ระหว่างที่ชาวประชากำลังหลับใหลสภาพแวดล้อมได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ความทรงจำเกี่ยวกับยุคแผ่นดินใหม่หลั่งไหลเข้าไปในความทรงจำของทุกคน สัตว์ป่าได้เปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรแต่ยังคงเหลือเอาไว้ซึ่งสัตว์ป่าธรรมดาอยู่ โดยส่วนมากสัตว์อสูรจะอยู่ในป่าลึกหรือป่าชั้นใน ส่วนสัตว์ป่าธรรมดานั้นจะอยู่ในป่าด้านนอก ยกเว้นป่าหมอกทมิฬที่พัฒนาขึ้นมาจากป่าหมอกหรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าป่าหมอกหมื่นอสูรเบื้องบนเหล่าเทพทั้งหลายต่างทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้โลกเบื้องล่างเปลี่ยนไปตามบัญชาสวรรค์ พวกเขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุที่ผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์นั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้เปลี่ยนแปลงโลกมนุษย์มากมายถึงเพียงนี้“เทพจันทรางานของท่านเรียบร้อยดีใช่หรือไม่ ข้าหวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดนะ” เทพมารดร“เรียบร้อยดีเทพมารดร ท่านอย่าได้กังวลทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์ของท่านมหาเทพ ข้าหาได้ทำตามอำเภอใจตัวเองไม่”“แม่ทัพสวรรค์มีความคิดเห็นเช่นไรเกี่ยวกับเผ่ามารที่หลุดรอดลงไปยังโลกมนุษย์”“ข้าเพียงแต่หวังว่าบุตรสาวของข้าและบุตรเขยจะสามารถจัดการได้ เพราะเหตุนี้กระมังท่านมหาเทพถึงได้ทำการเปลี่ยนแปลงโลกมนุษย์ อาจจะเกี่ยวข้องกับเผ
หลังจากที่พลังของทุกคนตื่นขึ้นมา ไม่เว้นแม้กระทั่งสือเอ้อร์และสืออีวัวพี่น้องสองตัวที่ฉีหลินซื้อมาเมื่อครั้งนั้น ตอนนี้ร่างกายของพวกมันทั้งสองตัวเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น สือเอ้อร์และสืออีมีร่างกายที่ใหญ่โตขึ้น เดิมทีสีของพวกมันสีน้ำตาลทองตอนนี้กลับกลายเป็นสีทองอมแดง ที่หัวมีเขางอกออกมาและมีประกายสายฟ้าอยู่ด้วยสือเอ้อร์และสืออีนั้นวิวัฒนาการกลายเป็นสัตว์อสูรวัวสายฟ้าที่ทรงพลังเป็นอย่างมากและไม่สามารถที่จะพบเห็นได้ง่าย ๆ เรื่องนี้สร้างความแปลกใจให้กับฉีหลินเป็นอย่างมาก เพราะวัวอีกสองตัวยังคงเป็นแค่วัวธรรมดาเช่นเดิมเพราะการเปลี่ยนแปลงของพวกมันทั้งสองตัว ทำให้ไม่มีใครเข้าใกล้หรือแม้แต่จะใช้งานมันเลยสักคน โดยปกติแล้วสือเอ้อร์และสืออีจะทำหน้าที่ลากเกวียนเข้าเมืองหรือเดินทางไปที่ต่าง ๆ เพราะทั้งสองตัววิ่งเร็วกว่าวัวตัวอื่น แต่ตอนนี้คนงานในไร่ไม่กล้าเข้าใกล้มันเพราะหากใครมีระดับต่ำกว่าระดับนักรบขั้นสูงเข้าใกล้มัน สายฟ้าที่ล้อมรอบเขาทั้งสองข้างของมันก็จะฟาดใส่ทันทีทำให้คนงานเจ็บตัวไปตาม ๆ กันคนงานในไร่นั้นระดับพลังอยู่เพียงขั้นนักรบขั้นต้นเพียงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้งานซีซุนและซีห่
