จิ่งป๋ออยากติดตามเนี่ยหยวนซูเข้าไปด้านในด้วย แม้เขาจะเป็นลูกแหง่ ทว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานเขาสมควรปกป้องพี่สะใภ้ แต่เนี่ยหยวนซูยกมือห้ามและบอกว่าขอให้เขาช่วยต้อนรับแขกภายในงานแทนนางสักพัก ส่วนหู่ฮาวเทียน เมื่อเห็นว่าตนสร้างความน่าเกรงขามให้ผู้อื่นขยาดกลัวสำเร็จ เขาก็ดึงร่างนางรำมาสองคน แล้วบอกว่าอยากเปิดห้องพิเศษสำหรับดื่มและกินโดยห้ามให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งวุ่นวาย“พี่สะใภ้ ท่านมั่นใจหรือว่าจะตกลงกับคนในวังได้ สุนัขจิ้งจอกว่าร้ายแล้ว แต่ห้าอสรพิษที่ถูกเลี้ยงจนกลายเป็นหนอนกู่ ย่อมไม่อาจรับมือง่าย ๆ”จิ่งป๋อว่าจบก็มองไปยังฟานเลี่ยง“คุณชายสาม แม้พี่ชายเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่อย่าคิดว่าเขาจะช่วยเหลือได้ตลอด หากเจ้ายังพยายามยื่นคอไปให้ผู้อื่นตัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะฝ่ายนั้นเป็นถึงแม่ของแผ่นดิน ก็คงไม่แคล้วได้ตายสมใจ”เนี่ยหยวนซูปรามจิ่งป๋อ ฝ่ายฟานเลี่ยงโบกมือไปมา ก่อนเอ่ยว่า“ฮูหยินจิ่ง ตอนนี้ข้าค่อยยังชั่วแล้ว ปะ ไปคุยกันข้างในจะดีกว่า!” เนี่ยหยวนซูอารมณ์ขุ่นมัวเป็นอย่างมาก การที่ฟานเลี่ยงจงใจทำสร้อยหยกที่แม่ทัพหนุ่มมอบให้นับว่าไม่สมควร แต่ให้นางโวยวายหรือแสดงความไม่พอใจคงเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดนัก ยิ่ง
“ฮองเฮาต้องการแจ้งสิ่งใดต่อข้า” เมื่อเนี่ยหยวนซูตามหาเสียงตนเองพบ จึงเอ่ยถามฟานเลี่ยงย่อมเข้าใจนิสัยใจคอคนในวังหลวงดี พวกนั้นเห็นเพียงประโยชน์ของตน “แม่ทัพจิ่ง คาดการณ์ว่าข้าต้องได้มางานเลี้ยงคืนนี้ จึงขอให้ข้าได้ช่วยเหลือเรื่องสำคัญ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเห็นฮูหยินจิ่งสวมสร้อยหยกก็หมายความว่าเจ้าคือสตรีที่คู่ควรให้เขาเรียกขานว่า ‘ภรรยา’ กระนั้นบ้านเมืองยามนี้ผู้มีอำนาจถึงจะเอาชีวิตรอด แต่...นอกจากอำนาจคงเป็นเงินที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ และหากข้าคาดการณ์ไม่ผิด เหล่าคหบดีและขุนนางที่อยู่นอกเมืองหลายคนย่อมได้รับโทษหนักเบาต่างกันไป โดยจุดหมายสำคัญครั้งนี้ ไทเฮาต้องการบีบคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองเป่ยตูให้ย้ายข้างไปเป็นคนของนางโดยใช้ข้อหากบฏเป็นการข่มขู่”ฮองเฮากล่าวอย่างไม่ปิดบัง นี่คงทำให้เนี่ยหยวนซูตระหนักถึงภัยใหญ่หลวงที่กำลังเกิดขึ้น“ฮองเฮากล่าวทุกอย่างให้ข้าฟังเช่นนี้ ไม่คิดว่าข้าจะปากโป้งเผยความลับให้ผู้อื่นล่วงรู้หรอกหรือ”“ฮึ หากข้ากลัว ไฉนจะขึ้นเกี้ยวออกจากวังหลวง และเดินทางมาชมการแสดงพลุไฟในโรงละครเก่านี้เล่า ที่สำคัญอย่าดูถูกน้ำใจข้าให้มาก แม้ไม่เคยช่วยเหลือกันมาก่อน แต่ข้ายิน
อ้ายเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดการณ์ และต้องประหลาดใจที่หูได้ยินเสียงร้องเพลงเสียงดนตรีอึกทึก เหนืออื่นใดที่ทำให้เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง เชามี่กลับยังไม่ตาย! อีกทั้งเรือนหลังที่เป็นส่วนห้องรับรองยังไม่ถูกเผาไหม้ นอกเหนือจากนั้น นางรู้ว่าตนได้รับพิษร้ายแรง รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอนลอยคว้างอยู่รอบตัว ทั้งหมดสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของเชามี่ทว่าสิ่งมีสิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เชามี่สวมหน้ากากงูดำ ราวกับนางอยู่ในงานเลี้ยงของเนี่ยหยวนซู และสิ่งที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคือเชามี่คงเป็นเพียงชุดที่สวมใส่ และกลิ่นถุงหอมของนางที่ลอยอบอวลอยู่ในห้องเล็กแคบอ้ายเหมยระแวดระวังภัยตนอย่างหนัก นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ปิดตาย และเห็นว่ายังมีคราบเลือดอันเกิดจากบาดแผลของเชามี่เปรอะอยู่ตามพื้นห้อง“นายหญิงเชา ท่านยังยื้อชีวิตจากมัจจุราชได้อีกหรือ” อ้ายเหมยถามราวกับเป็นคนโง่อีกฝ่ายหัวเราะเสียงแหลม ท่าทางดูราวกับมีความแค้นสุมอยู่ในอก ยิ่งกว่านั้น นางไม่เหมือนเชามี่ที่อ้ายเหมยรู้จัก “ฮึ ดูให้ดี...แท้จริง ข้าอาจตายไปตั้งแต่ถูกเจ้ากรีดข้อมือก็เป็นได้”อ้ายเหมยไม่อยากเสียเวลาอีก นางควรออกจากห้องนี้ แล้วมุ่งหน้าไปร
“อนุเชา ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะมีคนต้องการฆ่าปิดปาก เรื่องที่ต้องการเปิดโปงการใช้ไสยเวทในจวนจิ่งของไท่ฮูหยิน แน่นอนหากจิ่งหลัวคุนล่วงรู้เรื่องนี้ว่าท่านเป็นคนเปิดโปงย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นจงรีบช่วงชิงความได้เปรียบ จัดการเนี่ยหยวนซูแล้วป้ายความผิดไปให้นางย่อมดีที่สุดว่าเป็นผู้พยายามหาความผิดของไท่ฮูหยิน ในการใช้ไสยเวทเล่นงานมารดาของจิ่งหลัวคุน จนนางกลายเป็นสตรีวิปลาสส่วนเรื่องการที่นางกักขังไว้ก็ให้บอกทุกคนว่าเนี่ยหยวนซูมีแผนร้ายแอบแฝง ต้องการปิดปากท่าน ดังนั้นเมื่อไม่มีฮูหยินจิ่ง ทั้งเจ้าบ้านเนี่ยและแม่ทัพจิ่งย่อมสูญเสียกำลังใจ พวกเขาอาจคลั่งหนัก แต่...เชื่อข้าเถิด หากทำเช่นนี้สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแน่นอน ใต้เท้าเชารวมถึงท่านย่อมไร้มลทิน และผู้อยู่เบื้องหลังแผนทั้งหมดจะส่งเสริมให้ท่านได้ก้าวขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนจิ่ง...”เชามี่แม้จะฝันหวานตามคำพูดคนพวกนี้ ทว่าใจกลับกลัวเหลือเกิน มันเป็นเสียงเล็ก ๆ บอกให้นางอย่าหลงเชื่อคำพูดของคนพวกนี้“พวกเจ้าพูดเหมือนง่าย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นใครจะสามารถเข้าใกล้มันได้ง่าย ๆ”“อย่างที่บอก สาวใช้ของท่านที่ทรยศถึงขั้นฆ่าผู้เป็นนาย ด้วยมีมารดาและน้องชายที่ร
