ฉีหลินและเฟยเทียนเดินตามจวิ๋นซานมา ฉีหลินเห็นสภาพบ้านเรือนที่จะพังแหล่มิพังแหล่แล้วได้แต่ถอนหายใจ สภาพบ้านแบบนี้จะอยู่คุ้มหนาวไปได้เท่าไหร่ หากหิมะตกลงมาอีกรอบนางคิดว่าหลังคาคงได้พังลงมาแน่“ถึงแล้วล่ะ เจ้าสองคนเข้ามานั่งในบ้านก่อน”“ขอรับพี่รอง”“พวกเจ้ารอสักครู่นะข้าขอเอาของไปเก็บให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยพาน้องสะใภ้ไปดูแม่ยาย”จวิ๋นซานนำผ้าห่มไปให้พ่อตาของเขาและเสื้อกันหนาวสำหรับเด็ก ๆ จากนั้นจึงได้พาฉีหลินไปดูอาการของแม่ยายของตัวเอง ที่หมู่บ้านต้าลี่ไม่มีหมอพวกเขาเคยไปตามหมอที่หมู่บ้านข้าง ๆ มารักษาแต่ไม่มีใครยอมมา พวกเขาให้เหตุผลว่าหิมะตกหนักกลัวเส้นทางถูกตัดขาดและพวกเขาจะไม่สามารถกลับบ้านได้“เซียงเอ๋อร์ นี่น้องชายเฟยเทียนและภรรยาเป็นสหายของน้องเล็ก”“คารวะพี่สะใภ้ขอรับ” เฟยเทียน“คารวะพี่สะใภ้เจ้าค่ะ” ฉีหลิน“ตามสบายนะจ้ะ ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับพวกเจ้าทั้งสองคน”“ไม่เป็นไรขอรับ”“เซียนเอ๋อร์ให้น้องสะใภ้ดูอาการท่านแม่ยายก่อน” จวิ๋นซานบอกภรรยาของตัวเอง“ได้เจ้าค่ะ ฝากด้วยนะน้องสะใภ้ พวกเราเองก็จนปัญญา ที่หมู่บ้านของพวกเราไม่มีหมออยู่เลย ท่านพี่เคยไปตามหมอที่หมู่บ้านข้าง ๆ
เฟยเทียนและฉีหลินมาถึงหมู่บ้านเหอมู่ในเวลาต่อมาและพวกเขาตรงไปหาเมิ่งจวินตั๋งทันที เพื่อแจ้งข่าวเรื่องพี่ชายของจวินตั๋งที่เขากับภรรยาไปพบเข้าด้วยความบังเอิญเสี่ยวเฮยหยุดเลื้อยเมื่อมาถึงบ้านของเมิ่งจวินตั๋ง เฟยเทียนรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ฉีหลินไม่ได้ตามเข้าไปด้วยนางเพียงสำรวจมิติของนางอยู่เงียบ ๆทุกครั้งที่นางให้การช่วยเหลือชาวบ้านและได้รับความชื่นชมจากพวกเขา มิติของนางก็จะขยายใหญ่ขึ้นรวมถึงบ่อน้ำพุวิญญาณที่ตอนนี้มีขนาดใหญ่มากเฟยเทียนที่เข้าไปในบ้านพร้อมทั้งตะโกนเรียกสหายของตนไปด้วย"จวินตั๋ง จวินตั๋งเจ้าอยู่บ้านหรือไม่"“อ้าว เฟยเทียนมาหาน้องเล็กหรือ เข้ามาก่อนสิ” จวิ๋นซีที่เดินออกจากในบ้านพบเฟยเทียนพอดี“ขอรับพี่ใหญ่ พอดีข้ามีเรื่องจะบอกจวินตั๋งและพวกท่านทุกคนด้วยขอรับ”“มีเรื่องอะไรจะบอกกับข้าหรือเฟยเทียนเจ้าถึงได้รีบร้อนมาทั้งที่อากาศหนาวเย็นถึงเพียงนี้” จวินตั๋งเดินออกมาเพราะได้ยินเสียงเฟยเทียนเรียก“วันนี้ข้าไปที่หมู่บ้านต้าลี่มา ข้าเอาอาหารแห้งไปช่วยเหลือชาวบ้านที่หมู่บ้านต้าลี่ แล้วข้าเจอกับพี่รองจวิ๋นซานที่นั่นด้วย เดิมทีพี่รองจะพาครอบครัวกลับมาที่นี่ แต่ภรรยาของพี่รองต้อ
