เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามากระชั้นชิดขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายและกำลังของ มิราวดีเริ่มตก เพราะไม่เคยต้องใช้แรงมากมายเท่านี้ พอเข้าตัวห้างสรรพสินค้าก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง มีผู้คนค่อนข้างเยอะทำให้วิ่งหลบหนีได้ง่าย แม้จะมีคนมองทุกครั้งที่วิ่งผ่านหรือชน แต่ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะเอ่ยคำขอโทษ ได้แต่กล่าวขอโทษในใจและวิ่งหนีต่อไป
“เฮ้ย อยู่ทางนั้น !” “ทำไมตาดีขนาดนี้เนี่ย !” เธอบ่นพลางหันมองทั้งสองคนที่กำลังวิ่งตามทางบันไดเลื่อน แม้จะอยู่ห่างมากพอแต่ความไวของอีกฝ่ายก็ทำให้ประมาทไม่ได้ “เป็นนักวิ่งระดับชาติหรือไง !” มิราวดีรู้ตัวดีว่าต้องหาสักที่หลบซ่อนไม่ให้หาเจอ แต่ถ้าเข้าห้องน้ำไปก็ไม่ปลอดภัย ถ้าหากไม่มีคนแล้วพวกนั้นบุกเข้ามา เหมือนไปติดกับเต็ม ๆ หญิงสาวรู้สึกกระวนกระวายจนเริ่มหาทางออกไม่ได้ แม้จะอยู่ใจกลางเมืองแต่ทว่าเธอก็ไม่มีโทรศัพท์หรือเงินติดตัวมาสักนิด ครั้นจะขอความช่วยเหลือคนที่เดินผ่านก็รีบเดินหนีเธอทันที ในตอนนี้ไม่มีเวลาคิดมาก ทำได้แต่วิ่งหนีไป กระทั่งหนีออกมาทางประตูของห้างที่เป็นลานรับส่งรถแล้ว ก็ยิ่งตัดสินใจลำบากว่าจะไปทางไหนต่อดี จะกลับเข้าไปใหม่ก็ไม่ทันเพราะพวกนั้นตามมาแล้ว “นั่น ! อยู่ทางนั้น” มิราวดีสะดุ้งลนลานเมื่อเห็นอีกฝ่ายห่างออกไปไม่ไกลมากนัก จึงรีบวิ่งหนีไปไม่คิดชีวิต ประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณการหลบหนีพอรับรู้ได้ว่าพวกนั้นกำลังตามมาประชิด พอมองหนทางข้างหน้ากลับมืดมิด หญิงสาวตั้งมั่นในใจว่าจะต้องหาที่หลบบังกายเพื่อให้พวกนั้นตามหาไม่เจอ แต่แทบไม่มีที่ให้หนีต่อไป ดวงตากลมมองเห็นรถคันหนึ่งผ่านมาและหยุดจอดอยู่ พอหันไปด้านหลังก็เห็นทั้งสองคนกำลังวิ่งมา หญิงสาวไม่มีเวลาคิดเยอะนอกจาก...เปิดได้ทีเถอะนะ ! มิราวดีภาวนาในใจและเปิดประตูกระโดดขึ้นรถทันที ไม่มองแม้แต่เจ้าของรถที่นั่งอยู่ด้วยซ้ำ หากจะแจ้งความจับก็ยิ่งดี พาเธอไปส่งตำรวจเลย ! พอเข้ามาแล้วก็ตั้งสติหันมองคนที่นั่งอยู่ในรถ จะให้ลงไปตอนนี้ก็ไม่ได้ มีแต่ต้องขออ้อนวอนเขา “ออกรถก่อนได้ไหมคะ !” เธอสบตามองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอย่างอ้อนวอน ไม่รู้ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่แต่ขอให้หลุดพ้นจากทั้งสองคนนี้ไปก่อน รชตมองหญิงสาวที่เปิดประตูขึ้นรถมาด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะมองคนด้านนอกอีกสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามา “ออกรถได้” เสียงที่พูดไม่ใช่เสียงของชายหนุ่ม แต่เป็นเสียงของไก่ตัวสีขาวที่อยู่ในกรงข้าง ๆ กับเธอ และคนขับรถก็ทำตามคำสั่ง มิราวดีอึ้งจนคิดว่าตนเองต้องเสียสติของไปแล้วแน่ “ไก่...พูดได้...” หญิงสาวมองเหมือนเป็นเรื่องประหลาดและตกใจจนเผลอลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ “จอดรถ” ชายหนุ่มสั่งและหันมองหญิงสาว “ลงไปได้แล้ว” “คะ” มิราวดีอึ้งขานรับอย่างงง ๆ แต่พอนึกได้ว่าต้องเดินทางกลับต่อเองจึงพูดขึ้นว่า “คุณพอมีเงินให้ฉันไหมคะ ฉันสัญญาว่าจะคืนคุณแน่นอนค่ะ นะคะ...