ทันทีที่ถึงบ้านก็เห็นคนกำลังรื้อเกวียนที่จอดอยู่ เซียวจ้านเป่ยแน่ใจว่าปิดประตูลงกลอนแล้วนะหรือว่ากลอนมีปัญหา คนที่กำลังรื้อข้าวของคือจูหมิงซูบุตรสาวจูพั่งลุงใหญ่ของนาง ส่วนอีกคนคือป้าสะใภ้ที่ขายนางมา นางเหวิน จูเหมยลี่วางบุตรสาวลงก่อนจะหันไปหาเซียวจ้านเป่ย
"พาลูกไปที ข้าไม่อยากให้นางเห็นสิ่งที่ข้าจะทำ" เซียวจ้านเป่ยทำหน้าสงสัยแต่ก็ยอมอุ้มเซียวลี่ผิงเดินไปในบ้านแล้วสั่งว่าอย่าออกมาพ่อจะไปดูท่านแม่ เด้กน้อยก้เชื่อฟังแล้วนอนบนเตียงแต่โดยดี
"พวกเจ้าทำอะไรกัน จูหมิงซู เหวินซื่อ วางข้าวของบ้านข้าลงเดี๋ยวนี้"
จูเหมยลี่สั่งเสียงเย็น เซี่ยตงหยางที่กำลังจะมาหาสหายถึงกับยืนฟังอยู่นอกรั้ว เสียงนางดูมีอำนาจนัก
"แหม่นังสารเลว มีผัวเข้าหน่อยทำเสียงแข็งใส่ข้า พวกข้าเห็นสามีเจ้าเอาหมูป่าไปขาย ซื้อของกลับมามากมาย เจ้าแต่งมาสี่วันแล้ว ไม่กลับบ้านเดิมนำข้าวของไปคำนับข้ากับลุงเจ้า หึยังมีผู้อาวุโสอยู่ในสายตาหรือไม่ ผ้าไหมเหล่านี้เจ้าสามคนใส่ไม่หมดหรอก ส่วนชุดพวกนี้พอดีตัวซู่เอ๋อร์นัก เจ้าออกเรือนแล้ววันๆเลี้ยงแต่อีเด็กลูกติดนั่นจะสวยไปทำไม หรืออยากหนีตาชู้แบบเมียเก่าเขาล่ะ โอ๊ย"
ตุบ เหวินซื่อกระเด็นไปนอนแอ่งแม้งทันที จูเหมยลี่เท้าไม่เบาสักนิดเตะป้าสะใภ้จนลอยไปกระแทกกับรั้วบ้าน จูหมิงซูหวีดร้องโวยวายเสียงดัง
ไม่นานคนที่ยังทำงานอย่แปลงนา และบางคนกำลังล้างเครื่องมือเกษตรเพื่อกลับบ้านได้ยินพากันวิ่งมาทันที
จูพั่งที่วิ่งมาตามเสียงกรีดร้องเห็นภรรยาตนเองล้มอยู่ลุกไม่ไหวก็ถามบุตรสาวว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อรู้สาเหตุก็เดินสามขุมมาหาจูเหมยลี่เตรียมจะทุบตี
"นางสารเลว ข้าวของเหล่านั้นถ้าข้าต้องการมันก็เป็นของพี่สาวเจ้า เป็นของป้าสะใภ้เจ้า มีปัญหาหรือ ได้ผัวเป็นนายพรานเข้าหน่อยคิดว่ามีคนปกป้องหรือ วันนี้ข้าจะตีสั่งสอนเจ้าเอง โอ๊ย ๆๆๆอีเด็กเลวเจ้าเตะข้า โอ๊ยย"
จูพั่งถูกจูเหมยลี่เตะสีข้างติดกันสามที จากนั้นนางก็กระชากจนผมเขาหลุดร่วง จูเหมยลี่ตะโกนหาเซียวจ้านเป่ย
"ท่านพี่ ให้ลูกอยู่ในบ้านอย่าออกมา ข้าจะตีหมาที่มันมาขโมยของที่บ้าน จะตีให้พิการเลยหมาขี้เรื้อนน่ารังเกียจ ข้าจะลากมันไปบ้านปู่เก่อคัง ให้เขาทุบมันที่ศาลบรรพชนหมานิสัยเลว ชอบขโมยของผู้อื่น อ้อท่านพี่เซี่ยรึ ข้าต้องขออภัยไม่สะดวกต้อนรับ ข้ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่ สามีข้าอยู่ด้านใน ท่านเข้าไปเองนะ"
เซี่ยตงหยางยืนงงเลยจากนั้นก็เห็นจูเหมยลี่กระชากผมจูพั่งลากไปในหมู่บ้าน
เซียวจ้านเป่ยก็หัวเราะ เมียเขานางช่างอืมวันหลังเขาจะไม่ทำให้นางโกรธน่าจะดีที่สุด แต่เซียวจ้านเป่ยก็มีความคิดอยากให้นางเอาความเกรี้ยวกราดมาลงกับเขาเวลาที่อยู่บนเตียง
ชาวบ้านเห็นท่าไม่ดีรีบไปตามจูเก่อคังผู้นำหมู่บ้านทันที อีกทั้งเขายังเป็นผู้นำสกุลตระกูลลงจูอีกด้วย
"อ้าวๆๆ อาเหมยลี่เอ๊ย เจ้าทำอะไรนั่น ปล่อยๆๆ คุยกันดีๆ เฮ้อ "
จูเก่อคังมาถึงก็ไกล่เกลี่ย ดูจากแรงกระชากจูพั่งคงเจ็บไม่น้อย ตามเนื้อตัวถูกลากมาตามทางจนถลอก เลือดออกหลายจุด จูเหมยลี่ปล่อยมือจากศรีษะลุงใหญ่ตัวดีของนาง กำลังจะเอ่ยปากก็มีเสียงแหลมดังมา
"ตายแล้ว น้องเหมยลี่เจ้าทำอะไรเนี่ย เขาเป็นลุงของเจ้านะ ขนาดลุงของเจ้ายังทำเพียงนี้ แล้วเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างลี่ผิงเจ้าคงไม่ ไม่.."