หลายวันผ่านมาหิมะเริ่มตกลงมาอีกครั้ง ชาวบ้านหลาย ๆ หมู่บ้านเริ่มขาดแคลนอาหาร เมื่ออาหารเริ่มขาดแคลนชาวบ้านหลายคนผันตัวมาเป็นโจรเพื่อขโมยอาหารจากคนอื่น แม้กระทั่งกลุ่มโจรป่าเองก็เริ่มออกปล้นชาวบ้านตอนนี้หลาย ๆ หมู่บ้านได้ถูกกลุ่มโจรเข้าปล้นเสบียงและทำร้ายชาวบ้าน บางหมู่บ้านมีชาวบ้านที่เสียชีวิตจากการต่อสู้กับกลุ่มโจร นอกจากจะเข้าปล้นเสบียงของชาวบ้านแล้ว พวกโจรยังฉุดหญิงสาวในหมู่บ้านเพื่อไปขืนใจ มีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตไปกลุ่มโจรพวกนี้ออกปล้นชาวบ้านและเดินทางต่อไปเรื่อยท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา แต่ไม่อาจขวางกั้นความชั่วของพวกโจรเหล่านี้ได้ เจ้าหน้าที่ของทางการเองก็ทำงานหนักเป็นอย่างมาก พวกเขายังออกไปช่วยชาวบ้านนำอาหารไปแจกจ่ายพร้อมด้วยเครื่องนุ่งห่ม และยังต้องแบ่งกำลังคนออกตามล่าโจรป่ากลุ่มนี้อีกหัวหน้าโจรนั้นลำพองใจว่าตัวเองนั้นมีฝีมือเก่งกล้าและไม่มีใครสามารถต่อกรกับตัวเองได้ เขาจึงพากลุ่มโจรที่มีจำนวนมากกว่า 50 ชีวิต ออกปล้นชาวบ้านไปเรื่อย ๆ จากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน พวกเขาเข้าปล้นหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่าในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านป่าหมอก“ลูกพี่ ถึงหมู่บ้านป่าหมอกแล้วขอรับ ตามข้อ
หลังจากจัดการกับกลุ่มโจรเรียบร้อยแล้วฉีหลินกลับมาถึงบ้าน นางก็เข้าห้องครัวเพื่อหาอะไรกินรองท้องไปก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหาร เสี่ยวเฮยกลับไปนอนในห้องของเจี้ยนเอ๋อร์ แต่ก่อนที่มันจะเลื้อยกลับไปนอนมันได้ไปอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้วเพราะกลัวว่าจะมีกลิ่นเลือดของโจรติดอยู่ที่ตัวมันแล้วจะทำให้เจี้ยนเอ๋อร์ไม่ชอบใจ ด้วยเสี่ยวเฮยนั้นรู้ดีว่าเจี้ยนเอ๋อร์นั้นเกลียดกลิ่นคาวเลือดเป็นที่สุดอย่ามองว่าทั้งสองแฝดอายุยังไม่เต็ม 5 หนาว ทั้งสองคนถูกสามเสี่ยวเลี้ยงดูและสั่งสอนมาไม่น้อย ด้านความรู้ในส่วนของตำราต่าง ๆ ไป๋อี้ถังได้ถ่ายทอดให้กับทั้งสองคนไม่น้อย สองแฝดนั้นถือว่าเป็นอัจฉริยะตัวน้อยเลยก็ว่าได้“เรียบร้อยแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง” เฟยเทียนที่เห็นฉีหลินเดินเข้ามาในห้องโถงเขารีบเดินมาหานางทันที“เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ เสี่ยวเฮยกินไปหมดแล้ว”“อ่อ เช่นนั้นก็คงอิ่มไปได้หลายวัน เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนนะ”“ไม่เจ้าค่ะ โจรพวกนั้นอาจจะเก่งกล้ากับชาวบ้านธรรมดา แต่ไม่ใช่กับข้าที่พลังตื่นขึ้นมาแล้วท่านพี่อย่าลืมสิเจ้าคะ”“ดีแล้ว เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ลูกมาขอให้พี่ทำเลื่อนให้บอกว่าจะให้เสี่ยวหลางกับเสี่ยวห