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนี่ยหยวนซูต้องยอมรับว่าได้เจ้าของร่างช่วยเหลือเป็นอย่างมาก อีกทั้งนางสามารถปะติดปะต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงนำมาวางแผนแล้วขอความร่วมมือจากจิ่งป๋อ แรกเริ่มเขาแปลกใจ ทว่าเมื่อรู้ว่าฟานเลี่ยงมีความประสงค์เช่นไร ชายหนุ่มจึงไม่รีรอยอมสวมบทบาทเป็นคนของเชามี่ เพื่อวางแผนตลบหลังอนุภรรยาพี่ชายจิ่งป๋อเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้ารัดกุมสีเข้ม มองแล้วคล้ายคนจากสำนักคุ้มภัย แต่ดูแปลกตาก็คือหน้ากากที่เลือกสวมเพื่ออำพรางใบหน้า นอกจากนั้นเขายังดื่มชาชนิดหนึ่งซึ่งทำให้เสียงแหบต่ำ ฟังแล้วไม่อาจจำได้ว่าคนที่เอ่ยคือจิ่งป๋อ ด้วยเหตุนี้แม้เชามี่จะสงสัย แต่นางที่ได้รับยากล่อมประสาทอ่อน ๆ จึงยากแยกแยะสิ่งใดได้ง่าย ๆ“พี่สะใภ้ การกระทำของท่านเสี่ยงภัยเกินไปหรือไม่”“ข้าเลือกทางเดินเช่นนี้ย่อมล่วงรู้อนาคต ส่วนคุณชายสมควรห่วงไท่ฮูหยิน อย่างไรนางก็คือผู้ให้กำเนิดท่าน เรื่องนี้เหมาะสมที่สุด”“ข้าขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้เรามีเรื่องบาดหมางใจกันมิน้อย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดข้าถึงคิดว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่พึ่งพาได้”“นั่นเป็นเพราะตำแหน่งฮูหยินใหญ่แห่งจวนจิ่งมิใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อ
กลับกลายเป็นว่ายามนี้สตรีที่ไร้ปากเสียงได้พลิกสถานการณ์กลับด้าน และนางย่อมได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ รวมถึงมีอำนาจกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง มิช้าซือหม่าหู่คงมองว่านางมีผลประโยชน์เช่นก่อนหน้านี้”เนี่ยหยวนซูเชื่อเช่นนั้นและที่คิดไว้ คือในงานเลี้ยงฮ่องเต้อาจปะปนอยู่ในกลุ่มแขกที่เข้ามาร่วมงาน และคอยสังเกตการณ์อยู่ฝ่ายเสี่ยวฉุนได้ฟังแล้วค่อนข้างครั่นคร้ามใจ นางจึงเอ่ยว่า“เช่นนั้น คนที่คุณหนูสมควรระวังให้มากที่สุด คงมิใช่ไทเฮาเสียแล้ว”“เด็กน้อยเสี่ยวฉุน เจ้าหลักแหลมนัก ถูกต้อง ฟานเลี่ยงคือสตรีหน้าเนื้อใจเสือผู้หนึ่ง อีกอย่างเจ้าคงมองออกว่านางเป็นผู้ฝึกยุทธ์!”เกอสวินซึ่งพยักหน้าตามตั้งแต่ต้น พอสบโอกาสก็เอ่ยว่า“ฮองเฮา คือนางเสือที่นุ่งห่มหนังแกะตัวจริง เรื่องนี้คุณชายสามเคยเล่าให้ข้าฟังนานแล้ว”เมื่อเกอสวินกล่าว เนี่ยหยวนซูก็จำสายตาอีกฝ่ายได้ ทั้งในวันที่พบกัน ณ โรงน้ำชา รวมถึงยามที่ฟานเลี่ยงมองสร้อยหยกที่เนี่ยหยวนซูสวมใส่“ตอนนี้พวกเราทั้งหมดคงลำบากมิน้อย การเดินทางไกลคงไม่สะดวก อีกอย่างอาจมีมือสังหารหรือผู้ประสงค์ร้ายติดตามมา ดังนั้นพูดกับผู้อื่นให้น้อย และอย่าออกไปพบใครจนกว่าเรือจะจอดที่