จางลู่เหลียนที่มาดูเรื่องสนุกของสตรีแพศยาที่นางเกลียดหน้าอยู่แล้วก็แสร้งน้ำตาไหล แสดงท่าทีหวาดกลัวต่อจูเหมยลี่ ทำให้จูเหมยลี่เลยเปลี่ยนแผนเสียเลย
เดิมทีจะฟ้องร้องว่าพวกเขามาขโมยของ เอาใหม่เจ๊จะเปลี่ยนว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำดีกว่า จางลู่เหลียน หล่อนกับฉันมวยคนละชั้นย่ะ
จูเหมยลี่ทรุดลงคุกเข่าไหล่สั่นก้มหน้า นางกำลังสั่งน้ำตาออกมา แค่นึกถึงวันที่แม่ทิ้งไปไม่หันกลับมามองทั้งๆที่เธออ้อนวอนสักพักน้ำตาก็ท่วมท้น
จูเหมยลี่สะอื้นจนตัวโยน เงยหน้ามองท้องฟ้าไม่มองผู้คน มือชี้ขึ้นฟ้าร้องด่าสวรรค์ด่าโชคชะตา
"ฮือๆๆๆๆสวรรค์เจ้าตาบอดหรือ ข้าจูเหมยลี่พ่อแม่ตายก็เจียมตัวทำไร่ทำนาเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูซักกระทั่งผ้าเปื้อนระดูของป้าสะใภ้กับพี่สาวตนเอง แล้วทำไมๆพวกเขายังไม่พอใจ จะเอาข้าไปขายเป็นทาส สามีข้าเมตตาสงสารจึงยอมแต่งงานกับข้า ฮือๆๆๆ เขาไม่อยู่จะไปเป็นทหาร รับใช้ทางการให้ชาวบ้านได้นอนตาหลับ ไม่ต้องกลัวว่าศัตรูจะบุกมาฆ่าตอนไหน ฝนตกก็ขึ้นเขาฮือๆๆๆแค่ขายหมูป่าสองตัวเอาเงินซื้อเสบียงไว้ให้ลูกเมียกินยามตัวเขาอยู่ไกล ยังมีคนมาแย่งจานข้าวข้ากับลูกอีกหรือ สวรรค์เทพเซียนทั้งหลาย พวกท่านกินดื่มของที่ข้าถวาย ข้าจุดธูปเทียนให้ท่านแล้วพวกท่านเล่าทำอะไรเพื่อข้าบ้าง กินดื่มของผู้อื่น สวรรค์ท่านไม่คิดตอบแทนข้าสักหน่อยหรือ "
ชาวบ้านซุบซิบชี้ไม้ชี้มือ อะไรนะเหวินซื่ออายุสี่สิบกว่า จูหมิงซูอายุสิบแปดแล้วพวกนางยังให้หลานสาวน้องสาวซักผ้าประจำเดือนให้ มันน่าอายนักเรื่องนี้ เหล่าบุรุษที่ได้ยินถึงกับหน้าแดง เรื่องนี้มันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว ของแบบนั้นไม่มีใครไม่ทำเอง"นี่จูพั่ง ข้าว่าเมียกับลูกเจ้าก็เกินไปนะ ข้าแต่งกับเมียมานานจนบุตรชายมีหลานข้ายังไม่เคยเห็นผ้าประจำเดือนนางสักครั้ง""ใช่ๆ น่าเกลียดนัก ของสกปรกของตนกลับใช้ผู้อื่นทำให้ ป่านนี้ยังไม่ออกเรือนสงสัยสวรรค์ลงโทษเจ้าจริงๆจูหมิงซู"สามคนพ่อแม่ลูกอ้าปากพูดไม่ออก นางเด็กเลวนี่มีฝีปากดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันจูเหมยลี่ก้มหน้ายิ้มชั่วร้าย นางยังไม่จบยังเหลืออีกคน จึงหันมาทางจางลู่เหลียนร้องไห้ฟูมฟายจับชายกระโปรงของนางแน่น ด้วยท่าทีน่างสงสารเหมือนกับว่าจางลู่เหลียนเป็นฝ่ายรังแกผู้อื่น"ฮือๆๆพี่ลู่เหลียน ท่านงามนักท่านหาบุรุษอื่นเถอะอย่าแย่งสามีข้าได้ไหม ถือว่าข้าขอร้อง ข้าไม่มีบ้านเดิม ไม่มีกระทั่งสินเดิม ท่านพี่ยอมแต่งข้าก็เป็นวาสนาแล้ว ท่านยังมีโอกาสหาผู้ชายดีๆได้อีก จูเหมยลี่คนนี้ขอร้องท่าน อย่าแย่งสามีข้าเลยนะ"จางรั่วสุ่ยถึงกับหน้าชา อาซ้อพูดอะไรกันเขา
ทั้งสี่คนเดินกลับมาถึงบ้าน เซียวจ้านเป่ยหันไปถามบุตรสาว"ผิงผิง ลูกอยากไปเล่นกับพี่ๆที่บ้านลุงเซี่ยไหม วันนี้พ่ออนุญาตเจ้าเดี๋ยวค่ำๆพ่อจะไปรับ กลับ ต้องทำความสะอาดบ้านอีกฝุ่นเยอะเดี๋ยวลูกจะป่วยได้"เซียวจ้านเป่ยบอกลูกสาวผิงผิงทำสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง"ท่านพ่อบอกว่าหากอยากมีน้องของตัวเอง ข้าต้องให้ท่านพ่ออยู่กับท่านแม่สองคนบ่อยๆ อืมท่านพ่อคงอยากให้ข้ามีน้อง ได้เอาตามนี้"เซียวผิงผิงคิดในใจเรียบร้อยก็พยักหน้า"ท่านแม่เจ้าคะ ลูกปวดใจนักที่ต้องห่างท่านแม่ แต่เมื่อวานท่านแม่บอกว่าบ้านเราฝุ่นเยอะหากไม่ทำความสะอาดจะป่วยได้ ข้าไม่อยากป่วยไม่อยากกินยา ท่านแม่ข้าจะคิดถึงท่านแม่นะเจ้าคะ ท่านพ่อไม่ต้องรีบไปรับก็ได้ท่านต้องช่วยงานท่านแม่ ห้ามอู้งานนะเจ้าคะ"เซี่ยตงหยางถึงกับเหนื่อยใจกับความหน้าด้านของเซียวจ้านเป่ย คำพูดเหล่านี้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยพูดเองหรือเขาสอนให้พูดกันแน่เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าบุรุษตรงหน้าอยากจะรักเมียตัวเองขนาดไหน สายตาเจ้ามันฟ้อง ก่อนจะอุ้มเซียวลี่ผิงไปเล่นกับเด็กๆที่บ้านตนเองเซี่ยตงหยางไปแล้ว เซียวจ้านเป่ยก็ยิ้มใส่คนในอ้อมกอด เขายังอุ้มนางอยู่ไม่ยอมวาง ส่วนจูเหมยลี่ก็อยากรู้น
จูเหมยลี่หน้าแดง จานนั้นก็ผลักเขาออกจนกลิ้งตกน้ำ นางโกนหนวดให้เขาเสร็จพอดี หน้าตาดีมากเลยขนาดเขานอนหลับตานะเนี่ย"ไปล้างตัว โกนเสร็จแล้วข้าจะเข้าบ้านแล้วตาแก่โรคจิต"จูเหมยลี่ไม่ระวัง ถูกเซียวจ้านเป่ยฉุดแขนลงไปในน้ำด้วย แม้ว่าน้ำจะลึกแค่เอวแต่นางก็ถึงกับสำลักน้ำหูน้ำตาไหลก่อนจะลืมตาแล้วเอาเรื่องคนตรงหน้า แต่พอเห็นเซียวจ้านเป่ยที่โกนหนวดเสร็จแล้ว อีกทั้งล้างใบหน้าจนสะอาด จูเหมยลี่ก็ตะลึง"หล่อมากแม่เจ้า คนไทยพูดว่าอะไรนะ หล่อวัวตายควายล้ม หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง หล่อจนน้ำเดิน เซียวจ้านเป่ยคนนี้หล่อจริงๆ ให้ตายพับผ่าสิเพิ่งบอกเขาว่าขอเวลาก่อน แต่ตอนนี้เจ๊อยากลากไอ้เด็กนี่ขึ้นเตียงแล้วขย่มเสียเองจริงๆ เซียวจ้านเป่ยเจ้าจำเป็นต้องหล่อขนาดนี้ไหม" จูเหมยลี่คิดในใจก่อนจะเผลอยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาเซียวจ้านเป่ยรวบเอวบางรั้งเข้ามา ก่อนจะกระซิบเสียงแหบบ่งบอกถึงอารมณ์ของเขาตอนนี้ อีกทั้งรับรู้ว่ามีคนอยู่ที่ต้นไม้ คงเป็นองครักษ์ของไอ้เด็กหน้าอ่อนนั้นตามมา จึงออดอ้อนเมียทำท่าตนเองไม่รู้ตัวว่ามีคนจับตา"ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะหลงใหลข้า เมียจ๋าข้าโกนหนวดเสร็จแล้วเข้าบ้านกันดีกว่า อีกสักชั่วยามค่
แต่งตัวเสร็จแล้วเซียวจ้านเป่ยก็ไปรับบุตรสาว เฉิงอี้ที่เห็นบุรุษรูปงามหล่อเหลาเดินออกมาจากบ้านของเซียวจ้ายเป่ยก็ยิ้มชั่วร้าย หึแบบนี้ก็ง่ายหน่อย ดูท่าคงเพิ่งอิ่มเอมมาแน่ ๆหน้าตาดูมีความสุขเหลือเกิน"หึจูเหมยลี่ ที้แท้เจ้าก็ร้อนร่านไม่น้อย สามีนายพรานอัปลักษณ์ไม่อยู่ก็พาบุรุษรูปงามมาเสพสมถึงในบ้าน ดีๆข้าล่ะอยากขึ้นขี่เจ้าไวๆนัก"ข้าอาจไม่หล่อเหลาเท่าไอ้หนุ่มคนเมื่อกี้ที่เพิ่งออกมา แต่รับรองจะทำให้เจ้าติดใจจนร้องขอให้ข้ามาหาทุกคืนเชียว"เป็นเพราะเซียวจ้านเป่ยโกนหนวดโกนเคราออกเรียบร้อย หน้าตาจึงหล่อเหลาคมคาย ทำให้เฉิงอี้จำไม่ได้และคิดว่าจูเหมยลี่คบชู้ จากนั้นก็เดินไปยังภูเขาอีกด้านของหมู่บ้าน มีคนรอเขาอยู่เฉิงอี้มาถึงก็เห็นสตรีงดงามรออยู่แล้ว แม้งามไม่เท่าจูเหมยลี่แต่นางก็งามไม่น้อย"ท่านมาช้า ข้ารอนานแล้วนะ" หงซิ่วที่แอบเหลียงเถี่ยต้านมาหาชู้รัก พอเห็นเฉิงอี้ทำเสียงกระเง้าระงอด ก่อนจะเปลื้งอาภรณ์ตนเองออก เฉิงอี้หัวเราะหึๆ ก่อนจะเปลื้องผ้าตนเองเช่นกัน"ไหนดูสิ หืมนั่นเจ้าทำอะไรหรือแม่นางหงซิ่วคนงาม"หงซิ่วเอนตัวไปข้าหลังเล็กน้อย ชันเข่าขึ้นมา แยกเรียวขาออกก่อนจะใช้สองมือแหวกกลับดอกไม้ด้า