ตอนนี้ผลไม้เริ่มออกดอกออกผลแล้ว ค่ายกลฟ้าดินทำงานของมันได้อย่างดีเยี่ยม คนงานในไร่ที่ทำงานเสร็จแล้วพวกเขาสามารถนั่งบ่มเพาะฝึกฝนภายในสวนผลไม้ได้ เพราะในสวนผลไม้มีปราณหนาแน่นมาก ฉีหลินอยากกินทุเรียน แต่นางยังหาต้นทุเรียนไม่พบ เป็นเหตุให้นางต้องเข้ามาในป่าหมอกอันเป็นเขตการปกครองของนาง เพื่อสอบถามกับเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายว่าเคยพบเจอผลไม้ชนิดนี้หรือไม่ฉีหลินเข้าป่าไปพร้อมกับภาพวาดทุเรียนในมือ อันดับแรกนางไปพบแม่หมีก่อนเพื่อเยี่ยมเยียนลูกหมีที่ตอนนี้มันโตขึ้นมาก เมื่อนางไปถึงถ้ำของแม่หมีก็พบกับพ่อหมีที่กลับมาหลังจากที่จากบ้านไปนาน“คารวะนายหญิงขอรับ ที่ผ่านมาข้าขอขอบคุณท่านที่ช่วยดูแลลูกเมียให้ข้านะขอรับ” พ่อหมี“ช่างเถอะเรื่องเล็กน้อย เจ้ากลับมาก็ดีแล้วภรรยาเจ้าอยู่หรือไม่” ฉีหลินโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร“อยู่ขอรับ รอสักครู่ข้าจะเรียกนางให้” พ่อหมีฉีหลินรออยู่ไม่นานแม่หมีก็ออกมาพร้อมลูกหมี เจ้าหมีน้อยที่เห็นฉีหลินมาเยี่ยมมันดีใจมากเพราะฉีหลินไม่เคยมามือเปล่าเลยสักครั้ง นั่นย่อมหมายความว่ามันจะได้กินของอร่อยที่นางนำมาฝากเช่นทุกครั้ง“นายหญิง ท่านมาแล้ว มีของฝากมาฝากข้าหรือไม่” ลูกหมี“ข้าย่
หลังจากที่เฟยเทียนได้พาฉีหลินไปหาน้องชายน้องสาวให้กับสองแฝดเป็นเวลา ถึง 7 คืนด้วยกัน ตอนนี้นางได้รับอิสระคืนมาแล้วและสามารถลุกออกจากเตียงได้แล้ว หากว่าเป็นคนธรรมดาเช่นเมื่อก่อนนางคิดว่านางคงจะยังลุกออกมาไม่ได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เฟยเทียนจึงโดนฉีหลินคาดโทษเอาไว้ หลังจากมื้ออาหารเช้านางรีบเข้าป่าหมอกตามที่ได้นัดพ่อหมีเอาไว้ พ่อหมีเองหลังจากที่นัดกับฉีหลินเอาไว้แล้วแต่เมื่อไม่เห็นนางมาตามนัดเขาก็ได้แต่รออยู่ที่ถ้ำของเขาเท่านั้น เพราะพ่อหมีเองก็ไม่กล้าที่จะออกจากป่าหมอกไปเช่นเดียวกัน ด้วยเกรงว่าจะไปเจอมนุษย์คนอื่นเข้าแล้วจะเกิดอันตรายกับตัวเองเข้า เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีจิตใจที่ดีเช่นฉีหลิน ถึงตอนนี้มันจะเป็นสัตว์อสูรหมีขนเหล็กแต่มันอยู่ในระดับนักรบขั้นกลางเท่านั้น หากว่าออกไปเจอมนุษย์ที่มีระดับที่สูงกว่ามันคงไม่รอดเช่นเดียวกัน“ท่านแม่ ท่านแม่จะไปไหนหรือขอรับ” เจี้ยนเอ๋อร์“แม่จะเข้าป่าหมอกน่ะ เจี้ยนเอ๋อร์ตั้งใจเรียนนะลูก”“ขอรับท่านแม่ แล้วน้อง ๆ จะมาเมื่อไหร่หรือขอรับ” เจี้ยนเอ๋อร์ถามฉีหลินพร้อมทำหน้าคาดหวัง“แม่เองก็ไม่รู้เอาไว้น้องอยากจะมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นล่ะ หากว่าน้อง ๆ ไม่อยากมาต