เกือบรุ่งสางเสียงดังโครมครามเกิดขึ้นด้านบนเรือ สถานการณ์ดูไม่เป็นปกติอย่างที่สุด ฝ่ายเกอสวินเฝ้าอยู่ด้านนอกซึ่งตอนนี้หายตัวไป ส่วนเสี่ยวฉุนส่งสัญญาณให้ฝานเหอเพื่อแจ้งบางสิ่งแก่เนี่ยหยวนซู“คุณหนู ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ดูเหมือน...มีผู้ติดตามเรามา!”ฝานเหอเอ่ยจบ เสียงอาวุธและการต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้น จนเป็นเหตุให้เนี่ยหยวนซูใจเต้นแรง อย่างไรนางก็ไร้วรยุทธ์ อีกทั้งรู้ว่าชีวิตนี้มีเพียงชีวิตเดียว หากตายทุกอย่างก็จบ!“เราจะปลอดภัยใช่หรือไม่”“บ่าวย่อมปกป้องคุณหนู ไม่ให้ผู้ใดทำอันตราย”เสียงต่อสู้ดังกว่าเดิม คนในเรือต่างหนีตายอลหม่าน พวกที่บุกเข้ามา บนเรือขนสินค้ามีจำนวนสองลำด้วยกัน และจุดประสงค์ชัดเจนคือฆ่าทุกคน“คุณหนู หากซ่อนตัวก็อาจถูกค้นหาได้ ใช้เรือลำเล็กแล้วหนีเข้าฝั่งดีหรือไม่เจ้าคะ”เนี่ยหยวนซูแม้ใจกล้าบ้าบิ่นแต่นางต้องคิดให้ถ้วนถี่“คนพวกนั้นย่อมฝีมือไม่ต่ำทราม ข้าว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งแรงนัก ส่วนแม่นมฝานก็ไม่ใช่สตรีแรกรุ่น”เนี่ยหยวนซูประเมินสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าอย่างเร็ว“เยี่ยงนั้น ใช้เรือล่อพวกนั้น บ่าวจะพายเรือลำเล็กออกไป ส่วนคุณหนูหลบอยู่ท้ายเรือนะเจ้าคะ อย่างไรแม้ผู้
เนี่ยหยวนซูไม่ทันได้เห็นสิ่งใดต่อ เนื่องจากนางถูกใครก็ไม่รู้พยายามจับตัว หญิงสาวดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ทว่าพวกมือสังหารรับจ้าง หาได้เมตตาปรานี มันใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าใส่ศีรษะด้านหลังหญิงสาว พร้อมดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาหมายแทงเข้าใส่ร่างของเนี่ยหยวนซูหญิงสาวแม้จะมึนงงทั้งปวดที่ศีรษะตุบ ๆ แต่นางจะไม่ขอจบชีวิตบนเรือ และจากไปโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ในขณะที่เนี่ยหยวนซูเคลื่อนร่างกายหลบการแทงของอีกฝ่ายอย่างหวุดหวิดหลายครั้งหลายหน นางก็ได้กลิ่นคาวจัด เลือดสีแดงสดไหลอาบใบหน้าเนี่ยหยวนซู ก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะทรุดลงหญิงสาวหวีดร้องเสียขวัญ และอึดใจต่อมาสองหูก็ได้ยินเสียงดังตูมเนี่ยหยวนซูเคยว่ายน้ำได้ และว่ายได้ดีเสียด้วย หากยามนี้ร่างกายกลับแข็งทื่อ นั่นเป็นเพราะนางเป็นตะคริวที่ขา!“ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที!” ห้าวันต่อมา เรือนหลังนั้นสะอาดมีความเป็นระเบียบ ด้านนอกห่างออกไปมีม้าตัวโตถูกผูกเอาไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างเสี่ยงภัยมาก แต่สุดท้ายเนี่ยหยวนซูก็รอดชีวิต นางมีโอกาสอยู่บนโลกนี้อีกครั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตนส่วนผู้ติดตามนางต่างได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหนักสุดคือเสี่ยวฉุน กระนั้นด้วยย