คือฉัน...” “ลงไปได้แล้ว” “ถ้างั้นไปส่งฉันที่สถานีตำรวจทีนะคะ !” หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทางนี้ “ขอร้องเถอะนะคะ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา มองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง ครั้นจะพูดต่อแต่ก็โดนแทรกขึ้นเสียก่อน “อยู่ที่ไหนล่ะ” แน่นอนไม่ใช่เสียงของคนขับรถหรือชายหนุ่ม แต่เป็นเสียงของไก่ตัวสีขาวที่อยู่ในกรงขนาดกลาง “เร็วสิ ! จะให้ไปส่งที่ไหน” เจ้าไก่ตัวสีขาวเอียงคอพูด “อยู่ที่คอนโด...” หญิงสาวตอบแบบงง ๆ เมื่อได้คำตอบ รถก็เคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง รชตส่งสายตามองไก่ตัวผู้ที่อยู่ในกรงด้วยความขุ่นเคืองเป็นเชิงบอกว่า อยากเป็นไก่ต้มหรือไง ! ยี่สิบนาทีต่อมารถยนต์คันหรูสีดำหยุดจอดลงที่หน้าคอนโดฯ ของ มิราวดี เธอหันมองด้วยความโล่งใจและยกมือขึ้นขอบคุณชายหนุ่ม “ขอบคุณมากนะคะ ฉันสัญญาว่าจะตอบแทนบุญคุณคุณแน่นอน” “หนีหนี้มาสินะ” เจ้าไก่เอ่ยขึ้น “เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว ถึงจะบอกว่าใช่ก็ไม่ถูกเพราะไม่ใช่หนี้ของเธอสักหน่อย หญิงสาวผ่อนลมหายใจหันไปมองชายหนุ่มแล้วเอ่ยขึ้น “แต่ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” กล่าวขอบคุณก่อนที่จะรีบลงจากรถ เพราะเห็นสีหน้าของชายหนุ่มดูไม่พอใจเท่าไหร่ ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ บ้างที่อาศัยรถเขามาส่งแต่ความโล่งใจที่เกิดขึ้นและอิสระที่หนีมาได้ ทำให้รู้สึกว่าสวรรค์ยังเมตตา แน่นอนว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกไม่ได้ หากพวกนั้นถามถึงที่อยู่จากแฟนและตามมาละก็ทุกอย่างคงจบกันแน่นอน “อะไร มองฉันแบบนั้นหมายความว่ายังไง” เจ้าไก่ตัวสีขาว หรือนามว่า ‘อาโป’ เอ่ยถาม รชตมองด้วยสายตาขุ่นเคือง “นายอยากเป็นยาบำรุงให้ฉันหรือไง” “นายต้องขอบคุณฉันสิ ! ฉันเป็นเทพนะ เทพเจ้าน่ะ” อาโปขยับปีกดิ้นอยู่ในกรงจนเกือบตกจากที่นั่ง มองชายหนุ่มที่ส่งสายตาประมาณว่า ‘อ้อ งั้นเหรอ’ พอเห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ทั้งที่เขาเป็นเทพรูปหล่อที่ต้องมาซวยอยู่ในร่างไก่สีขาวที่หมดอายุขัยแล้ว ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็กลับไปร่างเดิมไม่ได้สักที “ถ้านายไม่ได้ช่วย ฉันคงไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้คือคนที่นายกำลังตามหาอยู่” “หมายความว่ายังไง” สีหน้าของรชตดูเปลี่ยนไป อาโปขยับปีกวางท่า “ฉันสัมผัสได้ว่าดวงวิญญาณของเธอเหมือนกับของผู้หญิงคนนั้น...อาจจะเป็นสิ่งที่ฉันรอคอยคือการกลับไปเป็นเทพเจ้ารูปหล่ออีกครั้งหนึ่ง !” “ถ้านายพูดผิดอาจจะได้อยู่ร่างนี้ไปกับฉันอีกสักร้อยปี” “ไม่มีทางหรอกน่า!” อาโปขยับปีกหมายบินเข้าหาชายหนุ่ม เป็นเพราะพิธีกรรมโบราณนั่น ทำให้เขาต้องเผลอซวยมาเป็นผู้พิทักษ์จำเป็นเพื่อช่วยชายผู้นี้จนกว่าจะแก้คำสาปได้ “ฉันไม่อยากอยู่ร่างนี้ไปถึงหนึ่งพันปีหรอกนะ ให้ตายสิ !” ชายหนุ่มมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่รู้สึกถึงตัวตนหรือวิญญาณของหญิงสาวเลยแม้แต่นิดเดียว หลายร้อยปีมานี้เดินทางไปทั่ว ย้ายถิ่นไปเรื่อย และตามหาเธอ ทุกครั้งที่เข้าใกล้หรือรู้สึกว่าต้องเป็นคนเดียวกันกลับมาเกิดใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ “ถ้าใช่ก็จะแก้คำสาปนี้ได้ใช่ไหม” “อืม” อาโปทำท่าทางนึกคิด “ตอนที่ทำพิธีนี้ ผู้หญิงคนนี้เต็มใจมอบด้วยความรัก ฉันคิดว่าถ้านายทำให้เธอรักได้ ก็อาจจะ” มันยากลำบากเหลือเกินที่จะทำใจแสร้งเล่นละครอีกครั้งหนึ่งเพื่อหลอกล่อให้เธอช่วยแก้คำสาป ทว่าการมีชีวิตอายุยืนนั้นไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแม้แต่น้อย “แค่นายทำให้เธอรักนายก่อน ส่วนที่เหลือฉันจะลองหาวิธีดู” อาโปพูดด้วยสีหน้าคิดหนัก แม้จะเป็นเทพก็ไม่ได้รู้อะไรมากขนาดนั้น ซ้ำพิธีนี้สร้างขึ้นจากความเชื่อของมนุษย์จนเกิดเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่เทพองค์หนึ่งประทานพรให้ ในอดีตกาลหลายพันปีที่ถูกสืบทอดมา แต่ไม่มีใครได้ใช้มันแม้สักครั้งเดียว จวบจนเวลาก็ผ่านมานานจนความเชื่อเหล่านี้ถูกลบเลือนไปเกือบสิ้น รชตส่งสายตานิ่ง ๆ ก่อนหันหน้าออกไปทางหน้าต่างรถ มองวิวกลางคืนพลางคิดเพียงลำพัง ถ้าหากง่ายขนาดนั้นคงจะดีไม่น้อย เขาจะได้หยุดความอมตะที่ทรมานนี้สักที “แล้วนายอยากให้ฉันช่วยไหมล่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้า “มีแผนเหรอ” เจ้าไก่สีขาวส่งสายตามีเลศนัย ยิ้มหัวเราะอย่างมีชัย “ระดับท่านเทพซะอย่าง”มิราวดีไม่มีเวลาให้ทำใจหรือเสียใจกับความรักที่มอบให้แฟนหนุ่มมาหลายปีมากนัก เพราะต้องตั้งสติเอาชีวิตรอดจากนรกบนดินนี้เสียก่อน หญิงสาวรีบจัดเก็บของลงกระเป๋าเท่าที่ทำได้ โชคดีที่ไม่มีของเยอะ หลังจากเก็บของใช้เวลาร่วมหลายชั่วโมงจนข้ามวันใหม่ เธอจึงใช้โทรศัพท์เครื่องสำรองรีบโทร.บอกเจ้าของห้องไม่ต่อสัญญาและย้ายออกทันทีเมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วจึงรีบโทร.แจ้งธนาคารอายัดธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดไว้ ถึงแม้ใจอยากจะแจ้งความมาก แต่หากแจ้งไปต่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นคงไม่เจอเพราะพวกนั้นคงไหวตัวทันในเวลานี้มิราวดีไม่ไว้ใจเพื่อนสนิทหรือใครที่รู้จักเลย เพราะอาจจะบอกที่อยู่ให้แฟนหนุ่มรู้ได้ จึงทำได้เพียงเก็บและขนของทั้งหมดที่ใส่ได้ลงรถ และขับออกจากคอนโดฯ ไปอย่างรวดเร็วหญิงสาวขับรถออกจากสถานที่เดิมมาหาห้องพักเพื่ออยู่ชั่วคราวไปก่อน แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่จะทำให้รู้สึกปลอดภัยกระทั่งรถขับผ่านบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไกลออกจากใจกลางเมือง ซ้ำยังประกาศติดว่า “แชร์เฮ้าส์”ดวงตากลมมองด้วยความลังเลเพราะไม่ชินกับการอยู่ร่วมคนแปลกหน้า แต่นี่อาจจะเป็นความปลอดภัยแบบหนึ่งก็ได้ มิราวดีตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทาง และกำลังจะกดก
“ผมจะรอคำตอบจากคุณ”มิราวดีเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ชั่วครู่ พอรู้สึกตัวก็รีบขยับตัวถอยห่างทันที “เอ่อ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อพูดจบหญิงสาวก็รีบเดินออกจากห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็วรชตมองคนตัวเล็กเดินจากไปจนลับสายตา จึงเดินออกจากห้องรับแขกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือ ไม่นานนักอาโปก็เดินเข้ามา“ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปจะดีเหรอ ฉันเองก็ไม่อยากใช้พลังเยอะนะ รู้ไหมว่าฉันต้องอ่านความทรงจำของเธอ และสร้างภาพลวงตาขึ้นมาให้หล่อนขับมาทางนี้ได้ลำบากแค่ไหน...” อาโปเดินเข้ามาพลางบ่น พลังของเทพก็มีขีดจำกัดในการรับรู้เรื่องราว เพราะฉะนั้นถึงรับรู้เพียงเหตุการณ์ช่วงสั้น ๆ ว่าหญิงสาวต้องการย้ายที่ใหม่อย่างเร่งด่วนเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ไม่อาจรับรู้ได้เจ้าไก่สีขาวกระโดดขึ้นนั่งประจำที่เก้าอี้เล็ก“วันนี้อาหารว่างไม่ได้เรื่องเลยนะ”“ถ้าเรื่องมากก็ไปทำกินเองสิ” รชตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่...“หน็อย !” อาโปมองด้วยแววตาขุ่นเคือง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยปีนิสัยและวาจาก็ยังคงไม่เปลี่ยน เฮ้อ...แต่ก็นะ “แล้วจะทำอย่างไรต่อไป”ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ยังไงเธอก็ต้องกลับมา”อาโปหันมองแววตามั่นใจและรอยยิ้มที่
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจิตนาการของนักเขียนเท่านั้น เนื้อเรื่อง สถานที่ วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา เเละตัวละครไม่มีอยู่จริง ผู้อ่านที่น่ารักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยจ้า ทั้งหมดคือการสมมุติเพื่อเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดค่ะ./สามีพันธกาลรักเขียน เฌอรินทิพย์././ปีคริสต์ศักราช 199Xตึกสูงระฟ้ามากมายในเมืองหลวง ถนนหนทาง และเทคโนโลยีเปลี่ยนไปทุกยุคทุกสมัย เสียงฝีเท้าหยุดลง ปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปร่าง สูงโปร่ง ดวงตาสีเทาดำ เรือนผมสีดำ ใบหน้าคมสัน ริมฝีปากเรียว ยืนแหงนมองตึกสูงโดยรอบ ผู้คนขวักไขว่กันด้วยชีวิตเร่งรีบ ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม กาลเวลาผันผ่านอย่างรวดเร็วทว่าอายุขัยของเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง“นายท่าน” เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้เขาหันไปมองดวงตานิ่งของชายหนุ่มมองพินิจคนตรงหน้าซึ่งถูกส่งตัวมา“ผมชื่อมงคลเป็นลูกชายของเด่นภูมิ มาทำหน้าที่รับใช้นายท่านต่อจากพ่อครับ”“อืม” เขาพยักหน้ารับชายหนุ่มมอง ก่อนจะส่งกรงที่ถืออยู่ในมือให้อีกฝ่ายโดยไม่ได้ถามสิ่งอื่นใดแล้วเดินขึ้นมานั่งในรถ จนกระทั่งรถออกตัวได้สักพัก เสียงของคนขับรถก็พูดขึ้น “พ่อผมเสียไปเมื่อปีที่แล้ว
บทที่ 1 ปีคริสต์ศักราช 20XX ภายในห้องชุดคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น หญิงสาวรูปร่างเพรียวส่วนสูงราวกับนางแบบ ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาสีดำกลมโต ริมฝีปากอิ่มเข้ากับรูปหน้า กำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขขณะที่เลือกหยิบเสื้อผ้าอยู่หน้ากระจก รอยยิ้มหวานปรากฏออกมาครั้นนึกถึงคำพูดของแฟนหนุ่มเมื่อสามวันก่อนที่ดังก้องในหัว ‘ที่รัก...