จูเหมยลี่นำเกี้ยวมาต้ม ผักกาดขาวที่เซียวจ้านเป่ยได้มาเมื่อวานจากบ้านเซี่ยตงหยางนางนำมาหั่นผัดใส่เนื้อหมู เมื่อเช้าทำเกี้ยวไว้มากคิดว่าไม่ต้องทำมื้อเย็น แต่เกี้ยวอย่างเดียวเลี่ยนเกินไปลูกพีชหอมมาก ได้ยินว่าอาซ้อเซี่ยตั้งครรภ์บุตรคนที่สาม จูเหมยลี่จึงแบ่งให้นางไปห้าลูกเซียวจ้านเป็นกำลังไปรับบุตรสาวเดินผ่านบ้านจางก็ทักทายเยี่ยอวี่ภรรยาจางรั่วสุ่ย นางนิสัยดี แต่จางรั่วสุ่ยรักน้องสาวเกินไป"เยี่ยอวี่ รั่วสุ่ยไม่อยู่หรือ เอ่อ เหมยลี่นางเห็นว่าบ้านเจ้ามีเด็กเลยให้ข้าแบ่งขนมมาให้ รับไปสิ"เยี่ยอวี่ภรรยาจางรั่วสุ่ยเห็นเซียวจ้านเป่ยก็ตกตะลึง บุรุษผู้นี่คือใคร เหตุใดรูปงามถึงเพียงนี้ อีกทั้งรู้จักสามีนางด้วย แต่น้ำเสียงของเขาเหตุใดนางคุ้นเคยนัก"พี่ชาย ท่านรู้จักข้ากับสามีหรือเจ้าคะ ข้าจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกับท่านมาก่อน"เยี่ยอวี่มองหน้าบุรุษรูปงามตรงหน้าพร้อมกับทำหน้าสงสัย เซียวจ้านเป่ยหัวเราะก่อนจะส่งกล่องขนมให้นางแล้วเอ่ยขึ้น"เยี่ยอวี่ ข้าเองเซียวจ้านเป่ย เมียข้าจับข้าโกนหนวดโกนเคราน่ะ นางไม่ยอมให้ข้าเข้าใกล้นางบอกว่าสกปรก ข้าไปบ้านพี่ตงหยางก่อนนะ ผิงผิงไปเล่นที่นั่นข้าจะไปรับกลับบ้าน"เซีย
จางลู่เหลียนเห็นคนที่ยืนอยู่ก็ตกใจ"ทำไม จะรอเขาตื่นมาเย่อเจ้าหรือ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะได้ไม่ช่วยแต่แรก"จูเหมยลี่ปาท่อนไม้ไปอีกทาง จางลู่เหลียนผลักร่างที่สลบของเฉิงอี้ออกก่อนจะร้องไห้คร่ำครวญ"ฮือๆๆๆไอ้สารเลวเฉิงอี้ข้าจะฆ่าเจ้า ฮือๆ" จูเหมยลี่ส่ายหน้า นั่งลงข้างๆเอ่ยเสียงเรียบ"เจ้าเกลียดข้าๆเข้าใจ แต่เจ้าควรคิดถึงพี่ชายเจ้าบ้าง เรื่องวันนี้ข้าไม่พูดเจ้าไม่พูดเข้าใจไหม หากเขารู้ว่าเฉิงอี้คิดทำลายเจ้า แล้วไปทำร้ายไอ้สารเลวนี่ เฉิงอี้เป็นซิ่วไฉ หากเขาทำร้ายเฉิงอี้พี่ชายเจ้าจะเป็นเช่นไร กลับบ้านได้แล้ว ผู้ชายไม่ได้มีแค่เซียวจ้านเป่ย"จางลู่เหลียนจัดแจงเสื้อผ้าของตน จากนั้นก็เดินตามจูเหมยลี่กลับไป เฉิงอี้ที่สลบอยู่ตรงนั้นถูกคนของคังหยุนเอาไปโยนไว้ที่รังรักของเขากับหงซิ่ว โดยไม่มีใครรู้จูเหมยลี่กำลังจะบ้า จางลู่เหลียนไม่ไปไหนเลย นางตามติดแจเฝ้าไม่ห่าง นางทายาที่ใบหน้าให้ จางลู่เหลียนมองหน้านางอย่างละเมอ แค่เอ่ยขอบคุณไม่พอยังหอมแก้มนางด้วยขนลุกจะตายแล้ว เซียวจ้านเป่ยเจ้ากลับสักทีตาบ้า แค่ไปรับลูกเองนะไปเสียนานเชียวไม่นานเซียวจ้านเป่ยก็กลับมา เซียวลี่ผิงรีบวิ่งมาหามารดาทันที จูเหมยลี่จะ
ยามเหมาจูเหมยลี่ตื่นมาทำอาหารเช้า ช่วงนี้หน้าฝนแต่เซียวจ้านเป่ยกลับจะพาคนขึ้นเขา เมื่อวานนางสั่งเขาซื้อของมามากมาย จูเหมยลี่สับหมูปรุงรสพักไว้จากนั้นก็มาเคี่ยวโจ๊ก ก่อนจะนำแป้งมานวดเพื่อทำซาลาเปา มีเสียงเรียกที่รั้วบ้านนางจึงออกไปดู ปรากฏว่าเป็นจางลู่เหลียน พอเห็นหน้าจูเหมยลี่ก็ตรงเข้ามากอดทันที"ลี่เอ๋อร์ คิดถึงเหลือเกิน เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับเอาแต่คิดถึงเจ้า ว่าแต่เมื่อคืนเจ้านอนห้องเดียวกับเซียวจ้านเป่ยหรือไม่""พี่ลู่เหลียน ท่านพี่เป็นสามีข้าย่อมต้องนอนด้วยกัน เอ่อพี่ปล่อยข้าก่อนเถอะ ใครมาเห็นจะนินทาเอาได้นะ""ช่างหัวปะไร พี่ชอบเจ้าคนอื่นคิดอย่างไรก็ช่าง พี่ตื่นแต่เช้ามาช่วยงานเจ้า ปวดใจนักที่เห็นเจ้าต้องลูกขึ้นมารับใช้ผู้ชายอัปลักษณ์คนนั้น"จูเหมยลี่ยืนงงเลย ตอนคนบ้านนั่นไว้หนวดเป็นตาแก่ เจ้าคลังไคล้นักหนา พอโกนหนวดหล่อราวเทพเซียนเจ้ากับรังเกียจบอกว่าเซียวจ้านเป่ยอัปลักษณ์ เฮ้อจำได้ว่าข้าตีหัวเฉิงอี้นี่นา ไม่ได้ตีเจ้าสักหน่อยนะเสียวเซียวจ้านเป่ยตื่นแล้ว พอเห็นจางลู่เหลียนกอดเมียสาวอยู่ก็โมโห เดินมาทันที เซียวจ้านเป่ยคว้าแขนจางลู่เหลียนลากกลับบ้าน จูเหมยลี่ส่ายหน้า"นี่มันอะไรกัน
"ท่านพี่ๆๆ เหม่ออะไรเจ้าคะ ไปปลุกลูกจะได้รีบกินมื้อเช้า วันนี้ท่านอยู่กับลูกนะเจ้าคะ ข้าจะขึ้นเขาเก็บฟืนสักหน่อย ฟืนในบ้านหมดแล้ว ครอบครัวลุงใหญ่ถูกโบยขนาดนั้น คงไม่มาหาเรื่องอีกเป็นเดือนข้าอยากเตรียมพร้อมก่อนท่านไปทัพ อยากให้ฟืนมีใช้ เสบียงพร้อมไม่ต้องทิ้งลูกไว้บ้าน ข้าไม่อยากทิ้งผิงผิงไว้คนเดียว หรือพาไปบนเขาบ่อยๆ สัตว์ป่าไม่อาจเดาใจได้""เจ้าอยู่บ้านเถอะ เรื่องเก็บฟืนพี่จัดการเอง พี่ไปปลุกลูกก่อนนะ กลิ่นซาลาเปาเจ้าหอมยิ่งนัก ชักหิวเสียแล้วสิ"จากนั้นก็เดินเข้าบ้านเพื่อไปปลุกเซียวลี่ผิง ยังไม่ทันจะเข้าเด็กน้อยก็วิ่งออกมาตรงไปหามารดาทันที"ท่านแม่ หอมจังเลยเจ้าค่ะท่านแม่ทำอะไรกินหรือเจ้าคะ"เซียวลี่ผิงกอดต้นขาจูเหมยลี่แน่น เงยหน้าทำสายตาน่ารักจนจูเหมยลี่ทนไม่ไหวอุ้มนางขึ้นมาห้องแก้มไปสองที"ผิงผิงเด็กดี ตื่นมาแล้วต้องคารวะท่านพ่อก่อน ไหนแม่สอนเมื่อวานลืมแล้วหรือ"ผิงผิงลงจากอกจูเหมยลี่ก่อนจะย่อตัวเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว"ผิงผิงคารวะท่านพ่อ ขอท่านพ่อสุขภาพแข็งแรง ผิงผิงคารวะท่านแม่ขอท่านแม่สุขภาพแข็งแรงงดงามตลอดไปเจ้าค่ะ"เซียวจ้านเป่ยอุ้มบุตรสาวขึ้นมาหอมแก้มเช่นกัน เขาต้องไปชายแดน ต้องหา
บรรดาคนที่อยู่ในห้องสนทนาถึงกับตกใจกับข่าวใหม่ หานรั่วสุ่ยมีภรรยาแล้วอีกทั้งมีบุตรแล้วด้วย จ้านอ๋องก็มีพระชายาแล้วเช่นกัน พวกเขาสนทนาโดยไม่สนใจบุคคลที่อยู่ในห้องด้วยสักนิด "อืมพี่เมีย ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนคิดถึงเหลี่ยนเอ๋อร์ของข้าแล้ว พวกท่านค่อยเดินทางทีหลังแล้วกัน""องค์ชายคังหยุนท่านจะไปเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ""ออกเดินทางวันนี้ ข้าคิดถึงเมีย มีบางคนคิดถึงจูเว่ยเว่ยจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว น่ารำคาญยิ่งนัก อ้อนวอนข้าทุกวันจะกลับจิ่วโจวให้ได้""เอ๋เสด็จพี่ ข้าคิดถึงเว่ยเว่ยไม่ได้หรืออย่างไร ทีท่านคิดถึงพี่สะใภ้ได้เล่าหรือไม่เล่า ท่านพี่ล่ะคิดถึงพี่สะใภ้แสนงามของข้าหรือไม่ "อืม หยุนเอ๋อร์ รั่วสุ่ยพวกเจ้าคุยกันไปเถอะ อ้อพวกท่านทั้งหลายก็กลับไปเถอะนะ ไม่ว่าของขวัญของฝากที่ใครๆไหว้วานพวกท่านนำมานั้น ก็จงนำกลับไปด้วย ข้าอ้ายจ้านมีภรรยาแล้ว และข้าไม่แต่งเมียเพิ่ม ข้าไปล่ะพวกเจ้าปรึกษากันต่อเถอะ" "เอ่อพี่เมีย แล้วยายเฒ่าตาเฒ่าสกุลหานเหล่านั้นท่านจะว่าอย่างไรหรือ" คังหยุนแม้จะเป็นองค์ชายแต่ก็ไม่อยากใช้อำนาจกับพวกเขา แต่น่ารำคาญเหลือเกินโดยเฉพาะยายเฒ่าหานนั่น ตอนจาง