เช้าวันต่อมาเฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางไปที่หุบเขาไป๋หลางเฟิ่ง เพื่อเจรจากับม้าเพลิงทมิฬ หากว่าการเจรจาครั้งนี้สำเร็จพวกเขาจะมีม้าเอาไว้ใช้ภายในบ้านฝูงใหญ่ พร้อมทั้งให้พวกมันโยกย้ายมาอยู่ที่บ้านหยางหรือจะอยู่ในป่าหมอกก็ย่อมได้ม่อถูและเซียวหลางนั้นเมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงพวกเขาทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังจวนราชครูทันที เพราะพาหนะของพวกเขาเป็นสัตว์อสูรวัวสายฟ้า จึงทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นแตกตื่นอยู่ไม่น้อย แต่มันยิ่งทำให้สือเอ้อร์และสืออีได้หน้ามากในเมืองหลวงแห่งนี้“ท่านพ่อบ้านคุณชายใหญ่อยู่หรือไม่ แล้วนายท่านอยู่จวนหรือไม่”“คุณชายใหญ่ยังไม่กลับมาจากกรมอาญา ส่วนนายท่านพักผ่อนอยู่ที่ศาลาในสวน”“อ่อ เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน”“ดีใจกับเจ้าด้วยนะเซียวหลาง ในที่สุดก็มีครอบครัวกับเขาเสียที แล้วเจ้าล่ะม่อถูเมื่อไหร่จะแต่งเมียหรือ”“ช่างข้าเถอะน่าท่านพ่อบ้าน แล้วเมื่อไหร่ท่านจะแต่งเมียล่ะ ฮ่า ฮ่า”“เพ้ยเจ้าเด็กนี่ ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก รีบ ๆ ไปหานายท่านเลยไป”หลังจากได้รับค้อนงาม ๆ จากพ่อบ้านแล้วทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังศาลารับลมในสวนด้านหลังจวนทันที ด้วยการมาของพวกเขาในครั้งนี้ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าแต่อย
เช้าวันต่อมาไป๋หย่งเต๋อได้พาม่อถูและเซียวหลางเข้าวังหลวงเพื่อนำของไปมอบให้กับอดีตฮ่องเต้และฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ไป๋หย่งเต๋อนั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หลานสะใภ้ใจกว้างส่งแหวนมิติมาพร้อมกับข้าวของมากมาย แหวนมิติไม่ใช่จะมีกันได้ง่าย ๆ ทั่วทั้งแผ่นดินนี้เกรงว่าจะมีแค่พวกเขาที่ได้ครอบครองมัน ทันทีที่เข้ามาถึงวังหลวง ไป๋หย่งเต๋อพาทั้งสองคนมุ่งหน้าไปที่ตำหนักอันเป็นที่ประทับของอดีตฮ่องเต้ทันที “คารวะท่านราชครูขอรับ” ซูกงกง"ไท่ซ่างหวงอยู่ในห้องทรงพระอักษรหรือไม่ซูกงกง"“อยู่ขอรับท่านราชครูรอสักครู่”“ฝ่าบาท ราชครูขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” ซูกงกงที่เข้ามายังห้องทรงพระอักษรรีบรายงานทันที“ให้เข้ามาได้”“พะย่ะค่ะ”หลังจากนั้นไป๋หย่งเต๋อดินนำหน้าทั้งสองคนเข้าไปในห้องทรงพระอักษร เมื่อไท่ซ่างหวงเห็นม่อถูและเซียวหลางก็จำได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นองครักษ์ของไป๋อี้ถังที่ติดตามผู้เป็นนายเหนือหัวไปอยู่ที่หมู่บ้านป่าหมอก การที่ทั้งสองคนเดินทางกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้จะต้องมีเรื่องอะไรไรเป็นแน่ หาไม่แล้วไป๋หย่งเต๋อคงไม่พาทั้งสองคนมาเข้าเฝ้าเขาถึงที่นี่ หรือว่าน้องแปดจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น“ถวายพระพรไท่ซ่างหวงพะย่ะ