เราแต่งงานกันนะ’ มิราวดีหยิบเสื้อผ้าขึ้นทาบตัวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ยังไม่พอใจ วันนี้แฟนหนุ่มกำชับให้แต่งตัวสวยที่สุดด้วยแล้วยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะต้องมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อีกแน่นอน ดวงตากลมหันมองเสื้อผ้าหลายสิบชุดที่กองรวมอยู่บนเตียง หยิบยกขึ้นมาดูหลายทีโดยที่ยังตัดสินใจไม่ได้ พอได้ยินเสียงสั่นข้อความเข้าจึงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่าน รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าอย่างมีความสุข มองตัวอักษรบนจออย่างเขินอาย มิราวดีวางโทรศัพท์ก่อนหันไปเลือกชุดต่อเมื่อรู้ว่าเสียเวลาไปนานพอสมควร มือหยิบชุดขึ้นทาบมองตัวเองสะท้อนจากหน้ากระจก ก่อนตัดสินใจเลือกชุดเดรสสั้นเหนือเข่าเข้ากับสีผิวและสีผม เมื่อเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมไปทานมื้อค่ำได้แล้ว หญิงสาวจึงรีบอาบน้ำออกมาแ
ณัฏฐ์ขยับตัวนั่งที่เบาะเหมือนเดิม พลางมองคู่หมั้นหลับคอพับด้วย สีหน้าลังเล จะต้องทำจริง ๆ หรือ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยและเป็นคนที่ไว้ใจเขามากที่สุด แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องตายทั้งคู่ และเธอก็บอกเองว่าต่อให้เขาทำผิดมากแค่ไหนก็อภัยให้ได้เสมอ “ขอโทษนะ” เขาได้แต่เอ่ยขอโทษด้วยความผิดบาป แม้ใจยังลังเลอยากจะเลี้ยวรถกลับไปก็ตาม “บ้าจริง !” ส่วนลึกในใจตอกย้ำต่อความรักและความเชื่อใจที่มีให้กันจนไม่กล้าที่จะทำ ณัฏฐ์นั่งลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจจะขับรถเลี้ยวกลับไปทว่า ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะกระจกทำให้เขาสะดุ้งหันไปมองด้วยความหวาดหวั่น คนด้านนอกทำมือเป็นสัญญาณบอกให้ออกมา ณัฏฐ์ทำอะไรไม่ถูกเพราะ ความกลัวกำลังครอบงำจิตใจ จึงทำตามที่อีกฝ่ายบอกโดยง่าย “เงินอยู่ไหน” ชายหนุ่มสะดุ้งพลางยกมือขึ้นไหว้ “ผมยังไม่มี ผม...” ยังพูดไม่ทันจบณัฏฐ์ก็ถูกอีกฝ่ายต่อยล้มลงที่พื้น ครั้นจะทรงตัวยืนขึ้นก็ถูกกระทืบซ้ำอีกหลายที “อั๊วบอกแล้ว ถ้าไม่มีเงินให้ก็ต้องตาย !” ชายหนุ่มมองปืนที่อยู่ในมือชายร่างท้วมด้วยความหวาดกลัว พลาง ยกมือขึ้นไหว้ของร้องชีวิต “เฮียโ
นานเกือบสองชั่วโมง กว่าที่หญิงสาวคนนี้จะยอมเล่าว่าตนเองนั้นก็ถูกขายใช้หนี้พนันเหมือนกัน และก็พยายามหาทางหนีหลายรอบแต่ไม่เคยสำเร็จ ทั้งยังบอกอีกว่ามีทางเดียวที่จะหนีได้คือช่วงหลังงานประมูล ช่วงนั้นคนคุมมีน้อย ซ้ำเฮียโชคหรือพ่อค้ามนุษย์ก็สนใจแต่ลูกค้าและเงินที่กำลังได้มา“เราหนีไปด้วยกันไหม”อีกฝ่ายส่ายหน้า เพราะรู้ว่าหมดหนทางแล้ว“ไม่ได้ เพราะพวกมันเข้มงวดกับฉันมากขึ้น หากมันเจอว่าฉันหนีไปอีก ฉันต้องถูกฆ่าตายแน่ ๆ ถ้าเธอหนีไปได้ก็รีบย้ายที่อยู่ ย้ายไปให้ไกล ๆ ไม่ให้มันตามเจอ”มิราวดีพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรอีก เพราะนอกจากจะต้องหนีแล้วคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ตอนนี้ได้เพียงแค่เฝ้ารอเวลาที่จะถูกขายประมูลออกไปหญิงสาวรู้สึกเจ็บใจมากกว่าเจ็บปวด เพราะไว้ใจแฟนหนุ่มราวกับคนในครอบครัวแต่ท้ายที่สุดกลับถูกแทงข้างหลัง ความรักที่มีไม่ได้สลายหายไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่มันกลับดูว่างเปล่าและย้ำเตือนว่าที่ผ่านมาแค่คำหลอกลวง ไม่ใช่ความจริงใจ ไม่ใช่ความรัก แค่คำตอแหลของผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้นถ้าเขารักเธอจริง คงไม่ทำร้ายชีวิตเธอแบบนี้ !หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...มิราวดีใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงในห้องพัก