หลังจากที่ราชครูจงใจทิ้งเบาะแสขององค์ชายแปดให้กับหมิงหลงฮ่องเต้ได้รับรู้ จากนั้นเขาก็แสร้งป่วยนอนอยู่ที่จวนทำทีเหมือนกับว่าตัวเองป่วยหนักไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้ป่วยเป็นอันใดเลย เพียงแต่เขาต้องการดูความร้อนใจของคนผู้นั้นเพียงแค่นั้นเอง ตอนนี้คนที่เสแสร้งแกล้งป่วยนั้นกำลังนอนอย่างมีความสุข ใต้ผ้าห่มผืนหนาที่แสนอบอุ่น ผ้าห่มผืนนี้ฉีหลินให้เขามา หลานสะใภ้ช่างแสนดีห่วงใยว่าเขาจะหนาวจนนอนไม่หลับ นอกจากนางจะให้ผ้าห่มมาแล้วยังมีหมอนและฟูกนอนอีกด้วย ราชครูกำลังนอนอย่างมีความสุข แต่ในวังหลวงตอนนี้กำลังร้อนเป็นไฟส่วนคนที่ทิ้งระเบิดเอาไว้ให้ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินร้อนใจนั้นตอนนี้กำลังนอนอย่างสบายใจ ไป๋หย่งเต๋อไม่คิดว่าคำพูดของเขาเพียงไม่กี่คำจะทำให้หมิงหลงฮ่องเต้ร้อนพระทัยได้ถึงเพียงนี้“ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาหน่อย”“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”“เจ้าไปที่จวนราชครู บอกว่าเรามีรับสั่งให้ราชครูเข้าเฝ้าด่วนเข้าใจหรือไม่”“พะย่ะค่ะ แต่ว่าเช้านี้กระหม่อมให้คนไปแจ้งราชครูแล้วแต่พ่อบ้านที่จวนราชครูแจ้งว่าท่านราชครูป่วยพะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ไม่สามารถที่จะเข้าเฝ้าได้ในตอนน
“ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นพวกเราจะเข้าไปดีหรือไม่เฟยจิน” เฮ่ออีหันมาถามสหาย“ข้าว่าเราควรจะเข้าไปดูนะไม่รู้ว่าอู๋เล่ยเป็นอะไรถึงได้เสียงดังขนาดนั้นแล้วเจ้านั่นกำลังไล่ใครออกจากบ้าน” เฟยจินทั้งสองคนตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะเข้าไปในบ้านตอนนี้เพราะไม่รู้ว่าข้างในบ้านเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ฟังจากน้ำเสียงของอู๋เล่ยแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องดีและก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ อู๋เล่ยกำลังโมโหมาก ตอนนี้สีหน้าของเขาเหมือนอยากจะฆ่าใครสักคนให้ตายคามือในตอนนี้ “ไสหัวออกจากบ้านข้าไป อย่าให้ข้าต้องเหลืออดกับเจ้าไปมากกว่านี้” อู๋เล่ย“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้า ข้าเป็นภรรยาของพี่ชายเจ้า ข้ามีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่ ข้าเป็นแม่ของหลานชายเจ้า เจ้ากล้าไล่ข้าหรือ”“ทำไมจะไม่กล้า หญิงสารเลวเช่นเจ้า ถือโอกาสตอนที่พี่ใหญ่ออกไปกับท่านพ่อ รังแกท่านแม่ของข้ายังไม่พอ นี่เจ้ายังทุบตีลูกของตัวเองอีกหรือ เจ้าเป็นแม่แบบไหนกัน เด็กตัวเล็กถึงเพียงนี้ทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจกัน นอกจากงานการจะไม่ทำแล้ว เจ้ามันหญิงขี้เกียจ ละโมบโลภมาก หากเจ้าไม่วางยาพี่ชายข้า เจ้าคิดว่าเขาจะชายตาแลเจ้าหรือไม่ หลังจากรับเจ้าเข้ามาแล้วเขาก็