7 เดือนต่อมา หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เนี่ยหยวนซูที่ยามนี้ท้องโตใกล้คลอด มีความสุขในการกินกว่าใคร ส่วนจิ่งหลัวคุนแม้จะเลิกแพ้อาหารแทนนางและไม่ค่อยเป็นลมหรือมีอาการหน้ามืด แต่เขากลับเป็นห่วงภรรยาชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมห่างไปไหน ด้วยได้ยินเรื่องสตรีเสียชีวิตระหว่างคลอดบุตร รวมถึงอันตรายหลังการคลอด อีกทั้งสิ่งที่อาจเกิดกับชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ทั้งหมดเป็นเพราะเขาฟังผู้อื่นมากเกินไป ทั้งยังอ่านตำราต่างๆ เยอะ เรื่องนี้เนี่ยหยวนซูเข้าใจว่าเป็นเพราะเขารักและห่วงนาง “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่อยากเดินเล่นสักหน่อย...” เนี่ยหยวนซูบอกเขา เช้านี้นางกินทั้งของคาวของหวานแล้วยังมีผลไม้อีก “แต่หมอบอกให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ช่วงนี้ใกล้กำหนดที่ลูกจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว” “ท่านพูดถูก แต่ให้นั่งๆ นอนๆ ไม่ขยับตัว มันทำให้ข้าอึดอัด บางทีก็เครียด ซึ่งอาจส่งผลถึงเด็กน้อยของเรา” นางว่าจบจึงมองชายหนุ่ม อ้อนวอนเขาด้วยสายตา “ได้ แต่แค่เดินที่สวนด้านหน้าเท่านั้น เราจะไม่ไปมากกว่านี้” เนี่ยหยวนซูไม่อยากขัดใจสามี แค่เขาให้นางออกจากเร
จิ่งหลัวคุนไม่อาจยืนนิ่งเฉย อาการเขาคล้ายคนจะหน้ามืดตามด้วยการวูบหมดสติ ยามนั้นแม้จิ่งป๋อฉุดแขนพี่ชายไว้ แต่กลายเป็นว่าเขาถูกเตะเสียนี่ แถมไม่ใช่เตะธรรมดา หากส่งผลให้จิ่งป๋อร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร ด้วยใครกันจะทนแรงของอดีตแม่ทัพหนุ่มไหว โดยเฉพาะอีกฝ่ายคือนักแสดงในโรงละคร วันๆ ร้องเพลง เล่นดนตรี สรรหาเรื่องรื่นเริงเท่านั้น ยามนี้จิ่งป๋อไม่ใช่หนุ่มน้อย ปีนี้อายุเขาสมควรออกเรือน ทว่าอย่างที่พี่ชายห่วงคือจนป่านนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจิ่งป๋อสนใจสตรีหรือบุรุษกันแน่ และที่จิ่งหลัวคุนแสดงท่าทีขึงขังก่อนทำร้ายน้องชาย เป็นเพราะเขา อ้างว่าตนสุขภาพดี ทว่าสภาพอย่างที่เห็น เขาดูแย่หนัก หน้าซีดท่าทางอิดโรย ฝ่ายจื่อเยว่มองคนเป็นพ่อสลับอาหนุ่มหล่อ ก่อนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และถามว่า “เมื่อเช้าท่านพ่อ แพ้อาหารใดหรือไม่เจ้าคะ” นางถามอย่างซื่อๆ นั่นแหละ ดวงตากลมโตมองจิ่งหลัวคุนอย่างต้องการคำตอบ “เหตุใดถึงถามพ่อเช่นนี้ เรื่องพรรคนั้นย่อมไม่เกิดขึ้น” “เอ แต่ลูกได้ยินเสียงคล้ายคนอาเจียน โอ้กอ้ากหลายหนเชียว” และสายตาลูกสาวกับน้องชายหันไปทางจิ่งห
ผิดแต่เรื่องทายาทอีกฝ่ายที่เสี่ยวฉุนไม่ได้รายงานไป เนื่องจากตกลงกับเกอสวินไว้ว่าอยากให้เนี่ยหยวนซูกับจิ่งหลัวคุนได้ปรับความเข้าใจกันเสียก่อน และช่วงสองสามปีให้หลังนางติดต่อเกอสวินไม่ได้เช่นกัน จวบจนได้พบหน้าอีกครั้ง เสี่ยวฉุนก็ต้องยอมรับว่าเกอสวินเป็นหนุ่มเต็มตัว และเขาขโมยหัวใจนางไปหมดแล้วช่วงเช้าวันส่งตัวเจ้าสาว ฝานเหอมีสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยของที่เตรียมเอาไว้ในห้องหอหายไป รวมถึงพัดของเจ้าสาวแล้วก็ผ้าคลุมหน้า สิ่งที่สำคัญมาก ด้วยสองสิ่งนี้เกี่ยวพันถึงเจ้าบ่าวด้วย แต่ยังโชคดีที่มีชุดสำรองเอาไว้“ไม่มีเจ้าคะเถ้าแก่เนี้ย” ฝานเหอบอกเนี่ยหยวนซู