“เอ๋ เสด็จพ่อตาใครกันนะว่ากระหม่อมเป็นตาเฒ่าหลอกเด็กรุ่นลูกมาเป็นเมีย นี่ๆพี่อันหยวนของข้าสามสิบเก้า ท่านสี่สิบสอง บางคนสี่สิบห้าแล้วนะ เหอะ”ซูฟางหรูอายหน้าแดง อ้ายเฉิงถลึงตาใส่จูยวี่ซานก่อนจะเอ่ย“มีอะไรคุยพรุ่งนี้ เมียข้าหิวข้าว หากไม่หยุดข้าจะเอาลูกสาวข้าคืนตาแก่จู”จูยวี่ซานและเฝิงอันหยวนหัวเราะก่อนจะพากันออกไป ปล่อยคู่รักต่างวัยให้อยู่ด้วยกัน จูเหมยลี่รับรู้จากอาสามว่าพ่อสามีกับซูฟางหรูข้าวสารเป็นข้าวสุกเรียบร้อยแล้วตอนนี้ซูฟางหรูนอนอยู่ในอ้อมกอดอ้ายเฉิง เขาลูบไหล่นางเบาๆ พูดคุย“อาให้คนไปรับมารดากับบิดาเจ้ามาแล้ว พรุ่งนี้บ่ายๆ ถึงจิ่วโจว”“ท่านอาพูดจริงหรือเจ้าคะ”“อารู้ว่าเจ้าเคยหมั้นหมาย แต่เพราะห่วงบิดากับมารดา จนคู่หมั้นถอนหมั้นเจ้า”“ท่านอา คือว่าเรื่องนั้น”“ข้ารู้ เจ้าห่วงพวกเขาจนฝ่ายนั้นรำคาญ แต่ก็ดีแล้วมิใช่หรือหากตอนนั้นเจ้าแต่งออกไป ใครจะนอนหนุนแขนอาเล่าตอนนี้หื้ม”“ท่านอา ท่านอายุสี่สิบห้าจริงๆ หรือ เหตุใดถึงเหมือนพี่น้องกับท่านพี่เซียวนัก ใบหน้าท่านเด็กกว่าอาสามอีก”“ปากหวานแบบนี้ต้องให้รางวัลแล้วไหม”อ้ายเฉิงเริ่มปลดอาภรณ์นางอีกครั้ง ซูฟางหรูจับมือเขาไว้ก่อนจะเอ่
ซูฟางหรูกลับมาที่ริมแม่น้ำ อ้ายเฉิงนั่งรออยู่ พอเห็นนางก็เอามือกุมท้องดังเดิม ซูฟางหรูไม่รู้เลยว่าหมาป่ากำลังมองจ้องลูกแกะตัวน้อยเนื้อขาวๆ“ท่านอาเฉิง ยามาแล้วเจ้าค่ะเอ่อ ทะ ท่านอาทาเองได้ไหมเจ้าคะ”“ข้าจะทาอย่างไรกันมันไม่ถนัด เจ้าช่วยหน่อยสิอาหรู”“แต่ข้าเป็นสตรี ท่านเป็นบุรุษใกล้ชิดกันคงไม่ดีนักคือๆ ว่าข้า”“ช่างเถอะ เจ้ากลับไปเถอะเดี๋ยวข้านั่งหายเจ็บก็กลับเอง ไม่รบกวนเจ้าหรอก”“ท่านอา กะ ก็ได้แต่ว่าถ้าหากใครมาเห็นคงไม่ดี ว้าย!!”พูดไม่ทันจบนางก็ตัวลอยขึ้น อ้ายเฉิงอุ้มนางดีดตัวผ่านยอดไม้ก่อนจะมาถึงเรือนของตน ซูฟางหรูซบกับหน้าอกเขาแน่นเพราะกลัวตก จึงไม่เห็นบรรดาข้าราชบริพารที่ถอยหลังออกจากเรือนพักจนหมด องครักษ์เงาหายไปจากบริเวณนั้นทันทีอ้ายเฉิงวางร่างบางระหงลงบนเตียงของตน ซูฟางหรูมองเขาหน้าตาเหรอหรา ยิ่งมองยิ่งน่ารักเหลือเกินจนอ้ายเฉิงอดใจไม่ไหว รั้งนางมาจูบทันที“อื้อ” ซูฟางหรูเองนี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดบุรุษเพศ นางทำอะไรไม่ถูกยอมให้คนตัวโตชักจุงในที่สุดนางก็ถูกเขาลอกคราบจนเปลือยเปล่า“อาหรูเจ้างามนัก ขออาเฉิงนะเด็กดี”“อื้อ ท่านอาแบบนี้ไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ ไหนท่านบอกว่าเจ็บท้อง
จูเหมยลี่ออกเดือนได้หลายวันแล้ว ตอนนี้บุตรชายอ้ายหลิวเหว่ยได้สองเดือนกว่าแล้ว เมื่อวานอ้ายซินมาบอกว่าเซียวจ้านเป่ยจัดการกลุ่มกบฏเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่กวาดล้างกากเดนที่เหลืออยู่ ฮ่องเต้แต่งตั้งเขาเป็นอ๋อง เดิมทีอีกเจ็ดวันจะเดินทางมาจิ่วโจวแต่เพราะมีเหตุต้องอยู่ต่อ อีกครึ่งเดือนจึงจะมาพร้อมขบวนต้อนรับพระชายาจูเหมยลี่ส่งหลิวเหว่ยให้กับหรงหรง ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นซูฟางหรูเดินหิ้วตระกร้ามาหา เด็กสาวคนนี้หน้าตาสะสวยจริงๆ เป็นเด็กกตัญญูยิ่งนัก“พี่ฟางหรู ท่านเอาอะไรมาอีกละนั่นข้าเกรงใจจะแย่แล้ว”“อาซ้อเซียวท่านเกรงใจไปแล้ว หากไม่ได้ท่านคอยช่วยเหลือข้ากับพี่สาวและหลานๆ คงลำบากไม่น้อย เอ่อ นี่เป็นขนมดอกหยางไหวของท่านอาเฉิงเจ้าค่ะ”ซูฟางหรูส่งห่อใบบัวให้จูเหมยลี่ เว่ยเว่ยเดินออกมาจากในบ้านก่อนจะรับแล้วเอ่ยกับจูเหมยลี่“เสี่ยวลี่ พี่จะไปบ้านท่านยายสักสามวัน ทางนี้ไม่ขาดคนพอดีท่านยายป่วยอีกแล้ว พักนี้ท่านยายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่”“อืม ท่านอาเสี่ยวทงรบกวนท่านมานี่สักหน่อย”เสี่ยวทงเป็นคนของนางไปแล้ว อาสามยกให้เขาคอยดูแลจูเหมยลี่กับเซียวลี่ผิงโดยเฉพาะ จูยวี่ซานไปข้างนอกบ่อยๆ เขากลัว
