หลังจากที่อู๋ชุนพามู่ตานออกไปส่งในเมืองจิ่งหงเขากลับมาและนำเกวียนไปคืนที่บ้านของจางสง ลูกชายตัวน้อยของเขานั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาแต่เขาก็เลี้ยงมาด้วยความรัก เด็กคนนี้แทบไม่มีความผูกพันกับแม่ของเขาเลย จะมีหรือไม่มีแม่อยู่ไม่ต่างกัน ในทางกลับกันเด็กน้อยรู้สึกโล่งใจและสบายใจมากกว่าที่ไม่ต้องโดนทุบตีจากแม่ของเขาอีก“เฮ้อ ไปได้เสียที พี่ใหญ่ต่อไปนี้เป็นคนดีให้มันน้อย ๆ หน่อยนะขอรับ ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ให้ท่านเป็นคนดี แต่อย่าเป็นคนดีจนกลายเป็นคนโง่ มันจะทำให้ท่านเดือดร้อนเอาได้ จำเอาไว้เป็นบทเรียนเสียด้วยล่ะ”“ข้าเข้าใจแล้วน้องเล็ก เจ้าอย่าบ่นมากนักเลย นี่ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าเป็นน้องชายของข้าหรือเป็นมารดาของข้ากันแน่”“ยังจะมาพูดมากอีก ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว”อู๋เล่ยเดินหนีออกมาทันที หนอย ที่เขาบ่นเพราะเขาเป็นห่วงหรอก ยังจะมาว่าเขาบ่นเหมือนท่านแม่อีก คอยดูเถอะเวลาเดือดร้อนมาเขาจะไม่ชายตาแลเลยทีเดียว“เหอะ ๆ ท่านพ่อท่านแน่ใจนะขอรับว่าเป็นลูกชาย ข้าว่าน้องเล็กเหมือนลูกสาวมากกว่าอีก ทำไมข้ารู้สึกเหมือนมีน้องสาวเลยล่ะ”“นี่เจ้าอย่าไปพูดให้น้องเจ้าได้ยินเชียวนะ”“ทำไมหรือ
เพราะหิมะหยุดตกไปหลายวันแล้ว อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูหนาวกำลังจะผ่านไป วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสแสงแดดเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เด็ก ๆ หลายคนในหมู่บ้านออกมาเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะกันอย่างสนุกสนาน ส่วนสองแฝดบ้านหยางนั้นตอนนี้กำลังสนุกสนานอยู่กับการนั่งไปบนเลื่อนที่มีเสี่ยวหลางและเสี่ยวหู่ทำหน้าที่ลากไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามคนเข้าไปที่สถานศึกษาเริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดพร้อมทั้งคนงานในไร่บางส่วน เพื่อเตรียมการเปิดเรียนหลังจากที่ฤดูหนาวผ่านไป “อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย ข้านึกว่าข้าจะไม่ได้ออกไปไหนเสียแล้ว” หลิวหยาง“ใช่มันทำให้ข้าขี้เกียจที่จะลุกจากเตียงนอนอุ่น ๆ ข้าไม่รู้ว่าที่เมืองหลวงจะหนาวมากเหมือนที่นี่หรือไม่” หานเฟิง“เจ้านี่ก็พูดจาอะไรของเจ้า พิลึกเสียจริงจะที่ไหน ๆ ก็หนาวเหมือนกันหมดนั่นล่ะ” เยว่หยวน“จริงสิ อี้ถังท่านลุงส่งจดหมายมาว่าอย่างไรหรือ” หลิวหยาง“ไม่มีอะไร เพียงแต่บอกว่าจะส่งบ่าวในเรือนข้าเดินทางมาพร้อมกับครอบครัวของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าส่งจดหมายไปนัดแนะลูกเมียแล้วหรือยัง พวกเขายินดีจะมาอยู่ที่นี่กับพวกเจ้าหรือไม่”“ส่งไปแล้ว และพวกเราได้รับการต