หลังจากส่งจดหมายตอบรับไปที่เมืองหลวงแล้ว ฉีหลินเองฉุกคิดได้ว่าในแผ่นดินยุคลมปราณนี้มีผู้คนอีกมากมายที่มีพลังปราณสูงและมีวรยุทธ์สูงด้วยเช่นเดียวกัน มีชาวยุทธภพจำนวนมากที่ผันตัวมาเป็นโจรออกปล้นชิงรังแกชาวบ้าน ซึ่งคนเหล่านี้มีฝีมือที่ไม่ธรรมดา ซึ่งเจ้าหน้าที่ของทางการนั้นไม่สามารถต่อกรได้ ซึ่งคนชาวยุทธภพที่ผันตัวมาเป็นโจรนั้นเป็นถือว่าทำผิดกฎของยุทธภพอย่างร้ายแรง และอีกไม่นานคนพวกนี้ก็จะถูกจิตมารเข้าครอบงำให้กระทำแต่ความชั่วสองวันต่อมาฉีหลินและเฟยหลงพร้อมด้วยเสี่ยวเฮย ออกเดินทางไปที่เมืองเว่ย ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นชาวบ้านที่นำของไปขายยังต่างเมือง สืออีและสือเอ้อร์ทำหน้าที่ลากเกวียน ต้าเซี่ยมีหน้าที่ร่ายเวทย์บังตาให้คนทั่วไปมองเห็นทั้งสองตัวเป็นเพียงวัวธรรมดาเท่านั้นการเดินทางครั้งนี้คนที่ดีใจที่สุดไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเสี่ยวเฮย ครั้งนี้ต้าเซี่ยร่วมเดินทางไปด้วยเช่นเดียวกัน เสี่ยวเฮยย่อขนาดตัวลงและเข้าไปอยู่ในอกเสื้อของเฟยเทียน ต้าเซี่ยนั้นเป็นเพียงแมวธรรมดาที่นอนขี้เกียจอยู่บนตักฉีหลินเมื่อทั้งสองคนและสองตัวเดินทางมาถึงจุดที่โจรป่าออกดักปล้นชาวบ้าน เฟยเทียนและฉีหลินจงใจพักเกวียนที่จุดนี
หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วว่าจะบุกรังโจรในตอนกลางคืน ฉีหลินจึงพาทุกคนเข้ามิติเพื่อรอเวลา เฟยเทียนเมื่อเข้ามาในมิติแล้วเขาทำการบ่มเพาะต่อ สืออีกับสือเอ้อร์เองก็ต้องการเลื่อนระดับด้วยเช่นเดียวกันเพราะในมิติของฉีหลินมีปราณหนาแน่นกว่าข้างนอก ต้าเซี่ยเดินไปมาและทิ้งตัวลงนอนข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ ฉีหลินปรุงโอถสเลื่อนระดับเพื่อรอเวลาเช่นกัน ส่วนเสี่ยวเฮยนั้นพอนึกถึงอาหารที่รออยู่ในคืนนี้แล้วทำให้ใจของมันเบิกบานเป็นที่สุดในที่สุดเวลาก็ถึงเวลาที่รอคอย เมื่อถึงเวลาฉีหลินพาเฟยเทียน ต้าเซี่ยและเสี่ยวเฮยออกมาจากมิติ โดยทิ้งให้สืออีกับสือเอ้อร์บ่มเพาะพลังต่อ นางทิ้งโอสถเลื่อนระดับสำหรับสัตว์อสูรเอาไว้ให้เยอะพอสมควร“ข้าได้กลิ่นหอม ๆ ลอยมาจากข้างหน้าล่ะ” เสี่ยวเฮย“มันหอมมากขนาดนั้นเลยหรือ ข้าเห็นเจ้าน้ำลายไหลออกมาตลอดระวังน้ำลายของเจ้าด้วยประเดี๋ยวมันจะไหลออกมาท่วมป่าเอา” เฟยเทียน“ข้าก็แค่หิว น้ำลายมันก็มีไหลบ้างแต่ไม่ได้มากขนาดท่วมป่าหรอกนะเฟยเทียน อย่าให้ข้าเห็นนะว่าเวลาฉีหลินทำของอร่อยแล้วเจ้าน้ำลายไหลน่ะ เหอะ เจ้ามันก็ไม่ต่างจากข้าหรอก” เสี่ยวเฮย“ตะกละทั้งคนทั้งสัตว์จริง ๆ” ต้าเซี่ย“ที่พูดมามันก
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่