เมื่อเรื่องในวังหลังเรียบร้อย ยามเฉินฮ่องเต้ก็สวมฉลองพระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ในท้องพระโรง วันนี้ขุนนางมาเข้าเฝ้าโดยไม่รู้ว่าเรื่องราวอะไรกำลังจะเกิดขึ้นแต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเห็นคืออ้ายจ้านซื่อจื่อที่กลับมาแล้ว อีกคนหยางตงเซี่ย และหานรั่วสุ่ยทั่นฮวาน้อย"ฝ่าบาท วันนี้ประชุมเช้า เหตุใดซื่อจื่อจึงพกอาวุธเข้ามายังท้องพระโรงกันพ่ะย่ะค่ะ นี่มิเท่ากับทำผิดร้ายแรงหรอกหรือ""รองเจ้ากรมอาลักษณ์พูดจาน่าขัน พวกเราอารักขาฝ่าบาท มีอะไรไม่สมเหตุสมผลหรอกหรือ" จางรั่วสุ่ยเอ่ยขึ้น คนที่จ้องเขาตาถลนกำลังกำมือแน่น เขาคือหานรั่วท่านปู่ของเขา "รั่วสุ่ย อย่าเสียมารยาท นี่คือขุนนางเจ้าเป็นเพียงทหารปลายแถวจงสำรวม""โย่ว ใต้เท้าหานกล่าววาจาอันใดกัน ท่านดูไม่ออกหรือว่าข้ามีตำแหน่งใด สายตาฝ้าฟางเช่นนี้ควรลาออกไปเลี้ยงหลานอยู่บ้านจะดีกว่าหรือไม่"หานรั่วถึงกับหน้าเขียว เป็นเด็กเลวจริงๆ เลือดชั้นต่ำของมารดาคงแรง"อ้อ ใต้เท้าหานที่แท้เขาก็คือทั่นฮวาน้อยหานรั่วสุ่ย หลานชายของท่านนั่นเอง ""รองเจ้ากรมท่านกล่าวผิดแล้ว ข้าแซ่จาง จางรั่วสุ่ย แซ่หานนั้นข้าไม่เคยใช้"หานรั่วถึงกับหน้าคล้ำกว่าเดิ
สิบวันต่อมาเซียวจ้านเป่ยมารวมกับทัพใหญ่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เรียกหานอี้มาหา หานอี้เป็นคนสนิทของแม่ทัพจ้าว"ตอนข้าไม่อยู่มีเรื่องอันใดหรือไม่""เป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ นายกองหูออกจากค่ายไปบ่อยๆ เขานัดพบคนๆหนึ่ง เราสืบดูแล้วเป็นคนของซีเป่ย ไท่ซ่างหวงทิ้งข้อความไว้ให้ท่านแม่ทัพขอรับ"เซียวจ้านเป่ยหยิบกระดาษที่วาดรูปออกมา เป็นเหมือนรูปวาดธรรมดา แต่เซียวจ้านเป่ยรู้ดีว่าเสด็จปู่กำลังจะสื่อถึงอะไร ภูเขา ลำธารหรือ นี่มันทางเข้าหลังตำหนักร้างนี่ รอยเท้าย้อนกลับเดินถอยหลังเช่นนั้นหรือ มีบางคนส่งข่าวจากช่องทางนั้น "รั่วสุ่ยเขียนอักษรถึงองค์ชายสี่หน่อย เขียนแค่ว่าชมจันทร์ในคืนที่ไร้เมฆบัง"จางรั่วสุยเขียนโครงตามที่เซียวจ้านเป่ยบอก ชมจันทร์ในคืนที่ไร้เมฆบัง แปลว่าอะไร พี่น้องคู่นี้หน้าสิ่วหน้าขวานยังมีแก่ใจต่อกลอนกันด้วยหรือ อินทรีปากเหล็กรับข้อความไปแล้ว ยามอิ๋นจึงได้จดหมายตอบกลับมา มีเพียงรูปวาดของเด็กทั้งห้า ที่มีสัญลักษณ์แตกต่างกันไป แต่เด็กคนหนึ่งหายไป"เป็นเจ้าจริงองค์ชายรอง คิดจะเปิดประตูหลังตำหนักร้างให้คนของท่านตาเจ้าเข้าไปก่อกบฏหรือ หึ สำคัญผิดเสียแล้ว"