หลังจากที่อู๋ชุนพามู่ตานออกไปส่งในเมืองจิ่งหงเขากลับมาและนำเกวียนไปคืนที่บ้านของจางสง ลูกชายตัวน้อยของเขานั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาแต่เขาก็เลี้ยงมาด้วยความรัก เด็กคนนี้แทบไม่มีความผูกพันกับแม่ของเขาเลย จะมีหรือไม่มีแม่อยู่ไม่ต่างกัน ในทางกลับกันเด็กน้อยรู้สึกโล่งใจและสบายใจมากกว่าที่ไม่ต้องโดนทุบตีจากแม่ของเขาอีก“เฮ้อ ไปได้เสียที พี่ใหญ่ต่อไปนี้เป็นคนดีให้มันน้อย ๆ หน่อยนะขอรับ ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ให้ท่านเป็นคนดี แต่อย่าเป็นคนดีจนกลายเป็นคนโง่ มันจะทำให้ท่านเดือดร้อนเอาได้ จำเอาไว้เป็นบทเรียนเสียด้วยล่ะ”“ข้าเข้าใจแล้วน้องเล็ก เจ้าอย่าบ่นมากนักเลย นี่ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าเป็นน้องชายของข้าหรือเป็นมารดาของข้ากันแน่”“ยังจะมาพูดมากอีก ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว”อู๋เล่ยเดินหนีออกมาทันที หนอย ที่เขาบ่นเพราะเขาเป็นห่วงหรอก ยังจะมาว่าเขาบ่นเหมือนท่านแม่อีก คอยดูเถอะเวลาเดือดร้อนมาเขาจะไม่ชายตาแลเลยทีเดียว“เหอะ ๆ ท่านพ่อท่านแน่ใจนะขอรับว่าเป็นลูกชาย ข้าว่าน้องเล็กเหมือนลูกสาวมากกว่าอีก ทำไมข้ารู้สึกเหมือนมีน้องสาวเลยล่ะ”“นี่เจ้าอย่าไปพูดให้น้องเจ้าได้ยินเชียวนะ”“ทำไมหรือ
เพราะหิมะหยุดตกไปหลายวันแล้ว อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูหนาวกำลังจะผ่านไป วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสแสงแดดเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เด็ก ๆ หลายคนในหมู่บ้านออกมาเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะกันอย่างสนุกสนาน ส่วนสองแฝดบ้านหยางนั้นตอนนี้กำลังสนุกสนานอยู่กับการนั่งไปบนเลื่อนที่มีเสี่ยวหลางและเสี่ยวหู่ทำหน้าที่ลากไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามคนเข้าไปที่สถานศึกษาเริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดพร้อมทั้งคนงานในไร่บางส่วน เพื่อเตรียมการเปิดเรียนหลังจากที่ฤดูหนาวผ่านไป “อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย ข้านึกว่าข้าจะไม่ได้ออกไปไหนเสียแล้ว” หลิวหยาง“ใช่มันทำให้ข้าขี้เกียจที่จะลุกจากเตียงนอนอุ่น ๆ ข้าไม่รู้ว่าที่เมืองหลวงจะหนาวมากเหมือนที่นี่หรือไม่” หานเฟิง“เจ้านี่ก็พูดจาอะไรของเจ้า พิลึกเสียจริงจะที่ไหน ๆ ก็หนาวเหมือนกันหมดนั่นล่ะ” เยว่หยวน“จริงสิ อี้ถังท่านลุงส่งจดหมายมาว่าอย่างไรหรือ” หลิวหยาง“ไม่มีอะไร เพียงแต่บอกว่าจะส่งบ่าวในเรือนข้าเดินทางมาพร้อมกับครอบครัวของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าส่งจดหมายไปนัดแนะลูกเมียแล้วหรือยัง พวกเขายินดีจะมาอยู่ที่นี่กับพวกเจ้าหรือไม่”“ส่งไปแล้ว และพวกเราได้รับการต
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่