สองวันต่อมาไป๋หย่งเต๋อออกเดินทางพร้อมกับองครักษ์ลับและหมิงหลงฮ่องเต้ที่ปลอมตัวเพื่อออกเดินทางไปหมู่บ้านป่าหมอกในครั้งนี้ ไป่หย่งเจี้ยนส่งเวินหนิง ไท่ปิง และองครักษ์อีก 5 คน รวมทั้งองครักษ์เงาอีกนับร้อยมาเพื่อคุ้มกันหมิงหลงฮ่องเต้ในการเดินทางครั้งนี้เพราะการเดินทางครั้งนี้เป็นความลับพวกเขาจึงนัดหมายกันที่นอกเมืองในเวลากลางคืน หลังจากพบกันที่จุดนัดพบแล้วก็ออกเดินทางทันที หมิงหลงฮ่องเต้นั้นหวังเอาไว้มากว่าหยางเทียนฉีจะเป็นน้องชายของเขาจริง ๆ“หย่งเต๋อ ข้าหวังว่าเขาจะเป็นน้องแปดของข้าจริง ๆ”"ไปถึงพระองค์ก็จะรู้เองพะย่ะค่ะ อย่าได้ทรงกังวลเกินไป"“พูดกับเราตามปกติเถอะ เราเองก็เบื่อความวุ่นวายเต็มที การได้ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนเช่นนี้ใช่ว่าเราจะมีโอกาสได้ง่าย ๆ”“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”“หย่งเต๋อเราเองก็ขอโทษเจ้าจริง ๆ นะ เราผิดต่อเจ้ากับน้องหญิงมากจริง ๆ แต่ตอนนั้นเราเองก็ไม่สามารถที่จะเชื่อใจใครได้อีกแล้วนอกจากเจ้า เราเองอ่อนแอนักในตอนนั้น แต่รัชทายาทแตกต่างจากเรามาก เราหวังว่าต่อไปเขาจะปกครองแว่นแคว้นได้ดีกว่าเรา ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”“บางครั้งคนเราก็เรียนรู้มาจากความผิดพลาดขอรั
เด็ก ๆ บ้านหยางนั้นเดินทางมาที่นี่บ่อยครั้ง ครั้งแรกฉีหลินนั้นมาพบหมู่บ้านนี้โดยบังเอิญ นางเองไม่ได้มีความรู้มากมายเกี่ยวกับโลกนี้ หมู่บ้านหลาย ๆ หมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลนั้นมีความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีนัก นางเพียงแต่ต้องการช่วยให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเท่านั้นถึงจะช่วยเหลือได้ไม่มากนัก แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยในเวลาต่อมานางพาสามีและลูกชายมาที่นี่เพื่อแจกจ่ายผ้าห่มและสอนให้ชาวบ้านนำต้นงิ้วมาปลูกเอาไว้และบอกถึงประโยชน์ของผลงิ้ว ชาวบ้านที่นี่มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและมีจิตใจที่ดี เมื่อพวกเขาเห็นว่าฉีหลินมีความปรารถนาดีต่อพวกเขาด้วยใจจริง พวกเขาชาวบ้านจึงนับว่านางคือผู้มีพระคุณของหมู่บ้าน อย่างน้อย ๆ ปีนี้ก็ไม่มีใครหนาวตาย“พวกพี่ชายมาแล้ว พวกข้าคิดว่าพวกพี่ชายจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว”“เจ้าคิดถึงข้าหรือคิดถึงขนมของข้ากันแน่” เฉิงเอ๋อร์พูดหยอกล้อกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน“ข้าย่อมต้องคิดถึงขนมของท่านอยู่แล้วสิ” ทันทีที่เด็กในหมู่บ้านพูดจบก็ได้รับเสียงหัวเราะจากคนอื่นและค้อนงาม ๆ จากเฉิงเอ๋อร์ทันที“เชอะ เจ้าเด็กตะกละ ในที่สุดเจ้าก็ทำให้ข้าเข้าใจแล้วมิตรภาพระหว่างเรามันสู้ซาลาเปาของท่านย่