หลังจากจูเหมยลี่คลอดบุตรชายให้เซียวจ้านเป่ยเรียบร้อยแล้วนางก็พักฟื้น ตอนนี้บริเวณหมู่บ้านกับตำบลจิ่วโจวทั้งตำบล มีทหารคอยอารักขาเต็มไปหมด จูเก่อคังที่ตอนนี้นั่งดื่มกับอาเฉิงอยู่ เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือเชื้อพระวงศ์ จึงได้พูดคุยทุกเรื่อง"นี่ๆน้องเฉิง บุตรชายเจ้าเก่งนัก ไปทหารไม่นานก็ได้ตำแหน่งใหญ่โตกลับมา เฮ้อ วาสนาเสี่ยวลี่ของข้าจริงๆ อยากให้น้องรองกับน้องสะใภ้ของข้าได้รับรู้เหลือเกินว่าตอนนี้นางมีชีวิตที่ดีเพียงใด""พี่เก่อคัง หลานสาวท่านคนนี้บุตรชายของข้าดูท่าจะรักนางมาก""เสี่ยวลี่เป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง หากไม่ใช่ว่าถูกลุงใหญ่กับป้าสะใภ้กลั่นแกล้งชีวิตนางคงไม่เลวร้าย โชคดีที่วันนั้นสองคนนั้นตัดสินใจขายเสี่ยวลี่ให้บุตรชายท่าน ไม่เช่นนั้นข้าไม่อาจเดาชะตากรรมนางได้เลย""กฎหมายซื้อขายคนคงต้องแจ้งฝ่าบาทให้ปรับจริงๆ แต่พวกขุนนางเก่าแก่คงไม่ยอม"เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กำลังกอดรักเมีย เขาต้องไปแล้วคนของเขาแจ้งมาแล้วว่ากลุ่มกบฏมีกี่พรรคพวก แล้วหลบซ่อนอยู่ที่ใดบ้าง"ลี่เอ๋อร์ พี่ต้องไปแล้ว พี่สัญญาว่าจะทำรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วกลับมารับเจ้ากับลูก""ท่านพี่
"ฮือๆๆ เสด็จพ่อ" อ้ายเฉิงกางแขนกอดรับบุตรสาวที่ตอนนี้ร้องไห้กับอกเขา"ร้องทำไมเจ้าตัวดี ใครใช้ให้เจ้าหนีออกจากวังกันหึ"แม้คำพูดจะตำหนิแต่น้ำเสียงกับอาทรห่วงใยบุตรสาวยิ่งนัก อ้ายซินมองหน้าก่อนจะทำสีหน้าสงสัย"เสด็จมาได้อย่างไรเพคะ แล้วคนของฉู่หรานซินที่เฝ้าเสด็จพ่อในทุกๆวันเล่า""เรื่องราวยากกว่าที่เจ้าเข้าใจ นางกำลังพาบุตรชายหนีน่ะ""อ้ายฉางหรือเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่บุตรเสด็จพ่อ หม่อมฉันเคยได้ยินนางกับรองเจ้ากรมอาลักษณ์ติดต่อกัน เขาบอกว่าต้องอดทนถึงเมื่อไหร่อ้ายฉางจึงจะเรียกเขาว่าท่านพ่อสักที""ลูกเห็นว่าพ่อหลับนอนกับนางหรือ เห็นตาแก่ใกล้ตายคนนั้นที่ร่วมสังวาสกับสตรีคือพ่อหรือ"อ้ายซินทำสีหน้าสงสัย เซียวจ้านเป่ยจึงเอ่ยกับนาง"มีคนที่ใบหน้าคล้ายเสด็จพ่อน่ะ เราวางหมากตั้งแปดปีที่แล้ว ก่อนที่ฉู่หรานซินจะแต่งเข้ามา เสด็จพ่อก็อยู่ที่ตำหนักเย็นของพระราชวังหลังเก่านอกเมืองมาตลอด ไม่มีใครรู้นอกจากฝ่าบาทเสด็จปู่แล้วก็พี่ เฉิงอ๋องคนนั้นที่อยู่กับฉู่หรานซินทุกวันคือคนสนิทของเสด็จพ่อ ที่ปลอมแปลงใบหน้า"จากนั้นทุกคนก็เข้าใจ จางรั่วสุ่ยรีบกลับไปหาภรรยา เพราะว่านางกำลังอยู่เดือน เซี่ยตงหยางม
อ้ายซินเอ่ยจบประโยคลมสายหนึ่งก็ผ่านตัวนางไป เห็นด้านหลังเป็นบุรุษใส่ชุดกองทัพ เขาคือพี่ชายของนาง อ้ายซินดิ้นลงจากตักสามีรีบเดินไปหา"พี่ชาย ท่านกลับมาแล้ว ฮือๆๆ"เซียวจ้านเป่ยหันมามองหน้าน้องสาวก่อนจะรั้งนางเข้ามากอด"ซินเอ๋อร์ เสี่ยวลี่อยู่ในนั้นหรือ""เจ้าค่ะ พี่สะใภ้เจ็บท้องมาสองชั่วยามแล้ว พี่ชายไหนว่าท่านอยู่ชายแดนไงเจ้าคะ""ทางนั้นเรียบร้อยแล้วล่ะ เหลือแค่ทางวังหลวง ฉู่ฉางเกินมุ่งหน้าเข้าวัง พี่สกัดเขาไว้ได้แต่ยังไม่รู้ว่ากองกำลังของเขาที่ยังซุกซ่อนอยู่มีเท่าไหร่ พอดีจิ่วโจวเป็นทางผ่านพี่จึงแวะหาลี่เอ๋อร์กับผิงผิงน่ะ"อ้ายซินกำมือแน่น ก่อนจะมองหน้าสามี จูยวี่ซานถอนหายใจ เขาคงปกป้องพี่ชายพี่สะใภ้และจูหมิงซูไม่ได้หรอก ได้ข่าวว่าแค่สตรีนางหนึ่งกล่าวหาเสี่ยวลี่คำเดียวก็ถูกโยนไปอยู่ก้นเหวแล้ว"ผิงผิงป่วยเจ้าค่ะ คือว่า""พี่รู้เรื่องหมดแล้ว ระหว่างทางที่มามีคนรายงานพี่ สามคนพ่อแม่ลูกนั้นพี่ให้ส่งไปชายแดนใต้หมดแล้ว ที่นั่นมีเหมืองแร่ให้พวกมันไปชดใช้ที่นั่น โดยเฉพาะจูหมิงซูคนนั้น หากรอดจากแผลบนใบหน้าได้นับว่านางดวงแข็งแล้ว""จ้านเป่ยอาสามต้องขออภัยเจ้าจริงๆ หากมิใช่ว่าอาสามต้องไปเจราจาก