และนางไม่ได้เซ้าซี้ถามสิ่งใดหายไปอีกบ้าง แต่กวาดตามองหาไปทั่วๆ ห้องก่อนก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นเสียงดนตรี เสียงโห่ร้องดังเป็นระยะและอาหารเครื่องดื่มมีให้กินอิ่มหนำเป็นอย่างมากร่างสูงของจิ่งหลัวคุนเดินมาหาหญิงสาว ใบหน้าเขาแดงด้วยฤทธิ์สุรา“อาซู... เห็นน้องสามหรือไม่”เนี่ยหยวนซูถอนหายใจเล็กน้อย และถามว่า “นี่คงไม่ใช่ว่า ท่านกับคุณชายสามจะวางแผน ร้ายๆ กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหรอกนะ”“โอ้มิได้ ไม่มีการมอมสุรา หรือใส่ยากำหนัดในอาหารทั้งนั้น อาซูก็รู้ บ่า
ตอนพิเศษของหมั้นต่างหน้าจิ่งหลัวคุนไม่ได้รับใช้ทางด้านทหารแคว้นเฉิงโจวมาได้เกือบสามปี และเขาดูมีความสุข หัวเราะบ่อยครั้ง ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มให้เห็นบ่อยๆ แม้ตัวเขาเสียดายหลายสิ่งโดยเฉพาะประสบการณ์ที่สะสมมา แต่ชีวิตย่อมต้องเดินหน้าส่วนภรรยาเขา เนี่ยหยวนซูนั้นอยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนดังดูแลการค้าทั่วทั้งอาณาจักรอันกว้างใหญ่ และปากบอกอยู่เสมอว่าไม่สนใจเขา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดต่อจากนี้ให้จิ่งหลัวคุนเลือกเอง แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคืนตำแหน่งทางการทหารก็แอบเสียดายไม่ได้ ดังนั้นจึงต่อว่าเขาพอให้หายหงุดหงิดใจ ด้วยหากเขายังเป็นแม่ทัพแคว้นเฉิงโจว อย่างไรคงมีความสามารถเจรจาค้าขายกับทางการและแคว้นพันธมิตรได้“ตอนนี้ นอกจากเป็นลาโง่ ท่านยังเป็นฉลามตาบอด ว่ายน้ำไม่รู้ทิศทาง คิดอย่างไร ถึงทิ้งตำแหน่งทรงเกียรติแล้วมาเป็นโจรสลัด!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะ และเอ่ยว่า“เป็นเพราะต้องการแบ่งเบาภาระภรรยา การค้าขายทางน้ำ นับว่าสำคัญ ข้าจึงอยากทำหน้าที่เป็นหน่วยพิเศษคุ้มครองสินค้าทุกอย่างที่เจ้าขายและต้องการซื้อหาให้ปลอดภัยที่สุด”“ฮึ... แล้วคิดว่า เงินที่ท่านหาได้จากการเป็นคนส่งของ มันจะพอให้ข้าถลุงเล่นหรือ”ชายหน
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้า “อย่าเลย...จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่า ข้ากำลังต้องการคำตอบจากพ่อค้าเรือเหล่านี้ หากเขายินยอมขายให้ข้า พวกท่านจะได้ทำการเก็บอากรเพื่อเข้าหลวงอย่างถูกต้อง ในครั้งต่อไปสินค้าทุกอย่างที่มาถึงเมืองเป่ยซาน ไม่ว่าจะค้าขายสิ่งใดต้องจ่ายเงินเข้าหลวง!”น้ำเสียงเนี่ยหยวนซูฟังแล้วก็เด็ดขาด แต่นั่นคือการป้องกันปัญหาในภายภาคหน้า เพื่อไม่ให้ใครคิดเอาเปรียบ หรือนำสินค้าไร้คุณภาพมาหลอกขายในราคาที่สูงเกินกว่าเหตุเมื่อเนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ ร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่มีผมหยักสลวยเส้นเล็กสีปีกอีกา ก้าวลงมาจากเรือลำใหญ่ที่สุดดวงตาคมกริบจ้องมาที่เนี่ยหยวนซู ในวาบแรกที่สายตาคนทั้งคู่ประสานกัน เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องหวั่นไหว“เอ...