างทันที “เอ่อ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อพูดจบหญิงสาวก็รีบเดินออกจากห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็วรชตมองคนตัวเล็กเดินจากไปจนลับสายตา จึงเดินออกจากห้องรับแขกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือ ไม่นานนักอาโปก็เดินเข้ามา“ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปจะดีเหรอ ฉันเองก็ไม่อยากใช้พลังเยอะนะ รู้ไหมว่าฉันต้องอ่านความทรงจำของเธอ และสร้างภาพลวงตาขึ้นมาให้หล่อนขับมาทางนี้ได้ลำบากแค่ไหน...” อาโปเดินเข้ามาพลางบ่น พลังของเทพก็มีขีดจำกัดในการรับรู้เรื่องราว เพราะฉะนั้นถึงรับรู้เพียงเหตุการณ์ช่วงสั้น ๆ ว่าหญิงสาวต้องการย้ายที่ใหม่อย่างเร่งด่วนเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ไม่อาจรับรู้ได้เจ้าไก่สีขาวกระโดดขึ้นนั่งประจำที่เก้าอี้เล็ก“วันนี้อาหารว่างไม่ได้เรื่องเลยนะ”“ถ้าเรื่องมากก็ไปทำกินเองสิ” รชตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่...“หน็อย !” อาโปมองด้วยแววตาขุ่นเคือง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยปีนิสัยและวาจาก็ยังคงไม่เปลี่ยน เฮ้อ...แต่ก็นะ “แล้วจะทำอย่างไรต่อไป”ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ยังไงเธอก็ต้องกลับมา”อาโปหันมองแววตามั่นใจและรอยยิ้มที่
มิราวดีไม่มีเวลาให้ทำใจหรือเสียใจกับความรักที่มอบให้แฟนหนุ่มมาหลายปีมากนัก เพราะต้องตั้งสติเอาชีวิตรอดจากนรกบนดินนี้เสียก่อน หญิงสาวรีบจัดเก็บของลงกระเป๋าเท่าที่ทำได้ โชคดีที่ไม่มีของเยอะ หลังจากเก็บของใช้เวลาร่วมหลายชั่วโมงจนข้ามวันใหม่ เธอจึงใช้โทรศัพท์เครื่องสำรองรีบโทร.บอกเจ้าของห้องไม่ต่อสัญญาและย้ายออกทันทีเมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วจึงรีบโทร.แจ้งธนาคารอายัดธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดไว้ ถึงแม้ใจอยากจะแจ้งความมาก แต่หากแจ้งไปต่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นคงไม่เจอเพราะพวกนั้นคงไหวตัวทันในเวลานี้มิราวดีไม่ไว้ใจเพื่อนสนิทหรือใครที่รู้จักเลย เพราะอาจจะบอกที่อยู่ให้แฟนหนุ่มรู้ได้ จึงทำได้เพียงเก็บและขนของทั้งหมดที่ใส่ได้ลงรถ และขับออกจากคอนโดฯ ไปอย่างรวดเร็วหญิงสาวขับรถออกจากสถานที่เดิมมาหาห้องพักเพื่ออยู่ชั่วคราวไปก่อน แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่จะทำให้รู้สึกปลอดภัยกระทั่งรถขับผ่านบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไกลออกจากใจกลางเมือง ซ้ำยังประกาศติดว่า “แชร์เฮ้าส์”ดวงตากลมมองด้วยความลังเลเพราะไม่ชินกับการอยู่ร่วมคนแปลกหน้า แต่นี่อาจจะเป็นความปลอดภัยแบบหนึ่งก็ได้ มิราวดีตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทาง และกำลังจะกดก