เฟยเทียนที่ตอนนี้วิ่งเตลิดเข้าป่าหมอกเพื่อตามหาฉีหลิน ท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมไปทั่งผืนป่า อีกทั้งยังมีม่านหมอกหนายังไม่สามารถขวางทางเฟยเทียนเอาไว้ได้ เขาวิ่งเข้าป่าหมอกไปยังส่วนในสุด ตามมาด้วยเสี่ยวหู่ที่วิ่งตามมาติด ๆ เสี่ยวหู่เองก็ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ มันนอนอยู่หลังบ้านก็เห็นเฟยเทียนวิ่งหน้าตั้งออกมาจากในตัวบ้านและปากก็พึมพำว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้วจะต้องรีบไปตามหาฉีหลิน จากนั้นมันก็เห็นเขาวิ่งเข้าป่าหมอกไป ด้วยความเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันถึงได้วิ่งตามเขามาเฟยเทียนยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเข้าป่าไปตามที่ต่าง ๆ ที่เขาเคยมากับฉีหลิน เขาหวังว่าจะพบนางเข้าสักที่ เสี่ยวหู่เองยังคงวิ่งตามเฟยเทียนมาติด ๆ เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเฟยเทียนถึงได้มีท่าทีที่ตื่นตระหนกขนาดนี้ “เจ้าบ้านี่เป็นอะไร อยู่ ๆ ก็วิ่งหน้าตาตื่นร้องหาเมีย สรุปแล้วแบบนี้ใครจะต้องดูแลใครกันแน่ แล้วนี่จะวิ่งไปถึงไหนกัน” เสี่ยวหู่บ่นออกมาหลังจากที่วิ่งมาสักพักเฟยเทียนก็ยังหาฉีหลินไม่พบ เขานั่งลงท่ามกลางหิมะด้วยความเหนื่อยล้า เสี่ยวหู่เองก็วิ่งมาหยุดยืนและมองหน้าเฟยเทียน เหมือนมันจะต่อว่าเขาที่วิ่งเตลิดเข้าป
ฉีหลินที่กลับมาถึงบ้านนางก็เข้าไปช่วยงานแม่สามีในครัวทันที วันนี้มีแขกมาที่บ้านอาหารจึงต้องทำมากเป็นพิเศษ นางเอาเนื้อสัตว์ที่เก็บเอาไว้ในมิติออกมาให้แม่สามีทำอาหารเฟยจินหลังจากพาหลาน ๆ ไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ตัวเขาถึงได้ไปอาบน้ำบ้าง ส่วนเฟยเทียนนั้นเดินไปหาอี้ถังที่บ้านของเขา“พี่อี้ถัง ท่านรู้อยู่ก่อนแล้วใช่หรือไม่ว่าพวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจริง ๆ แล้วมาเป็นเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้” เฟยเทียน“อะไรของเจ้า ข้าจะไปรู้ได้เช่นไร ข้าเองก็รู้พร้อมกันกับเจ้าวันนี้เอง อย่ามากล่าวหาข้านะ” อี้ถัง“อือ เช่นนั้นข้าไปล่ะ” เฟยเทียนเดินกลับบ้านตัวเองทันที“อะไรของเจ้าบ้านั่นกัน เดินมาเพื่อที่จะมาพูดแค่นี่รึ ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะยังตั้งรับไม่ทัน” อี้ถัง“ความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเจ้ายุ่งเหยิงดีนะ นับญาติกันไม่ถูกเลยทีเดียว” หานเฟิง“นั่นสิ ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ ตัวเองจะกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจริง ๆ กับญาติบุญธรรมไปเสียอย่างนั้น” หลิวหยาง“เอาน่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ” เยว่หยวน“ปล่อยเจ้านั่นไปเถอะ ตอนนี้พวกเราเตรียมตัวไปกินมื้อค่ำกันได้แล้วล่ะ วันนี้ท่านป้ากับน้องสะใภ้คงทำข
หลังจากหยางเทียนฉีเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อเยี่ยมบิดาที่ล้มป่วย ฉีหลินและเฟยเทียนเมื่อได้รับเงินจากท่านลุงมาแล้ว พวกเขานำเงินไปซื้อที่ดินเพิ่ม ที่ดินที่อยู่ติดกับป่าหมอกทั้งหมดเป็นของบ้านตระกูลหยาง หลังจากหิมะได้ละลายและฤดูหนาวผ่านพ้นไป ฉีหลินได้ไปหาจางสงเพื่อให้เขาช่วยประกาศรับสมัครชาวบ้านเพื่อมาทำการแผ้วถางที่ดินทั้งหมดที่ซื้อมาใหม่ และนางยังได้จ้างชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงมาทำงานด้วย อีกทั้งมีเกวียนรับส่งสำหรับคนที่อยู่หมู่บ้านข้างเคียงไป๋อี้ถังเข้าเมืองไปว่าจ้างทาสหลวงมาสร้างกำแพงล้อมรอบที่ดินทั้งหมด และทุบกำแพงจากเดิมที่มีอยู่ให้ทะลุหากัน ชาวบ้านบางคนรู้สึกอิจฉาที่บ้านหยางมีญาติพี่น้องที่ร่ำรวยอีกทั้งเป็นคนเมืองหลวงด้วย แต่มากกว่าความอิจฉาคือความยินดี พวกเขายินดีกับครอบครัวหยางด้วยใจจริงจางสงพาลูกเมียมาช่วยงานทุกวันหลังจากที่พวกเขาจัดการงานที่บ้านของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เซียวหลางตอนนี้ที่ได้รับคำสั่งจากไป๋อี้ถังให้พาลูกและเมียเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา ส่วนบ้านเดิมของเพ่ยอิงก็ปิดเอาไว้ รอสร้างใหม่เพื่อเป็นเรือนหอของฮั่นเหวินในตอนที่เขาแต่งงานอู๋เล่ยพาพี่ชายของเขาอู๋ชุนมาช่วยด้วยเช่
ในที่สุดหยางเทียนฉีก็กลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมด้วยบิดา อีกทั้งบรรดาภรรยาและลูก ๆ ของสหายไป๋อี้ถังก็เดินทางมาถึงแล้วเช่นเดียวกัน นางฟางที่เห็นสามีกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยนางถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้ว่าตลอดเวลาสามีจะส่งข่าวกลับมาว่าเขาสบายดีไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา แต่นางยังคงกังวลอยู่เสมอ เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่นับว่าอันตรายเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับสามีของนาง“ฮูหยินข้ากลับมาแล้ว” หยางเทียนฉีหรือหมิงเทียนฉีพูดกับภรรยาด้วยความคิดถึง“กลับมาก็ดีแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะได้หมดห่วงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือไม่”“ท่านพ่อนี่ภรรยาของข้า ส่วนนี้เจ้าใหญ่และภรรยาของเขา ทางนี้เป็นเจ้ารอง นี่คือลูกสาวคนเดียวของข้า และสองคนนั้นเหลนแฝดของท่านลูกชายของเจ้าใหญ่ขอรับ”“คารวะท่านปู่ขอรับ” เฟยเทียนและเฟยจิน“คารวะท่านปู่เจ้าค่ะ” เยว่เล่อและฉีหลิน“คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ” นางฟาง“คารวะท่านปู่ทวดขอรับ” สองแฝด“เอาล่ะอย่ามากพิธีเลย เข้าบ้านกันเถอะ สองแฝดมาหาปู่ทวดเร็วเข้า ปู่ทวดมีของมาฝากพวกเจ้าด้วยนะ”“ขอรับท่านปู่ทวด” สองแฝดขานรับพร้อมกันเสียงดัง“ทำไมทุกคนลืมข้า ยังมีข้าอยู่อีกคนนะ” ไป๋ห
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่