คนตัวโต ท่านเป็นใครถึงกล้ามองมารดาข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าควักลูกตาท่านหรือ” จื่อเยว่เอ่ย และวางท่าราวกับเป็นผู้พิทักษ์เนี่ยหยวนซู“เยว่เอ๋อร์อย่าได้เสียมารยาทกับผู้อื่น”“มิได้นะท่านแม่...ข้าเป็นลูกย่อมต้องปกป้องท่าน จะให้บุรุษใดมามองเช่นนี้ ถูกต้องที่ไหนกัน”“ฮ่า ๆ ๆ ลูกของอาซูหรอกหรือ...มิน่า ถึงขี้เหร่เช่นเจ้า และยังเป็นแม่นางน้อยด้วย”คนผู้นั้นเอ่ยและหัวเราะชอบใจ“ไร้มา
บทส่งท้ายเนี่ยหยวนซูคาดไว้แล้วว่า เมื่อวันที่นางสามารถยืนด้วยลำแข้งของตน มีกิจการใหญ่โต ขยายสาขาไปมากมาย ย่อมมีวันที่สินค้าขาดแคลน และยามนี้ต้องผลิตถ่านที่ทั้งหอม ไร้ควัน ให้ความร้อนได้นาน ที่ต้องส่งเข้าคลังหลวงเพื่อเป็นของวังหลังโดยเฉพาะ แต่กลับขาดวัตถุดิบซึ่งก็คือไม้ดำหอม นอกจากนั้นยังมีชุดหนังกระดาษที่ใช้ในการรบยุคใหม่ เนื่องจากน้ำหนักเบาป้องกันสนิมได้ดีสำหรับเมืองติดแม่น้ำหรือชายทะเล“วันนี้จะมีเรือการค้าจากชาวต่างชาติ และเมืองทางใต้เข้ามาหลายลำ พวกเขาเป็นชาวเล สกุลเก่าแก่เจ้าค่ะ”เนี่ยหยวนซูได้ยินเรื่องนี้มาพักใหญ่ ทั้งเป็นปัญหาต่อการค้านางมิน้อย การค้าทางเรือยังไม่ได้มีการควบคุมดีพอ อีกทั้งมีสินค้าหลากหลาย ผู้คนให้ความสนใจทุกครั้งที่เดินทางมาถึงสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อชาวเมือง ขุนนางน้อยใหญ่ และเศรษฐีต่างออกมาใช้เงินซื้อหาสิ่งของต่าง ๆ เข้าเรือน พลอยให้ช่วงเวลาดังกล่าวร้านค้าในเครือสกุลเนี่ยได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมานางจึงเปิดโต๊ะเจรจากับทางการ ขอให้สินค้าทุกชนิด ลงทะเบียนก่อนทำการซื้อขาย ในภายภาคหน้าต้องเข้าร่วมสมาคมของเมืองเป่ยซาน ก่อนนำมาวางขายได้ มิเช่นนั้นการค้าในเมืองนี้คงเ
เรียกข้าว่า เถ้าแก่เนี้ยเนี่ยหยวนซูทรุดลงไปกองบนพื้น นางกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ แม้น้ำตาจะไหลออกมาไม่หยุด“แม่นมฝาน เสี่ยวฉุน บอกข้าได้หรือไม่ว่ายามนี้ข้าไม่ได้ฝันไป”หญิงสาวเอ่ยจบก็สลบไปด้วยไม่อาจทนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นห้าปีต่อมา โรคระบาดที่เกิดจากไข้หวัดรุนแรงมาก คร่าชีวิตคนไปหลายหมื่น หนักสุดคือในเมืองหลวง กว่าจะพบยารักษาโรคและวิธีป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ ทั่วทั้งแคว้นเฉิงโจวและแคว้นใกล้เคียงก็ย่ำแย่กันอย่างหนักผิดกับเมืองเป่ยซานที่มีทั้งโรงยา สำนักแพทย์ที่จัดตั้งขึ้น รวมถึงศูนย์สมุนไพร คราแรกไฉนผู้ใดจะเชื่อฟังเนี่ยหยวนซู ให้ดีนางก็เป็นเพียงแม่ค้าปากคอเลาะร้าย หวังกำไรจากผู้อื่น และมีเงินทองเหลือเฟือจากบิดา อีกทั้งปีแรกนางเริ่มขายน้ำเต้าหู้ โจ๊กห้าสหาย ของกินเล่น รวมถึงพวกหนังสือภาพลามก และยาช่วยให้สตรีวัยทองมีชีวิตชีวา รวมถึงเหล้าดองยากับสมุนไพรสำหรับบุรุษทุกวัยทว่าเข้าปีที่สอง นางกลับมีภัตตาคารกลางน้ำ โรงน้ำชาชื่อดังหลายโรง รวมถึงห้องพักชั้นเยี่ยม ถนนสายโลกีย์ที่สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ก็ล้วนเป็นชื่อนางที่ถือครองที่ดินพร้อมเก็บค่าเช่าโรคระบาดดังกล่าวแม้จะเข้ามาสู่เมืองเ
“มีสิ่งใดที่ข้าเคยทำแล้วเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้เยี่ยงนั้นหรือ”“โอ้ เจ้าถามเช่นนี้ ไม่นึกถึงจิตใจข้าสักนิด สามีก็หวงและหึงเจ้าเป็นนะอาซู”เนี่ยหยวนซูพ่นลมหายใจอุ่น ๆ ใส่หน้าเขา และเอ่ยว่า“มันใช่เวลาที่ท่านพี่จะทำตัวเยี่ยงคนใจแคบรึอย่างไร เล่าทั้งหมดให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้”“ฮ่องเต้เมื่อครั้งเยาว์วัย เขามักปลอมเป็นคุณชายออกมาหาความสำราญเสมอ และร้านขายของของเจ้าบ้านเนี่ยคือสวรรค์สำหรับเขา นั่นจึงทำให้เจ้ากับเขาได้พบกันโดยบังเอิญหลายครั้ง แต่ฮ่องเต้ไม่เคยแสดงฐานะที่แท้จริง ด้วยในวัยเยาว์ เขาชอบอำพรางตนด้วยการสวมหน้ากาก”หญิงสาวยักไหล่ นางจำจดสิ่งที่อยู่ในวัยเด็กไม่ได้จริง ๆ“แค่พบกับข้าไม่กี่ครั้ง ฮ่องเต้ก็ทำเรื่องผิดใจไทเฮา จนฝ่ายนั้นจ้องเล่นงานข้า ถึงขั้นอยากเอาชีวิตเลยหรืออย่างไร”“นั่นเป็นเพราะ หากเจ้าได้เป็นฮองเฮาย่อมหมายความว่าไทเฮาก็ไม่อาจควบคุมฝ่าบาทได้ เพราะเขาจะมีทั้งอำนาจในมือ และเงินล้นเหลือ”เนี่ยหยวนซูหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยกับอีกฝ่าย“แต่นางก็เลือกที่จะเก็บแม่งป่องพิษอย่างฟานเลี่ยงเอาไว้ แล้วตอนนี้คนผู้นั้นก็กำลังแว้งกัดไทเฮา”จิ่งหลัวคุนเลิกคิ้วขึ้นสูง อันที่จริงเขายังไม่ได
สุดท้ายเราก็หย่ากันเนี่ยหยวนซูลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ แม้ยังอ่อนเพลียแต่นางอยากทำอาหารเพื่อจิ่งหลัวคุน ฝ่ายเขากำลังฝึกวรุยทธ์อยู่ด้านนอก และนางเดินออกไปดูจึงเห็นว่าเขาสวมเพียงกางเกงผ้าบาง ๆ ด้านล่าง ส่วนบนเปลือยแผงอกกำยำ“เจ้าควรพักผ่อน อย่าเพิ่งรีบตื่นเลย”“มิได้ ภรรยาสมควรดูแลสามี หน้าที่นี้ใครก็ห้ามแย่งข้าทำ” บอกเขาเช่นนั้น สองแก้มก็ผะผ่าวร้อน และมือเรียวไม่รู้จะวางไว้ที่ใด“สักพัก ท่านพี่มาอาบน้ำด้วย ข้าจะให้คนต้มน้ำอุ่นไว้รอ”“วันนี้อากาศดี อาบที่ลำธารด้านล่างก็สดชื่นไม่ต้องให้ผู้อื่นยุ่งยากกับข้าหรอก”“มิได้ ท่านไม่ใช่เด็ก ๆ จะแก้ผ้าเล่นน้ำได้อย่างไรกัน”“เอ...เจ้าหวงสามีตั้งแต่เมื่อใดอาซู”เนี่ยหยวนซูถลึงตาใส่อีกฝ่ายแล้วเอ่ยว่า “หากท่านแก้ผ้าเล่นน้ำที่ลำธารได้ ภรรยาก็จะกระทำเช่นกัน”“ฮ่า ๆ ๆ อย่าทำเช่นนั้นเลยอาซู เกรงว่าฝนจะตกจนน้ำป่าท่วมทั้งเมืองนี้!”หญิงสาวฉุนจัด แต่ไม่อยากเข้าไปตอแยเพราะเกรงว่าหากใกล้ชิดกันอีกอาจเป็นนางที่ต้องการสัมผัสความแข็งแกร่งจากเรือนกายเขา รวมถึงแรงสิเน่หายามเขาโจนจ้วงความหวานล้ำแทรกผ่านเนื้อสาว ฝานเหอกับเสี่ยวฉุนต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สิ่งใดจะสุข